Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 40

Cover Renegade Immortal 1

40. แขก

ผู้อาวุโสคนอื่นจ้องไปที่ตะขาบนั้นไม่วางตาและกระซิบ “ฮึ่ม สำนักซวนต้าวซ่งมักทำแบบนี้เสมอ พยายามแกล้งสำนักเหิงยั่วของเราเพราะว่าเราไม่มีสัตว์วิญญาณสักตัว ถ้ามีโอกาส พวกเราต้องฆ่าสัตว์วิญญาณตัวนั้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเก่งกาจแค่ไหน”

จ้าวสำนักเผยแววเยือกเย็น ทันใดนั้นกระบี่สีม่วงปรากฎขึ้น กระบี่บินไปบนท้องฟ้าและกลายเป็นมังกรยักษ์สีม่วง มันม้วนตัวบนสำนักเหิงยั่วและคำรามใส่ตะขาบตัวนั้น

(TL: จ้าวสำนักเป็นอะไรกับสีม่วงวะ….เสื้อคลุมม่วง กระบี่ม่วง มังกรม่วงอีก)

ตะขาบพันเมตรได้หยุดลงและไม่กล้าเข้าไปต่อ ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเสียงดังพอให้ได้ยินออกมาจากบนตัวตะขาบนั้น

“ฮวงหลง ลือกันว่ากระบี่ม่วงเล่มนี้มีวิญญาณมังกรสิงสถิตอยู่ข้างใน ข่าวลือนั้นไม่ได้ผิดพลาด สหายเอ๋ย ข้าอยู่ที่นี่แล้วและถ้าเราชนะอีกครั้ง สำนักเหิงยั่วต้องทำตามสัญญาและคืนสมบัติ 137 ชิ้นที่ขโมยไปจากพวกเรามา รวมทั้งชดเชยด้วยกระบี่เหิน 200 เล่ม!” (TL: 黃龍(Huánglóng) ฮวงหลง)

จ้าวสำนักเผยแววเป็นปกติ ไม่มีสัญญาณความโกรธเคือง เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “สหายโอวหยาง(歐陽(Ōuyáng)) ถ้าสำนักซวนต้าวชนะในเวลานี้ สำนักเหิงยั่วจะทำตามสัญญาแน่นอน แต่ถ้าพวกเจ้าแพ้ จากนั้นต้องบังคับสัตว์ชั้นต่ำกลับไปซะ!”

ขณะที่เขาพูดอยู่ มังกรม่วงก็ค่อยๆหายตัวไปอย่างช้าๆและกลับร่างเป็นกระบี่ม่วง มันลอยกลับมาที่หัวหน้าสำนักในมือฮวงหลง

ตะขาบพันเมตรเริ่มเคลื่อนไหวไปข้างหน้าอีกครั้ง มันม้วนเป็นวงกลมเหนือสำนักเหิงยั่วและค่อยๆลดขนาดลงช้าๆ ศิษย์สายในทั้งหมดได้ถอยกลับลงมา

เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดใบหน้าขมวดคิ้วเมื่อเห็นศิษย์ทั้งหลายล่าถอย

หลังจากตะขาบเทียบพื้นจนไม่เคลื่อนไหว ผู้คนสิบกว่าคนกระโดดออกจากด้านหลังมัน นอกเหนือจากสามผู้อาวุโส ทุกคนที่เหลือต่างก็ยังหนุ่มยังแน่น

สำนักซวนต้าวมีทั้งศิษย์ชายและหญิง ดูเหมือนว่าพวกเขาคิดจะหาเรื่องสนุกที่สำนักเหิงยั่วนี้เพราะรู้มาว่าสำนักเหิงยั่วไม่ได้มีศิษย์ชุดม่วงอยู่มากนัก ดังนั้นทุกคนที่กระโดดอกมานั้นจึงสวมชุดสีม่วง อีกเรื่องที่น่าตื่นตะลึงสำหรับศิษย์สำนักเหิงยั่วก็คือว่าทุกคนที่เป็นศิษย์ซวนต้าวต่างดูดีกันทั้งนั้น ชายหนุ่มหล่อเหลาเอาการและหญิงสาวก็สวยงามกันทั้งหมด

โดยเฉพาะบุรุษและสตรีที่อยู่ข้างหน้า บุรุษที่หล่อเหลาเกินธรรมดาและเต็มไปด้วยความเป็นชายชาตรี แขนเสื้อยาวและเส้นผมพริ้วไหวไปในสายลม ด้วยกระบี่เหินบนหลังทำให้เขาดูเยือกเย็นไปอีก ภาพลักษณ์ของเขาได้ดึงดูดหัวใจของศิษย์หญิงสายในเข้าอย่างจัง

