Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 297

Cover Renegade Immortal 1

297. ตายก่อนจะเกิด

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและร่างกายพลันหายไปในธงกฎเกณฑ์ทันที ทว่ามันยากนักที่เซียนชุดเขียวจะรับรู้ได้ นอกจากนั้นเซียนชุดเขียวยังเป็นเพียงขั้นตัดวิญญาณระดับต้นขณะที่สัมผัสวิญญาณของหวังหลินอยู่ในระดับเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย

แม้ว่าทั้งสองจะมีระดับฝึกฝนเท่าเทียมกันแต่กลับมีความแตกต่างระหว่างสัมผัสวิญญาณขนาดใหญ่ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมหวังหลินถึงสามารถตรวจจับเซียนชุดเขียวได้ขณะที่เขาปรากฎตัวขึ้นแต่เซียนชุดเขียวไม่สามารถตรวจจับหวังหลินได้จนกว่าจะเข้าใกล้

เขาก้าวเข้าไปในค่ายกลก่อนจะหันกลับไปมองหมอกสีดำที่กำลังเข้ามาหา ใบหน้าเย็นชาของเขายิ่งเย็นชากว่าเดิม

ทว่าขณะนั้นร่างหวังหลินปรากฎตัวเหนือค่ายกลและขณะที่เขาปรากฎตัวพลันโยนกระดิ่งออกไป

เซียนชุดเขียวมีใบหน้าซีดเผือดทันที เขาไม่คิดว่าหวังหลินจะเร็วเช่นนี้ การหยุดกึกนี้ทำให้กระดิ่งคลอบคลุมเซียนชุดเขียวและขังไว้ข้างใน

หลังจากนั้นหวังหลินโบกแขน ธงกฎเกรฑ์และกระดิ่งกลับเข้ามาหาเขา ร่างกายหายไปในอากาศและเมื่อปรากฎตัวอีกครั้งก็อยู่บนพื้นแล้ว

“เจ้าไม่สามารถหนีไปได้!” หวังหลินพูดอย่างนิ่งเฉยราวกับกำลังพูดกับตัวเอง

เขานั่งลงบนพื้นและฝ่ามือสร้างผนึกหลากหลายอย่างวางลงบนกระดิ่ง

ทันใดนั้นกระดิ่งเริ่มสั้นไหวจนเกิดเสียง เสียงกระดิ่งส่วนใหญ่คงอยู่ข้างใน หลังผ่านไปสักครู่เกิดเสียงกรีดร้องออกมาจากข้างใน

หลังช่วงเวลาสั้นๆผ่านไปเสียงจากกระดิ่งเริ่มดังขึ้น นอกจากเสียงกระดิ่งแล้วยังมีเสียงกระแทกออกมาจากข้างใน ชัดเจนว่าเซียนคนนั้นไม่ยอมหลอมรวมจึงใช้กระบี่ของเขาโจมตีกระดิ่ง

หวังหลินรู้ว่ากระบี่เล่มนั้นแหลมคมและไม่รู้ว่ากระดิ่งจะทนทานมันได้หรือไม่ เขาปล่อยลมหายใจเยือกเย็นและฝ่ามือเคลื่อนไหวรวดเร็วเกิดเป็นผนึกวางลงบนกระดิ่งยิ่งขึ้น เสียงกระดิ่งก้องกังวาลดังขึ้นและดังขึ้นแต่เสียงจากข้างในกระดิ่งยิ่งอ่อนลงและอ่อนลง

กระดิ่งนี้เป็นสมบัติวิเศษจากโลกเซียนยุคโบราณ ความความสามารถหลักของมันก็คือกักขังผู้คนไว้และจากนั้นใช้ผนึกหลายชุดเพื่อเสริมพลัง กระดิ่งนี้สามารถกักขังได้กระทั่งวิญญาณดั้งเดิมแต่ต้องการผู้ใช้ที่มีระดับฝึกฝนที่สูงกว่าคนที่ขังอยู่ข้างในไม่เช่นนั้นจะเกิดการสะท้อนกลับอย่างรุนแรง

หลังเซียนขั้นตัดวิญญาณผู้หนึ่งได้สร้างวิญญาณดั้งเดิมของตน มันยากนักที่เขาจะตายในการต่อสู้ครั้งเดียวเว้นแต่จะถูกโจมตีจากคนหลายคนในครั้งเดียว ทว่าหากเป็นเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายลงมือนับว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปมาก

แน่นอนว่าหากพวกเขาอ่อนแออยู่ก่อนแล้ว เรื่องราวก็จะแตกต่างกันออกไปเหมือนเช่นเมื่อก่อนที่เมิ่งหลังค่อมอ่อนแรงมากและถูกหวังหลินล่อลวง ในท้ายสุดเขาได้ตายจากเงื้อมมือทองคำของจ้าวปิศาจพายุเฮอร์ริเคน

ขณะที่ผนึกของหวังหลินประทบลงบนกระดิ่งทีชะส่วน เสียงกรีดร้องค่อยๆอ่อนแอลงจนหายไปในที่สุด หวังหลินสร้างผนึกต่อไปชั่วขณะก่อนที่จะหยุดลง

ฝ่ามือขวาโบกสะบัดและกระดิ่งหดลง จากนั้นลอยเข้าไปในฝ่ามือและเขาเก็บมันไว้ หวังหลินไม่ได้รีบเร่งเปิดมันขึ้นมาเพราะเขารู้ได้ว่าแม้เซียนข้างในจะตายไป มันต้องวางการตอบโต้ไว้ก่อนที่จะตาย

การโต้ตอบของเซียนขั้นตัดวิญญาณก่อนที่จะตายนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก ดังนั้นด้วยการระมัดระวังของหวังหลิน เขาจะกล้าตรวจสอบมันได้อย่างไรเล่า? เขาตัดสินใจปรับแต่งอีกสิบวัน ครึ่งเดือนหรือนานกว่านั้นจนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกปรับแต่งไปแล้ว

การลงมือของหวังหลินครั้งนี้นับว่าพิเศษยิ่งนัก!

เขายืนขึ้น คางคกสายฟ้าได้กลับไปเป็นสร้อยข้อมือทองคำและกลับเข้าสู่เอวของเขา หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นค้นหาพื้นส่วนนี้อย่างละเอียด ใบหน้าเขาเปลี่ยนไปทันทีพลันนำธงกฎเกณฑ์ออกมาเพื่อป้องกันตัวเองและโยนเม็ดยาเข้าไปในปากพร้อมกับนั่งลง

พลังปราณข้างในร่างถูกสร้อยข้อมือทองแดงดูดซับอย่างรวดเร็ว หลังเวลาผ่านไปพักใหญ่ในที่สุดมันก็หยุดลงและหวังหลินลืมตาขึ้น เขาโยนเม็ดยาเข้าไปในปากเพิ่มอีกและในที่สุดก็ฟื้นฟูพลังปราณทั้งหมดกลับมาได้

หวังหลินพึมพำ “ในตอนเริ่มต้นมันแค่ทุกหกวันแต่ตอนนี้มันทุกสี่วัน แม้ว่าคางคกสายฟ้านี้จะมีประโยชน์แต่มันกินพลังปราณมากมายจริงๆ ในอนาคตข้าจะต้องบรรจุพลังปราณเข้าไปในสร้อยข้อมือล่วงหน้าเสียแล้ว เพราะหากเกิดเหตุการณ์นี้ในการต่อสู้มันจะอันตรายยิ่ง”

เขายืนขึ้นและเหาะเหินเข้าหาพระราชวัง หลังไม่พบอะไรเลยจึงขยายขอบเขตการค้นหา

พื้นที่ส่วนที่เขาอยู่ไม่ได้ใหญ่นักแต่ก็ไม่ได้ค่อนข้างเล็ก มันมีขนาดเท่ากับแคว้นจ้าว แม้เขาจะปกคลุมตลอดทั้งพื้นที่ด้วยสัมผัสวิญญาณ ทว่าพลังปราณสวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่สัมผัสวิญญาณสามารถตรวจพบได้เว้นแต่เขาจะอยู่ใกล้ๆ

หวังหลินใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อค้นหาในพื้นที่ส่วนนี้ เขาพบว่านอกจากพระราชวังแห่งนั้นก็ไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นๆอีก

มีหลุมหลายแห่งในพื้นดินที่แสดงให้เห็นถึงร่องรอยอดีตตอนที่ดินแดนสวรรค์แตกสลาย

วันหนึ่งหวังหลินได้มาถึงภูเขาอีกแห่งในพื้นที่ส่วนนี้ ทว่ารูปทรงของภูเขาแปลกประหลาดนักมันดูราวกับกุญแจขนาดใหญ่

