299. ประจัญบานผีเสื้อแดง
จากนั้นภาพมายาได้เปลี่ยนไป ครั้งนี้เทวดาหลายคนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
แต่จังหวะนี้เองฝ่ามือที่ทำลายกระบี่ได้พลิกกลับมาและดิ่งลงสู่ฟื้น ลำแสงสีเงินพลันลอยออกมาจากฝ่ามือและเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินถูกฝังอยู่ในฉากเหตุการร์นี้และตกตะลึงในทันที จังหวะที่แสงสีเงินปรากฎ หวังหลินตื่นตัวและโยนกับดักอสูรออกไป คางคกสายฟ้าปรากฎขึ้นพร้อมกับพ่นบอลสายฟ้าเข้าปะทะกับลำแสงสีเงินในพริบตา
หลังเสียงดังกึกก้อง คางคกสายฟ้าถอยหลังไปหนึ่งร้อยฟุต ใบหน้าหวังหลินมืดมัวขณะกระโดดขึ้นไปบนหลังคางคกสายฟ้าและเบื้องหลังสายฟ้าเงินเป็นสตรีคนหนึ่ง
หวังหลินเอ่ยอย่างช้าๆ “ผีเสื้อแดง!”
เมื่อตอนที่หวังหลินจมอยู่ในภาพมายา สตรีผู้นี้ได้ปรากฎขึ้นทันทีและโจมตีเขาโดยไม่ได้เอ่ยกล่าว หากสัมผัสวิญญาณของหวังหลินไม่ได้บรรลุขั้นตัดวิญญาณระดับปลายแล้วหละก็เขาคงคิดว่าแสงสีเงินเป็นส่วนหนึ่งของภาพมายาและสังหารเขาได้ง่ายๆ
ใบหน้าผีเสื้อแดงเย็นชาขณะที่นางจ้องหวังหลินและเอ่ยขึ้น “เจ้ารู้จักข้าจริงๆ พูดมาว่าเจ้าเป็นใคร?”
ใบหน้าหวังหลินสงบนิ่งขณะเอ่ยตอบ “ใครจะไม่รู้จักอัจฉริยะของเฉว่ยี่กัน?”
ผีเสื้อแดงเอ่ยอย่างเย็นชา “ไม่พูดหรือ?เช่นนั้นคงดีกว่าถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ตลอดไป!” สิ้นคำพูดนางยกแขนขวาขึ้นและลำแสงสีเงินปรากฎในฝ่ามือ นางจ้องหวังหลินอย่างเยือกเย็น
หวังหลินหัวเราะเสียงดัง แววตาพลันสว่างขึ้นและเอ่ยออกมา“ข้าได้ยินว่าผีเสื้อแดงบรรลุระดับขั้นตัดวิญญาณระดับปลายได้ด้วยเวลาเพียงร้อยปี แม้ว่าร้อยปีจะไม่นานนักมันเท่ากับอายุขัยของคนทั่วไป ข้าสงสัยว่าครอบครัวเจ้ายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?”
ผีเสื้อแดงขมวดคิ้ว นางสะบัดลำแสงสีเงินในฝ่ามือและจากนั้นท้องฟ้าพลันปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินหลายจุด ลำแสงเริ่มเป็นฝนตกลงมาบนหวังหลิน
หวังหลินตบเจ้าคางคกสายฟ้า จากนั้นท้องของมันพองขึ้นและพ่นบอลสายฟ้าลอยเข้าไปในอากาศ พลันหวังหลินตะโกน ”ระเบิด!”
