Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1974

Cover Renegade Immortal 1

1974. ปลายทาง

ณ วังหลวง ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง!

ยามเช้าตรู่ ลำแสงแรกปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าและขจัดความมืดให้ออกไปจนตำหนักหลายแห่งมองชัดถนัดตา เซียนที่มีชื่อเสียงหลายคนและข้าราชการคนสำคัญต่างก็มาถึงกันทั้งหมด

แต่งตั้งตำแหน่งแก่ผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว เหตุการณ์แผ่กระจายออกไปในเมืองหลวงเมื่อเจ็ดวันก่อน!

ตลอดหลายปีผู้คนต่างก็ได้ยินเรื่องผู้สูงส่งชั้นเทวะผมขาว ฉายานี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากและเล่าขานกันไปตลอดทั้งปี

ตระกูลเซียนทั้งหมดต่างก็มาที่จตุรัสกว้างหลังจากได้รับการอนุญาตจากจักรพรรดิเทพให้มาร่วมงานแต่งตั้งในวันนี้

พอดวงอาทิตย์ลอยเด่น เซียนจำนวนมากรวมตัวกัน เพียงแค่ชำเลืองสายตามองนับได้ไม่น้อยกว่าหมื่นคน ทุกคนล้วนมีระดับบ่มเพาะสูงส่ง แม้แต่ผู้สูงส่งชั้นฟ้ายังเข้าร่วมด้วย

มีผู้สูงส่งชั้นเทวะอยู่บางส่วน แม้แต่ในวังหลวงเอง คนเหล่านี้ยังได้รับการยอมรับอย่างสูงจากคนใกล้เคียง

ยามเช้าของวันนี้ที่ค่ายกลด้านนอกตำหนักกำลังถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลเคลื่อนย้ายกะพริบแสงอย่างต่อเนื่องพร้อมกับมีเซียนที่ต้องการมาร่วมงานได้เดินทางมาถึง

พวกเขาผ่านเข้าประตูและรีบเดินเข้ามาที่จตุรัสเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ

เหล่าเซียนมาถึงจตุรัสเบื้องหน้าอารามมากขึ้น พวกเขาไม่ได้กระจัดกระจายอย่างหลวมๆ แต่จัดแถวเป็นลำดับ มีอยู่สามที่ที่ยังคงว่างเอาไว้ขนาดพันฟุต

ในตรงพื้นที่ทั้งสามแห่งนั้นคือสามในสี่ราชาของเมืองหลวง!

ลานจตุรัสนอกอาราม นอกจากแขกนับหมื่นที่เข้ามาเฝ้าดูแล้ว ยังมีทหารเกราะดำตั้งแถวยาวเอาไว้สองแถว

ทหารเกราะดำเป็นของราชวงศ์และจงรักภักดีต่อจักรพรรดิเท่านั้น ระดับบ่มเพาะแต่ละคนไม่ได้สูงมากแต่มีนับแสนคน ทว่าพวกเขาก็ยังเชี่ยวชาญการใช้พลังชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับการเพิ่มพลังจนน่าหวาดกลัว

ตอนนี้ทหารเกราะดำสองแถวเปล่งจิตสังหารมหึมาและเย็นเยียบ

ทั้งสองแถวคล้ายกับผ่าเปิดลานกว้างและยื่นตรงออกไปล้ำประตูทั้งเก้า!

ด้านนอกลานของอารามเต๋าเทพ มีประตูเก้าบานที่วางห่างกันแสนฟุต จริงๆ แล้วมันคือสิ่งก่อสร้างรูปประตูขนาดใหญ่ที่มีสีดำและเปล่งจิตสังหารรุนแรง ปลายสุดของประตูบานสุดท้ายมีแสงกะพริบพลางปรากฏเซียนตระกูลลี่ขึ้นมา พวกเขาผ่านประตูไปและมาถึงลานกว้าง

“เวลาหมดแล้ว ปิดผนึกเก้าประตู!” หลังจากนั้นไม่นานมีร่างชุดเขียวก้าวเดินออกมาจากอาราม เขาเป็นชายชราดูพบเจอได้ทั่วไป แต่แววตาเปล่งประกายเจิดจ้า ทอดสายตามองออกไปรอบๆ และเดินออกไปจากอาราม

เพียงเขาเอ่ยเสียงดังกึกก้อง ผู้คนหลายหมื่นที่เข้ามาเมืองหลวงได้มองไปยังประตูทั้งเก้า!

เหล่าทหารเกราะดำแสนคนส่งเสียงคำรามดังสนั่น เสียงคำรามประสานกันทำให้โลกเปลี่ยนสีสัน พื้นดินสั่นสะเทือน ประตูทั้งเก้าเปล่งแสงสีดำแปลกประหลาด เมื่อแสงหนาแน่นขึ้นถึงจุดหนึ่งก็เชื่อมประสานกันกลายเป็นทางเดินเส้นตรง!

