229. อสูรยุง
ปิศาจวานรเปลี่ยนเป็นภาพเบลอและพุ่งเข้าหาอสูรยุง อสูรยุงกระพือปีกหนึ่งครั้งและพุ่งหนีปิศาจทันที
หวังหลินเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาตบกระเป๋าและกระจกทองแดงโผล่ออกมา เขาโยนออกไปและสร้างผนึกขึ้น ลำแสงสีเขียวพุ่งออกมาจากกระจกและร่อนเข้าหาอสูรยุง
ร่างอสูรยุงทันใดนั้นหยุดลงแต่ควันสีดำเริ่มออกมาจากร่างมันอย่างรวดเร็ว เมื่อลำแสงสีเขียวสัมผัสกับควันสีดำ ลำแสงสีเขียวเปลี่ยนเป็นหินทันที
ฉวี่ลี่กั๋วตกตะลึง เขาลอลคิดว่าอสูรตัวนี้แข็งแกร่งจริงๆและโชคดีที่ไม่เข้าไปด้วยตัวเอง เขาลอบถอยหลังเมื่อเห็นหวังหลินไม่สนใจเขาและตัดสินใจว่า หากหวังหลินไม่บังคับ มันจะไม่ออกไป
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและยิ่งสนใจอสูรตัวนี้มากยิ่งขึ้น เขาเปลี่ยนเป็นอีกวิชาหนึ่งและพุ่งใส่กระจกทองแดง ตัวกระจกเปลี่ยนไปจนหลังกระจกเป็นรูปหน้าของอสูรยุง ไม่ช้านักภาพรูปอสูรหยุงปรากฎขึ้นด้านหลังกระจกอย่างรวดเร็ว ในไม่กี่ลมหายใจภาพนั้นร้องคำรามและพุ่งออกมาจากในกระจก
อสูรจากในกระจกปลดปล่อยสายลมกรรโชกและพุ่งเข้าหาอสูรยุง หากวางทั้งสองตัวเทียบกันคงยากนักที่จะระบุความแตกต่างได้
เสียงร้องอสูรตัวนี้ได้รับความสนใจจากอสูรยุง มันหันไปเป็นร่างโคลนของมันเองที่สร้างจากกระจกและสีปากเป็นสีแดง แทนที่มันจะวิ่งหนีไปพลันหันกลับและพุ่งหาร่างโคลน
ไม่นานนักเมื่อทั้งสองร่างเข้าใกล้กัน คลื่นฝุ่นสีเทาพัดออกทุกทิศทางพร้อมกับทั้งสองร่างบินรอบๆกันพยายามแทงงวงใส่กัน
หวังหลินยืนอยู่ไกลๆและจดจ้องการต่อสู้ของทั้งสองตัวอย่างระมัดระวัง ฝุ่นสีเทาดูเหมือนจะเป็นวิชาที่มันใช้และงวงของมันคืออาวุธ
หลังครุ่นคิดชั่วขณะฝ่ามือของหวังหลินเคลื่อนผ่านกระจกทองแดงและอสูรร่างโคลนช้าลงทันที อสูรยุงจับร่างโคลนและแทงด้วยงวงของมันอย่างโหดเหี้ยมจากนั้นเริ่มสูดจนแห้งเหี่ยว ร่างโคลนส่งเสียงคำรามก่อนมันจะกลายเป็นแสงสีเขียวและกลับเข้าไปในกระจก
อสูรยุงมึนงงแต่คำรามทันที มันจ้องหวังหลินขณะที่ปากมันเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง ทว่ามันไม่ได้โจมตีหวังหลิน มันหันกลับเพื่อจะหนีไป
ดวงตาหวังหลินวูบวาบ “กำลังจะหนีหรือ?” เขาสะบัดแขนและธงขนาดเล็กปรากฎขึ้น มันมีจิตสังหารอันแข็งแกร่งออกมาจากธง นี่คือธงกฎเกณฑ์แบบเดี่ยว เป็นสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของหวังหลินและกระทั่งเขาไม่กล้าทำให้มันเสร็จระดับแรก การไม่มีการปกป้องจากก้อนเมฆของทะเลปิศาจจะมีโอกาสสูงที่ธงผืนนี้จะกลายเป็นฝุ่น
จึงทำให้เขาสร้างกฎเกรฑ์เพียง 98 กลุ่มก่อนจะหยุดลง
อสูรยุงรู้ตัว ขณะที่มันสังเกตเห็นธงจึงหวาดกลัวและกระพือปีกบินเร็วขึ้น
หวังหลินถือธงกฎเกณฑ์ในมือขวาด้วยดวงตาสงบนิ่ง เขาสะบัดธงและกฎเกณฑ์หนึ่งพุ่งออกไป มันเคลื่อนไหวราวกับอุกกาบาตเข้าหาอสูรยุง
พริบตาเดียวกฎเกณฑ์ได้ไล่ตามอสูรยุงทัน แววตาตกใจเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวขณะที่มันปลดปล่อยควันสีดำเพื่อป้องกันกฎฌกณฑ์ ทว่าฝันสีดำไม่อาจเทียบได้กับความสามารถการโจมตีของกฎเกณฑ์ได้ ดังนั้นกฎเกณฑ์จึงร่อนลงใส่อสูรยุงโดยไม่มีอะไรอุปสรรค
