Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 280

Cover Renegade Immortal 1

280. อาจารย์

หลังเดินทางมาหนึ่งปี หวังหลินเลือกเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งแม้ว่าเขาจะไม่ชอบเมืองนี้แต่เพราะวิชาแกะสลักน้ำแข็งได้ดึงดูดความสนใจเขาจริงๆ

หวังหลินแกะสลักด้วยไม้ดังนั้นเขาจึงศึกษาวิชานี้และใช้มันแกะสลักไม้ เพื่อที่จะมีอาวุธอีกชิ้นนึง

นอกเหนือจากนี้ มีอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้หวังหลินไม่ต้องการออกไปจากสถานที่แห่งนี้ก็คือ ผู้คนที่นี่ไม่มีสัญญาณชีวิตซึ่งนับเป็นสิ่งแปลกประหลาดอย่างมาก หวังหลินเชื่อว่าเขาจะได้รู้แจ้งความตายที่นี่ดีขึ้น

หวังหลินนั่งลงในเมืองเล็กๆใกล้ชายแดนทิศเหนือของเฉว่ยี่ ไม่มีคนในเมืองแห่งนี้มากนักและเซียนที่ควบคุมที่นี่มีเพียงขั้นแกนลมปราณระดับปลาย

เซียนคนนี้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไปสองคืนหลังจากที่หวังหลินมาถึง ทว่าไม่มีใครยกเว้นหวังหลินที่รู้ว่าเขาหายตัวไป

ในวันที่สาม หวังหลินปลอมตัวเป็นเขาและเดินออกมาจากหอคอยน้ำแข็งซึ่งมีเพียงแค่สิบเอ็ดชั้น

หวังหลินมีพลังอำนาจของวิญญาณกลืนกินอยู่แล้วจึงขโมยความทรงจำทั้งหมดของเซียนขั้นแกนลมปราณระดับปลายผู้นี้ หวังหลินควบคุมเขาแทนที่จะสังหารและขังไว้ในค่ายกลแห่งหนึ่งเพื่อใช้ประโยชน์ทีหลัง

เดิมทีด้วยระดับฝึกฝนของเซียนคนนี้ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมีหอคอยน้ำแข็งเป็นของตนเอง แต่ลุงของเขาเป็นผู้มีอิทธิพลในเฉว่ยี่ดังนั้นจึงถูกหมอบเมืองเล็กๆแห่งนี้และให้หอคอยน้ำแข็งไว้

เมื่อมองผ่านความทรงจำของเขา หวังหลินได้เรียนรู้ว่าอิจฉริยะของเฉว่ยี่ที่ชื่อผีเสื้อแดงคนนั้นได้ออกไปพร้อมกับเซียนของซูซาคุเมื่อหลายปีก่อนแล้ว

พร้อมกับผู้อาวุโสทั้งเจ็ดคนที่ไปจากไปด้วย เซียนอีกสิบสามคนซึ่งแก่กว่าผู้อาวุโสหลักก็จากไปเช่นกัน พวกเขาไปที่แคว้นซูซาคุเพื่อรับพิธีเพิ่มขีดความสามารถ…

คำขอร้องของผีเสื้อแดงในการเข้าร่วมซูซาคุก็คือทำให้แคว้นเฉว่ยี่เป็นแคว้นเซียนอันดับห้าและให้บ้านหลังใหม่แก่พวกเขา คำขอที่สองสำเร็จลุล่วงไปเรียบร้อย ตอนนี้มีเพียงคำขอแรกที่ยังเหลืออยู่

เซียนทั้งหมดในเฉว่ยี่รู้เรื่องนี้เพียงเล็กน้อยแต่เพราะลุงของเซียนคนนี้เอง หวังหลินจึงรู้มากกว่าอื่นๆ

การที่แคว้นอันดับสี่จะยกระดับไปแคว้นอันดับห้า แคว้นแห่งนั้นจะต้องมีคนที่บรรลุขั้นแปลงวิญญาณ

พิธีเพิ่มขีดความสามารถนับว่าเป็นวิชาที่ทรงพลังและฝืนลิขิตฟ้า ทุกคนมีครั้งเดียวที่จะทะยานขึ้นไปพร้อมกับโอกาสล้มเหลวสูงยิ่ง ทว่าหากมันสำเร็จ คนผู้นั้นจะบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ มีเพียงข้อเสียเดียวก็คือไม่ว่าเขาจะมีชีวิตยืนยาวอีกเท่าไหร่จะคงเหลืออายุขัยเพียงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น