ภูเขาแห่งนี้มีทรงสวยงามแต่ต้นไม้ทั้งหมดกลับตายมานานแล้ว เมื่อหวังหลินสัมผัสกิ่งหนึ่งบนต้นไม้มันกลับสลายกลายเป็นฝุ่น

มองต้นไม้หลายต้นบนภูเขาหวังหลินจึงยิ้มอย่างขื่นขม หากต้นไม้พวกนี้ยังมีชีวิต แต่ละต้นมีอายุนับพันปี บางต้นกระทั่งหมื่นปี

หากเขาใช้ต้นไม้พวกนี้สร้างไม้แกะสลัก หวังหลินเชื่อว่าพลังของไม้แกะสลักจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า น่าเสียดายนัก…

หวังหลินไม่เต็มใจยอมแพ้ขณะค้นหาไปรอบๆ หลังตรวจสอบทุกต้นบนภูเขาแล้วจึงถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

บนยอดภูเขาหวังหลินพบถ้ำแห่งหนึ่ง ประตูถ้ำนี้ถูกทำลายไปแล้วและเต็มไปด้วยฝุ่น พื้นที่ไม่ได้ดูเหมือนจะซ่อนไว้อย่างดีและหวังหลินไม่คาดคิดว่าจะจะเจอถ้ำที่ไม่มีใครเข้ามาก่อน

ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นักมันมีเพียงเจ็ดถึงแปดห้องเท่านั้น หวังหลินตรวจสอบถ้ำแต่ไม่พบอะไร ใครสักคนต้องมาที่นี่และหอบออกไปหมดแล้ว

เบื้องหน้าทางเข้าถ้ำหวังหลินได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว แม้เขาจะไม่พบอะไรเลยแต่กลับไม่ท้อแท้ เหตุผลที่เขาเข้าไปข้างในถ้ำก็เพื่อหาว่าสามารถหากฎเกณฑ์อะไรหลงเหลืออยู่ได้บ้าง

เขาต้องการเห็นว่าเหล่าเทวดาจะใช้กฎเกณฑ์หน้าตาแบบไหน หากเขาสามารถศึกษาบางส่วนได้จะช่วยในการบรรลุกฎเกณฑ์ 9,999 รูปแบบบนธงกฎเกณฑ์ได้มาก

หลังตรวจสอบอย่างละเอียดหวังหลินพบว่ากฎเกณฑ์ส่วนใหญ่หายไปแล้วแต่ไม่ใช่ทั้งหมด หวังหลินมีความสุขเมื่อพบว่าหนึ่งในห้องนั้นมีกฎเกณฑ์รูปแบบหนึ่งหลงเหลืออยู่

กฎเกณฑ์นี้ต้องไม่แข็งแกร่งมาก มันถูกใช้เพื่อผนึกประตูหนึ่งเท่านั้น แม้ว่ามันจะแตกเสียหายไปแล้วแต่ยังมีเศษเสี้ยวของมันทิ้งไว้ด้านข้างประตู ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้นและเริ่มศึกษา

กฎเกณฑ์ของเหล่าเทวดานั้นคล้ายคลึงกับกฎเกณฑ์โบราณที่หวังหลินรู้จัก แต่ยังมีความแตกต่างกัน ความจริงกฎเกณฑ์เป็นเพียงค่ายกลหลายชนิดแต่ที่มีความยืดหยุ่นกว่า

สามวันถัดมาหวังหลินก็ออกจากถ้ำ เศษเสี้ยวกฎเกณฑ์ได้ถูกหวังหลินจดจำไว้อย่างสมบูรณ์

เขาลงมาจากภูเขา ขณะที่กำลังจะจากไปพลันพบว่าต้นไม้ทั้งหมดบนภูเขาได้กลายเป็นฝุ่นและหายไป

แต่ตอนนี้ฝุ่นทั้งหมดลอยอยู่ในอากาศและเคลื่อนไหวราวกับกำลังถูกควบคุมอยู่

ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งขณะเหาะเหินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ เขามองลงมาจากเบื้องบนและใบหน้าเปลี่ยนไปเคร่งเครียดทันที

