212. หรูหรา
รวมด้วยกับสมบัติวิเศษทั้งหมดที่เปล่งประกายในเวลาเดียวกันและสำนักเมฆาฟ้าเองก็กล่าวเองว่าสามารถใช้วิธีการใดก็ได้ จึงไม่มีใครมองเห็นกฎเกณฑ์ของหวังหลิน
ขณะที่กฎเกรฑ์ปะทะกับเสา หวังหลินรู้สึกได้ชัดเจนถึงหินหยกที่กำลังส่องแสงสีทองและค่อยๆลอยออกมา
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและกฎเกณฑ์ของเขาวางลงบนหินหยก ทันใดนั้นความเร็วหินหยกลดลงอย่างมาก ในเวลาเดียวกันเขาส่งกฎเกณฑ์อีกอย่างออกมาวางลงบนเม็ดยาข้างในเสา เม็ดยาเรืองแสงสีทองและลอยออกจากเสาวางลงบนฝ่ามือชายหนุ่มคนหนึ่งบนเวที
ชายผู้นั้นตกตะลึงและตะโกนด้วยความยินดี “นี่มัน…ข้า…ข้าผ่าน!!”
ขณะนั้นดวงตาชายวัยกลางคนเบิกกว้าง เขาจ้องเม็ดยาขณะที่กระโดดเข้าอย่างรวดเร็วและร่อนลงเบื้องหน้าชายหนุ่ม
โดยไร้ซึ่งเสียงใด เขาสะบัดแขนและเม็ดยาลอยเข้าสู่ฝ่ามือ เขาตรวจสอบเม็ดยาอย่างละเอียดจากนั้นมองชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความปิติยินดี หลังครุ่นคิดชั่วครู่จึงพูดขึ้น “ยินดีกับเจ้าด้วย เจ้าไม่จำเป็นต้องทดสอบอีกต่อไปและเข้าเป็นศิษย์สายในของสำนักเมฆาฟ้าตรงๆ เจ้าสามารถขึ้นภูเขาไปเพื่อหาเจ้าสำนัก ดูแลเม็ดยาให้ดี เมื่อเจ้าพบอาจารย์จงนำมันให้เป็นของขวัญ น่าเศร้านักที่มันเป็นเม็ดยาธาตุอัคคี หากมันเป็นอย่างอื่นข้าคงเป็นอาจารย์ของเจ้า!”
ดวงตาศิษย์หลายคนเผยสีหันแห่งความปิติยินดี เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็วขณะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งแต่หัวใจเต้นรัว ภายในหมอกดำเขาเห็นเพียงของสามอย่างนั่นคือเม็ดยา หินหยกและเหรียญตรา
ชัดเจนว่าของสามสิ่งพวกนี้มีความหมายที่แตกต่างกัน การรับเม็ดยาหมายถึงกลายเป็นศิษย์คนหนึ่งและการรับหินหยกนั่นหมายถึงการผ่านการทดสอบนี้ แล้วหากได้รับเหรียญตราจะเกิดอะไรขึ้น?