รวมถึงระดับฝึกฝนของคนผู้นั้นจะติดอยู่ที่ขั้นเซียนแปลงวิญญาณระดับต้นตลอดชีวิต

ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนสิ่งนี้ได้ พวกเขาจะดำรงชีวิตได้เพียงหนึ่งร้อยปีและเมื่อผ่านไปก็จะเสียชีวิตลง

ผลก็คือนี่คือโอกาสสำหรับคนที่ติดอยู่ที่ขั้นตัดวิญญาณระดับปลายเช่นกัน หลังจากนั้นเขาจะไม่มีอายุขัยเหลือมากนักซึ่งเป็นราคาที่สั้นนัก

ตราบใดที่หนึ่งในสิบสามคนเหล่านั้นประสบความสำเร็จ ซูซาคุจะให้สิทธิพิเศษต่อเฉว่ยี่สำหรับแคว้นอันดับห้าเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี ในระยะเวลาหนึ่งร้อยปีนี้ หนึ่งในเจ็ดผู้อาวุโสสูงสุดให้ติดตามผีเสื้อแดงที่จะบรรลุขั้นแปลงวิญญาณ ดังนั้นตำแหน่งของพวกเขาจึงมั่นคงมากสำหรับแคว้นอันดับห้า

นี่เป็นสิ่งที่แคว้นซูซาคุสัญญาไว้กับผีเสื้อแดง

แคว้นอันดับสี่ทั้งสี่แห่งที่อยู่รอบๆต่างยอมรับโชคชะตานี้และพร้อมที่จะอยู่ในสังกัดของเฉว่ยี่

กฎเหล่านี้ถูกวางไว้โดยสมาพันธ์เซียนของซูซาคุ แคว้นแห่งใดที่ก่อกบฏ พวกเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งใดได้และราคาของการก่อกบฏคือการถูกกวาดล้าง

หวังหลินเดินออกมาจากหอคอยน้ำแข็งและเห็นเซียนขั้นพื้นฐานลมปราณสองคนข้างนอก หนึ่งบุรุษและอีกหนึ่งเป็นสตรี เมื่อทั้งคู่เห็นหวังหลินต่างคุกเข่าและเคารพต่ออาจารย์ของตน

หวังหลินพยักหน้าอย่างเงียบๆ

หวังหลินรู้ได้ว่าคนผู้นี้มีศิษย์สามคนและสตรีน่ารักตัวเล็กคนนี้อ่อนเยาว์ที่สุด นางนิสัยเสียที่สุดและมีความสัมพันธ์อย่างลับๆกับเซียนที่หวังหลินปลอมตัวอยู่

เรื่องระหว่างศิษย์และอาจารย์ในแคว้นเซียนอื่นๆหาได้ยากมาก หากแม้มันจะเกิดขึ้นก็จะเก็บเป็นความลับไว้ด้วยดี

แต่ในแคว้นเหลือเชื่อเช่นนี้กลับเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ในความทรงจำของเซียนคนนี้ มีเซียนในเฉว่ยี่หลายคนที่มีความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์แบบที่เป็นอยู่

การกระทำรูปแบบนี้กลายเป็นสิ่งธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีคนจะมองหาว่าใครเป็นคนทำ เซียนคนนี้ได้บ่นอยู่ครั้งหนึ่งว่าหากผีเสื้อแดงไม่ได้รับพรจากสวรรค์ นางคงต้องบริการอาจารย์ของนางด้วยดีเช่นกัน

หวังหลินเพียงยิ้มอย่างขมขื่นกับเรื่องนี้ มันทำให้ทัศนคติต่อเฉว่ยี่แย่ลง

ส่วนศิษย์บุรุษ แม้เขาจะดูแก่แต่ก็ถือว่าแก่เป็นอันดับสอง เขาแสดงใบหน้าเคารพต่ออาจารย์ตัวเองแต่ก็เกลียดความสัมพันธ์ของอาจารย์กับศิษย์น้องสาวด้วยเช่นกัน

หวังหลินได้รับข้อมูลทั้งหมดนี้จากเซียนขั้นแกนลมปราณผู้ซึ่งแผนเดิมคือส่งศิษย์บุรุษคนนี้ออกไปให้พ้นทางเพราะรังเกียจสายตา

หวังหลินเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมือไพล่หลังและน้ำเสียงเป็นไปอย่างธรรมชาติ “มีข่าวเรื่องการมาถึงของตัวอ่อนน้ำแข็งรึยัง?” ตัวอ่อนน้ำแข็งคือรูปปั้นน้ำแข็งที่เหล่าเซียนของเฉว่ยี่เรียกกัน

ศิษย์คนที่สองรีบตอบ “อาจารย์ มีสองตัวพึ่งมาถึง”

หวังหลินพยักหน้าอย่างแผ่วเบา “นำพวกมันออกมาให้ข้าดูว่าพวกเจ้าทั้งสองเพิ่มทักษะไปถึงไหนแล้ว” หวังหลินได้รับรายละเอียดของวิธีการมาจากความทรงจำของเซียนคนนั้น จากมุมมองของเขา วิชานี้สัมพันธ์กับแก่นแท้ของเหล่าเซียนเฉว่ยี่และสลับซับซ้อนอย่างมาก

นอกจากพลังปราณ เซียนของเฉว่ยี่ยังดูดซับพลังงานเย็นจากหิมะตอนที่พวกเขาฝึกฝน พลังงานเย็นนี้เป็นสิ่งต้องดูดซับเพราะมันจะทำให้พวกเขาออกจากร่างตนเองเพื่อสร้างยักษ์น้ำเข็งตอนที่บรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้

ทว่าด้วยระดับของวิชานี้มันจึงไม่ง่ายที่จะประสบความสำเร็จ เซียนที่หวังหลินจับตัวไว้มีเพียงสี่ระดับแรกเท่านั้นและมันยังศึกษาอย่างลับๆเสียด้วย

ศิษย์คนที่สองพยักหน้าอย่างรวดเร็วและนำรูปปั้นน้ำแข็งสูงสามฟุตจำนวนสองตัวจากกระเป๋าออกมา รูปปั้นทั้งสองเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีร่างเป็นนกและศีรษะเป็นมนุษย์ หน้าตามันดูดุร้ายมาก

หลังเดินทางผ่านมาหนึ่งปี หวังหลินรู้ได้ว่ารูปปั้นน้ำแข็งนี้เป็นหนึ่งในอสูรพิทักษ์ของเฉว่ยี่ เทวดาหิมะ

ศิษย์คนที่สองเพ่งสายตาและฝึกเล็นก้อยจากนั้นฝ่ามือซ้ายสร้างผนึกหลายอย่างจนเกิดบอลโลหิตสีดำขึ้นมา เขาชี้ไปที่บอลโลหิตและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาผลักเศษเหล่านั้นเข้าใส่รูปปั้นน้ำแข็ง

ทันใดนั้นควันสีดำพ่นออกมาจากนิ้วมือและเข้าไปในรูปปั้นน้ำแข็งสร้างเป็นลวดลายที่ดูเหมือนเส้นโลหิต

หน้าผากศิษย์คนที่สองปกคลุมไปด้วยเหงื่อไคล เขาสูดหายใจลึกหยิบเอาเศษโลหิตอีกจำนวนหนึ่งออกมาและผลักมันเข้าไปในรูปปั้นน้ำแข็ง ทันใดนั้นสายโลหิตเส้นที่สองปรากฎในรูปปั้นน้ำแข็งทันที

ในตอนนี้บอลโลหิตบนมือศิษย์คนที่สองหายไปอย่างเงียบเชียบ ใบหน้าเขาขาวซีดขณะนั่งลงฝึกฝนอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งแต่ลอบจัดการค้นหาความลับของวิชานี้ จากความทรงจำของเซียนที่เขาปลอมตัว ก้าวแรกในการสำเร็จก็คือการใส่เส้นโลหิตจำนวนเก้าเส้นในเทวดาหิมะ

เพียงแค่เขากำลังคิดเรื่องนี้ ศิษย์สตรีเดินเข้ามาหา นางมองเข้าด้วยแววตาน่ารักและกระซิบ “อาจารย์ ท่านไม่ได้ตอบคำถามของข้าเมื่อไม่กี่วันก่อน ดังนั้นระดับฝึกฝนของศิษย์จึงมีปัญหา คืนนี้โปรดเข้ามาสั่งสอนข้าด้วย”

หวังหลินยังคงพิจารณาเส้นโลหิตดังนั้นจึงพยักหน้าแบบส่งๆและพูดขึ้น “พูดมาเลย ปัญหาอะไร?”