ร่างอสูรสั่นสะท้านและตกลงจากท้องฟ้าทันที หวังหลินรับมันไว้ได้ทัน
หวังหลินใช้ธงกฎเกณฑ์อย่างระมัดระวังมากและใช้พลังของมันเพียงสองส่วนเท่านั้น ทว่ามันยังมีพลังเหนือความคาดหมายไปอีก ด้วยพลังสองส่วนมันทำให้อสูรบาดเจ็บเทียบเท่ากับพลังของเซียนขั้นแกนลมปราณระดับปลายได้
อสูรยุงนอนแผ่หลาบนฝ่ามือหวังหลินพร้อมกับรอยแผลหลายแห่ง เลือดไหลออกมาเป็นสีม่วง มีรอยร้าวบนงวงและดวงตาเลื่อนลอย อสูรตัวนี้ใกล้กับประตูแห่งความตายเต็มแก่
ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่ง เขากัดนิ้วและหยดโลหิตลงระหว่างดวงตาของมัน จากนั้นนำเม็ดยาจากสำนักเมฆาฟ้าให้มันกิน
หลังอสูรกินเม็ดยาเข้าไปร่างมันสั่นกระตุกและปลดปล่อยคลื่นฝุ่นสีเทา บาดแผลค่อยๆสมานตัวอย่างช้าๆและรอยร้าวบนงวงเริ่มฟื้นฟู หลังจากนั้นไม่นานมันฟื้นฟูได้เต็มที่และบินออกมาจากแขนหวังหลิน มันหมุนวนหวังหลินสองสามครั้งและส่งเสียงฟ่อไม่กี่ครั้ง
หวังหลินตบกระเป๋าและนำแกนพลังออกมา ดวงตาอสูรสว่างขึ้น มันแทงใส่แกนพลังด้วยงวงของมันทันที แกนพลังหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัดและหายไปอย่างรวดเร็ว
ร่างอสูรสั่นเทาและพองตัวขึ้นเล็กน้อย
หวังหลินลูบคางและมองมันชั่วขณะ เขานำเป๋าชิ้นหนึ่งออกมาและนำแกนพลังที่อยู่ในนั้นทั้งหมดออกและยื่นให้อสูรยุง
ดวงตาของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่งขณะที่มันดูดกลืนกินพลังอย่างรวดเร้ว ทุกครั้งที่มันดูดไปหนึ่งก้อนมันจะเพิ่มขนาดขึ้น เปรียบกับก่อนที่มันจะดูดกลืนแกนพลัง มันมีขนาดใหญ่กว่าเดิมสองเท่า
หลังกินไปมากกว่าสิบก้อน ร่างของมันมีขนาดเท่าลูกวัว เป็นผลให้เส้นผมเล็กๆบนหลังสีดำของมันเห็นได้ชัดเจน ปีกยาวมากกว่าสิบฟุตและสร้างสายลมกรรโชกทุกครั้งที่มันขยับเขยื้อน
งวงของมันบางลงและแหลมขึ้นให้ความรู้สึกน่าขนลุก แม้กระทั่งตอนที่หวังหลินมองกลับทำให้เส้นผมบนร่างลุกชูชัน
หวังหลินมั่นใจว่าตลอดการเดินทางอันยาวไกล เขายังไม่เคยเจออสูรเช่นนี้มาก่อน
ตอนที่มันตัวเล็ก การโจมตีหลักของมันคือปลดปล่อยฝุ่นเทา เมื่อมันตัวใหญ่ขึ้น ไม่ว่าหวังหลินจะมองงวงของมันอย่างไรก็นับได้ว่าเป็นอาวุธที่แท้จริง
หวังหลินกระโดดและร่อนไปบนหลังของมันพลางส่งข้อความให้อสูรผ่านทางสัมผัสวิญญาณ ปีกของมันกระพือขึ้นและบินไปไกลอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ในพริบตาพวกเขาก็หายไปจากที่นี่
หวังหลินสัมผัสถึงสายลมที่กำลังตีหน้าได้ชัดเจน หลังจากอสูรยุงกลืนแกนพลังไปหมดไม่เพียงแต่มันขนาดใหญ่ขึ้นแต่ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
หวังหลินอิจฉาฉิวซื่อผิง แม้ว่าเขาจะสามารถสร้างพายุทอร์นาโดด้วยอสูรตัวเล็กน้อย แต่นั่นไม่ได้เร็วนัก ทว่าตอนนี้เขามีอสูรยุงเป็นสัตว์ขี่ มันกระทั่งเร็วกว่าเรือของฉิวซื่อผิง หากเปรียบกับการเหาะเหินด้วยตัวเองแล้วนับว่าไม่ห่างกันไกลนัก