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้ทำอะไรอีก เขาต้องระมัดระวังอย่างมากเพราะว่าครั้งเดียวนับว่าเป็นอุบัติเหตุแต่หากเขาใช้มันต่อเนื่องมันจะน่าสงสัย หากถูกตรวจพบจะกลายเป็นว่าเรื่องทั้งหมดไร้ประโยชน์ไป
ด้วยการวิเคราะท่าทางชายวัยกลางคนของหวังหลิน เขาจึงเชื่อว่าบททดสอบรับสมัครคนที่เกิดขึ้นทุกๆสามสิบปีนี้แทบไม่มีใครได้รับเม็ดยา เขาเดาได้ว่าเกือบทั้งหมดจะได้รับหินหยก
ชายวัยกลางคนพูดเสียงเรียบง่าย “เหลืออีกเพียงหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เวลาจะหมดลง ข้าบอกพวกเจ้าได้ว่าภายในเสามีของอยู่สี่อย่าง หินหยก เม็ดยา เหรียญตรา และเตาปรุงยา”
“ในของสี่อย่างนี้ใครที่ได้หินหยกจะผ่านการทดสอบนี้ ใครที่ได้เม็ดยาจะกลายเป็นศิษย์สายในตรงๆ ใครที่ได้เหรียญตราสามารถแลกเปลี่ยนเม็ดยาอันดับสามชนิดไหนก็ได้นอกจากนั้นยังกลายเป็นศิษย์สายในด้วย”
“หากพวกเจ้าได้รับเตาปรุงยาจะกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้กลายเป็นศิษย์สายในของจ้าวสำนึก แต่ในแปดพันปีที่ผ่านมามีเพียงหกคนที่ได้รับเตาปรุงยา ข้าหวังว่าหนึ่งในพวกเจ้าแห่งนี้จะมีคนที่กลายเป็นคนที่เจ็ด”
“เมื่อกลายเป็นศิษย์ของจ้าวสำนัก เจ้าสามารถใช้เม็ดยาได้ตราบที่ต้องการและเจ้าจะกลายเป็นที่โปรดปราณอย่างมากของศาสตร์การปรุงยา”
เมื่อคำพูดเหล่านั้นเปล่งออกมา ผู้เยาว์ทั้งหมดบนเวทีต่างสูดหายใจลึกและมองไปที่เสา ดวงตาแต่ละคนบ่งบอกว่าเสาแห่งนี้เป็นตัวแทนแห่งความมั่งคั่งตลอดชีวิต
เมื่อหวังหลินได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาตื่นตะลึง ตอนที่ตรวจสอบภายในกฎเกรฑ์มีเพียงของสามอย่าง ไม่มีเตาปรุงยาข้างใน หลังขบคิดเล็กน้อยหวังหลินจึงจับตาดูเรื่อยๆแต่ส่งกฎเกณฑ์ออกไปหนึ่งอย่างและดึงเม็ดยาออกมา
แสงสีทองกระพริบ เม็ดยาสีฟ้าพลันลอยออกมาจากเสาและถูกหวังหลินคว้าไว้
ไม่ใช่ว่าหวังหลินไม่อยากได้เหรียญตราแต่เขาไม่ต้องการสะดุดตาเกินไป ความจริงหากการได้รับเม็ดยาไม่ได้ทำให้กลายเป็นศิษย์สายในตรงๆ เขาจะเลือกหินหยกแทน
หลังสังเกตสีของเม็ดยา ดวงตาชายวัยกลางคนสว่างขึ้น เขาคว้าเม็ดยาจากมือหวังหลิน หลังจากมองไปที่หวังหลินชั่วครู่จึงยิ้มขึ้นและพูดออกมา “เจ้าจะให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าไหม?”
ดวงตาหวังหลินเผยใบหน้าหวาดกลัวแต่ในความกลัวแฝงความตื่นเต้น เขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ชายวัยกลางคนยิ้มและกล่าวขึ้น “ยืนกับข้าจนการทดสอบสิ้นสุด เมื่อนั้นข้าจะพาเจ้าขึ้นไปบนภูเขาพบกับท่านจ้าวสำนัก”
