Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1913

Cover Renegade Immortal 1

1913. มังกรสมุทรของบรรพชน!

คำพูดอันทรงพลังดังออกมาจากร่างสีทองในท้องฟ้า เหล่าเซียนทั้งในและนอกสำนักกุ้ยยี่ต่างเงียบกริบ ทั้งหมดมองขึ้นมาด้วยความตกตะลึง!

ราชวงศ์!!

จักรพรรดิเทพ!!

ราชโองการ!!

ราชโองการของจักรพรรดิเทพนั้นหาได้ยากยิ่งและไม่ปรากฏขึ้นบ่อยนัก บางทีหมื่นปีจะมีสักครั้ง โองการนี้เป็นตัวแทนสารจากจักรพรรดิเทพแห่งแคว้นกลาง หากเรียกว่าอำนาจแห่งสวรรค์คงกล่าวไม่ผิดหนัก!

ณ แผ่นดินเซียนดารา จักรพรรดิเทพคือผู้มีสายโลหิตของบรรพชนเทพและเป็นตัวตนที่เหนือล้ำท่ามกลางเหล่าเทพ แม้จะเป็นเพียงผู้ปกครองเหล่าเทพทั้งหมดตามชื่อ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แค่สำนัก กองกำลังหรือแคว้นใดจะต่อต้านได้

เพราะแต่ละคนมีสายโลหิตเทพ พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นจักรพรรดิแค่ในนามแต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของเผ่าเทพทั้งหมด ทุกคนจะต้องรับฟังราชโองการเว้นแต่จะวางแผนทรยศต่อเผ่าเทพ!

สิ่งสำคัญที่สุดคือจักรพรรดิองค์นี้เป็นหนึ่งในเก้าตะวันมหาชั้นฟ้า ด้วยความแข็งแกร่งทรงพลังและตำแหน่งขนาดนี้จึงทำให้พลังอำนาจของราชวงศ์รุ่นนี้สูงส่งถึงขีดสุด!

“ขอคารวะ จักรพรรดิเทพ!” เหล่าเซียนทั้งหมดโค้งตัวและคำนับฝ่ามือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือมีระดับบ่มเพาะอะไร ทั้งหมดต่างก็โค้งตัวด้วยความเคารพจากหัวใจอย่างลึกซึ้ง

ร่างสีทองในท้องฟ้าไม่ใช่จักรพรรดิเทพแต่ถือราชโองการเอาไว้นั่นหมายความว่าเขาเป็นตัวแทนของจักรพรรดิเทพ!

เผ่าเทพไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเบื้องหน้าจักรพรรดิและต้องโค้งคำนับเท่านั้น นี่คือกฎที่จักรพรรดิเทพตั้งไว้เพราะเชื่อว่าเหล่าเทพคือคนที่ฝืนลิขิตสวรรค์ แล้วพวกเขาจะคุกเข่าให้คนอื่นง่ายๆ ได้อย่างไร?

เหตุผลที่ทางราชวงศ์มักจะนิ่งเฉยและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกก็เพราะเกี่ยวเนื่องจากเจตจำนงของบรรพชนเทพ เหล่าเทพไม่ควรโดนผูกมัดและหากถูกผูกมัดก็ไม่คู่ควรต่อการถูกเรียกว่าเหล่าเทพ!

ส่งผลให้แม้แต่มหาชั้นฟ้าอีกสี่คนยังให้ความเคารพต่อราชวงศ์เทพ

ขณะที่เหล่าเซียนทั้งในและนอกสำนักกุ้ยยี่โค้งคำนับ ร่างสีทองในท้องฟ้าส่งสายตามองลงด้านล่าง

“มีราชโองการสามอย่าง หนึ่งอยู่ที่นี่ อีกหนึ่งอยู่ที่สำนักมหาวิญญาณและสุดท้ายอยู่ที่สำนักเต๋ามารแห่งแคว้นมารเขียว!”

เพียงสะบัดแขนขวา แสงสีทองเปล่งประกายอีกครั้ง ราชโองการที่สร้างขึ้นจากวัตถุดิบบางอย่างพลันถูกเปิดออก

“สายโลหิตเทพดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคโบราณ เหล่าเซียนจากแคว้นกระทิงสวรรค์และแคว้นมารเขียวจงหยุดสงครามนี้ทันที! หยุนยี่เฟิง ถังเจีย ขอบเมฆา โจวไฮ่ จ้าวตงฉิง…ทั้งแปดคนนี้จะต้องเข้าราชวังและเข้ารับการทดสอบในอารามบรรพชน!!”

ร่างสีทองพูดอย่างช้าๆ แต่ละคำดุจสายฟ้าฟาด เซียนทั้งหมดที่เขาเอ่ยชื่อต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ทั้งแปดชื่อต่างเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกจับตามองที่สุดสิบหกคนในสงครามนี้ ณ สำนักกุ้ยยี่!

