190. การสืบทอดของเทพโบราณ 4
ภายในร่างกายเทพโบราณ มีเหล่าเซียนมารกำลังค้นหาแทบทุกตารางนิ้ว ในร่างกายเทพโบราณมีขนาดใหญ่มาก แต่สำหรับเหล่าเซียนแล้วแม้ว่ามันจะเจ็บปวดเล็กน้อยในการค้นหา พวกเขาทั้งหมดต่างรู้จักสถานที่แห่งนี้ดี
พวกเขาไม่ได้กลัวคลื่นพลังปราณ บางคนกระทั่งพุ่งเข้าหาคลื่นพลังปราณเพื่อค้นหา แม้หลังจากค้นไปทั้งหมด พวกเขายังไม่พบอะไรอยู่ดี ทว่าไม่มีเซียนมารคนไหนหยุด เพราะไม่ว่าพวกเขาจะหาวิญญาณกลืนกินเจอหรือไม่ นั่นสงผลโดยตรงต่ออนาคตของพวกเขา
ขณะที่หวังหลินถูกห้อมล้อมโดยหนวดปลาหมึก เขาเข้าสู่ภาวะประหลาด รอบกายเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความมืดมิดที่มีดวงดาวนับไม่ถ้วน
เขาไม่สามารถรู้สึกถึงร่างกายตัวเองได้แต่ไม่ได้รู้สึกเหมือนตอนที่วิญญาณออกจากร่างกาย แต่รู้สึกได้ชัดเจนว่าตัวเองกำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว
ดวงดาวระยิบระยับเริ่มใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นจนพวกมันกลายเป็นดาวฤกษ์ขนาดยักษ์ ในไม่นานเขาเห็นยักษ์ตนหนึ่ง มันนั่งขัดสมาธิบนดาวฤกษ์พร้อมกับแขนทั้งสองข้างที่กำลังผนึกสัญลักษณ์ มันขยับมือขวาไปบนดาวฤกษ์ดวงหนึ่งที่ห่างไกลจนระเบิดขึ้น ปลดปล่อยแรงระเบิดอันน่ากลัว
ยักษ์ตนนั้นไม่ได้ใส่ใจ สายธารของเหลวสีทองลอยออกมาจากดาวฤกษ์ที่ระเบิดเพื่อเข้าสู่ฝ่ามือขวาของยักษ์ตนนั้น ไม่นานหลังจากนั้นเจ้ายักษ์ลูบหน้าอกตัวเองและแสงหลากสีลอยอกมา เมื่อแสงนั้นหายไปพลันปรากฎเป็นทารกขนาดธรรมดาในฝ่ามือยักษ์
มันมองทารกด้วยสายตาเย็นชา ฝ่ามือขวาบีบของเหลวสีทองและหยดมันเข้าใส่ทารก จากนั้นมันยืนขึ้นและส่งทารกไปทางดาวฤกษ์ดวงหนึ่ง
ทันใดนั้นหยดของเหลวสีทองล้อมรอบทารก มันเคลื่อนไหวราวกับอุกกาบาตและกระแทกเข้าใส่ดาวฤกษ์อย่างรวดเร็ว ความเร็วนั้นเร็วมากและส่งผลกระทบมหาศาล จนเมื่อมันเข้าใกล้ใจกลางดาวฤกษ์ถึงได้ชะลอตัวลง
หลังจากนั้นไม่นาน เจ้ายักษ์ไม่ได้มองดูทารกอีกและหายตัวไป
ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในหัวหวังหลินขณะที่มองฉากเหตุการณ์เบื้องหน้า ร่องรอยประหลาดใจแวบผ่านแววตา คนผู้นี้ต้องเป็นเทพโบราณ! ในที่สุดหวังหลินจึงเข้าใจพลังของเทพโบราณ! เห็นได้ชัดเจนว่ามีดาวฤกษ์หลายดวงซึ่งซือถูหนานได้กล่าวถึงมาก่อน โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่เป็นเพียงก้อนทรงกลมที่เรียกกันว่าดาวเคราะห์
มองจากตอนนี้ ทุกดวงดาวที่นี้เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งจริงๆ พวกมันดูเหมือนเล็กมากเพราะอยู่ห่างไกลมหาศาล แต่ความจริงพวกมันมีขนาดใหญ่เกินจะเปรียบเทียบได้
ด้วยการสะบัดแขนของมันคราเดียว เทพโบราณสามารถทำลายดาวเคราะห์ได้ดวงหนึ่ง พลังรูปแบบนั้นคือสิ่งใดกัน? นั่นเป็นสมบัติวิเศษชนิดไหน?
อีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวหวังหลิน เขาเข้าใจว่าทำไมเทพโบราณเกือบทั้งหมดหายไป ร่างนั้นต้องการพลังปราณมากขนาดไหน? หากพวกมันเติบโตแข็งแกร่งมากขึ้นจะมีอีกกี่ดาวเคราะห์ที่ถูกทำลายไป?
หวังหลินเงียบเสียงอยู่ชั่วครู่ เขามองไปที่ดาวเคราะห์ที่ทารกอยู่ภายใน ด้วยความคิดนั้นเองเขาพลันรู้สึกราวกับอยู่บนดาวเคราะห์
มีเซียนหลากหลายคนบนดาวเคราะห์แห่งนี้ นอกจากยอดเซียนจำนวนไม่กี่คนที่สังเกตได้ถึงเหตุการณ์ไม่สงบจากการมาถึงของทารกนี้ ไม่มีใครคนอื่นสังเกตได้ แม้แต่เหล่ายอดเซียนพวกนั้นยังไม่พบเจอสิ่งใด
จากชุดที่พวกเขาสวมใส่ ชัดเจนว่าพวกเขาแตกต่างจากโลกที่หวังหลินจากมา
หวังหลินรีบจมดิ่งเข้าไปในพื้นดินและมาถึงตำแหน่งที่ทารกอยู่ ทารกถูกห่อรัดในของเหลวสีทองและนิทราอย่างเงียบๆในแกนดาวเคราะห์
หลังจากผ่านไปไม่รู้เวลาเท่าไหร่ เหล่าเซียนเพิ่มมากขึ้นบนพื้นผิวดาวเคราะห์จึงมีเรื่องยุ่งมากมาย แต่ทันใดนั้น วันหนึ่งหลังจากผ่านการนิทรามานานหลายปี เด็กน้อยลืมตาตื่น ของเหลวสีทองรอบกายจมลงในร่างอย่างรวดเร็ว เนื่องจากของเหลวสีทองถูกทารกดูดซับจึงทำให้มันเริ่มเติบโตขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นถัดไปคือภัยพิบัติ หวังหลินมองดูทารกเติบโตเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง เด็กน้อยขยับเพียงครั้งเดียว พืชพันธุ์ทั้งหมดบนดาวเคราะห์ตายลงและกลายเป็นของเหลวสีเขียวลอยเข้าสู่แกนกลางดาวเคราะห์ซึ่งถูกเด็กน้อยดูดซับ
กระบวนการนี้ใช้เวลายาวนาน…
ไม่ว่าเหล่าเซียนจะค้นหาอย่างไรก็ไม่สามารถค้นเจอสิ่งใดได้ มันราวกับถูกบางสิ่งบังตาไว้ พวกเขาไม่สามารถค้นหาได้ว่าพืชพันธุ์ทุกต้นหายไปไหน
หลังจากนั้นไม่นานมันเป็นพลังปราณ พลังปราณทั้งหมดบนดาวเคราะห์หายไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาอันสั้นนั้น ไม่มีพลังปราณหลงเหลืออยู่อีกบนดาวเคราะห์ เหล่าเซียนบนดาวเคราะห์ไม่สามารถทำสิ่งใดได้จึงทำการอพยพ
พลังปราณทั้งหมดถูกเด็กหนุ่มดูดซับไป ร่างกายเติบโตขยายขนาดขึ้น
ในภายหลังมีภัยธรรมชาติปรากฎบนผิวโลกมากขึ้น ภูเขาล่มสลายและกระทั่งเซียนบางคนที่ไม่ได้อพยพได้เร็วพอเริ่มตายกระทันหัน การตายไม่ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่พวกเขาจะสูญเสียพลังฝึกตนทั้งหมดทันทีพร้อมกับชีวิต
หลายปีผ่านไป ทั้งดาวเคราะห์เริ่มเป็นดาวแห่งความตาย จากเนั้นเด็กหนุ่มเคลื่อนไหวทันทีและทั้งดาวได้ระเบิดขึ้น
ใจกลางดวงดาวที่ระเบิดไปแล้ว เด็กหนุ่มเดินออกมา เขาสูงหลายพันฟุตและดวงตาเย็นชาไร้อารมณ์ใด
เด็กผู้นั้นหลับตา เขาดูเหมือนกำลังค้นหาบางสิ่งด้วยสัมผัสวิญญาณ ผ่านไปเวลานานตึงพึมพำกับตัวเองว่า “ชื่อข้าคือ ตู่ซือ!!”
ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้นและจ้องไปที่พื้นที่ว่างที่หวังหลินอยู่และพูดอย่างเยือกเย็น “ข้าเป็นตัวแทนของเทพโบราณ เจ้าจงสืบทอดความทรงจำของข้า เตรียมพร้อมไว้!”
หวังหลินตกตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาลืมตาขึ้น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ว่างอีกต่อไปแต่อยู่ในเส้นใยโปร่งแสง
“การสืบทอด….” ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจ ทุกสิ่งที่เขาเห็นต้องสัมพันธ์กับผลึกน้ำแข็งแน่นอน
ในขณะนั้น มีสามคำสีทองในสมองเขา หวังหลินตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณและจดจำได้ทันที
“กลยุทธ์เทพโบราณ”
หวังหลินหลับตา หลังจากผ่านไปนานเขาลืมตาขึ้นและเผยรอยยิ้มประหลาด หวังหลินเข้าใจแล้วว่าจอมเวทย์ปิศาจฟ้าใช้ความพยายามไปมากมายก็เพื่อสิ่งนี้นั่นคือการสืบทอดของเทพโบราณ
จากข้อมูลที่เขาได้รับจากส่วนหนึ่งในความทรงจำ หวังหลินรู้ว่าทุกครั้งที่เทพโบราณตายจะมีมรดกก่อตัวขึ้น และใครก็ตามที่ได้รับการสืบทอดจะกลายเป็นเทพโบราณตนหนึ่ง
การสืบทอดของเทพโบราณแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งคือพลังและอีกส่วนคือภูมิปัญญา
มีเพียงคนที่ได้รับทั้งสองส่วนเท่านั้นจึงจะสามารถกลายเป็นเทพโบราณทันทีและได้รับทุกสิ่งที่เทพโบราณตนหนึ่งมี แต่ไม่ใช่ร่างกายทั้งหมดของเทพโบราณที่จะสร้างมรดได้ มีเพียงหลังจากเทพโบราณได้บรรลุระดับหนึ่งและร่างกายไม่ได้รับความเสียหายเป็นเวลาหนึ่งแสนปีเท่านั้นถึงจะมีโอกาสสร้างมรดกขึ้นมาได้
รวมทั้งหมดนั้นโอกาสยังไม่มากพอ ความจริงเพียงพูดได้ว่ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยมาก จนถึงวันนี้มีจำนวนเทพโบราณที่มีความสามารถสร้างมรดกได้เล็กน้อยมาก
มีเหตุผลสำคัญอย่างมากเรื่องหนึ่ง นอกจากความต้องการอื่นทั้งหมดในการสร้างมรดกแล้วเทพโบราณต้องยอมสละชีวิตตัวเองด้วย ชีวิตของเทพโบราณตนหนึ่งยืนยาวมาก หากพวกเขาตายไปด้วยความบังเอิญจะไม่มีทางที่จะสร้างมรดกได้
เรื่องสำคัญก็คือเฉพาะคนที่มีชีวิตอยู่เท่านั้นที่จะใช้ชีวิตของตนเองสร้างมรดกได้
ส่วนเรื่องครอบครัวของเทพโบราณ นับว่าเป็นเรื่องราวที่โหดร้ายทารุณสำหรับหนุ่มน้อยอย่างมาก บ่อยครั้งที่พวกเขาโยนเข้าไปในดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง เมื่อติดกับดาวเคราะห์ พวกเขาจะสามารถกระทำการเช่นปรสิตและดูดซับดาวเคราะห์เป็นสารอาหาร เมื่อทารกได้ผ่านวุฒิภาวะ ดาวเคราะห์จะตาย
