33. ข้อความหลัก
หวังหลินไม่ได้สนใจยาเม็ดสร้างลำต้นนี้ ดูจากราคาที่สูงขนาดนี้ก็ถอนหายใจไปหาหวังเฮ่า เหมือนว่าหวังเฮ่าจะชวดโอกาสได้เม็ดยาสร้างลำต้นแล้ว
ขณะที่คิดอยู่เขาก็ได้ยินเสียงหวังเฮ่าตะโกนขึ้น “230 เม็ดยารวมปราณ นี่ถึงขีดจำกัดข้าแล้ว เกินกว่านี้ข้าไม่มีอะไรจะแลก!”
ฉากข้างหน้ากลายเป็นเงียบเชียบอย่างรวดเร็ว 230 เม็ดยารวมปราณเป็นราคาที่สูงอย่างมาก มีคนเพียงไม่กี่คนจะสู้ราคาด้วย แต่เม็ดยาสร้างลำต้นถือได้ว่าเป็นของหายากและน้อยคนนักที่จะยอมแพ้
คนที่ขายเม็ดยาสร้างลำต้นยิ้มขึ้น เขาพูดอย่างจองหอง “แค่เม็ดยารวมปราณ 230 เม็ด เจ้าต้องการจะแลกกับเม็ดยาสร้างลำต้นของข้าหรือ? ถ้าราคาต่ำกว่า 2000 เม็ดข้าก็ยังไม่แลก!”
หวังหลินเงียบเสียงฟังอย่างรวดเร็ว หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่เขาก็แอบคิดได้ว่านั่นเป็นหวังจัว แต่ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะว่าเขาปิดบังด้วยหมอกดำอย่างมิดชิด
หวังเฮ่ายักไหล่และไม่ได้พูดอะไรออกมา ทุกคนตกตะลึงกับความถือดีของคนคนนั้น
คนที่เสียงแหบพร่าได้พูดขึ้น “งั้นทุกคน ตั้งแต่ที่ไม่มีใครอยากแลกเม็ดยาสร้างลำต้น เปลี่ยนไปแลกของชิ้นต่อไปเถอะ”
ก่อนจะนานกว่านี้ คนอื่นๆออกมาและแสดงสิ่งของที่ดีของตัวเอง ไม่นานนักก็เป็นตาของหวังหลิน เขาก้าวไปข้างหน้า หยิบขวดขนาดเล็กออกมาและพูดขึ้น “ของเหลวลึกลับอันนี้หนึ่งหยดเทียบเท่ากับเม็ดยารวมปราณ มีอยู่ร้อยหยดในนี้ ข้าต้องการแลกเปลี่ยนกับบทสวดระดับสี่ขั้นรวบรวมลมปราณหรือเทียบเท่า” หลังจากเขาพูดจบก็เปิดขวดออกมา ทุกคนสัมผัสได้ถึงพลังปราณข้างในนั้น
หลายๆคนจดจำขึ้นใจ แม้ว่าเม็ดยารวมปราณจะช่วยเติมพลังปราณแต่มันก็ยังเป็นผลผลิตสุดท้ายแล้ว ของเหลวชิ้นนี้มีวิธีใช้ได้หลากหลาย เช่นการกลั่นเม็ดยาให้มากขึ้นจนกระทั่งเพิ่มความสามารถของวิเศษเช่นกระบี่เหิน มันอาจจะช่วยเพิ่มพลังจิตวิญญาณให้กับกระบี่ ใครบางคนพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ข้าจะแลกบทสวดระดับสี่กับเจ้า!”
หวังหลินยกคิ้วขึ้น “แค่ระดับสี่หรือ?”
ส่วนอีกคนตะโกน “ระดับ 4 ระดับ 5 และระดับ 6 เพื่อแลกกับของเหลวลึกลับนั่นจะว่าเช่นไร?”
หวังหลินไตร่ตรองเล็กน้อย เขาส่ายหัวและพูดขึ้น “ข้าต้องการบทสวดตั้งแต่ขั้นที่ 4 ไปจนถึงขั้นที่ 15”
“น้องชาย เจ้าไม่ทำให้มันยุ่งยากไปหน่อยหรอ? แม้แต่ศิษย์ผู้อาวุธโสอันดับสอง คานเจี๋ย ที่ชนะการแข่งปีล่าสุด ก็อยู่เพียงขั้นที่ 6 และเขามีเพียงบทสวดขั้น 7 8 และ 9 ส่วน ขั้น 10 ถึง 15 มีศิษย์ไม่กี่คนที่มีมันเท่านั้น!”
หวังหลินตกตะลึง เขาลังเลชั่วครู่ ขณะนั้นหนึ่งเสียงก็ดังจากไม่ไกล “ถ้าเจ้ามีหยดน้ำ 200 หยด ข้าจะให้เจ้าตั้งแต่ขั้นที่ 4 ถึง 9 !”
ทุกคนมองไปที่เสียงนั้นและเห็นชายสวมชุดคลุมสีม่วงกำลังเดินไปหาหวังหลินที่ปลอมตัวอยู่ เขาอายุเพียงสี่สิบปีเท่านั้นแต่แสดงออกอย่างเยือกเย็น เมื่อเขามาถึงก็มองไปรอบๆ ทุกคนอยู่ในอาการตกใจ พูดด้วยเสียงเคารพ “ศิษย์ผู้อาวุโสลำดับสอง คานเจี๋ย!”
