29. ปิดประตู
โดยไม่ต้องรอให้ชายคนนั้นพูดจบ ใครบางคนด้านข้างพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น “จ้าวเสี่ยวเอ้อ ตอนนั้นเจ้าเยาะเย้ยท่านเสียงดังที่สุด พี่หวังอย่าไปฟังมัน”
ท่าทีจ้าวเสี่ยวเอ้อเปลี่ยนไป เขาพูดอย่างโกรธๆ “จ้าวเสี่ยวซาน ข้าเป็นพี่เจ้านะ ไอ้สารเลวลอบกัด กลับไปที่ห้องแล้วมาดูกันว่าใครจะชนะ”
“ข้าซื่อสัตย์ที่สุดพี่หวัง ท่านเป็นคนดีมีน้ำใจ โปรดให้งานง่ายๆแก่ข้าเถอะ”
“พี่หวังอย่าไปฟังสองคนนั้น พวกเขาแค่แสดงให้ท่านเห็นเท่านั้น ใครจะรู้ว่ามีศิษย์สายนอกอีกมากมายแค่ไหนต้องการจะโกงท่าน? ศิษย์พี่ ข้าเป็นคนที่ไม่เคยพูดเรื่องแย่ๆเกี่ยวกับท่าน”
ศิษยสายนอกเพศหญิงหน้าตาน่ารักมากพูดขึ้นอย่างไพเราะ “พี่หวัง ศิษย์น้องคนนี้ร่างกายอ่อนแอมาตลอดและทำงานใช้แรงหนักๆไม่ได้ ให้ข้าไปนวดให้ท่านทุกคืนดีไหม? ตกลงนะ?”
เหล่าศิษย์สายนอกสำนักเหิงยั่วไม่ได้มีศิษย์เพศหญิงมากนัก มีเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เป็นเพศหญิง นอกจากนั้นในบททดสอบความขยัน ผู้ชายมักมีโอกาสที่ดีกว่า
มีศิษย์สายนอกเพศหญิงไม่กี่คนที่นี่ แน่นอนว่าดูดีทุกคน โดยพื้นฐานด้านหน้าตาแล้วบางคนก็อาจจะได้ใจศิษย์สายในจนได้รับการสนับสนุน
จากนั้น ศิษย์เพศหญิงคนอื่นก็ได้โยนสายตาอันเย้ายวนชวนเสน่ห์มาที่หวังหลิน “ศิษย์พี่ พี่ลิ่วไม่เคยใช้ทำงานหนักเลย แถมข้ายังไม่เคยมาปรนนิบัติเขาตอนกลางคืนอีก ข้ารู้จักศิษย์หญิงไม่กี่คน ข้าจะนำพวกเขามาหาท่านคืนนี้ ตกลงนะ?”
ทุกคนได้หมดท่าทีและพยายามบอกหวังหลินว่าเขาไม่เคยพูดอะไรแย่ๆกับเขา
หลังจากได้ยินมาเป็นเวลานาน หวังหลินจึงวิ่งออกไปด้วยความอดทนและตะโกนขึ้น “พวกเจ้าทุกคน หยุดพูดได้แล้ว ความวุ่นวายนี่มันอะไรกัน”
หลังจากเขาพูดจบก็ได้ชี้ไปที่คนคนหนึ่งและพูดขึ้น “เจ้าไปตักน้ำยี่สิบโอ่ง ถ้าไม่ชอบก็ไปบอกเหล่าผู้อาวุโสได้”
ร่างคนผู้นั้นสั่นสะท้าน เขาเปิดปากกำลังพูดแต่เมื่อเห็นสายตาหมดความอดทนของหวังหลินเขาจึงได้แต่ยิ้มและพยักหน้า
“เจ้าซักเสื้อผ้าห้าร้อยกิโลกรัมทุกวัน จำไว้ว่าถ้าเจ้าไม่พอใจก็ไปหาเหล่าผู้อาวุโสเถอะ” คนที่ถูกชี้ไปกลืนน้ำลายดังเอื้อกและพึมพำ “ห้าร้อยกิโล นั่นประหนึ่งเสื้อผ้าของทั้งสำนักเลยนะ”
“เจ้า! ทำความสะอาดทั้งสำนัก! เหมือนเดิม ถ้าไม่พอใจก็ไปหาผู้อาวุโสเอาเอง!”