แน่นอนว่ามีโอกาสล้มเหลวด้วยวิธีนี้ด้วยเช่นกัน แต่เทพโบราณเป็นเผ่าพันธุ์ที่เลือดเย็น พวกเขาไม่สนใจเรื่องชีวิตและความตายของเหล่าเด็กทารก ซึ่งเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เหล่าเทพโบราณขาดแคลน
หวังหลินสูดหายใจลึก ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจ จากความทรงจำแล้วเขารู้ว่าไม่มีสมบัติวิเศษหรือสมุนไพรอมตะหลงเหลืออยู่ ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้น
หวังหลินใช้ความทรงจำที่พึ่งได้รับมา รวมถึงการเชื่อมต่อของเขากับร่างกายเทพโบราณและพบว่ามรดกนั้นมีคนอื่นรับไปแล้วเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหวังหลินก็คือการหาทางออกจากร่างกายเทพโบราณ ความทรงจำที่ได้มามีคำตอบนั้น แต่คำตอบทำให้หวังหลินรู้สึกทำอะไรไม่ถูก
สำหรับคนธรรมดาที่จะออกสถานที่แห่งนี้นับว่าเป็นเรื่องยากมาก แต่สำหรับผู้สืบทอดมรดกคนหนึ่งมันเป็นเรื่องง่ายดายนัก แต่สิ่งที่เขาทำได้ทั้งหมดคืออยู่ในร่างกายเทพโบราณและหวังว่าจะได้ออกไปแทน
หากหวังหลินเข้าไปในทะเลแห่งภูมิปัญญาด้วยเส้นทางปกติและได้รับความทรงจำตกทอดมาเมื่อนั่นเรื่องทั้งหมดก็คงจะดี แต่เขาได้รับความทรงจำบางส่วนผ่านวิธีการทางอ้อม ซึ่งเขาต้องเข้าไปในทะเลแห่งภูมิปัญญา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นหวังหลินไม่รู้ว่ามันยากแค่ไหนที่จะเข้าไปในทะเลแห่งภูมิปัญญา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทรงจำตกทอดบางส่วนซึ่งพูดถึงภายในดินแดนเทพโบราณ ไม่มีใครสามารถเปรียบความเข้าใจนี้ของทะเลแห่งภูมิปัญญาได้
การเข้าสู่ทะเลแห่งภูมิปัญญา หนึ่งต้องได้รับสืบทอดอำนาจของเทพโบราณ จากนั้นใช้พลังปราณที่เหลือในร่างของเทพโบราณเพื่อเปิดทางเข้าสู่ทะเลแห่งภูมิปัญญา
ทว่าการทำทั้งหมดนี้มีโอกาสเล็กน้อยมาก และส่วนหนึ่งของความทรงจำที่หวังหลินได้รับมีการกล่าวถึงเพียงเล็กน้อยเรื่องเหตุผลที่ว่าทำไมเทพโบราณตู่ซือถึงสละชีวิตตัวเองเพื่อสร้างมรดก
เผ่าพันธุ์เทพโบราณส่งผ่านด้วยวิชาพิเศษอันลึกลับเป็นเวลานาน ชื่อของมันคือ วิชาสวรรค์เปลี่ยนร่างสายธารหมึก