ทางเดินสร้างขึ้นจากแสงสีดำและเหล่าทหารเกราะดำนับแสนดูน่าอัศจรรย์ยิ่ง!

นาทีนี้เหล่าเซียนหลายหมื่นคนด้านข้างลานดูเหมือนลมหายใจหยุดไปชั่วขณะ พวกเขามองไปยังทางเดินและยังมองแสงเคลื่อนย้ายที่ออกมาจากประตูบานแรก

แสงกะพริบวาบ จากนั้นมีชายหนุ่มชุดขาว เรือนผมสีขาวก้าวเดินออกมา

หวังหลินเอามือไพล่หลังยืนอยู่ตรงนั้น สายลมเช้าตรู่ทำให้เสื้อผ้าและเรือนผมสะบัดพริ้วไหว

ถึงแม้ใบหน้ายังคงเป็นหนุ่ม ทว่าจิตใจรู้สึกเหนื่อยล้า เพียงแค่เขาเดินมาข้างหน้า ความเก่าแก่ค่อยๆ ปรากฏ

สายตามองทะลุผ่านทางเดินสีดำไป เขาเห็นผู้คนนับหมื่นและมหาราชวังตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง

หวังหลินยังมองเห็นวังอีกนับไม่ถ้วนอยู่ด้านหลังพวกเขาอย่างเลือนลาง วังเหล่านี้คือวังหลวงของจักรพรรดิเทพ!

วังนี้กว้างใหญ่เกินไปจนหวังหลินไม่เห็นจุดสิ้นสุด แต่เขารู้สึกว่ามันมีเขตอาคมเหนือจินตนาการอยู่ที่นี่ ตอนนี้มันไม่ได้เปิดใช้งาน แต่เมื่อเปิดแล้วพลังจะสั่นคลอนจนทลายสวรรค์ได้ทีเดียว!

‘นี่หรือคือวังหลวง…’ หวังหลินมองออกไปและเห็นรูปปั้นหิน แต่เพราะมันอยู่ไกลเกินไปจึงพร่าเลือน รูปปั้นนี้คล้ายกำลังมองไปยังท้องฟ้าชั่วนิรันดร์

“ผู้สูงส่งชั้นฟ้าผมขาว หวังหลิน!” น้ำเสียงเย็นเยียบเต็มไปด้วยอำนาจบารมีร้องคำรามดุจสายฟ้าออกมาจากอารามตรงหน้าและขัดความคิดหวังหลินไป หวังหลินถึงกับขมวดคิ้ว

คนที่พูดเป็นชายชราผมขาวที่ได้ก้าวเดินออกมาจากอาราม เขามองลอดผ่านประตูทั้งเก้าไปที่หวังหลิน

“หวังหลิน ผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนจะได้รับการแต่งตั้งอย่างสมเกียรติ แต่ก่อนจะมีการแต่งตั้งจะมีการทดสอบเสียก่อน การทดสอบคือประตูทั้งเก้าบานนี้ เมื่อเจ้าเดินผ่านประตูทั้งเก้าและยืนอยู่เบื้องหน้าข้า พิธีแต่งตั้งตำแหน่งจะเริ่มต้นขึ้น!”

“ถึงตอนนั้น ท่านจักรพรรดิจะมามอบตำแหน่งให้เจ้าด้วยตัวเองและราชครูจะทำนายอนาคตให้เจ้าด้วย! การกระทำทุกอย่างเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพจะถูกบันทึกและฉายไปทั่วทุกสำนักใน 72 แคว้น!” ชายชราพูดอย่างสงบนิ่ง พอกล่าวจบจึงหลับตาและไม่ให้ความสนใจอีก

อย่างไรก็ตามเซียนทุกคนรวมถึงราชาทั้งสี่ ต่างก็มองมาที่หวังหลิน

หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้น เขาได้ยินเรื่องพิธีแต่งตั้งมาจากชายชราของตระกูลลี่แล้ว ผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนจะต้องผ่านเก้าประตูไปก่อนเข้าพิธีแต่งตั้ง

แต่นี่เป็นเพียงแค่ธรรมเทียมปฏิบัติเท่านั้น เพราะเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะได้รับการยอมรับจากบรรพชนเทพและต้องผ่านตำหนักระดับสิบไปแล้ว ประตูเป็นเพียงแค่การแสดงพลังอำนาจ ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ดังนั้นจึงสามารถเดินผ่านได้อย่างง่ายๆ

หวังหลินกวาดสายตาผ่านประตูทั้งเก้าและเห็นทหารเกราะดำตั้งแถวยาวอยู่สองแถว เหล่าทหารเผยสายตาเย็นเยียบจ้องไปที่หวังหลิน

