373. อสูรยุง
ดวงตาหวังหลินสว่างวาบ จากนั้นหลับตาอย่างช้าๆและเริ่มบ่มเพาะเงียบๆ
สถานที่ที่เขาอยู่นั้นเงียบกริบโดยสิ้นเชิงซึ่งคล้ายคลึงกับสถานที่ที่เซียนจะฝึกฝน
ทั้งร่างตั้งแต่คอลงไปอยู่ในน้ำ พลังปราณในน้ำค่อยๆรวบรวมกันอย่างช้าๆเข้าหาร่างกายหวังหลินแต่ม่านเล็กๆดูเหมือนจะป้องกันพลังปราณจากการดูดซับเอาไว้
แม้จะมีพลังปราณเล็กน้อยเข้ามาในร่างกายมันจะถูกผลักออกไปเพราะม่านเล็กๆนี้
ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป พลังปราณข้างในกรงน้ำจะยิ่งหนาแน่นมากขึ้น
ในหมู่บ้านอัคคีเมฆา คบไฟสว่างขึ้นทั่วทุกที่ เสียงผู้คนเสพสมความสุขของตนเองดังขึ้นให้ได้ยินพร้อมกับเสียงกรีดร้องของเหล่าสตรี ในตอนนี้ข้างในกระท่อมค่อนข้างหรูหร่ามีบุรุษร่างกำยำตัวใหญ่นั่งอยู่พร้อมกับกล่องหนึ่งเปิดไว้เบื้องหน้าเขา
มีไข่มุกขนาดเท่ากำปั้นได้เปล่งแสงอ่อนโยนข้างในกล่อง
เมื่อหยิบไข่มุกขึ้นมา ชายหนุ่มร่างกำยำต่างมีแววตาเต็มไปด้วยความโลภ เขาพึมพำ “ไข่มุกก้อนใหญ่อะไรกันนี่ มันน่าจะได้ราคาดีแน่นอน!”
หลังจากนั้นชั่วขณะเขาวางไข่มุกกลับเข้าไปในกล่องและปิดมัน จากนั้นสายตาลงบนของอีกสิ่งหนึ่งบนโต๊ะ
มันคือกระเป๋าสีเทา เมื่อหยิบขึ้นมาเขารู้สึกว่ามันเบาราวกับไม่มีอะไรอยู่ข้างใน สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือไม่สามารถเปิดกระเป๋าใบนี้ได้
“นี่มันอะไรกัน?” ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะใช้ความแข็งแรงทั้งหมดเพื่อเปิดกระเป๋าออก แต่ไม่ว่าเขาจะใช้แรงไปมากเท่าไหร่ แม้จะมีเส้นเลือดปูดพองบนหน้าผากเขาก็ไม่สามารถเปิดมันออกได้
“นี่มัน….หรือว่าจะเป็นไหมจากหนอนไหมสวรรค์? ใช่แล้วต้องเป็นเช่นนี้แน่ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่สามารถเปิดมันออกได้อย่างไร? ตำนานว่ากันว่าไหมแห่งหนอนไหมสวรรค์จะกลัวน้ำมากที่สุด ฮึ่ม! ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถเผามันได้” ชายร่างใหญ่วางกระเป๋าไว้บนเตาไฟ
หลังผ่านไปนานไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง เขาตกตะลึง แม้แต่ความร้อนก็ไม่ทำให้กระเป๋าใบนี้เสียหาย
“เอ๊ะ? นี่มันบ้าอะไรกัน?” ชายร่างใหญ่นำคมมีดขนาดใหญ่ออกมา คมมีดเล่มนี้เขาจ่ายเงินไปมากเพื่อทำให้มันแหลมคมยิ่ง จากนั้นลองหั่นกระเป๋าดู
เมื่อคมมีดตัดผ่านกระเป๋า เขามองดูมันและตกตะลึง พลางหยิบกระเป๋าขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนจะหัวเราะ “สมบัติ! นี่มันสมบัติของจริง! หากข้าวางมันไว้บนหน้าอกข้ามันจะช่วยชีวิตข้าไว้ในจุดสำคัญยิ่ง ข้าไม่คิดว่าเจ้าเด็กน่าเกลียดนั่นจะมีสมบัติเช่นนี้ น่าเสียดายที่มันมีเพียงอันเดียว หากมีมากกว่านี้ข้าคงหาทางเชื่อมต่อมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นเสื้อผ้า นั่นคงดียิ่ง!”