จ้าวสำนักกุ้ยยี่สูดหายใจลึกและเผยรอยยิ้ม สงครามครั้งนี้ดูเหมือนซับซ้อนแต่เรียบง่ายมาก การรบระหว่างสองแคว้นเป็นการแสดงพลังของคนรุ่นใหม่ให้จักรพรรดิเทพสนใจและพาไปอารามบรรพชน!!

จ้าวสำนักกุ้ยยี่ไม่ใช่คนเดียวที่ยิ้ม ผู้สูงส่งวิบากดับสูญจากแคว้นมารเขียวเองก็ยิ้มเช่นกัน ทั้งหมดคำนับฝ่ามือและโค้งตัวอีกครั้งหลังจากโองการจบลง

“เราทั้งหมดจะเชื่อฟังคำสั่งท่านจักรพรรดิ!!”

ร่างสีทองสะบัดแขนขวาส่งโองการสีทองลอยออกไป มันเปล่งแสงสีทองเบาบางอยู่เบื้องหน้าสำนักกุ้ยยี่

ร่างสีทองไม่พูดอะไรอีกและหายตัวไปจากท้องฟ้า แสงสีทองในท้องฟ้าค่อยๆ เลือนหายไปและกลับคืนสู่สภาพปกติ

ขณะเดียวกันด้านนอกสำนักมหาวิญญาณ การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายมาถึงช่วงเวลาสำคัญ เมฆาสูญสิ้นและอัจฉริยะจากสำนักมหาวิญญาณกำลังต่อสู้กัน ทันใดนั้นมีร่างสีทองคนที่สองปรากฏขึ้น

ฉากแบบเดียวกันเกิดขึ้นเหนือสำนักมหาวิญญาณ

เหล่าเซียนทั้งหมดโค้งคำนับ แม้กระทั่งราชโองการก็ยังมีความหมายเหมือนกันเพียงแต่ชื่อทั้งแปดได้เปลี่ยนไปเป็นเมฆาสูญสิ้นและคนอื่นๆ!

หลังจากร่างสีทองจากไป ทั้งในและนอกสำนักมหาวิญญาณต่างก็เงียบสนิท

บรรพชนกระทิงเขียวส่งสายตามองไปยังท้องฟ้าหลังจากแสงสีทองหายไป เขาเผยท่าทีซับซ้อนและถอนหายใจ มีเซียนตายในสงครามระหว่างสองแคว้นมากมายเกินไป แต่เพื่อโอกาสนี้เขาจึงจำเป็นต้องทำ!

นั่นคือโอกาสในการเข้าอารามบรรพชน!

‘แม้การทำนายของบรรพชนจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย สุดท้ายมันแทบจะเหมือนกัน…แต่ข้าไม่เคยบอกเหตุผลกับหวังหลิน…’ ชายชราส่ายศีรษะและถอนหายใจ จากนั้นเข้าไปปิดด่านบ่มเพาะ

สงครามที่กินเวลามากกว่าร้อยปีได้จบลงเพราะราชโองการทั้งสอง เหล่าเซียนจากแคว้นมารเขียวค่อยๆ ถอยกลับสู่บ้านของตัวเองในแคว้นมารเขียว

แคว้นกระทิงสวรรค์เผชิญกับความเสียหายอย่างหนัก แต่แคว้นมารเขียวเสียหายหนักยิ่งกว่า!

ณ สำนักเต๋ามารในแคว้นมารเขียว ขณะที่ผนึกหดตัวลงเรื่อยๆ คนที่สัมผัสมันได้ตายอย่างทรมาน แม้แต่สิ่งก่อสร้างยังถูกเปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพัง

เพียงเวลาไม่ถึงสามสิบลมหายใจ ผนึกเข้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง สังหารเซียนทั้งหมด หดเข้ามารวมตัวรอบทะเลสาบข้างใต้ฝ่าเท้าของหวังหลิน

ขณะเดียวกัน เซียนมากกว่าสามหมื่นคนส่วนมากถูกทำลายวิญญาณดั้งเดิม มีเพียงวิญญาณของเซียนขั้นที่สามจำนวนสิบกว่าคนเท่านั้นที่ยังถูกขังอยู่ในผนึก ทั้งหมดต่างถูกหวังหลินจับตัวเอาไว้

วิญญาณดั้งเดิมเหล่านี้สำคัญต่อวิชาเร่งความเร็วเนื่องจากเขามีเส้นชีพจรเซียนเพียงหนึ่งเท่านั้น หากกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมมากขึ้น เขาจะสามารถร่ายวิชาได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก!