หวังหลินไม่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลง เขาลงมือตามหลักการของตัวเอง หากเก้าประตูปกติดีก็คงดี แต่หากมีอันตรายซ่อนอยู่หวังหลินก็คงไม่ทำตัวสุภาพ

หวังหลินก้าวเดินเข้าหาประตูบานแรกอย่างสงบนิ่งด้วยจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว พอกำลังจะก้าวเข้าไป ทหารนับแสนส่งเสียงคำรามอีกครั้ง

จิตสังหารมหึมาแผ่ออกมาจากร่างเหล่าทหาร มันรวมกันกลายเป็นพลังเข้ากระหน่ำโจมตีใส่หวังหลิน

จิตสังหารผุดออกมาจากเหล่าคนนับแสนและยังเชื่อมต่อกับชุดเกราะของตัวเอง จิตสังหารทั้งหมดนี้ได้รวมกันทำให้หวังหลินรู้สึกเหมือนไม่ได้เผชิญหน้ากับประตูทั้งเก้า แต่เป็นเทพสังหาร!

หวังหลินขมวดคิ้ว!

‘การทดสอบของเก้าประตูไม่ใช่ระดับบ่มเพาะแต่เป็นจิตสังหาร…ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่สุภาพแล้ว’ หวังหลินมีแววตาเป็นประกายและค่อยๆ หลับตาลง พอเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ร่างแก่นแท้สายฟ้าปลดปล่อยพลังของสายฟ้าสังหาร!

พลังสายนี้อยู่รอบตัวหวังหลินระยะร้อยฟุต ซึ่งระยะนี้ทำให้ทางเดินถึงกับส่งเสียงดังสนั่น

ทางเดินเบื้องหน้าหวังหลินพลันถูกดันถอยไปร้อยฟุตราวกับเผชิญจิตสังหารของหวังหลิน

หวังหลินไม่หยุดลงและก้าวเดินต่อไป ทว่าทุกก้าวจะมีจิตสังหารขนาดร้อยฟุตเคลื่อนไหวไปด้วยและทำให้ทางเดินถูกดันกลับไปอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ทหารเกราะดำข้างในยังตกตะลึงและล่าถอยโดยไม่รู้ตัว ราวกับหวังหลินเกาะกุมจังหวะเอาไว้และมีจิตสังหารมากพอที่จะทำให้คนยอมแพ้โดยไม่ต้องต่อสู้!

พันฟุต หมื่นฟุต แสนฟุต! หวังหลินก้าวเดินไปข้างหน้าระยะหนึ่งแสนฟุตด้วยความสงบนิ่ง ด้านหลังไม่มีแสงสีดำ มีเพียงประตูหินเท่านั้น!

เบื้องหน้าเขามีทางเดินที่ครอบคลุมประตูที่เหลืออยู่แปดบาน มันเริ่มไม่มั่นคงราวกับหวังหลินผลักไปด้านหลัง

ฮ่าาาาา!!

ทหารเกราะดำข้างในทางเดินถูกผลักดันถอยไปแสนฟุตและร้องคำรามเป็นครั้งที่สาม แสงสีดำขยายออกไปกลายเป็นพยัคฆ์ดำเบื้องหน้าอาราม พยัคฆ์ตัวนั้นกระโจนเข้าใส่หวังหลิน

“พวกเจ้า ยอมจำนนไปซะ!” แววตาหวังหลินกะพริบวาบ รอยสักกระทิงสวรรค์บนใบหน้ากะพริบแสงขึ้นมา จากนั้นเขาโยนกำปั้นขวาออกไป เกราะวิญญาณพลันหายไปจากร่างกาย

เมื่อกำปั้นร่อนลงใส่ ทั่วบริเวณเกิดเสียงดังสนั่น เงาพยัคฆ์พังทลาย ทางเดินสีดำที่เกิดจากประตูที่เหลือแปดบานถึงกับพังทลายไปพร้อมกับแสงสีดำ ทหารเกราะดำแสนคนล้วนกระอักโลหิต กระเด็นออกไปแต่ไม่มีใครตาย

หวังหลินหรี่ตาแคบลงโดยไม่อาจสังเกตเห็นพลางมองเหล่าทหารอย่างละเอียด เขาเดินผ่านประตูที่เหลือแปดบานไปอย่างสงบนิ่งและมาถึงเบื้องหน้าอารามเต๋าเทพ สายตาคมกริบจ้องไปที่ชายชราชุดเขียวที่กำลังถอย!

“เจ้าก็จงยอมจำนนด้วย!” หวังหลินจ้องชายชราชุดเขียวอย่างเย็นเยียบ

………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version