345. เหล่าคนเถื่อน
สุสานอมตะเป็นเทือกเขาสูงล้อมรอด้วยสายหมอกหนาทึบสีดำ
ข้างในเทือกเขาเป็นสถานที่เงียบสงัดและไม่มีสัญญาณแห่งชีวิต ความเงียบเช่นนี้นับว่าน่ากลัวนัก
ลึกเข้าไปในเทือกเขาคือหลุมยักษ์แห่งหนึ่ง
กลุ่มผู้เฒ่าฮู่ทั้งหกคนนั่งอยู่ข้างนอกหลุม เปรียบเทียบกับหลุมแล้วพวกเขาดูไม่สำคัญอะไรนัก
ผู้เฒ่าฮู่นั่งขัดสมาธิ เขารออยู่ที่นี่มาเกือบหนึ่งเดือน แม้ว่าจะไม่ได้เผชิญอันตรายระหว่างทางทว่ามีบางสิ่งทำให้เขาขนลุกซู่ระหว่างการเดินทาง
สำหรับเซียนขั้นตัดวิญญาณแล้วเขาไม่เชื่อว่าความรู้สึกนี้จะเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ตอนนี้เขาอยู่ใกล้กับหลุมที่ซึ่งความรู้สึกนี้รุนแรงยิ่ง
ผู้เฒ่าฮู่คิด ‘เพิ่มสหายหวังเข้าไปจะมีเซียนขั้นตัดวิญญาณถึงสามคน ตราบใดที่เราไม่เข้าไปลึกมากเกินจะไม่เกิดปัญหาใด…’
หลายปีก่อนเขามาที่นี่และไปถึงชั้นที่สาม แม้ว่าจะมีอันตรายมากแต่เขายังได้รับสิ่งที่ต้องการและจากไปได้
ซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาจะมาที่นี่อีกครั้ง
ทว่าตอนนี้ผู้เฒ่าฮู่เริ่มเสียใจ ใบหน้าค่อยๆมืดมนขณะมองไปยังหลุมเบื้องหน้า
ผู้เฒ่าฮู่หันไปทางหญิงสาวผ้าคลุมหน้าถัดจากเขา “ซื่อฉิน เจ้าแน่ใจหรือว่าต้นไม้แห่งการเกิดใหม่อยู่ชั้นที่สาม?”
นางพยักหน้าและกระซิบ “ข้าจดจำได้ชัดตอนที่ท่านพ่อพาข้ามาที่นี่ ข้าเห็นต้นไม้แห่งการเกิดใหม่ที่เหี่ยวแห้งไปต้นนึง ทว่าระดับฝึกฝนของข้าไม่แข็งแกร่งเพียงพอดังนั้นเราจึงจากไป”
ผู้เฒ่าฮู่ขบคิด ชั้นที่สามไม่นับว่าอันตรายเกินดไป มันจะเป็นที่ปลอดภัยตราบใดที่ไม่เข้าไปชั้นที่สี่ รวมถึงต้นไม้แห่งการเกิดใหม่เหี่ยวแห้งไปแล้วดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าไม่มีพวกคนเถื่อนคุ้มครองมันอยู่
เขาไม่ได้บอกรายละเอียดเชิงลึกพวกนี้เกี่ยวกับหวังหลิน
ผู้เฒ่าฮู่หันหน้าและเผชิญกับหลุม ขณะนั้นเองคลื่นกระแทกดังออกมาจากระยะไกลสร้างความสนใจให้ทุกคน
พวกเขาเห็นอสูรขนาดเท่าเนินเขาปรากฎเบื้องหน้า บนหลังอสูรเป็นชายหนุ่มชุดขาว คนผู้นี้คือหวังหลิน
ผู้เฒ่าฮู่เผยใบหน้ามีความสุขพลันเอ่ยขึ้น “เมื่อน้องหวังเข้าร่วม เช่นนั้นการเดินทางของเราจะประสบผลสำเร็จยิ่ง!”