เนื่องจากเซียนขั้นวิบากดับสูญระดับปลายทั้งสองคน หนึ่งในนั้นวิญญาณดั้งเดิมถูกทำลาย ส่วนอีกคนถูกเผาไหม้จนตาย ดังนั้นหวังหลินจึงไม่ได้เก็บมา เหตุผลหลักก็เพราะหวังหลินต้องการพิสูจน์ว่าตอนนี้เขาทรงพลังแค่ไหน

ในสถานการณ์แบบนี้ หากเขามัวแต่สนใจประคองวิญญาณดั้งเดิมเอาไว้ หวังหลินคงไม่สามารถพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างแม่นยำ

ในภายภาคหน้า การที่เขาจะได้วิญญาณดั้งเดิมขั้นวิบากดับสูญคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับเซียนขั้นที่สามหลายสิบคนเหล่านี้หวังหลินเก็บวิญญาณดั้งเดิมมาโดยไม่ลังเล จากนั้นใส่ไว้ในมิติเก็บของ

หวังหลินไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในแคว้นกระทิงสวรรค์ เขาเพียงแค่จ้องมองทะเลสาบด้านล่าง เสียงเหล่าเซียนที่กำลังตายได้หายไปและตอนนี้กำลังเงียบสนิท

“สำนักเต๋ามารถูกทำลาย ทุกคนตายไปแล้ว หากจะมีเหลืออยู่ก็คงอยู่บนแคว้นมารเขียว แต่เจ้าก็ยังไม่ออกมาอีก!” หวังหลินเอ่ยอย่างเย็นเยียบ สะบัดแขนใส่ทะเลสาบด้านล่าง

วินาทีที่สะบัดแขนใส่ ผนึกรอบทะเลสาบส่องประกายเจิดจ้า เสียงดังอึกทึกขึ้นไปทั่วสำนัก ผนึกเริ่มหดตัวลงอย่างรวดเร็ว

น้ำในทะเลสาบเริ่มเกิดเป็นระลอกคลื่นและมีหยดน้ำลอยออกมา บ่งบอกว่าทะเลสาบแห่งนี้กำลังพังทลาย!

ผนึกของหวังหลินมีพลังทำลายล้างอันทรงพลัง พอเจอเข้ากับน้ำจึงเกิดการพังทลาย ทะเลสาบแตกสลายเหลือเพียงแสงสายหนึ่งพุ่งเข้าหาเกาะกลาง

อย่างไรก็ตามผนึกเข้าไปได้ครึ่งทางกลับมีเสียงคำรามดังออกมาจากในทะเลสาบ มังกรสมุทรสีน้ำเงินเข้มพุ่งทออกมาจากทะเลสาบ!!

มันเป็นมังกรสมุทรสีน้ำเงินทั่วทั้งตัวซึ่งมีความยาวหลายแสนฟุต!! มังกรสมุทรตัวนี้คืออสูรเทพบนแผ่นดินเซียนดารา มันดูดุร้ายและเปล่งพลังปราณสวรรค์หนาแน่น!

มังกรตัวนี้มีชีวิตอยู่มานานจึงเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่และมีศีรษะต่างจากมังกรแบบอื่น บนหลังมีหนามเรียงเป็นแถวดูน่าตกตะลึง!

มังกรตัวนี้ไม่มีกรงเล็บ มันดูเหมือนอสรพิษขนาดใหญ่มากกว่าแต่มีพลังเทียบเท่ากับมังกร! ร่างกายสมส่วนแต่มีความหนาหลายร้อยฟุต บนศีรษะมีครีบขนาดใหญ่เชื่อมต่อกันเหมือนใบพัด

ขณะที่มังกรสมุทรทะยานขึ้นสู่อากาศ หยดน้ำจำนวนมากไหลลงจากเกล็ด ระดับน้ำในทะเลสาบลดลงจำนวนมาก!

กรรร!!

วินาทีนั้น ดวงตาสีแดงยักษ์ของมังกรสมุทรพลันจ้องหวังหลินและส่งเสียงคำรามดุดัน พอมันส่งเสียงมีดวงตาอีกสองดวงปรากฏขึ้นมา ความจริงแล้วเจ้ามังกรตัวนี้มีดวงตาถึงสี่ข้าง!

มังกรสมุทรควรจะอาศัยอยู่ในทะเลแต่นี่กลับอาศัยอยู่ในทะเลสาบ วินาทีนั้นแรงกดดันของมันแผ่กระจายออกมาจากร่าง

จากนั้นแสงสีเหลืองเข้มโผล่ออกมาจากเกาะ กลายเป็นม่านป้องกันเพื่อปกป้องเกาะกลางจากผนึก

ไม่นานนักมังกรสมุทรพลันเคลื่อนไหว มันอ้าปากและพุ่งเข้าหาหวังหลินหมายจะกลืนกิน หนามทั้งหมดบนหลังตั้งตรงและเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบ

มังกรสมุทรตัวนี้มีพลังไม่ด้อยไปกว่าผู้สูงส่งชั้นทอง!!

มันติดตามผู้สูงส่งชั้นฟ้ามานาน ตอนที่เขาจากไปได้ทิ้งมังกรสมุทรไว้ที่สำนักเต๋ามาร เขามั่นใจว่าด้วยมังกรตัวนี้และพลังอำนาจของสำนักเต๋ามาร สำนักจะอยู่รอดปลอดภัยไปอีกหลายปี!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version