เขาวางกระเป๋าไว้บนหน้าอกเสื้ออย่างระมัดระวังจากนั้นดวงตาสว่างขึ้นและพึมพำ “ข้าสงสัยว่าเจ้าหนูน้อยนั่นได้สมบัตินี้มาจากที่ไหน ข้าต้องไปถามมันดู”
เมื่อคิดเช่นนี้เขายืนขึ้นเดินออกไปและมุ่งหน้าไปทางห้องขัง ระหว่างทางทุกคนที่เห็นเขาต่างเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
ชายร่างใหญ่มาถึงห้องขังนี้ไว้อย่างรวดเร็ว
มีลูกน้องสองคนพูดคุยกันเองขณะเฝ้าคุมห้องขังไว้ เมื่อพวกเขาเห็นชายร่างใหญ่จึงพูดขึ้นทันที “ขอคำนับ หัวหน้าใหญ่!”
ชายร่างใหญ่พ่นลมหายใจและเอ่ยถาม “พวกเจ้าโยนเจ้าหนูนั่นไว้ที่ไหน?”
หนึ่งในนั้นขานรับทันที “ห้องทางทิศเหนือ”
“เปิดประตู!” ชายร่างใหญ่เอ่ยจึ้น
ชายคนนั้นรีบวิ่งไปด้านข้างรั้วเหล็กและยกขึ้น “หัวหน้า…”
ก่อนจะเอ่ยจบเขาพลันฟุบลงพื้นทันที รั้วเหล็กตกลงมาด้วยเช่นเดียวกัน เสียงคล้ายบางสิ่งตกลงบนน้ำจากข้างในรั้วเหล็กและจากนั้นชายหนุ่มผู้หนึ่งลอยออกมา
แววตาชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและโกรธเกรี้ยว
ชายร่างใหญ่ตกตะลึงและจ้องคนที่ลอยออกมาคนนั้น จากนั้นจดจำได้ว่าเขาเป็นใครและหันหลังเพื่อจะหนี
ทว่าเขาก้าวไปได้เพียงแค่สองก้าวก่อนจะมีมือล่องหนจับตัวเอาไว้ เพียงบิดครั้งเดียวเขาเปลี่ยนไปเป็นกองเลือดเนื้อไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง
กระเป๋าลอยเข้าหาชายหนุ่ม
ชายหนุ่มผู้นี้คือหวังหลิน ในที่สุดพลังปราณข้างในกรงน้ำก็สามารถทำให้เขามีพลังปราณภายในร่างได้เล็กน้อย
ทว่าพลังปราณนี้มีจำนวนเล็กมาก หลังเหาะเหินออกมาสังหารสองคนข้างหน้า เขาก็ใช้พลังปราณที่รวบรวมมาไปเกือบหมด เขารีบชักนำพลังปราณที่เหลือเข้าไปในกระเป๋า
“อสูรยุง!”
กระเป๋าเรืองแสงสีเขียวและลำแสงสีดำลอยออกมาแปรเปลี่ยนไปเป็นอสูรยุงที่มีขนาดเท่าภูเขาลูกหนึ่ง
ผู้คุ้มกันคนที่เหลือต่างหวาดกลัวและกลิ่นฉี่เหม็นๆโชยมา เขากางเกงเปียกและฟุบลงไปจากความหวาดกลัว
หลังเจ้าอสูรยุงปรากฎขึ้น มันร้องคำรามกระจายไปทั้งหมู่บ้านโดยทันที เสียงอื่นๆทั้งหมดพลันหยุดกึกเหลือไว้แต่เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวของเจ้ายุง
ความคิดของมันเชื่อมต่อกับหวังหลินดังนั้นเมื่อมันเห็นหวังหลินอ่อนแอเท่าไหร่มันก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว ไม่ต้องรอให้หวังหลินออกคำสั่งมันชี้จงอยปากไปยังลูกน้องที่เหลือและสูดเข้าไป ลูกน้องคนนั้นแปรเปลี่ยนไปเป็นกองกระดูกอันรวดเร็ว
หลังปลดปล่อยอสูรยุง หวังหลินจึงโล่งอก แม้ว่าเขาไม่มีพลังปราณหลงเหลือในร่างกายเลย เพียงแค่อสูรยุงออกมาเขาก็ปลอดภัยขึ้นบ้างแล้ว
เสียงคำรามของอสูรยุงทำให้ทุกคนในหมู่บ้านตกใจ ทุกคนพุ่งออกมาพร้อมกับอาวุธในมือ แต่พวกเขาออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นอสูรยุงขนาดเท่าเนินเขา ทั้งหมดสูดหายใจอันหนาวเหน็บและหัวเข่าอ่อนยวบ
พวกขี้ขลาดเริ่มกรีดร้อง
“สัตว์ประหลาด!”
ร่างหวังหลินยังมีอาการเจ็บปวด เขามองบนพื้นอย่างเยือกเย็นและพบชายหน้าบาก หวังหลินชี้ไปที่เขาและเจ้ายุงพุ่งเข้าไปหา
เมื่อเจ้ายุงปะทะกับชายหน้าบาก เขากรีดร้องโหยหวนและร่างกายถูกบดขยี้ แม้แต่บ้านข้างหลังยังพังทลาย อสูรยุงลอยเหนือหวังหลินและมองทุกคนอย่างเยือกเย็น
ขณะนี้เองทุกคนข้างในหมู่บ้านวางอาวุธตนเองลง แข้งขาสั่นเทาและความหวาดกลัวในแววตาพุ่งขึ้นสูงสุด
ขณะนี้มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน เขาเป็นเสมียนคนหนึ่งแม้จะหวาดกลัวแต่ก็บังคับตัวเองให้ใจเย็นลง หลังเดินออกมาเขาโค้งคะนับและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ท่านเซียน โปรดอย่าโกรธเกรี้ยว อย่าโกรธเกรี้ยว เขาไม่รู้ตัวตนของท่านเซียนมาก่อนจริงๆ เราไม่รู้จริงๆ…”
หวังหลินจ้องเขาและเอ่ยถาม “ท่ีนี่คือแคว้นอะไร?”
เสมียนผู้นั้นรีบตอบ “ที่นี่คือพื้นที่ส่วนเหนือของแคว้นพิลู”
“แคว้นพิลู…เช่นนั้นที่นี่คือพื้นที่ส่วนเหนือของทวีปซูซาคุ” หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยและจากนั้นเอ่ยขึ้น “ขุดคุกใต้ดินนี้เพื่อปล่อยน้ำออกมา! เจ้าต้องการเวลากี่วัน?”
เสมียนรีบตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “สามวัน…ไม่ๆ วันเดียว เราสามารถทำมันในวันเดียว!”
หวังหลินพยักหน้า “เริ่มได้!” เขาไม่ได้ขอให้อสูรยุงช่วยเหลือ เพียงให้มันป้องกันเขาเท่านั้น
เสมียนผู้นั้นผ่อนคลายเล็กน้อย เขาหันกลับไปทันทีและตะโกนขึ้น “ทุกคนมาที่นี่และขุดที่นี่ขึ้น!”
คนทั้งหมดในหมู่บ้านเคลื่อนไหวแต่ทั้งหมดต่างหวาดกลัวจนไม่สามารถใช้แรงอะไรได้ โดยเฉพาะคนทั้ง 16 คนที่นำหวังหลินกลับมา
หวังหลินหลับตาและบ่มเพาะอย่างเยือกเย็น อสูรยุงหมุนวนรอบหวังหลินหนึ่งคราก่อนจะอยู่ถัดจากเขา มันมองคนในหมู่บ้านเป็นพักๆด้วยสายตาโหดเหี้ยม
คนในหมู่บ้านอัคคีเมฆามากกว่าสองร้อยคนต่างใช้แรงทั้งหมดของตนเองเพื่อเจาะให้เปิดคุกน้ำแห่งนี้ เมื่อพวกเขาทำเสร็จ น้ำสกปรกจำนวนมากไหลออกมาแต่สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านตกใจก็คือน้ำพวกนี้สกปรกแค่ตอนแรกเท่านั้น ยิ่งไหลออกมาก็ยิ่งใสกระจ่างขึ้นและตอนท้ายๆมีกระทั่งกลิ่นหอมออกมาจากน้ำ
หนึ่งวันผ่านไปหลังจากนั้นน้ำก็ค่อยๆหยุดไหล ชาวบ้านหยุดการทำงานและมองหวังหลินด้วยแววตาหวาดกลัว
หวังหลินไม่สนพวกเขา ด้วยการช่วยเหลือของเจ้ายุงทำให้เขาเข้าไปในคุกอีกครั้ง ตอนนี้คุกยิ่งลึกขึ้นกว่าเดิม
หวังหลินนั่งหลับตาข้างในและเริ่มบ่มเพาะ
เจ้าอสูรยุงยังอยู่ข้างกายหวังหลิน ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้ถือว่าลองดี
หลังจากรอคอยอยู่นานและไม่มีคำสั่งจากหวังหลิน เสมียนคนนั้นถอยกลับมาอย่างไม่แน่ใจเล็กน้อย เมื่อไม่มีการตอบสนองจากเจ้ายุงเขาจึงถอยกลับมากขึ้น
คนอื่นๆในหมู่บ้านติดตามไปและไม่นานนักจึงไม่มีใครอยู่รอบๆที่นี่อีก
ผู้คนทั้งหมดในหมู่บ้านพร้อมจะหนีจากที่นี่ทว่าเสียงหวังหลินดังออกมาให้ได้ยิน
“ไม่อนุญาตให้ใครออกจากที่นี่!”