หวังหลินกระโดดออกจากอสูรยุง เขายิ้มให้กับทุกคนและเอ่ยออกมา “ข้าทำให้ทุกคนรอคอย เนื่องจากข้าเผชิญกับปัญหาเล็กน้อยระหว่างทาง”
“โอ้ จริงหรือ?” แววตาผู้เฒ่าฮู่ให้ความสนใจ
หวังหลินโบกสะบัดแขนและโยนศีรษะหนึ่งบนพื้น
ศีรษะมีผิวสีดำขลับราวกับคลุกในฝุ่น แววตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและมีรอยสักคล้ายเถาวัลย์อยู่บนหน้า
“คนเถื่อน!” ผู้เฒ่าฮู่ใบหน้าเปลี่ยนไป
หวังหลินเอ่ย “ข้าพบคนผู้นี้ติดตามข้ามาหลังจากเข้ามาในสุสานอมตะ เขาพยายามซุ่มทำร้ายข้า”
ผู้เฒ่าฮู่ก้าวออกมาและชี้ไปยังคิ้วของศีรษะหัวนั้น รอยสักบนหัวเริ่มรวบรวมบนหน้าผากของมันอย่างช้าๆจนเกิดเป็นรูปใบไม้ครึ่งซีก
ใบหน้าผู้เฒ่าฮู่หม่นหมองพลันเอ่ยออกมา “เขาไม่ใช่คนเถื่อนแต่เป็นเซียนที่ถูกปรับแต่งด้วยพวกคนเถื่อน”
“โอ้?” หวังหลินมองศีรษะนั้น
ซิ่วลั่วลังเลก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านบรรพชนรู้ได้อย่างไรว่าต้องเป็นใบไม้? ”
ไม่เพียงแค่เขาแต่ทุกคนยกเว้นแม่นางผ้าคลุมหน้าต่างเผยอาการสงสัย
ผู้เฒ่าฮู่มีใบหน้าเคร่งเครียดพลางชี้ไปบนใบไม้ที่หน้าผากศีรษะคนผู้นั้นและเอ่ยขึ้น “ข้าไม่เคยเห็นคนเถื่อนจริงๆมาก่อนแต่ข้าอ่านบันทึกโบราณซึ่งบอกไว้ว่าคนที่มีอย่างน้อยสามใบไม้จะมีเลือดบริสุทธิ์พอที่จะเป็นคนเถื่อนของจริง ส่วนที่เหลือเกิดจากการถูกปรับแต่ง อย่างไรก็ตามคนเถื่อนพวกนี้ไม่ควรปรากฎตัวที่นี่ พวกมันควรจะปรากฎขึ้นเฉพาะตั้งแต่ชั้นสองเท่านั้น”
แรงกดดันที่มองไม่เห็นปรากฎในใจทุกคนขณะมองศีรษะบนพื้นนั้น
ผู้เฒ่าฮู่ลังเลเล็กน้อยก่อนแววตาสว่างวาบและเอ่ยออกมา “น้องหวัง เราต้องเสี่ยงเพื่อได้สมบัติ ลงไปกันเถอะ!”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและพยักหน้า
ผู้เฒ่าฮู่กระโดดเข้าไปในหลุมคนแรก ตามมาด้วยหวังหลินและคนอื่นๆ
หลุมนี้ค่อนข้างลึก ขณะที่หวังหลินลงมาเขาเห็นพืชพันธุ์เติบโตขึ้นบนกำแพง
ใช้เวลาไม่นานนักกว่าจะถึงพื้นเบื้องล่าง พื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นราบแต่พื้นดินสีดำ ท้องฟ้าดำมืดและรอบด้านเงียบสงัด
แม้มันจะสลัวมากแต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อสายตาเซียนเลย
หวังหลินหมอบลงและคว้าดินโคลนมาหนึ่งกำมือ ดินโคลนที่นี่แข็งมากราวกับโลหะ
ผู้เฒ่าฮู่เอ่ยขึ้น “ชั้นแรกปกติจะปลอดภัยแต่เมื่อมีคนเถื่อนข้างนอกนั่นเราต้องระมัดระวังตัวกันแล้ว”