เมื่อสำเร็จวิชานี้ถึงขั้นเชี่ยวชาญ เทพโบราณจะแบ่งจิตสำนึกออกเป็นสิบส่วน จากสิบกลายเป็นหมื่นและจากหมื่นกลายเป็นล้าน แต่ละจิตสำนึกจะมีระดับฝึกฝนไม่ด้อยไปกว่าร่างดั้งเดิม ผู้สร้างวิชานี้เป็นใครไม่ทราบ นานจนนับไม่ได้แล้ว ไม่มีใครสำนึกการฝึกฝนวิชานี้
ตู่ซือนับว่าเป็นเซียนอัจฉริยะ หลังจากล้มเหลวในการฝึกฝนวิชาสวรรค์ เขามีความคิดบ้าๆขึ้นมาอย่างหนึ่ง มันคือการย้อนทวนระดับฝึกฝน เขาสละชีวิตอันยาวนานของตัวเองและขณะที่กำลังจะตาย วิญญาณเริ่มกระจายออกไป เขาได้บังคับใช้วิชาสวรรค์เพื่อรักษาเสี้ยววิญญาณเอาไว้
เพื่อให้การฝึกฝนดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาบรรลุผลลัพธ์คล้ายคลึงกับวิชาสวรรค์เปลี่ยนร่างสายธารหมึก
น่าเสียดายหากตู่ซือมีเวลามากกว่านี้เขาอาจจะสำเร็จจริงๆ อย่างไรก็ตามมีคนหนึ่งเปลี่ยนไปและนั่นคือชายผมแดงที่พุ่งเข้ามาในร่างของเทพโบราณ
ระดับฝึกเซียนของคนผู้นั้นน่าอัศจรรย์มาก เขาบังคับนำมรดกพลังและยืดเยื้อสงครามระหว่างวิญญาณเทพโบราณของตู่ซือที่เหลืออยู่ จนในที่สุดเพราะตู่ซือตายไปแล้ว วิญญาณของเขาจึงถูกทำลาย
ทะเลแห่งภูมิปัญญาแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งกลายเป็นทะเลโลหิตเพื่อขังชายผมแดงไว้ไม่ให้เขาจากไปได้ อีกหนึ่งส่วนกลายเป็นทะลวิญญาณมรณะเพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามเข้าไป จึงทำให้การสืบทอดความรู้ถูกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์
ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจหวังหลิน เขาตรวจสอบความทรงจำที่ตกทอดมาอย่างละเอียด ยิ่งเขามีข้อมูลมากขึ้นเขายิ่งคว้าสถานการณ์ตอนนี้ได้ดี
เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลทั้งหมด หวังหลินรู้สึกได้ถึงกำไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากเข้ามาในดินแดนเทพโบราณคือคำพูดสามคำ “กลยุทธ์เทพโบราณ” ในสมอง นอกจากการถือครองส่วนหนึ่งความทรงจำของเทพโบราณตู่ซือแล้วมันยังมีพลังของกฎเหนือธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์
กลยุทธ์เทพโบราณนี้เป็นที่อยู่ในหัวของเทพโบราณตั้งแต่ยังเด็ก และเป็นวิชาหนึ่งที่พวกเขาฝึกฝนกันทุกตนเพื่อควบคุมพลังเหนือธรรมชาติ
เนื้อแท้ของพลังธรรมชาติมีเพียงคำเดียวคือ ช่วงชิง!
ช่วงชิงทุกสิ่งทุกอย่าง!
