2053. ช่วยให้สำเร็จ!
หวังหลินมองเห็นซ่งเทียนยกภูเขาต้นกำเนิดขึ้นมาในท้องฟ้า พื้นดินสั่นสะเทือนและมีแสงสีดำถูกปลดปล่อยออกมามากมาย
เขามองเข้ามาดูสีหน้าทุกคนด้วยความสงบนิ่ง
ภูเขายกสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลอยสูงเหนือศีรษะซ่งเทียน เขายกแขนขวาขึ้นราวกับกำลังแบกภูเขาเอาไว้
“หวังหลิน หากเจ้าสามารถต้านทานพลังอำนาจของภูเขาต้นกำเนิดนี้ได้ เมื่อนั้นข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้!” ซ่งเทียนปล่อยเสียงคำราม สะบัดแขนขวาให้ภูเขาต้นกำเนิดกระแทกลงใส่หวังหลิน
“ภูเขาลูกนี้ถูกเรียกว่าภูเขาต้นกำเนิด มันเป็นภูเขาลูกแรกที่ถือกำเนิดขึ้นในอาณาเขตฉีและอยู่ที่นี่มานาน ตลอดมาขนาดของมันไม่เปลี่ยนไปเลย ข้ารู้แจ้งเต๋าและกลายเป็นมหาชั้นฟ้าที่นี่ หลังจากข้าหลอมภูเขาได้ ข้าก็สามารถปลดปล่อยพลังกดขี่ของมันได้”
“หวังหลิน รับการโจมตีนี้ซะ!”
ภูเขาส่งเสียงดังสนั่นและมีแรงกดขี่เข้าห่อหุ้มบริเวณในทันที ภูเขาลูกนี้แปลกประหลาดมาก หวังหลินมองเห็นพลังแห่งกฎถูกภูเขานี้ผลักออกไปอย่างชัดเจน พลังอันลึกลับได้แบ่งแยกกฎออกมาราวกับภูเขาลูกนี้และกฎแห่งโลกไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
หวังหลินมีแววตาเปล่งประกายเจิดจ้า เสื้อผ้าและเรือนผมสีขาวกำลังพัดพริ้วอยู่ในสายลม เขามองดูภูเขาที่กำลังเข้ามาใกล้และโยนกำปั้นออกไป
กำปั้นชกใส่ความว่างเปล่า พลังสายหนึ่งเข้าปะทะกับภูเขาที่ห่างออกไปพันฟุต เสียงดังสนั่นกึกก้องและความเร็วของภูเขาก็ลดลงอย่างมหาศาล แต่มันยังคงใกล้เข้ามา
กำปั้นของหวังหลินสั่นไหวและแตกกระจายหลังจากปะทะกับภูเขา ขณะเดียวกันแรงกดดันทรงพลังทุ่มเข้าใส่หวังหลิน มิติที่เขาอยู่จึงแยกออก คล้ายกับบริเวณรอบตัวถูกแยกออกจากโลกอย่างสิ้นเชิง
‘น่าสนใจ!’ หวังหลินยิ้มบาง พลังกดขี่ของภูเขาต้นกำเนิดคล้ายกับดัชนีบรรพชนโบราณ ทว่าดัชนีบรรพชนโบราณเป็นการแยกพื้นที่ให้กลายเป็นโลกของมันเองเพื่อทำลายศัตรู ภูเขาต้นกำเนิดได้แยกพื้นที่ให้เป็นโลกของตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูหนีและข่มเอาไว้
หวังหลินมองภูเขาที่ใกล้เข้ามาและพึมพำกับตัวเอง “สมกับเป็นมหาชั้นฟ้าจริงๆ ไม่มีใครในมหาชั้นฟ้าทั้งเก้าคนที่อ่อนแอ แต่ละคนต่างก็มีวิชาของตัวเอง!”
“ตัวอย่างก็คือภูเขาต้นกำเนิดของซ่งเทียนที่สามารถต่อต้านกฎและสร้างผลลัพธ์แบบเดียวกับการสร้างโลกของตัวเองเหมือนดัชนีบรรพชนโบราณ แม้จะไม่ใช่วิชาแห่งศรัทธา มันก็น่าภาคภูมิใจ”
ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกกลัวได้นอกเหนือจากมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว มหาชั้นฟ้าคนอื่นไม่เป็นภัยคุกคามต่อหวังหลินเลย แม้ภูเขาต้นกำเนิดจะมีความพิเศษ แต่มันก็ธรรมดา
หวังหลินยกแขนขึ้นมาชี้ใส่ภูเขาด้วยท่าทีสงบนิ่ง
การชี้ครั้งนี้คือดัชนีบรรพชนโบราณ
เพียงเท่านี้โลกก็เปลี่ยนสีสัน ก้อนเมฆกระจัดกระจาย มิติที่ถูกภูเขาแยกออกมาเกิดเสียงดังสนั่นและเกิดรอยแตกร้าวรอบตัวหวังหลินนับไม่ถ้วน รอยแตกร้าวยืดยาวออกไปราวกับมิติรอบตัวเขากำลังพังทลายและไม่สามารถต้านทานพลังได้อีกต่อไป
หลังจากหวังหลินชี้ไปที่ภูเขา มันก็หยุดลงและเกิดเสียงดังสนั่น แม้จะสั่นเทาต่อไปแต่ก็ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้อีกแล้ว
เพียงเท่านั้นมิติที่ขังหวังหลินเอาไว้จึงพังทลาย หวังหลินก้าวออกมามองดูซ่งเทียน
“ต้องการสู้อีกหรือไม่?”
ซ่งเทียนเผยใบหน้าขมขื่นแต่ก็กัดฟันแน่น เขากระโดดขึ้นไปบนภูเขาต้นกำเนิด กัดปลายลิ้นพ่นโลหิตออกมาเปลี่ยนกลายเป็นหมอกโลหิตให้ภูเขาดูดซับ พร้อมกับนั่งลง สองมือสร้างผนึกพลางส่งเสียงคำราม
“พลังกดขี่ดั้งเดิม!”
ภูเขาต้นกำเนิดส่งเสียงดังสนั่นขึ้นมา มันได้รับอิสระและตกลงใส่หวังหลินอีกครั้ง
หวังหลินส่ายศีรษะและเคลื่อนไหว ก่อนที่จะรอให้ภูเขาตกลงมา เขาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าภูเขาและประทับฝ่ามือขวาเข้าต่อต้าน
จังหวะที่ฝ่ามือร่อนลงไป ภูเขาเกิดอาการสั่นไหว ซ่งเทียนกระอักโลหิตอีกครั้ง กระเด็นถอยไปหลายก้าวก่อนจะประคองตัวเองให้หยุดลงได้
นาทีนี้ลำแสงจากเมืองหลวงอาณาเขตฉีก็ได้มาถึง เผยเป็นร่างของคนหลายสิบคน คนที่อยู่หน้าสุดเป็นชายชราชุดคลุมสูงศักดิ์ เมื่อเขามองมาที่หวังหลิน สีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนไป
หวังหลินไม่ได้หันไปมองคนที่มาถึง เขาสะบัดแขนตามหลังซ่งเทียนที่กระเด็นกลับไป ภูเขาต้นกำเนิดได้ทำการหมุนและหดตัวลงจนเหลือขนาดเท่าฝ่ามือ จากนั้นลอยเข้าไปในมือขวาของหวังหลิน
หลังจากภูเขาหดลง มันดูเหมือนศีรษะกระทิงและเขาที่แตกหักได้กลับคืนสู่ปกติ
เมื่อซ่งเทียนเห็นเช่นนี้เขาพยายามถอยกลับมาและใบหน้าซีดเผือด ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีมหาชั้นฟ้าในอาณาเขตฉีที่สามารถหดภูเขาให้ถึงระดับนี้ได้
แต่สำหรับหวังหลินเขาไม่ต้องหลอมมันก็ทำได้แล้ว ทั้งยังดูเหมือนหวังหลินสามารถบังคับได้ตามต้องการ ซ่งเทียนรู้สึกขมขื่นในใจพลางถอนหายใจและล้มเลิกการต่อต้าน เขาคำนับฝ่ามือและโค้งให้แก่หวังหลิน
“ข้า…ยอมรับความพ่ายแพ้!” ซ่งเทียนกล่าวออกมา จากนั้นหันกลับไปมองคนที่มาถึง ทุกคนล้วนตกตะลึงกับเหตุการณ์ครั้งนี้
“ในฐานะองครักษ์ของอาณาเขตฉีและเป็นมหาชั้นฟ้า ข้ายอมรับให้องค์ชายจี้ตูเป็นจักรพรรดิคนใหม่ในอีกร้อยปี!” ซ่งเทียนกล่าวขึ้น จากนั้นสายตาส่งไปที่ชายชราในชุดคลุมสูงศักดิ์
ชายชราคือจักรพรรดิฉีคนปัจจุบัน เขาลังเลเล็กน้อยและดูเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอมองดูหวังหลินจึงเงียบไป คำนับฝ่ามือให้ซ่งเทียนและพยักหน้ารับ
องค์ชายจี้ตูเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เรื่องทั้งหมดเหมือนฝันไป สิ่งที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดกลับได้รับมาอย่างง่ายดายทำให้เขาตะลึงงัน อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากนั้นชั่วครู่จึงสูดหายใจลึกและก้าวออกไปเบื้องหน้าทุกคน
เขาลังเลชั่วขณะและไม่ได้ขอบคุณซ่งเทียนหรือพระบิดา แต่เขาหันกลับมาและคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลินซึ่งอยู่ด้านหน้าซ่งเทียน จักรพรรดิฉีและผู้คนทรงพลังอีกหลายคนในอาณาเขตฉี
“ขอบคุณพ่อบุญธรรม ที่ช่วยเหลือ!”
การคุกเข่าและประโยคนี้ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไปและมองดูด้วยสายตาไม่เชื่อ
ในเผ่าโบราณ ที่ใดที่มีพลังอำนาจราชวงศ์ ที่แห่งนั้นถืออำนาจอยู่สูงสุด องค์ชายที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นจักรพรรดิในอนาคตกลับคุกเข่าและยอมรับคนอื่นเป็นพ่อบุญธรรม!!
เรื่องแบบนี้เกินกว่าที่ทุกคนคาดคิดและเกิดความโกลาหล
“จี้ตู เจ้ากำลังทำอะไร!?” คนแรกที่พูดขึ้นมาคือชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างจักรพรรดิฉี เขาคือรัชทายาท!
เดิมทีฉีหมานรู้สึกไม่ยินยอมแต่เขาก็ไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนมันได้ ทว่าตอนนี้เขามีดวงตาส่องสว่าง
“จี้ตู ในฐานะองค์ชาย เจ้ายอมรับใครให้เป็นพ่อบุญธรรมของเจ้าอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร!? เจ้าจะเป็นจักรพรรดิฉีในอนาคต เจ้าไปคุกเข่าต่อหน้ามหาชั้นฟ้าอาณาเขตเต๋าได้อย่างไร?!”
จักรพรรดิฉียังคงขบคิด เขามองลูกชายของตัวเองที่กำลังคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลินโดยไม่อาจซ่อนความมืดมนในดวงตาไปได้
เสียงคำรามรอบด้านทำให้ใบหน้าจี้ตูซีดลงเล็กน้อย แต่เขามองหวังหลินด้วยสายตามุ่งมั่น เขารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขาต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อพ่อบุญธรรมว่าถึงแม้เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิฉี หวังหลินก็ยังเป็นพ่อบุญธรรมของเขา!