หวังหลินกระจายสัมผัสวิญญาณออก สถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่ดังนั้นสัมผัสวิญญาณของเขาจึงไม่อาจครอบคลุมได้หมด
ผู้เฒ่าฮู่และซื่อฉินพูดคุยกันเล็กน้อยเพื่อยืนยันทางเข้าสู่ชั้นถัดไปซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก จากนั้นทั้งหมดจึงมุ่งหน้าไปทางนั้น
ระหว่างทางฉิวซื่อผิงและพรรคพวกเหาะเหินด้วยกันกระชั้นชิดและระมัดระวังอยู่เสมอ
ส่วนหวังหลิน ผู้เฒ่าฮู่และผู้เฒ่าชุดดำยังคงสงบนิ่ง
สำหรับแม่นางผ้าคลุมหน้า นางอยู่ในความงุนงงตั้งแต่มาถึงที่นี่ราวกับนางกำลังถูกบางอย่างเรียกหา
ทั้งเจ็ดคนเหาะเหินอยู่ชั่วครู่ก่อนที่แววตาหวังหลินสว่างขึ้นและมองไปสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา เขาเห็นแสงสีดำกำลังไล่ล่าตามมา เมื่อแสงนั้นเข้าใกล้มันกระจายออกและกลายเป็นคนเถื่อนผู้หนึ่งผมดำ เขาสวมชุดหนังสัตว์ด้วย
มีริ้วรอยสีดำบางส่วนบนแขนและขา เขายื่นมืออกมาและพยายามคว้าซิ่วลั่ว
ใบหน้าซิ่วลั่วเปลี่ยนไป เขาอ้าปากและพ่นลำแสงออกมา แสงนั้นเป็นกระบี่เหินเล่มหนึ่งและแทงเข้าหาคนเถื่อนผุ้นั้น
คนเถื่อนเคลื่อนไหวประหลาดและหลบเลี่ยงกระบี่ตอนที่ตวัดลงมา ซิ่วลั่วรีบถอยกลับ รอยฉีกห้าแห่งปรากฎบนเสื้อผ้าเขาเผยให้เห็นเงาวับภายใต้เสื้อคลุมนั้น เขาสวมชุดเกราะอยู่ใต้ผ้าคลุม
หลังโจมตีเสร็จสิ้น คนเถื่อนรีบถอยทันที
ผู้เฒ่าฮู่พ่นลมหายใจ “อยู่ที่นี่ซะ!” เขาไม่ได้ขยับร่างแต่ยื่นมือขวาออกมา
คนเถื่อนร้องคำรามประหลาดขณะที่รอยสักบนแขนและขาเริ่มเคลื่อนไหว ควันสีดำลอยออกมาจากรอยสักและเข้าไปในร่างจากนั้นเขากวัดแกว่งแขนตัวเอง
ควันสีดำรวบรวมไปบนหมัดของเขา จากนั้นหมัดหนึ่งถูกชกออกมา
ใบหน้าผู้เฒ่าฮู่ยังคงสงบนิ่งแต่เจตนาสังหารปรากฎในแววตา เขากำหมัดแน่นและหมัดขวาของคนเถื่อนผู้นั้นถูกบดขยี้ไปเป็นเนื้อละเอียด มันส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนและรีบถอยร่น
นิ้วขวาผู้เฒ่าฮู่ชี้ไปที่คนเพื่อนและยิงพลังปราณสายหนึ่งออกมาร่อนลงบนหน้าอกของมันจนทำให้คนเถื่อนผู้นั้นล้มลงทันที
ผู้เฒ่าฮู่ก้าวเข้าไปและชี้ไปยังหน้าผากคนเถื่อน รอยสักบนร่างกายรวบรวมกันบนหน้าผากและเกิดเป็นใบไม้เต็มใบขึ้นมา
ผู้เฒ่าฮู่เอ่ย “ดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เราไม่รู้ซึ่งเกิดขึ้นภายในสุสานอมตะ พวกคนเถื่อนใบไม้เดียวเหล่านี้ไม่ปรากฎตัวขึ้นจนกว่าจะถึงชั้นที่สอง”
ซิ่วลั่วสัมผัสหน้าอกตัวเองและเผยความหวาดกลัว การหลบกระบี่เหินได้นั้นคนเถื่อนผู้นี้ต้องรวดเร็วมาก หากเขาไม่สวมเกราะ เจ้าคนเถื่อนคงฉีกหน้าอกเขาให้เปิดออกไปแล้ว