ชายชุดม่วงไม่ได้ใส่ใจพวกเขานักแต่กลับพูดกับหวังหลิน “เจ้ามีหยดน้ำสองร้อยหยดหรือไม่?”
หวังหลินมีสีหน้าปั้นยากและรูม่านตาหดเล็กลง เขารู้สึกว่าคนคนนี้เป็นตัวอันตรายอย่างมาก แข็งแกร่งกว่าทุกคนที่เขาเคยเจอในสำนักเหิงยั่วเสียอีก
ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์ซุนต้าซื่อและศิษย์พี่จ้างก็เทียบกับเขาไม่ได้
หวังหลินตอบอย่างสุภาพ “ของเหลวนี้ข้าเจอมันด้วยความบังเอิญ นอกจากร้อยหยดนี้ก็ใช้ไปสิบกว่าหยดเพื่อตัวเอง ข้าไม่มีมากมายนักหรอก”
ชายชุดม่วงครุ่นคิดเล็กน้อย เขาโยนเศษหยกมาให้และพูดขึ้น “ก็ดี ส่งที่เหลือมาให้ข้าและนี่เป็นบทสวดของเจ้า!”
หวังหลินรับเศษหยกและตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาหยิบอีกขวดออกมาและวางทั้งสองขวดบนพื้น หวังหลินไม่ต้องการเข้าใกล้ชายชุดม่วงคนนี้
ชายชุดม่วงมองไปที่หวังหลินจากนั้นก็โบกมือ ขวดสองขวดลอยเข้าหาเขา หลังจากตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณแล้วก็พูดขึ้น “ถ้าเจ้ามีของเหลวนี้อีก มาหาข้าที่ภูเขาด้านหลังได้ ไม่ว่าจะเป็นเม็ดยาสร้างลำต้น กระบี่เหิน หยกวิชา หรือแม้แต่บทร่ายขั้นที่10 ข้าก็จะนำมันมาให้!” หลังจากพูดจบเขาก็หันหลังกลับและจากไป
ดวงตาหวังหลินหรี่แคบและจับจ้องอย่างเยือกเย็น สิ่งที่ชายชุดม่วงพูดขึ้นดูราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ หากเป็นคนในกลุ่มพวกนี้ เขาอาจจะไม่เข้าใจในทันที แต่หวังหลินเป็นคนฉลาด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจถึงความหมายแฝงในนั้น
คำพูดที่เขาพูดนั้นหมายความว่าใครก็ตามที่นำของเหลวลึกลับมาให้เขาก็จะแลกสิ่งที่เขาพูดก่อนนี้ได้ ซึ่งนั่นทำให้หวังหลินตกอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายมาก
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นคนอื่นในสายตา ก็ยังรู้สึกได้ว่ามีคนจ้องมองเขาอย่างลับๆ
หลังจากหวังหลินตัดสินใจนำน้ำแร่ธรรมชาติออกมา เขาก็เตรียมพร้อมกับความเป็นไปได้พวกนี้ไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่หวาดกลัวและตรวจสอบรอบๆอย่างใจเย็น
ผู้คนรีบแลกเปลี่ยนกันต่อไปจนจบ เมื่อมีคนจากไป มีคนที่เต็มไปด้วยความยินดีและเช่นกันก็มีคนที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
หวังหลินไม่ได้จากมาพร้อมกับหวังเฮ่า แต่วางยันต์เซียนหลายสิบอันบนขาและวิ่งออกไปในทันที เขาหายตัวไปเพียงกระพริบตาครานึงเท่านั้น
หวังเฮ่าเป็นคนฉลาดและเข้าใจว่าทำไมหวังหลินทำเช่นนี้ เขารีบใช้ยันต์เซียนและออกจากพื้นที่แลกเปลี่ยนทันที
เหล่าศิษย์ที่ได้เผยสมบัติชิ้นดีพวกนี้ก็ทำสิ่งเดียวกันและรีบจากไปอย่างรวดเร็ว
ศิษย์หลายคนที่มีเจตนาร้ายต่างมุ่งหน้าเข้าปาหวังหลินหลังจากเห็นของเหลวลึกลับที่หยิบออกมานั่น พวกเขาต้องการไล่ตามแต่เห็นเพียงเงาสายหนึ่ง พวกเขาโดนวิชาอยู่สองสามครั้งและจากไป
ศิษย์ระดับสูงบางคนไม่ได้ไล่ตามและไม่ได้ขโมยอย่างโจ่งแจ้งเช่นนั้น เพราะนอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนกับศิษย์สำนักเดียวกัน ถ้าเกิดการสังหารและโขมยกันเกิดขึ้นจริงๆ เมื่อผู้อาวุโสคนอื่นตรวจพบเข้า นั่นหมายถึงหายนะ
ขณะที่หวังหลินกำลังวิ่ง เขาได้นำยันต์เซียนมาวางเพิ่มที่เท้าตัวเอง ความเร็วของยันต์เซียนได้เพิ่มขึ้นทันที ดังนั้นด้วยยันต์เซียนหลายสิบอันบนเท้าเขา จึงได้กลับมาที่ลานในสำนักอย่างรวดเร็ว
คนที่เขากลัวมากที่สุดคือชายชุดม่วง เขาไม่ได้รีบกลับไปที่โรงเรือนในทันทีแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องว่างเปล่า
เมื่อแสงอาทิตย์ฉายขึ้นและผลของเม็ดยาจำแลงได้หายไป หวังหลินระมัดระวังตัวเองก่อนจะออกจากห้อง โชคดีที่ตามทางเดินกลับไม่เกิดอะไรขึ้น