จากตำแหน่งของเขามองไปที่ก้อนเมฆฝุ่นนั้นมันดูเหมือนจะเป็นคำสองคำ

“ช่วย ข้า” หวังหลินขมวดคิ้ว

ฝุ่นผงหายไปอย่างช้าๆ จากข้างบนนั้นภูเขาดูเหมือนกับเป็นแม่กุญแจและถ้ำดูราวกับเป็นรูกุญแจ

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้กลับไปตรวจสอบ สถานที่แห่งนี้ประหลาดยิ่งนักดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะตรวจสอบต่อไป

สิ่งสำคัญกว่าก็คือเขาเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนแรกที่สังเกตสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับภูเขาแห่งนี้ได้ หากเป็นเช่นนั้นทำไมภูเขาแห่งนี้ถึงยังอยู่ที่นี่? เมื่อคิดดังนี้หวังหลินยิ่งไม่อยากตรวจสอบ เขาถอยกลับอย่างช้าๆและจากไป

หากแม้จะมีเทวดาสักคนถูกขังไว้ที่นี่ หวังหลินก็ยังไม่อยากทำสิ่งใดที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของชีวิตตนเอง

หวังหลินได้ค้นหาพื้นที่ส่วนนี้อย่างถี่ถ้วนเมื่อหลายวันที่ผ่านมาและไม่เจอพลังปราณสวรรค์เลย ดังนั้นจึงตัดสินใจออกไปเพื่อตรวจสอบพื้นที่ส่วนอื่น

ก่อนที่เขาจะจากไปพลันบรรจุพลังปราณเข้าไปในสร้อยข้อมือทองแดง หลังมาถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เซียนชุดเขียวใช้งาน เขาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะนำกระดิ่งออกมา

วิธีที่จะออกพื้นที่ส่วนนี้จากความเข้าใจของหวังหลินก็คือให้เหาะเหินขึ้นไปเรื่อยๆจนผ่านม่านในท้องฟ้า จากนั้นเขาจะกลับไปที่จุดเร่ิมต้นซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเข้าไปในวังวนและถูกสุ่มลงไปบนพื้นที่ส่วนอื่น

แต่วิธีที่เซียนชุดเขียวได้ใช้บนพื้นที่ข้างในนี้นับว่าประหลาดยิ่งนัก เขามาถึงที่นี่ผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย นี่ทำให้วหังหลินกล้าคาดเดา

สำนักโบราณบางแห่งสามารถจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายไม่กี่แห่งหลังจากเข้ามาในดินแดนสวรรค์หลายครั้ง ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้จะทำให้ศิษย์ของสำนักนั้นเดินทางระหว่างชิ้นส่วนที่สำนักได้เคยไปมาก่อน

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาโยนกระดิ่งออกไปเบื้องหน้าและเริ่มสร้างผนึกมากขึ้น หลังจากนั้นอีกสองวันหวังหลินประเมินว่าหากเซียนขั้นตัดวิญญาณผู้นี้ได้วางการโต้ตอบหลังจากตายไป ในตอนนี้มันน่าจะหายไปแล้ว

เมื่อคิดเช่นนี้เขาโบกแขนขวาและกระดิ่งขยายตัวออกมาอย่างช้าๆ ปัง! ควันสีรุ้งออกมาจากเบื้องล่างกระดิ่งขณะที่มันเปิดออก

หวังหลินเห็นที่อยู่ข้างใน มีเพียงกระเป๋าและกระบี่หนึ่งเล่ม แต่ทันใดนั้นกระบี่ส่งเสียงหึ่งและลำแสงปราณกระบี่ขนาดเท่าแขนพุ่งออกมา

หวังหลินเยาะเย้ยเขาชี้ด้วยนิ้วตัวเองและปราณกระบี่หายไปพร้อมกับเกิดเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้ายของวิญญาณดั้งเดิมที่กำลังหายไป

เซียนชุดเขียวได้วางวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองไว้ข้างในกระบี่เพื่อสังการให้มันโจมตีครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาตาย ทว่าหลังถูกหลอมรวมเป็นเวลานาน วิญญาณดั้งเดิมของเขาไม่สามารถคงสภาพไว้ได้อีกต่อไป ความพยายามครั้งสุดท้ายจึงถูกหวังหลินดับลง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version