ทันใดนั้นบอลสายฟ้าระเบิดออกและลำแสงสายฟ้าป้องกันลำแสงสีเงินหลายจุดซึ่งมีเวลาให้หวังหลินถอยกลับอย่างรวดเร็ว
ส่วนเจ้าคางคกสายฟ้าหลังจากพ่นบอลสายฟ้าไปมันจึงถอยร่นไปพร้อมกับหวังหลิน
ขณะที่หวังหลินล่าถอยเขาตะโกนขึ้น “ผีเสื้อแดง ครอบครัวเจ้ามีลูกคนอื่นๆไหม? หากไม่มีนั่นไม่ได้หมายว่าพวกเขาจะไม่มีคนอื่นอีกหรือไง? นั่นหมายความว่าเจ้าไม่มีความกตัญญูเลย”
ผีเสื้อแดงขมวดคิ้วอีกครั้งขณะที่นางมองหวังหลินอย่างเยือกเย็นและพุ่งตามหลังเขาไป นางโบกแขนขวาและกระบี่เหินเล่มหนึ่งปรากฎขึ้นเหนือศีรษะนาง กระบี่พุ่งออกไปตามหลังหวังหลินซึ่งมีความเร็วมากกว่าเขาหลายเท่า
กระบี่เหินแฝงเขตแดนเข้าไปด้วยซึ่งบรรจุดังเช่นเขตแดนไร้อารมณ์อันทรงพลังพร้อมกับเกล็ดหิมะเริ่มปรากฎรอบๆกระบี่
ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาตบกระเป๋าและธงกฎเกณฑ์ปรากฎออกมา หมอกสีดำล้อมรอบพื้นที่ไว้ทันที สายหมอกสร้างเป็นรูปทรงมังกรหลายตัวและพุ่งเข้าใส่กระบี่เหิน
ต่อจากนั้นหวังหลินไม่ได้ล่าถอยอีกแต่กลับหายตัวข้างในสายหมอกสีดำแทน เมื่อเขาปรากฎตัวอีกครั้งพลันอยู่เบื้องหลังผีเสื้อแดงไปสิบฟัต ฝ่ามือสร้างผนึกแห่งหนึ่งและพลังปราณในร่างกายเคลื่อนไหวพร้อมกับวังวนสีดำและสีขาวปรากฎออกมา
จังหวะนี้เขตแดนแห่งชีวิตและความตายขยายออกมาจากวังวนแห่งนี้
ผีเสื้อแดงขมวดคิ้วอีกครั้งและพูดขึ้น “บังอาจ!” สิ้นคำนางยกฝ่ามือขวาและคว้าไปในอากาศ ทันใดนั้นพลังงานเย็นเยือกห้าเส้นพุ่งออกมาจากนิ้วและเกิดเป็นภูเขาหิมะห้าลูก ทั้งหมดร่อนลงเข้าหาหวังหลิน
“หิมะครั้งนี้เกิดในท้องฟ้าและดับสูญบนผืนดิน!” แววตาหวังหลินสงบนิ่งขณะที่วังวนสีดำและสีขาวกระตุ้นออกมา แม้ว่าศัตรูจะเป็นถึงเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลาย นับตั้งแต่ที่นางต้องการสังหารเขา อย่างน้อยเขาต้องให้นางต่อสู้ให้ได้
วังวนชีวิตและความตายพลันขยายออกทันที ภูเขาหิมะทั้งห้าแห่งเริ่มหลอมละลายและเมื่อพวกมันลดลงเข้าหาวังวนมันก็หดลงเหลือน้อยกว่าครึ่งนึงจากขนาดดั้งเดิมไปแล้ว
จังหวะทีปะทะกัน เสี้ยวเขตแดนไร้อารมณ์เข้าไปในร่างหวังหลินทำให้เขาไอออกมาเป็นโลหิต โลหิตนั้นได้เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งทันทีหลังออกมาจากร่างกาย
หวังหลินรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยความหนาวเหน็บ ความทรงจำและความรักของครอบครัวเริ่มจางหายไป จิตใจหวังหลินไม่ตื่นตระหนก เขารู้ได้ว่าเมื่อความทรงจำทั้งหมดหายไปเขาจะกลายเป็นนักฆ่าที่ไร้ความรู้สึก สิ่งนี้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ในใจผีเสื้อแดงเพื่อควบคุมด้วยชีวิตและความตาย
เขตแดนชีวิตและความตายกระตุ้นในร่างของเขา ฉากเหตุการณ์ตอนที่เขาเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา การอาศัยกับครอบครัวต้าหนิวและความตายของพวกเขาและประสบการณ์หลากหลายอย่างตอนที่เป็นคนธรรมดาได้รวมกันแน่นในใจ
โดยใช้จังหวะแห่งความแจ่มชัดนี้ หวังหลินตะโกนขึ้น
“หนึ่งร้อยปี ทั้งชีวิตและความรักของครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่สวรรค์สามารถลบล้างออกไปได้ ผีเสื้อแดงหากแม้ครอบครัวของเจ้าได้เข้าไปในการเวียนว่ายตายเกิดและเฝ้าดูเจ้าจากเบื้องหลัง เจ้ากล้าหันกลับไปมองดูไหม?”