“เจ้า! ทำความสะอาดโรงเรือนด้านนอก ถ้าข้าเห็นใครเหาะบนนั้น เจ้าถึงจะสามารถอาศัยที่นี่ได้”
“เจ้าไปเก็บสมุนไพรห้าร้อยกิโล ถ้าเจ้าผสมเศษหญ้าเข้าไปด้วยเพื่อหลอกข้า ข้าจะเตะเจ้าออกจากสำนัก ทุกคนฟังข้า ถ้าพวกเจ้าไม่พอใจก็ไปหาผู้อาวุโสได้เลย!” บางคนขณะที่ได้รับงานหนักและยากลำบากก็ยังต้องอดทนผ่านไปให้ได้ ถึงอย่างนั้นคนล่าสุดที่โดนชี้ให้ทำงาน ขาของเขาอ่อนยวบและล้มลงกับพื้นทันที
เหล่าศิษย์สายนอกทุกคนเผยอาการอันน่าสงสาร สมุนไพรทั้งหมดรอบสำนักเหิงยั่วอาจจะมีไม่ถึงห้าร้อยกิโลกรัมในภูเขา
……
จากพื้นฐานความทรงจำผู้คนที่เยาะเย้ยหวังหลิน เขาได้ชี้พวกนั้นทีละกันและคิดอย่างรอบคอบว่าจะให้พวกนั้นทำงานอะไร หวังหลินไม่ได้เหนื่อยเลยและในที่สุดเขาก็จบการหมอบหมายงานทั้งหมด เขาเดินเอกเขนกรอบๆชั่วครู่และคิดถึงงานที่เป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จ สิ่งที่ศิษย์สายนอกควรทำมากกว่าไปฟ้องร้องเหล่าผู้อาวุโสเช่นนั้นหรือ? แต่หลังจากกรณีนี้ทำให้เหล่าผู้อาวุโสตัดสินใจจะไม่ทำอะไรอื่น ข้าจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตขึ้นเพื่อบอกให้พวกเขารู้ว่านี่เป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่ให้ข้าทำหน้าที่นี้ หวังหลิน ผู้ดูแลงานศิษย์สายนอก
พอคิดได้เช่นนี้ เขาก็ชี้ไปที่คนคนนึงที่เขาไม่รู้จักและพูดขึ้น “เจ้าโชคดี งานเจ้าคือการติดตามทุกอย่าง สร้างรายการสิ่งของที่คนนำมาให้ บันทึกชื่อและเวลาที่ให้มา ถ้าเจ้าโลภมาก ข้าจะเตะเจ้าออกจากสำนัก! ”
คนคนนั้นพลันตกตะลึง เขาลงไปที่พื้นในทันและก้มกราบหวังหลิน เขาคนนั้นพูดซ้ำว่าจะจดจำให้ถูกต้องและไม่ทำให้เกิดความผิดพลาด
ศิษย์สายนอกทั้งหลายตกตะลึง ก่อนหน้านี้ศิษย์ลิ่วกระทำการอย่างลับๆแต่หวังหลินช่างกล้าหาญที่พูดเรื่องสินบนขึ้น
เวลาต่อมา ศิษย์คนหนึ่งได้เดินไปข้างหน้าและนำยันต์เซียนที่ใช้กลับบ้านออกมาสามใบ เขานำมาเป็นบรรณาการให้กับหวังหลินและพูดขึ้น “พี่หวัง ข้าใช้ของสิ่งนี้เพื่อแสดงความเคารพท่าน”
หวังหลินตอบกลับด้วยเสียงหนึ่ง เขาหยิบยันต์เซียนกลับไปและถามขึ้น “งานที่เจ้าได้ทำก่อนหน้านี้คืออะไร?”
“ตักน้ำยี่สิบโอ่งต่อวันครับ!” คนนั้นตอบกลัยอย่างกังวลใจ
หวังหลินพูดอย่างเชื่องช้า “จากนี้เจ้าทำแค่ 5 โอ่งต่อวันแทน”
คนผู้นั้นตกตะลึงและแสดงท่าทีขอบคุณในทันที
เมื่อมีคนนำก็มีคนตาม คนอื่นจึงได้เข้าใจ ขณะที่หวังหลินยืนขึ้นและพูด “พวกเจ้าทั้งหมดไปได้แล้ว ถ้าพวกเจ้าต้องการติดสินบนอย่างเหมาะสม เขียนงานปัจจุบันของเจ้าและงานที่เจ้าต้องการไว้ในเศษกระดาษ จากนั้นนำมันมาให้คนที่เป็นผู้จัดการงานนี้ เจ้าสามารถทำได้แค่ครั้งเดียวในสิบวัน”
หลังจากพูดจบเขาก็กลับไปที่ห้องของตัวเองและปิดประตู
ผู้คนในลานหน้าบ้านต่างถอนหายใจ บางคนกระทั่งมีความโกรธเกรี้ยวในสายตา ท้องพวกเขาเต็มไปด้วยคำสาปตรงไปที่หวังหลิน แต่พวกเขาก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเสียงดัง พวกเขาต่างมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป
หลังแต่ละคนแยกย้ายกันออกไป หวังหลินจึงได้ออกมาจากห้องและสำรวจโรงเรือนทั้งหมด เขาได้พบกับประตูไปห้องเก็บของ
ห้องเก็บของไม่ใหญ่มาก หลังจากหวังหลินได้ทำความสะอาด แม้ว่าเขาจะผิดหวังบ้างเพราะว่าที่นี่จะเป็นที่ให้เขาอยู่อย่างสันโดษเป็นส่วนใหญ่ หวังหลินได้ทำความสะอาดเพื่อสร้างพื้นที่ว่างที่หนึ่ง จากนั้นปิดประตูอย่างแน่นหนาและเข้าสู่มิติความฝัน
เวลาได้ผ่านไป หวังหลินได้กลายมาเป็นผู้ดูแลกิจการโรงเรือนได้สองเดือนแล้ว ในสองเดือนนี้ นอกเหนือจากการมอบหมายงานให้ศิษย์สายนอกในวันแรกๆแล้ว เวลาพักผ่อนของเขาก็มุ่งเน้นไปที่การฝึกเซียน ส่วนงานของเหล่าศิษย์สายนอก เขาไม่สนใจเลย ถ้าพวกเขาไม่พอใจงานตนเอง สิ่งที่ต้องทำก็แค่ถอนหายใจและติดสินบนให้กับเขา
หวังหลินเต็มไปด้วยความน่าเบื่อตลอดสองเดือน การฝึกเซียนของเขามักจะถูกขัดจังหวะจากศิษย์สายนอก เขาไม่รู้ว่าศิษย์สายในคนอื่นทำอะไรและเหล่าผู้อาวุโสคิดอะไร หวังหลินมีแต่สิ่งยุ่งยากมากขึ้นแต่ก็พวกเขาก็ยังไม่ส่งคนมาแทนเสียที