หวังหลินรีบติดตามชายวัยกลางอย่างเคารพและเชื่อฟังไปที่มุมหนึ่งของเวที ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและความยินดี แต่เขาเยาะเย้ยในใจ ตอนที่เขาเห็นชายวัยกลางคนมีใบหน้าผิดหวังกับศิษย์คนก่อนที่ได้รับเม็ดยาธาตุอัคคี หวังหลินจึงสังเกตชายวัยกลางคนอย่างละเอียด เขาตัดสินอย่างลวกๆว่าเม็ดยาที่ชายวัยกลางคนต้องการคือเม็ดยาธาตุวารี นอกจากนั้นแม้ธาตุอื่นจะไม่เข้ากันยังคงนับว่าใช้ได้ เว้นแต่ว่าเขาจำเป็นต้องใช้ธาตุวารีซึ่งเป็นธาตุตรงข้ามกับธาตุไฟ
ซึ่งทำให้หวังหลินจงใจเลือกเม็ดยาธาตุวารีเพราะหากเขาวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ชายวัยกลางคนจะมีความสุขมากจนลืมเรื่องทำไมเม็ดยาถึงปรากฎพร้อมกันได้
ชั่วโมงถัดไป คนอีกสามคนถูกเลือกขึ้น ในสามคนนี้หนึ่งในนั้นเป็นหญิงสาวที่เดินมาที่นี่พร้อมกับหวังหลิน
เวลาใกล้จะถึงจุดจบ ชายวัยกลางคนมองขึ้นไปบนท้องนภาและกำลังจะประกาศผล แต่ในเวลาเดียวกันเสาหมอกดำเริ่มม้วนอย่างรุนแรง เมฆสีดำปรากฎในท้องฟ้าและสายฟ้ากระพริบผ่านราวกับอสรพิษหลายตัวกำลังเริงระบำ
ในเวลาเดียวกันเสียงฟ้าคำรามกึกก้องดังขึ้นจากภายในหมอกและปลายเตาปรุงยาปรากฎออกมาจากขอบหมอกดำ
ปลายของมันเป็นสีม่วงและแกะสลักเป็นรูปมังกรดำร้อยรัด ดวงตามังกรเต็มไปด้วยโทสะและสัมผัสดื้อรั้นอันแข็งแกร่ง มันมองไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงคำรามไม่กี่ครั้ง
ชั่วขณะนั้นพลังล่องหนสายหนึ่งจากหมอกดำพลักทุกคนที่อยู่บนเวทีออก นอกจากชายวัยกลางคนและหวังหลินซึ่งอยู่ถัดจากเขา และมีชายหนุ่มดูอ่อนแอผู้หนึ่ง ชายหนุ่มดูอ่อนแอคนนั้นจ้องปลายเตาปรุงยาด้วยใบหน้าว่างเปล่าไม่อาจพูดอะไรได้
หวังหลินตกตะลึง เขามองเตาปรุงยาอย่างละเอียดและมองเส้นชั้นแสงสีดำ ทุกครั้งที่เตาปรุงยาขยับเล็กน้อย ชั้นแสงสีดำจะจางลง
“สามขา! นี่มันมังกรสามขา!” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ถัดจากหวังหลินได้เผยใบหน้าเคร่งขรึม
แต่ใจเวลาเดียวกันเตาปรุงยาสั่นเทาในทันทีและไม่ได้ลอยออกมาอีก แต่ค่อยๆจมกลับเข้าไปในสายหมอก เวลาเดียวกันนั้นเหรียญตราสีทองลอยออกจากหมอกและร่อนลงในฝ่ามือชายที่ดูอ่อนแอ
ชายวัยกลางคนถอนหายใจ เขาเห็นสิ่งที่เกิดที่เกิดขึ้นนี้ทุกๆสามสิบปีแต่เตาปรุงยาไม่เห็นออกมาจากเสาได้
“ส่งทุกคนออกจากภูเขาสำนักเมฆาฟ้า ทุกคนที่ได้รับของบางอย่างให้ติดตามข้าขึ้นไปบนภูเขา” หลังชายวัยกลางคนพูดจบ เขามองกลับไปที่หวังหลินและคว้าเข็มขัดของเขาไว้ พลันกระโดดไปยังชายหนุ่มที่ได้รับเหรียญตราและจับขึ้นมาด้วยเช่นกัน จากนั้นพาทั้งสองขึ้นไปบนภูเขา