สามวันถัดมาทั้งเจ็ดคนมาถึงทางเข้าชั้นที่สอง ระหว่งทางพวกเขาเจอพวกคนเถื่อนทั้งหมดเก้าคน คนเถื่อนเหล่านี้ปรากฎตัวออกมาจากอากาศ แม้กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา เป็นไปไม่ได้ที่จะรับรู้ตัวตนพวกมันจนกว่าจะปรากฎตัวออกมา
คนเถื่อนทั้งเก้าคนทั้งหมดมีหนึ่งใบไม้ยกเว้นคนสุดท้าย
คนสุดท้ายปรากฎตัวขึ้นใกล้กับทางเข้าชั้นที่สอง คนเถื่อนผู้นี้มีรอยสักมากกว่าคนอื่นๆโดยเฉพาะบนแขนขวาซึ่งปกคลุมไปด้วรอยสัก
สำหรับหวังหลินแล้วรอยสักเหล่านี้ดูคล้ายกับอักษรรูน
หลังสังหารคนเถื่อนผู้นี้ หวังหลินค้นเจอใบไม้สองใบบนหน้าผาก ความแข็งแกร่งของเขาพอๆกับเซียนขั้นแกนลมปราณระดับปลาย
ชั้นที่สองของสุสานอมตะนั้นไม่แตกต่างจากชั้นแรก ที่นี่ยังคงมืดมิดทว่ามีรัศมีที่ทำให้คนอื่นๆรู้สึกกวนใจ
รัศมีนี้ไม่มีผลต่อหวังหลินแต่มีผลใหญ่ต่อซิ่วลั่วและพรรคพวก
หวังหลินงุนงงมากว่าทำไมผู้เฒ่าฮู่ถึงพาซิ่วลั่วและแม่นางมาที่นี่ พวกเขาเป็นเพียงขั้นแกนลมปราณเท่านั้นดังนั้นความผิดพลาดใดอาจถึงแก่ชีวิตได้
หวังหลินไม่ถามอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยนิสัยของเขาหวังหลินจะไม่เสี่ยงเพื่อช่วยพวกเขาเว้นแต่จะช่วยโดยไม่ต้องพยายามอะไรมาก
ในชั้นที่สอง พวกเขาพบกระดูกอสูรเป็นครั้งคราวและกระทั่งร่างศพอสูรที่เน่าเปื่อยด้วย พวกมันทั้งหมดแตกต่างจากในทะเลปิศาจอย่างมาก หวังหลินไม่อาจนึกตัวไหนได้ออก
ขณะที่พวกเขาเข้าไปในชั้นสอง หวังหลินตกใจเพราะแสงสีดำปรากฎหนึ่งปรากฎเหนือพวกเขาหนึ่งร้อยฟุต แสงนั้นไม่ได้พยายามเข้าใกล้แต่กลับเปลี่ยนไปเป็นคนเถื่อนผู้หนึ่ง
เขาดูแตกต่างจากพวกคนชั้นแรกอย่างมาก มากกว่าหนึ่งในสี่ส่วนบนร่างกายปกคลุมด้วยรอยสักสีดำสละสลวย แววตาไม่แดงแต่ชัดเจนมาก ทว่าหากมองใกล้ๆจะเห็นแสงอันลึกลับในพวกเขา
คนเถื่อนผู้นี้ไม่ได้เป็นแบบเดียวกับคนที่อยู่ชั้นแรก คนเถื่อนจากชั้นแรกมีกระทั่งสองใบไม้ แววตาทั้งหมดสีแดงและบ้าคลั่งสิ้นเชิง พวกเขาโจมตีแม้จะรู้ความแตกต่างด้านความแข็งแกร่ง
ทว่าคนผู้นี้ไม่ได้เข้าใกล้แต่มองพวกเขาอย่างมืดมนอยู่ห่างไปหนึ่งร้อยฟุต เขามองหญิงสาวผ้าคลุมหน้าเพิ่มมากขึ้นอีก
แม่นางผ้าคลุมขาวโพล่งขึ้น “คนเถื่อน! คนเถื่อนตัวจริง! รอยสักบนร่างกายเขาได้บรรลุถึงระดับสามใบไม้แล้วซึ่งมีระดับเดียวกับเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด”