Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 20

Cover Renegade Immortal 1

20. 9 เมฆา

หวังหลินรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะถูกเตะออกจากลานและมีศิษย์สายนอกหลายคนเยาะเย้ยตลอดเดือน เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการฝึกเซียนหลายอย่าง

การฝึกเซียนนั้นมี 5 ขั้นใหญ่ๆ คือ

ขั้นรวบรวมลมปราณ(Qi Condensation) ขั้นสร้างลำต้น(Foundation Establishment) ขั้นแตกหน่อ(Core Formation) ขั้นผลิดอก(Nascent Soul) และขั้นเซียน(Spirit Forming)

ในสำนักเหิงยั่วมีเพียงอาจารย์สองท่านเท่านั้นที่เข้าสู่ระดับขั้นแตกหน่อได้ ท่านพวกนั้นอาศัยอยู่บนภูเขาสูงที่มีพลังปราณคุณภาพสูงหนาแน่นมากๆ ไม่สามารถเจอพวกท่านได้ตามปกติ พวกเขาฝึกฝนตลอดเวลาและไม่ยุ่งเรื่องทางสำนัก มีเพียงสิบคนในสำนักที่อยู่ระดับขั้นสร้างลำต้นซึ่งมีตำแหน่งรองลงมาและทั้งยังมีสิทธิพิเศษอีกเช่น สิทธิการใช้สมบัติวิเศษ

คนอื่นๆส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ แม้กระทั่งซุนต้าซื่อยังอยู่ขั้นรวบรวมลมปราณระดับ 5

การฝึกเซียนไม่ใช่เพียงแค่ฝึกยากมากแต่ยังใช้เวลามากเช่นกัน ถ้าพรสวรรค์ไม่เพียงพอแม้จะใช้ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถฝึกสำเร็จได้ ขั้นสร้างลำต้นกระทั่งยากกว่าขั้นรวบรวมลมปราณมากมายนัก ไม่เพียงแค่ต้องการพลังปราณอย่างเพียงพอแต่ยังต้องมีทั้งโชคและความเข้าใจอันลึกซึ้งถึงจะสำเร็จขั้นนี้ได้

หวังหลินรู้ความสำคัญของพลังปราณว่ามากเพียงใด เขาจึงต้องการกลับไปเอาหินลูกปัดในทันที

แม้ว่าเขายังไม่มีพลังปราณในร่างกายแต่เชื่อว่าตราบใดที่ดื่มน้ำจากหินลูกปัดที่แช่ไว้ ไม่แน่ว่าจะเร่งกระบวนการเพิ่มขึ้นได้เพราะขั้นรวบรวมลมปราณเป็นเพียงการกักเก็บสะสมปราณเท่านั้น

จากปฏิกิริยาของซุนต้าซื่อ น้ำที่แช่ด้วยหินลูกปัดนั้นต้องเต็มไปด้วยพลังปราณอย่างแน่นอน พอคิดได้เช่นนี้ หวังหลินจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก และลืมเรื่องน้ำแร่ธรรมชาติไปว่าที่ที่เขาได้ซ่อนหินลูกปัด ที่นั้นมีน้ำเต้า 3 อันเต็มไปด้วยน้ำจากหินลูกปัด มันต้องมีพลังปราณเข้มเข้นมากเป็นแน่

ถ้าเขาดื่มมันไป มันคงไม่แย่กว่าที่เขานั่งสมาธิทั้งเดือนที่แล้วไปหรอก อย่างน้อยๆมันก็คงดีกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินจึงไม่รู้สึกแย่ตอนถูกเตะออกมา ความจริงเขากำลังตื่นเต้นต่างหาก

เขาได้เป็นศิษย์สายในแต่ไม่ได้อาศัยในลานฝึกหลัก หวังหลินต้องหาที่อยู่ในลานฝึกทั้งห้าแห่งที่อื่น เขาหยิบกุญแจบ้านใกล้ๆก่อนจะออกไปประตูทิศตะวันออกของลานฝึก

ตั้งแต่เขาเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ เขาก็ถูกไล่ออกมาจากโรงฝึกธาตุดิน หวังหลินจะต้องหาโรงฝึกที่อื่นจาก 5 โรงฝึก แต่ใกล้ๆที่เขาพักอยู่ก็มีประตูทางตะวันออกที่ใกล้กับโรงฝึกธาตุไฟที่สุด

ศิษย์สายในจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างกันโดยขึ้นอยู่กับสีเสื้อที่ใส่ เขารู้จากซุนต้าซื่อในเดือนที่ผ่านมาว่าทุกเดือนในวันที่ 10 ศิษย์สายในทุกคนจะมาเพื่อรับเศษหินวิญญาณระดับต่ำและเม็ดยารวมปราณ

หลังจากเก็บเศษหินวิญญาณได้สิบอันจะสามารถเอาไปแลกกับผู้อาวุโสคนไหนก็ได้เพื่อเปลี่ยนเป็นหินวิญญาณระดับต่ำ

หลังจากหวังหลินได้เก็บกวาดบ้านของตัวเอง เขาก็ไม่ได้ออกไปค้นหาลูกปัดเพราะกลัวว่าซุนต้าซื่อยังคงจับตาดูเขา หวังหลินฝึกฝนเป็นวัตรประจำวันที่แหล่งน้ำธรรมชาติทั้งวันต่อเนื่องจนเป็นเรื่องปกติ และกลับมาฝึกฝนต่อที่ห้องตนเองในตอนกลางคืน

แต่ในความจริงแล้วซุนต้าซวู่จับตาดูเขาได้แค่สิบวันเท่านั้นแล้วก็เลิกล้มความตั้งใจไป

หนึ่งเดือนต่อมาหวังหลินก็ออกไปกลางคืนเงียบสงัดคืนหนึ่ง หลังจากหันซ้ายหันขวาอยู่หลายครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในภูเขา เขาจึงได้ไปรับหินลูกปัดและน้ำเต้าโดยไม่มีใครได้สังเกต

หวังหลินระมัดระวังตัวอยู่ไม่กี่วันจึงสังเกตได้ว่าไม่มีใครพบความผิดปกติจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เขาไม่ได้กลับไปที่น้ำแร่ธรรมชาติอีกแต่กลับอยู่บ้านเพื่อศึกษาหินลูกปัดทั้งวัน

หวังหลินจับลูกปัดและสังเกตว่าจำนวนเมฆได้เพิ่มขึ้นจาก 7 เป็น 9 นี่ต้องเป็นเพราะว่ามีความชื้นสูงมากในภูเขาจึงทำให้ลูกปัดดูดซับน้ำได้เป็นจำนวนมาก

ส่วนน้ำเต้าทั้งสามอันนั้นหวังหลินได้เปิดมันออกมาและพบว่าน้ำค้างข้างในได้เหนียวขึ้นและพิเศษกว่านั้นคือหนึ่งอันเป็นน้ำค้างตอนเช้าได้กลายเป็นเหมือนเยลลี่ไปแล้ว

หวังหลินมองไปที่ลูกปัดจากนั้นก็มองไปที่น้ำเต้า 3 อัน ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว ลูกปัดลึกลับอันนี้ต้องการดูดซับน้ำเพื่อเพิ่มก้อนเมฆ ถ้ามันดูดซับน้ำค้างจากในน้ำเต้า บางทีมันอาจจะปรากฎเป็นเมฆสิบก้อนก็เป็นได้?

หวังหลินตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น ลูกปัดขนาดไม่ใหญ่มาก ตอนนี้มีเมฆ 9 ก้อนปกคลุมบนผิวของลูกปัดห่างกันแค่นิ้วเล็บ จากที่หวังหลินคาดเดา เขาจะต้องหาสถานที่ให้ลูกปัดมีเมฆสิบก้อนให้ได้

เขาครุ่นคิดได้เพียงครู่เดียวก่อนจะนึกอะไรออกว่าจะมีที่ไหนที่ทำให้เมฆเป็น 10 ก้อนและอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็น 10 ก้อนก็จะไม่มีพื้นที่เหลือให้กับก้อนที่ 11 ดังนั้น ก้อนที่ 10 น่าจะเป็นก้อนสุดท้ายแล้ว

แต่วันนี้เขาต้องไปโรงฝึกเพื่อรับยาเม็ดรวมปราณและเศษหินวิญญาณ หวังหลินสังเกตได้ว่าข้างนอกเริ่มมืด เขาเก็บหินลูกปัดและน้ำเต้าไว้ในกระเป๋าถือก่อนจะออกจาห้อง