ศิษย์สตรีผู้นั้นตกตะลึงทันทีและมองไปรอบๆ ใบหน้าของนางแดงขึ้นพร้อมกับถามอย่างยั่วยวน “ให้คุยกันที่นี่หรือ?”

หวังหลินพยักหน้าแต่ทันใดนั้นเขานึกถึงสิ่งหนึ่งจากความทรงจำของเซียนผู้นั้นได้ทันที คำถามของศิษย์คนนี้มีอีกความหมายหนึ่ง

เมื่อคิดเรื่องนี้หวังหลินกำลังจะเอ่ยออกไปแต่ใบหน้าศิษย์สตรีคนนี้แดงขึ้นยิ่งกว่าเดิมและเสื้อผ้าของนางหลุดลงทันใดเผยให้เห็นครึ่งล่างของนางออกมา

คิ้วหวังหลินขมวด เขาโบกแขนเสื้อและเสื้อผ้าของหญิงสาวกลับไปบนร่างของนาง จากนั้นหวังหลินมองนางด้วยสายตาเยือกเย็น

ศิษย์สตรีรู้สึกถึงแรงกดดันเย็นเฉียบรอบๆได้ ใบหน้านางเปลี่ยนไปทันทีและนางคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่นางจึงยืนขึ้นอย่างระมัดระวัง นางรู้สึกกลัวอย่างมากเพราะไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้อาจารย์โกรธ

ขณะนั้นศิษย์คนที่สองได้เสร็จสิ้นการฝึก เขามองศิษย์สตรีแต่ไม่ได้พูดสิ่งใด ฝ่ามือเคลื่อนไหวอีกครั้งเพื่อสร้างบอลโลหิตอีกลูกและเริ่มสร้างเส้นโลหิตอีกหนึ่งเส้น

ศิษย์คนที่สองใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่ออดทนเติมเส้นโลหิตทั้งเก้าเส้นให้สมบูรณ์ เวลาส่วนใหญ่ใช้ฝึกฝนเพื่อปรับร่างกายตนเอง

ชัดเจนแล้วว่าการสร้างรูปปั้นน้ำแข็งนี้เป็นแค่ทางผ่านสำหรับเขา

เมื่อรูปปั้นน้ำแข็งเสร็จสิ้น ศิษย์คนที่สองสูดหายใจลึก คุกเข่าลงเบื้องหน้ารูปปั้นและเริ่มสวดพึมพำ จากนั้นเขายืนขึ้นกัดฟันแน่นและชี้ไปที่จุดรวบรวมเส้นโลหิตทั้งเก้าเส้น

ปัง!

ศิษย์คนที่สองไอออกมาเป็นโลหิตและลอยละลิ่วออกไปมากกว่าสิบฟุต ส่วนรูปปั้นน้ำแข็ง เส้นโลหิตของมันเคลื่อนไหวราวกับอสรพิษ จากนั้นเส้นโลหิตสองเส้นสัมผัสกันและรูปปั้นน้ำแข็งระเบิดเป็นเศษน้ำแข็ง

ใบหน้าศิษย์คนที่สองขาวซีดและเอ่ยด้วยความละอายใจ “ศิษย์ล้มเหลวอีกครั้งแล้ว…”

หวังหลินไม่ได้ใส่ใจกับลูกศิษย์แต่จ้องรูปปั้นน้ำแข็ง เขาค้นหาผ่านความทรงจำของเซียนคนนี้เพื่อหากุญแจสำคัญในการสร้างรูปปั้นน้ำแข็ง

ขณะนี้เองหวังหลินสังเกตบางสิ่งได้ เขามองขึ้นไปและเห็นกระบี่เล่มหนึ่งลอยเข้ามาหาเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version