เสมียนผู้นั้นลอบคร่ำรวญแต่ตอบสนองอย่างนอบน้อม
ด้วยเหตุนี้หมู่บ้านอัคคีเมฆาจึงเงียบสงบกว่าที่เคยเป็นมา ไม่มีเสียงใดๆเกิดขึ้นราวกับว่าเป็นหมู่บ้านร้าง
นักเดินทางและกองกำลังคุ้มกันทั้งหมดต่างตกใจเพราะพวกเขาไม่เห็นวีรบุรุษแห่งหมู่บ้านอัคคีเมฆาทั้งสิบแปดคนในสองเดือนที่ผ่านมา
วันหนึ่งหวังหลินลืมตาขึ้นภายในใต้ดินลึก อาการบาดเจ็บทั้งหมดในร่างกายถูกรักษาแต่เขตแดนแห่งชาและผนึกบนร่างกายยังไม่สูญสิ้นไปเลย
“ในเวลาสองเดือนนี้ข้าเพียงแค่ฟื้นฟูขึ้นมาถึงรวบรวมลมปราณระดับสอง หลังจากเขตแดนและผนึกรวมเข้าด้วยกันทำให้ม่านพลังยิ่งแข็งแกร่งเกินไป ข้าต้องหาสถานที่ที่มีพลังปราณมากขึ้น น่าเสียดายที่วิญญาณดั้งเดิมแตกสลายและข้าแทบไม่สามารถเก็บเศษเสี้ยวจากการแตกสลายครั้งนั้นได้ ดังนั้นจึงไม่มีทางให้ข้านำลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าออกมาเลย ไม่เช่นนั้นด้วยพลังปราณที่ข้ารวบรวมไว้ข้างในลูกปัดข้าจึงสามารถฟื้นฟูมาได้มาก ทว่าข้าพอมีหินวิญญาณระดับสูงอยู่บ้าง ตอนนี้ข้าจึงไม่ใช้เวลานานนักในการรวบรวมปราณ สิ่งแรกที่ข้าต้องทำก็คือฟื้นฟูวิญญาณดั้งเดิมจนสามารถนำลูกปัดออกมาได้”
“ที่นี่ไม่ใช่สายแร่วิญญาณแต่น้ำดันมีพลังปราณ น่าประหลาดนัก”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและจากนั้นลงเข้าไปในน้ำลึกขึ้น ตอนที่บ่มเพาะนั้นเพียงแค่อยู่เหนือน้ำและไม่ได้จมลงไป
ระดับฝึกฝนของเขาฟื้นฟูขึ้นมาได้เล็กน้อยดังนั้นจึงตัดสินใจตรวจสอบมัน ทว่าระดับฝึกฝนตอนนี้ต่ำมากจึงตัดสินใจว่าหากเผชิญอันตรายใด เขาจะเรียกอสูรยุงออกมา
เขาจมลงไปในน้ำใสๆไม่นานนัก แม้ว่าน้ำจะใสกระจ่างแต่เบื้องล่างต่างปกคลุมด้วยโคลนดำหนาแน่น