แม้ว่าใบหน้าผีเสื้อแดงจะคงเดิม หวังหลินรู้สึกได้ว่าเขตแดนในร่างกายเขาอ่อนแอเล็กน้อย เขตแดนชีวิตและความตายหมุนวนผ่านร่างเขาอย่างรวดเร็วขณะที่ร่างกายหวังหลินหายวับไป เมื่อปรากฎตัวอีกครั้งเขามาอยู่บนเจ้าคางคกสายฟ้า จากนั้นล่าถอยอย่างรวดเร็ว
หวังหลินโบกสะบัดธงกฎเกณฑ์ในฝ่ามือและมังกรหนึ่งร้อยตัวที่ควันกฎเกณฑ์สร้างขึ้นได้พุ่งเข้าหาผีเสื้อแดง
หวังหลินใช้ช่วงเวลาหายใจสั้นๆเพื่อบังคับเขตแดนไร้อารมณ์ให้ออกจากร่างกายดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำอันตรายเขาได้อีก ใบหน้าหวังหลินมืดหม่นเนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นนับว่าอันตรายมาก หากมีสิ่งใดผิดพลาดเขาคงกลายเป็นส่วนหนึ่งของวังวนและไม่มีโอกาสฝืนกฎสวรรค์ได้
“เขตแดนของเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับปลายนับว่าแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ” หวังหลินสูดหายใจลึก ความจริงแล้วจังหวะที่ผีเสื้อแดงลอบโจมตีเขา การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว
หวังหลินเคยเห็นวิถีหัวใจน้ำแข็งมาก่อน กุญแจก็คือการขับไล่ความรู้สึกทั้งหมดออกไป บดขยี้และปรับแต่งมันจนกว่าจะบรรลุภาวะที่ไร้อารมณ์ได้
นี่คือจิตใจแห่งเต๋าของผีเสื้อแดง!
ในวันที่เขาเห็นวิถีหัวใจน้ำแข็งครั้งแรก หวังหลินคิดว่าผีเสื้อแดงบรรลุขั้นตัดวิญญาณได้อย่างไรภายในเวลาแค่หนึ่งร้อยปี บนฝ่ามือหนึ่งแสดงให้เห็นว่านางแข็งแกร่งทรงพลังแค่ไหน แต่อีกฝ่ามือหนึ่งก็เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของนางเช่นกัน
การไร้เวลาฝึกฝนจิตใจแห่งเต๋าของคนคนหนึ่งนั้นเทียบไม่ได้กับคนที่อาศัยอยู่มานานมากกว่า อีกทั้งด้วยเวลาเพียงหนึ่งร้อยปีไม่มีทางที่นางจะลบความรู้สึกทั้งหมดออกไปได้อย่างสมบูรณ์
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมหวังหลินจึงยกเรื่องครอบครัวนางขึ้นมา โดยการให้นางจดจำเรื่องราวในอดีตและสัมผัสถึงเศษเสี้ยวอารมณ์เหล่านั้นจนหวังหลินทะลวงจิตใจแห่งเต๋าของนางเพื่อเปิดโอกาสเอาชนะได้
แต่จิตใจแห่งเต๋าของสตรีผู้นี้มั่นคงและไม่กระทบกระเทือนต่อคำพูดของหวังหลิน มีเพียงแค่ตอนที่หวังหลินกระตุ้นเขตแดนแห่งชีวิตและความตายเท่านั้นเพื่อต่อต้านเขตแดนไร้อารมณ์ของนางจึงตระหนักได้ว่าคำพูดของเขากำลังได้ผล
แม้ว่าหวังหลินไม่ได้พูดอะไรมากและผลลัพธ์ไม่ชัดเจน คำพูดของเขาได้เพาะเมล็ดพันธุ์ในใจนางไปแล้ว หากนางไม่สามารถนำเมล็ดนี้ออกไปนางจะไม่สามารถบรรลุขั้นแปลงวิญญาณได้ตลอดชีวิต
หวังหลินสูดหายใจลึก เขารู้ว่าด้วยพรสวรรค์ของผีเสื้อแดง เมล็ดนี้จะไม่อยู่ได้นานนัก ทว่าหากเขาสัมผัสจุดอ่อนซ้ำๆและพิสูจน์ได้ว่าเขตแดนชีวิตและความตายของเขาเป็นเส้นทางแห่งความจริงขณะที่เขตแดนไร้อารมณ์ของนางมีข้อเสีย เช่นนั้นสตรีคนนี้จะไม่น่ากลัวอีกเลย
ผีเสื้อแดงไม่ใส่ใจเรื่องเหล่ามังกรที่กำลังพุ่งเข้าหานาง ขณะที่เหล่ามังกรเข้าใกล้ วิญญาณดั้งเดิมของผีเสื้อแดงผุดออกมาและนางโบกแขน ลำแสงวงแหวนสีฟ้าขยายออกพลันเปลี่ยนเหล่ามังกรให้กลายเป็นน้ำแข็ง