หวังหลินมองมาที่จี้ตูด้วยเช่นกัน เขาไม่คิดว่าจี้ตูจะกล้าทำเรื่องแบบนี้เบื้องหน้าตนเอง เบื้องหน้าพี่น้องและสหายร่วมอาณาเขต
จี้ตูได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับหวังหลิน ด้วยวิธีนี้หนทางในการเป็นจักรพรรดิก็จะลื่นไหล แต่ถึงจะมีเรื่องปรับเปลี่ยนไปบ้าง มันก็เข้าที่เข้าทางแล้ว
ความโกลาหลกำลังปั่นป่วนยิ่งขึ้น แต่ซ่งเทียนไม่ได้พูดอะไรและจักรพรรดิฉีก็เงียบเช่นกัน มีเพียงสายตาที่มืดมน
หวังหลินเอ่ยขึ้นช้าๆ “จี้ตู ข้ารับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม!”
จี้ตูสูดหายใจลึก ก่อนหน้านี้หวังหลินไม่เคยยอมรับเขาและเป็นแค่เขาที่เรียกหวังหลินว่าพ่อบุญธรรม พอเขาได้ยินหวังหลินพูดเช่นนี้ จี้ตูจึงโค้งอีกครั้ง
“อีกร้อยปี เจ้าจะได้กลายเป็นจักรพรรดิฉี!” หวังหลินไม่ได้มองดูฝูงชนแต่มองเมืองหลวงอาณาเขตฉี เขามองเห็นรูปปั้นสูงตระหง่านของบรรพชนโบราณ
ที่นั่นคือที่ตั้งของอารามบรรพชน
รัชทายาทและฉีหมานมีใบหน้าซีดและดูเหมือนต้องการพูด จักรพรรดิฉีเองดูเหมือนเข้าใจบางอย่างได้จึงถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาเป็นครั้งแรก
“การที่ลูกของข้าได้มีพ่อบุญธรรมแบบท่านหวังถือเป็นโชควาสนาของเขาและเป็นเกียรติแก่อาณาเขตฉี ข้าไม่ใช่จักรพรรดิเต๋า ดังนั้นจึงไม่อาจบังคับให้ท่านหวังไปไหน เพียงแต่หากเกิดหายนะขึ้นในอาณาเขตฉี…”
“ข้าขอให้ท่านหวังอยู่ในอาณาเขตฉี หากท่านมีคำขออันใด ข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้ท่านพึงพอใจ!” ชายชราชุดคลุมสูงศักดิ์คำนับฝ่ามือและโค้งให้หวังหลิน
คราวนี้เป็นซ่งเทียนที่ยิ้มและพูดกับหวังหลิน “หากพี่หวังไม่มีแผนจะไปอยู่ที่ไหน ขอจงพักอยู่ที่นี่และเป็นสักขีพยานเห็นจี้ตูกลายเป็นจักรพรรดิในอีกร้อยปีจะว่าอย่างไร?”
องค์ชายจี้ตูลุกขึ้นและกล่าวกับจักรพรรดิฉีด้วยความเคารพ “ท่านพ่อ ท่านพ่อบุญธรรมต้องการเข้าไปอารามบรรพชนและลูกตกลงแล้ว แต่แค่อยากขอคำอนุญาตจากท่านพ่อ”
ชายชรายิ้มและพูดอย่างไม่ลังเล “อารามบรรพชน? หากท่านหวังต้องการไป ข้าก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!” เขาไม่กล้าขัดหรือมีข้อคิดเห็นอันใดเกี่ยวกับที่จี้ตูให้คนผู้นี้เป็นพ่อบุญธรรม
ท่านหวังผู้นี้สังหารจักรพรรดิเต๋าและบุกเข้าไปในวังหลวง ทั้งยังออกมาได้ด้วยตัวเอง แม้แต่มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวก็ไม่พูดอะไรสักคำ เขาเองยังเห็นว่าแม้แต่มหาชั้นฟ้าซ่งเทียนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ แล้วจะไปกล้าขัดหวังหลินได้อย่างไร?
พลังอำนาจสูงสุดแห่งราชวงศ์ไม่มีผลอะไรกับคนแบบนี้อยู่แล้ว
…………………………………………………………