เขาเข้าสู่ถนนหลักและในเวลาต่อมาก็ถึงลานฝึกกลาง หวังหลินรีบเร่งวิ่งไปที่ห้องรับยาเม็ดรวมปราณก่อนจะมืด

ก่อนที่เขาจะถึง ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังไกลๆ

“แม่นางโจว ท่านอาจารย์อนุญาตให้ข้าปิดด่านฝึกตนเป็นเวลาสามเดือนเพื่อเข้าสู่ขั้นรวบรวมลมปราณระดับแรก แต่ใจข้าคิดถึงเจ้า ช่วงเวลานั้นข้าสงบใจไม่ได้เลย! ทำให้ข้าต้องการเข้าสู่ขั้นรวบรวมปราณระดับแรกให้ได้อย่างรวดเร็วเพื่อที่จะมาหาเจ้า คืนก่อนในที่สุดข้าก็เข้าสู่ระดับแรกได้เสียที ดังนั้นข้าจึงรีบไปเด็ดดอกไม้บนภูเขา ดูสิว่ามันสวยงามแค่ไหน ดอกไม้นี้ถูกปกป้องจากอสรพิษยักษ์ ข้าใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้รับมันมา เจ้าดูสิข้อศอกข้าได้รับบาดเจ็บ”

หวังหลินขมวดคิ้วและหยุดลง เขาเยาะเย้ยในใจและก้าวต่อไป

จากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้น “พี่หวัง ตระกูลข้าเป็นตระกูลแพทย์ เห็นได้ชัดว่าดอกไม้นี้เป็นดอกไม้ธรรมดาทั่วไปที่เรียกว่าอาซูกะ ข้าปีนขึ้นไปเห็นอยู่บนภูเขาอยู่หลายครั้งพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกว่ามันมีงูปกป้องอยู่ ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงสำนักเหิงยั่วก็คงมีแต่งูเต็มไปหมด ศิษย์พี่หญิงโจวอย่าไปเชื่อเขา”

เมื่อหวังหลินเดินเข้าไปที่ลานฝึกของบ้านแจกจ่ายยา มีคนสี่คนอยู่ที่นี่ สองชายและสองหญิง ทั้งหมดสวมชุดสีแดง

หนึ่งในผู้ชายสองคนดูหล่อและดูสะอาดสะอ้าน เขาดูอายมากๆกับเรื่องเมื่อครู่ แต่จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นหวังหลิน ทันใดนั้นก็จ้องที่ประตูด้วยอาการไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“หวังหลิน! แก….ทำไมแกถึงอยู่ที่นี่ แกน่าจะอยู่ที่บ้านทำงานไม้กับพ่อของแกสิ!”

หนึ่งในผู้หญิงด้านข้างพูดขึ้น “หวังหลิน? อ้อนายคือหวังหลินที่เป็นศิษย์สายนอกได้เพราะพยายามจะฆ่าตัวตายนั่นน่ะหรือ จากนั้นก็กลายเป็นศิษย์สายในจากการประจบผู้อาวุโสซุนอีก!” ผมของเธอสีดำมันเงาไว้หางม้า คิ้วหนาและดวงตากลมดำคู่ใหญ่ เธอดูน่ารักเอามากๆ

อีกสองคนยังแสดงความประหลาดใจมาที่หวังหลิน ผู้หญิงมีใบหน้าไร้เดียงสา ขนตายาวและดวงตาทั้งคู่ที่สวยงาม ดวงตาเธอดูราวกับแก้วคริสตัลมองมาอย่างสนใจ

ใบหน้าหวังหลินทำเฉยเมยเมื่อเขากวาดตาไปที่คนด้านหน้าเขา เสียงผู้หญิงที่เขาได้ยินนั้นหวังหลินเข้าใจว่าคงเป็นคนยั่วยุหวัง แต่เมื่อมองไปที่เธอช่างดูคุ้นเคย หวังหลินคิดอย่างรอบคอบและจึงได้ว่าเธอเป็นคนที่ถูกเลือกเป็นศิษย์สายในเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลังจากจำเสียงเธอได้ เขาจึงอนุมานได้ว่าอีกคนนึงต้องเป็นศิษย์พี่หญิงจ้าว คนที่หวังโจวกำลังมอบดอกไม้ให้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version