ศิษย์สตรีสวมชุดสีม่วง เส้นผมราวกับน้ำตก ริมฝีปากประกายสีแดงระเรือและด้วยดวงตาอันงดงามคู่นั้นได้ต้องตาต้องใจใครหลายคน แม้แต่หวังหลินก็ไม่อาจหยุดหัวใจที่เต้นโครมครามเมื่อเขาเห็นเธอได้ หวังหลินกลายเป็นตกตะลึงอย่างมากเมื่อเขามองเธออย่างระวังและเตือนสติตัวเองไว้

เมื่อเห็นเหล่าศิษย์ทั้งหมดต่างจดจำใบหน้านี้ไว้ หนึ่งในผู้อาวุโสอดทนยืนไม่ได้อีกต่อไปจึงตะโกนขึ้น “สำนักซวนต้าวฝึกวิชาหลงเสน่ห์ตั้งแต่เมื่อไหร่? ช่างน่ารังเกียจนัก”

เสียงตะโกนนี้ได้ปลุกศิษย์สายในหลายคนให้ตื่นขึ้น พวกเขาเหล่านั้นต่างเผยแววตาตกละลึง

หนึ่งในสามผู้อาวุโสของสำนักซวนต้าวหัวเราะและพูดขึ้น “นี่เป็นคนจริงๆ นามข้าชื่อ ฉินกู่เหลย ท่านควรจะเข้ามาดูใกล้ๆ ศิษย์ทั้งสองคนนี้ไม่ได้ฝึกวิชาหลงเสน่ห์แต่อย่างใด แต่เกิดมาพร้อมกับรากวิญญาณวารี ข้าสามารถเห็นได้ว่าในเหล่าศิษย์ของสำนักเหิงยั่วนั้นไม่มีใครที่มีรากวิญญาณบริสุทธิ์สักคน ทุกคนต่างมีธาตุห้าธาตุผสมกัน ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าไม่สามารถบอกความแตกต่างได้”

ผู้อาวุโสของสำนักเหิงยั่วเผยใบหน้ายุ่งเหยิง หลังจากเวลาผ่านไปชั่วขณะ จ้าวสำนักฮวงหลงก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา “หายสำนักซวนต้าว อันดับแรกมาพักผ่อนที่สำนักของเราก่อน การประลองจะเริ่มต้นในอีกสามวัน”

ผู้อาวุโสโอวหยางพยักหน้าประดับด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้น “เยี่ยมมาก สำนักซวนต้าวของเราต่างมีการประลองกระชับมิตรกับสำนักเหิงยั่วมานานหลายปีแล้ว แต่ว่าแม้จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างก็ไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ของพวกเราได้”

ในเหล่าผู้อาวุโสหลายคนของสำนักเหิงยั่ว ชายชราที่แก่ที่สุดเดินออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเหี่ยวย่นและดูราวกับไม่มีแรง เขาหัวเราะเบาๆและพูดขึ้นกับโอวหยาง “เจ้าเพื่อนโอวหยาง นี่มันก็ผ่านมายี่สิบปีแล้ว เจ้ายังจำข้าได้ไหม?”

ผู้อาวุโสโอวหยางหัวเราะเสียงดังและพูดขึ้น “ข้าเห็นเจ้าแล้ว เพื่อนเก่าซ่งต้าว(宋道友 sòngdàoyǒu) เวลานี้เจ้าต้องนำไวน์ทำเองของเจ้าออกมาบ้างแล้ว ข้ามีไม่พอเพราะเจ้าช่างขี้เหนียวเกินไปเวลานั้น นำออกมาแค่ไหเดียวก็พอ!”

ผู้อาวุโสซ่งยิ้มขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าขี้เหนียว นั่นเป็นเพราะว่าตอนที่เจ้าเริ่มดื่ม ข้ากลัวเหลือเกินว่าไม่ว่าจะนำออกมากี่ไหก็ตาม มันก็ไม่พอหรอก!”