เบื้องหลังเขาคือศิษย์สำนักเมฆาฟ้าสามคน พวกเขาต่างกำลังแบกผู้โชคดีสามคนที่ผ่านบททดสอบไปสู่ยอดเขา
หวังหลินตรวจสอบรอบด้านเสมอ ขณะที่ชายวัยกลางคนเคลื่อนที่เร็วขึ้น ภูเขายิ่งเข้ามาใกล้มาก จากนั้นพวกเขาได้ผ่านคลื่นม่านพลังและฉากทั้งหมดเบื้องหน้าหวังหลินเปลี่ยนไป
ป่าไม้เขียวขจีเรียงรายและแนวภูเขาได้หายไปและสิ่งที่กางออกเบื้องหน้าหวังหลินคือสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมโหฬารซึ่งแกะสลักด้วยหินหยก แม้หวังหลินจะเคยเห็นโลกมานักต่อนัก ช่วยไม่ได้ที่เขาจะสูดลมหายใจเข้า สำนักเมฆาฟ้ารวยจริงๆ
แม้บ้านทั้งหมดจะไม่ได้สร้างจากหินหยก แต่มากกว่าแปดในสิบส่วนถูกสร้างจากหินหยกตามธรรมชาติ หากนำทั้งหมดนี้เปลี่ยนเป็นหินวิญญาณหรือเศษหยก จำนวนทั้งหมดนับได้ว่าเกินจินตนาการ
ขณะเดียวกันเพราะมีหินหยกจำนวนมาก สถานที่แห่งนี้จึงมีพลังปราณหนาแน่นโดยธรรมชาติ เขาสูดหายใจลึกหนึ่งครั้งและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสะดวกสะบายอย่างมากทันที หลังวิเคราะห์เล็กน้อยหวังหลินมั่นใจว่าหากฝึกฝนที่นี่หนึ่งวันเปรียบได้กับฝึกฝนข้างนอกสามวัน
หวังหลินมองคนอื่นๆที่ถูกเลือกมาด้วยและพบว่าทั้งหมดต่างตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาจ้องฉากเบื้องหน้าด้วยใบหน้าประหลาดใจ
ขณะที่ทั้งหมดผ่านม่านคลื่นพลัง ศิษย์เบื้องหลังชายวัยกลางคนเริ่มคลายอ้อมแขน ทุกคนที่มาเข้าร่วมสำนักเมฆาฟ้าต่างมีสมบัติสำหรับบินของตัวเองอยู่แล้ว ส่วนศิษย์ตามหลังมาต่างมีสมบัติเหาะเหินเช่นกันและติดตามเบื้องหลังชายวัยกลางคน
รวดเร็วของกลุ่มไม่ได้เร็วมาก หวังหลินตกตะลึงเป็นเวลานานจากนั้นเขาเห็นฝูงกระเรียนบินมาไกลๆ บนยอดกระเรียนมีสตรีสุดสวยหลายคนนั่งอยู่ สตรีเหล่านี้ต่างสวมชุดหลากสีสันราวกับผีเสื้อกำลังเต้นระบำ ทำให้ผู้คนมองไปคนละทิศคนละทางอย่างไม่ทันตั้งตัว
เมื่อฝูงกระเรียนเข้าใกล้ หนึ่งในสตรีเหล่านั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใสและงดงาม “ผู้อาวุโสโจว คนเหล่านี้คือศิษย์ใหม่หรือ?”
สตรีสาวทรงเสน่ห์ด้วยความงามล้ำเลิศ นางมีจุดเล็กๆบนมุมปากทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างมาก
ชายวัยกลางคนหัวเราะ “ใช่แล้ว ในระหว่างการรับสมัครมีผู้ผ่านจำนวนหกคน”
สตรีสาวมองผ่านทั้งกลุ่มเผยให้เห็นความงามที่ซ่อนอยู่ เธอจรดลงบนหญิงสาวที่เดินมาสำนักพร้อมกับหวังหลินและยิ้มขึ้น “งดงามมาก หากนางถูกอาจารย์พบเข้า นางจะรับเป็นศิษย์แน่นอน”
เมื่อสตรีสาวพูดจบพลันหันหน้าไปคุยกับคนที่มาด้วยกันเล็กน้อย เหล่าสตรีสาวทั้งหมดจากไปพร้อมกับกระเรียนด้วยรอยยิ้มสวยงาม