นางจ้องไปยังทิศทางที่หวังหลินล่าถอยกลับไปพลันแววตาของนางเย็นเยือกมากขึ้น นางเข้าใจเจตนาของหวังหลิน เดิมทีแล้วมันไม่ใช่ปัญหาแต่เขตแดนของหวังหลินประหลาดยิ่งนัก เขาสามารถได้รับเศษเสี้ยวแห่งชีวิตและความตายจากวัฎจักรเวียนว่ายตายเกิดนั้นได้ขนาดนี้
ขณะที่ภูเขาหิมะร่อนลงบนวังวน นางรู้สึกได้ชัดเจนว่าเขตแดนชีวิตและความตายเข้ามาในร่างทำให้ความทรงจำผ่านๆมาผุดขึ้น แม้ว่านางสามารถลบภาพพวกนั้นได้อย่างรวดเร็ว แต่คำพูดของหวังหลินดังเข้ามาในหู “แม้พวกท่านจะเข้าไปในวัฎจักรเวียนว่ายตายเกิด พวกท่านกำลังเฝ้ามองเจ้าจากเบื้องหลัง”
ขณะที่ประโยคนี้เปล่งออกมา ความทรงจำของผีเสื้อแดงกลายเป็นวุ่นวาย แม้ว่ามันจะใช้เวลาชั่วจังหวะหนึ่งในการฟื้นคืนมาให้แจ่มชัดแต่นางได้พลาดโอกาสสังหารเขาไปแล้ว
“เซียนขั้นตัดวิญญาณระดับต้นแท้ๆแต่เขากำลังสนใจที่จะทำลายจิตใจแห่งเต๋าของข้า คนผู้นี้ไม่ควรมีชีวิตรอด” แววตาผีเสื้อแดงเปลี่ยนไปเป็นปกติและนางไล่ล่าตามหลังหวังหลิน
ขณะที่หวังหลินวิ่งหนี เขาโบกแขนและเก็บคางคกสายฟ้ากลับไป ทว่าความเร็วของเซียนขั้นตัดวิญญาณระดับสูงนับว่าเหนือกว่าระดับต้นำมากมายนัก ในไม่ช้าหวังหลินจึงสัมผัสได้ถึงเศษเสี้ยวพลังปราณปรากฎเบื้องหลังเขา
หวังหลินสูดหายใจลึก ขณะที่กำลังจะหนี ความคิดของเขาว่างเปล่าทันทีและนึกถึงรอยประทับฝ่ามือยักษ์ที่เขาเห็นในพระราชวัง
หวังหลินพยายามจะเข้าใจมันแต่ในท้ายสุดก็ล้มเหลว
ขณะที่วิ่งไป ภาพรอยประทับฝ่ามือยิ่งชัดเจนและชัดเจนขึ้นในใจเขา หวังหลินนึกถึงภาพมายาที่แสดงให้เห็นโดยเฉพาะรอยประทับฝ่ามือที่บดขยี้กระบี่และคล้อยลงมาบนพื้นดิน
ภาพมายาของรอยฝ่ามือนั้นได้หลอมรวมกับภาพรอยประทับฝ่ามือจากพระราชวัง ภายใต้สภาวะความคิดแปลกประหลาดนี้ ร่างหวังหลินลอยขึ้นไปทันทีและเขาปีนขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ผีเสื้อแดงเยาะเย้ยขณะที่นางไล่ล่าเขาจากเบื้องหลังและคิดว่า ‘ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปข้างหน้าหรือขึ้นไปข้างบน เจ้าจะไม่หนีรอดไปได้ง่ายๆ’
หวังหลินลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและทันใดนั้นหยุดกึก เขามองไปที่พื้นราวกับรับรู้บางสิ่งได้และกดฝ่ามือลงอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นท้องฟ้ามือลงและกระแสพลังงานหลากหลายอย่างได้รวบรวมอยู่ใต้เขาเกิดเป็นฝ่ามือยักษ์ข้างหนึ่งเบื้องล่างหวังหลิน
ฝ่ามือกดลงไปทางหวังหลิน
เป็นครั้งที่ท่าทางของผีเสื้อแดงเปลี่ยนไป นางต้องการจะหลบแต่ฝ่ามือขนาดใหญ่เกินไปและมันได้มาถึงรวดเร็วมาก มันผ่านร่างกายของผีเสื้อแดงและร่อนลงบนพื้นดินเกิดเป็นคลื่นฝุ่นกระจัดกระจาย
นางตื่นตกใจและตรวจสอบร่างตัวเองอย่างรวดเร็วจนพบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ นางไม่รู้ว่าฝ่ามือของหวังหลินครั้งนี้ไม่มีพลังและเขาเพียงแค่พยายามทำความเข้าใจรอยประทับฝ่ามือเท่านั้น