เมื่อทั้งสองเริ่มพูด ผู้อาวุโสของสำนักซวนต้าวสองคนได้พบกับใบหน้าอันคุ้นเคยและเริ่มพูดคุยกันราวกับว่าคำพูดมุ่งร้ายก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดกันมาก่อน

เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกเซียนของแคว้นจ้าว แววตาของศิษย์ทั้งสองสำนักต่างเบิกตากว้างขึ้น

เรื่องพวก ศิษย์บุรุษของสำนักหวู่เฟิงไปล่อลวงศิษย์สตรีของจ้าวสำนักเมฆหมอกและทำเธอท้องขึ้นมา จ้าวสำนักเมฆหมอกไปที่สำนักหวู่เฟิงเพื่อลงโทษแต่กลับได้ทารกมาแทน

หรือจะเป็นเรื่องสำนักสรวงสวรรค์ที่ศิษย์กลุ่มนึงได้ละทิ้งสำนักและไปเข้าร่วมกันสำนักเฮฮวน จากนั้นคนเหล่านั้นได้ประโยชน์มากขึ้นเมื่อเข้ากับเฮฮวน ศิษย์ของสำนักสรวงสวรรค์ต่างก็ออกสำนักไปมากขึ้น นี่ทำให้จ้าวสำนักสรวงสวรรค์เศร้าหมองจึงได้ส่งคำสั่งออกไปสังหารเหล่าศิษย์ที่กล้าละทิ้งสำนัก

อีกเรื่องเป็นเด็กที่เกิดมาอัจฉริยะและสุดท้ายเป็นเรื่องเกี่ยวกับวันเกิดของผู้อาวุโสขั้นแตกหน่อของสำนักเมฆหมอกในอีกสองสามเดือน ดังนั้นเหล่ามิตรสหายทั้งหมดจึงส่งคนเพื่อไปยินดีด้วย

หวังหลินฟังเป็นเวลานานและเริ่มจะเกิดอาการเบลอๆในโลกการฝึกฝนเซียนของแคว้นจ้าว ณ จุดหนึ่งเขาได้รู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่เขา จึงได้หันศีรษะไปทางนั้นและเห็นศิษย์สตรีจากสำนักซวนต้าวมองมาที่เขาและยิ้มอย่างอ่อนโยนบนใบหน้า

หวังหลินพยักหน้าและป้องกันอย่างลับๆ เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะตกอยู่ในมนต์สะกดที่เหล่าศิษย์คนอื่นเจอในตอนนี้

หลิวเหมย(柳眉 Liǔméi)เป็นผู้นำของศิษย์สายในในสำนักซวนต้าวและเธอค่อนข้างมั่นใจในเสน่ห์โดยธรรมชาติของเธอ ในสำนักซวนต้าว ไม่มีใครที่อายุเท่าเธอสามารถต้านทานได้ แต่ว่าชายหนุ่มที่ดูธรรมดาทั่วไปคนนี้กลับเป็นคนแรกที่ฟื้นคืนสติได้ นั่นทำให้เธอประหลาดใจจนช่วยไม่ได้ที่จะมองเขาอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรที่เธอมองหวังหลิน ก็เห็นเขาเป็นเพียงระดับสามขั้นรวบรวมลมปราณ ไม่มีอะไรผิดแปลกจากคนทั่วไปเลยสักนิด

ขณะที่เหล่าผู้อาวุโสพูดคุยกัน ศิษย์ทั้งสองสำนักต่างก็เริ่มสนทนากันเช่นเดียวกันและเตรียมพร้อมกับการประลองที่กำลังมาถึง ศิษย์ของสำนักซวนต้าวทุกคนดูเหมือนจะมีหมอกลึกลับที่ปกปิดระดับบ่มเพาะของตนเอง

หวังหลินก็ตกตะลึงเช่นกันที่เขาสนใจวิชาในสำนักซวนต้าว วิชานี้ดูคล้ายกับเม็ดยาจำแลงแต่ระดับสูงกว่า

ศิษย์ของสำนักเหิงยั่วดูเหมือนจะสนใจการกระทำของบุรุษและสตรีสองคนนี้ พวกเขาต่างมีความคิดเป็นของตนเองแต่หวังหลินสังเกตเหตุการณ์ประหลาดบางอย่างได้ ศิษย์ทุกคนของสำนักซวนต้าวเมื่อดูจากสายตา ทุกคนจะมีสัญลักษณ์ที่แสดงความเคารพไปยังชายวัยกลางคนด้านหลัง

หลังจากครุ่นคิดคนนี้อยู่นาน หวังหลินก็ดึงสายตาออก ก้มหัวลงต่ำและเงียบเสียง (tl: ซึ่งทั้งตอนก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่ละ ยังจะมาเงียบเสียงอีก)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version