ความทรงจำที่หวังหลินได้รับมีเพียงบทร่ายของสองระดับแรก ทว่าหลังจากเขาตรวจสอบมันแล้วจึงช่วยไม่ได้ที่จะประหลาดในใจ หัวใจหวังหลินเต้นรัว หากเขาทำตามวิธีฝึกฝนนี้เมื่อนั้นการสร้างวิญญาณเซียนไม่เป็นความฝันอีกต่อไป หลังจากขบคิดอยู่ชั่วขณะ หวังหลินคิดบางอย่างออกมา เขายื่นมือไปที่สมอง ร่างกายตนเองเรืองแสงหลากสี หวังหลินพึมพำบทร่ายอันซับซ้อนอยู่เล็กน้อย จากนั้นทั้งร่างหายไปและปรากฎอีกครั้งในตำแหน่งที่เขาพึ่งหายไป
จังหวะที่ร่างกายปรากฎหวังหลินเห็นคลื่นปราณคลื่นหนึ่งในระยะไกลได้ทันทีคลื่นปราณไม่มีขอบเขตและสุดลูกหูลูกตาได้แผดเสียงเข้าหาเขาร่างหวังหลินไม่เคลื่อนไหวเขาหลับตาและทำตามวิชาสองสามรูปแบบเมื่อคลื่นพลังปราณมาถึง หวังหลินผลักฝ่ามือไปด้านหน้า ร่างกายรวมเข้ากับคลื่นพลังปราณและถูกยกไปไกล
หากเป็นก่อนหน้านี้หวังหลินคงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แต่ตอนนี้เขามีส่วนหนึ่งความทรงจำตกทอดของเทพโบราณ พูดได้ว่าเขามีความคุ้นเคยกับภายในร่างกายเทพโบราณมากกว่าใคร
แม้กระทั่งพูดได้ว่าหากเขาต้องการจะซ่อนตัว ไม่มีใครสามารถหาเขาพบ นอกจากชายผมแดงที่ถูกขังในทะเลโลหิตและอำนาจตกทอดของเทพโบราณ ด้วยการใช้ระดับฝึกตนที่อัศจรรย์ของเขา จะสามารถหาหวังหลินเจอได้
ความคิดหนึ่งแล่นผ่านในใจหวังหลินขณะที่อาศัยอยู่ในคลื่นพลังปราณ หลังจากคลื่นพลังปราณมาถึงจุดหนึ่ง เขาพุ่งออกจากคลื่น จากนั้นยืมแรงผลักของคลื่นให้มาถึงปลายท้องฟ้า หวังหลินคว้าอากาศด้วยมือขวาและเปิดรอยแยกออกมาหนึ่งรอย พริบตาเดียวร่างกายหวังหลินเข้าไปอยู่ในรอยแยก
เมื่อเขาปรากฎตัวอีกครั้ง หวังหลินก็ออกจากทะเลปราณได้เรียบร้อยแล้ว เขาเหาะเหินไปทางทะเลแห่งภูมิปัญญาที่อยู่จุดจู่เซี่ยว หวังหลินตัดสินใจเป็นการส่วนตัวเพื่อสังเกตทะเลของวิญญาณมรณะจากข้างนอก หากในที่สุดมันเป็นตามที่ความทรงจำระบุไว้ เมื่อนั้นเขาก็พร้อมจะดำเนินการตามแผนอันกล้าหาญ
หลังจากออกทะเลปราณ ด้านหน้าสายตาเขาคือโลกอันวาววับ ถ้าเป็นในอดีตหวังหลินคงคิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีที่สิ้นสุดโดยไม่มีจุดเริ่มหรือจุดจบ แต่ตอนนี้เขาได้สืบทอดความทรงจำ สถานที่แห่งนี้ไม่ได้ลึกลับหรือใหญ่เกินกว่าจะเปรียบได้เลย
ระหว่างการเหาะเหิน อารมณ์ของหวังหลินสงบนิ่ง บ่อยครั้งที่ฝ่ามือคว้าอากาศ สร้างเป็นรอยแยกหนึ่ง หลังจากเข้าไปในรอยแยกเขาปรากฎตัวห่างไปหลายพันฟุตจากจุดที่เขาอยู่
สิ่งนี้เป็นวิธีพิเศษเพื่อเคลื่อนย้ายภายในร่างเทพโบราณหลังจากตกทอดควาทรงจำมาแล้ว หากเขาตกทอดความทรงจำทั้งหมดมาเมื่อนั้นทั้งหมดที่เขาทำได้อยู่ในหัวและสามารถไปถึงจุดไหนก็ได้ในร่างกายเทพโบราณ
หวังหลินพึ่งออกจากรอยแยก ใบหน้าเปลี่ยนไปทันทีและเยาะเย้ย ทันใดนั้นเบื้องหน้าเขามีพื้นที่บิดเบี้ยว ตามมาด้วยรูปร่างของเซียนมารคนหนึ่ง เขาจ้องหวังหลินปนประหลาดใจ จากนั้นเลียริมฝีปากและหัวเราะออกมา “หนุ่มน้อย ในที่สุดตาแก่คนนี้ก็พบเจ้าเสียที!”
ขณะที่กำลังพูดพลันฝ่ามือขวาคว้าเข้าหาหวังหลิน ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งโดยไม่ตื่นตระหนก เขาก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวและท่องบทร่ายอันซับซ้อน
ทันใดนั้นรอบด้านดูเหมือนถูกยืดออกไปเรื่อยๆ พูดให้ถูกก็คือระยะห่างระหว่างเซียนมารกับหวังหลินยืดออกไปไกลทันที ในพริบตาระยะห่างระหว่างทั้งสองคนมีมากกว่าหลายหมื่นฟุต
ฝ่ามือขวาของเซียนมารคว้าอากาศเปล่า เขาตกตะลึง ใบหน้าพลันมืดมนขณะที่ร้องออกมา เขาพุ่งฝ่ามือขวาตรงไปขณะที่ทั้งร่างพลันพุ่งตรงไปหาหวังหลินที่อยู่ห่างไปหลายหมื่นฟุต
หวังหลินเผยรอยยื้มหนาวเหน็บ เขาสะบัดแขนเบื้องหน้าและหายตัวไปในรอยแยก เซียนมารตกตะลึงอีกครั้ง กระพริบตาปริบๆ พลันเริ่มตรวจสอบพื้นที่ด้วยสัมผัสวิญญาณ จากนั้นสัมผัสวิญญาณเชื่อมต่อกับเหล่าสหายอย่างรวดเร็วและกระจายข่าวที่เขาพบหวังหลิน ในไม่กี่ลมหายใจด้วยการส่งข้อความให้คนทั้งหมด เซียนมารเกือบทุกคนในดินแดนเทพโบราณพุ่งเข้ามาสถานที่แห่งนี้
ในขณะเดียวกันเซียนมารหลายสิบคนกระจายสัมผัสวิญญาณของตัวเองเพื่อมองหาหวังหลินเรียบร้อย พวกเขาพบหวังหลินอย่างรวดเร็วและเหินไปหาด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
ชิ้นส่วนความทรงจำตกทอดของเทพโบราณไม่ได้ยกระดับฝึกเซียนของหวังหลิน แต่ภายในร่างกายเทพโบราณ เขาสามารถไปที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ไม่มีใครรู้จักสถานที่แห่งนี้ดีไปกว่าเขา
กระทั่งชายผมแดงที่สืบทอดอำนาจของเทพโบราณก็ไม่สามารถเปรียบกับเขาเรื่องนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงชนิดการสืบทอดของทั้งสองที่ถือได้ว่าแตกต่างกันอย่างมาก
เมื่อเซียนมารพบกับหวังหลิน พวกมันเริ่มพุ่งเข้าหาเขาด้วยความเร็วเต็มพิกัด ทว่าแม้แต่สัมผัสวิญญาณจะล๊อคไปบนร่างหวังหลิน พวกเขาหลงทิศกระทันหันเมื่อร่องรอยหวังหลินทั้งหมดสูญหายไป ดูเหมือนว่าหวังหลินรู้จักสถานที่นี้ดีกว่าพวกมัน
ยิ่งมีเหล่าเซียนมารมาถึงตำแหน่งระหว่างทะเลปราณและจู่เซี่ยวมากเท่าไหร่ ยิ่งมีสัมผัสวิญญาณที่รวมกันไว้มหาศาลและสามารถค้นพบหวังหลินได้ง่ายๆ แต่ขณะเดียวกันที่สัมผัสวิญญาณแต่ละคนจับบนตัวหวังหลิน แต่ทันใดนั้นหวังหลินหายตัวไปอย่างน่าประหลาด หลังเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง ไม่ว่าพวกเขาจะมองหายังไงก็ไม่สามารถตามรอยหวังหลินพบ
หวังหลินเยาะเย้ย เขาสะบัดแขนขวาและเข้าไปในรอยแยก หลังจากออกมาหวังหลินมาถึงจุดจู่เซี่ยวซึ่งเป็นด้านนอกของทะเลแห่งภูมิปัญญา