466. จิตสังหารของต้าวเสิน
หลังเฉียนเฟิงเอ่ยจบพลันกวัดแกว่งกระบี่ กลิ่นอายดั้งเดิมออกมาจากกระบี่คล้ายกับเป็นวิญญาณแรกเริ่ม
ขณะที่กระบี่เหล็กเล่มนี้ปรากฎขึ้น แม้แต่จูเซว่จื่อและหยุนเซว่จื่อที่กำลังต่อสู้กันยังต้องตกตะลึง
หวังหลินจ้องกระบี่เหล็กพลันสายตาสว่างวาบ กล่าวให้ชัดกว่านี้เขากำลังจ้องไปที่กระบี่สนิมเล่มนั้น
“คราบหยดโลหิตหลายหยุดบนกระบี่นั่นให้กลิ่นอายคุ้นเคย…โลหิตของเทพโบราณ!!! นี่เป็นโลหิตเทพโบราณของจริง ดีกว่ารัศมีโลหิตของเผ่ามารยักษ์เปล่งออกมามากนัก!” หวังหลินจ้องไปที่จุดขึ้นสนิม
“ไม่ถูกต้อง! เทพโบราณจะบาดเจ็บง่ายๆได้อย่างไร? ไม่มีทางที่กระบี่นั้นเป็นของธรรมดา!” สายตาหวังหลินเคร่งเครียดและคราวนี้เขามองกระบี่ทั้งเล่ม
ขณะที่กระบี่เหล็กปรากฎขึ้นมีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากท้องทะเล ไม่มีใครรับถึงการปรากฎตัวของคนผู้นี้ราวกับเขาล่องหนได้อย่างสมบูรณ์
เขาคือคนสวมหน้ากาก ดวงตาเผยแสงอันลึกลับขณะที่จ้องกระบี่เหล็กและพึมพำกับตัวเอง “นี่มัน…”
เฉียนเฟิงฝืนใช้กระบี่เล่มนี้ กระบี่เล่มนี้คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลเขา มันเป็นของซูซาคุรุ่นก่อนซึ่งเป็นคนพบมันและลอบซ่อนมันไว้ในตระกูลเฉียน
ตอนที่ซูซาคุรุ่นก่อนทิ้งกระบี่เล่มนี้ไว้เขากล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่อาจมองทะลุกระบี่เล่มนี้ด้วยระดับบ่มเพาะของข้าในปัจจุบัน เจ้าต้องไม่ใช้มันเว้นแต่จะมีภัยพิบัติที่จะทำลายล้างตระกูล!”
หลังเฉียนเฟิงกลายเป็นศิษย์ของจูเซว่จื่อและก่อนสงครามกับเผ่าละทิ้งอมตะ เฉียนเฟิงลอบเข้าไปสถานที่ซ่อนกระบี่และเอามันมา
เขาต้องการสังหารหวังหลินและไม่ได้เชื่อใจสมบัติที่จูเซว่จื่อให้เขา ดังนั้นจึงนำกระบี่เหล็กออกมา กระบี่เล่มนี้เป็นการตอบโต้ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงของเขาจริงๆ
ในจังหวะนี้เสียงหัวเราะหนึ่งดังออกมาจากสายหมอกแดงที่ซึ่งจูเซว่จื่อและหยุนเซว่จื่อกำลังต่อสู้กัน หลังจากนั้นไม่นานนักเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาหาตำแหน่งที่หวังหลินและเฉียนเฟิงอยู่
พริบตาเดียวเงานั้นก็แทงผ่านวงล้อมดวงวิญญาณทำให้ดวงวิญญาณที่อยู่ระหว่างทางแตกกระจายหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน
วงล้อมถูกแทงทะลุผ่านทิ้งเบื้องหลังเปิดกว้าง
เมื่อหวังหลินเห็นเขา สีหน้าเปลี่ยนไปและถอยตัวกลับ ทว่าขณะนั้นเองเสียงหัวเราะแหลมออกมาจากร่างนี้และมีร่างสีแดงออกมาจากภายในมันอีกที
ขณะที่ปรากฎตัวมันโบกแขนใส่หวังหลินอย่างลวกๆ หวังหลินกระอักโลหิตคำโตและร่างกายพุ่งออกไปราวกับอุกกาบาต จนหยุดห่างไปหมื่นลี้กระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง คราวนี้มีเศษอวัยวะภายในติดไปกับโลหิตด้วย
ร่างสีแดงเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มผมแดงร่างกายกึ่งโปร่งใส ภายในร่างของเขามีเจ้าลิงน้อยอยู่
ลำแสงสีแดงที่ออกมาจากเจ้าลิงน้อยเกิดเป็นร่างกายนี้
จิตใจหวังหลินรู้สึกเจ็บปวดพลันเอ่ยออกมา “ต้าวเสิน!”
ร่างนั้นขยับอีกครั้งและมาถึงหน้าเฉียนเฟิง เขายื่นมือออกไปเพื่อคว้าเฉียนเฟิงโยนไปด้านข้างทำให้ค่ายกลซูซาคุกระตุ้นตนเอง
ทว่าเมื่อร่างนั้นยื่นมือออกไปจึงเกิดเสียงแตกร้าวต่อเนื่องออกมาจากค่ายกลซูซาคุและด้วยการปะทะหนึ่งครั้งมันก็แตกกระจาย
ใบหน้าเฉียนเฟิงซีดเผือดอย่างที่สุด ค่ายกลซูซาคุที่กำลังแตกกระจายทำให้อาการบาดเจ็บของเขาย่ำแย่ขึ้นไปอีก
หลังโยนเฉียนเฟิงไปด้านข้าง ร่างนั้นคว้าจับกระบี่เหล็ก
เมื่อมองมันอย่างละเอียดเขาเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เป็นเช่นนี้เอง โลหิตบนกระบี่เล่มนี้มาจากเผ่าของข้าขั้นเก้าดวงดาว ดี! ด้วยสิ่งนี้และผลึกดาวเซียน ข้ามั่นใจเต็มร้อยว่าข้าจะหนีไปได้!”
หวังหลินสูดหายใจลึกและยื่นมือขวาออกไป ธงวิญญาณหนึ่งล้านดวงปรากฎในฝ่ามือและจากนั้นสั่นหนึ่งครั้ง ดวงวิญญาณทั้งหมดรวบรวมเข้าหาธงวิญญาณ ทั้งขวานและฝักกระบี่ก็ลอยเข้าหาเขาภายใต้คำสั่งนี้
ร่างนั้นมองหวังหลินพลันเผยรอยยิ้มน่าขนลุกและเอ่ยขึ้น “เจ้าเด็กเหลือขอ รอจนว่าข้าจะได้ผลึกดาวเซียนจากนั้นข้าจะมาเล่นกับเจ้า!”
เช่นนั้นเขาวาดแขนบนกระบี่ สนิมบนนั้นเริ่มเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตและท้ายที่สุดเกิดเป็นโลหิตสีแดงเข้มหนึ่งหยด
ร่างนั้นเผยใบหน้ามีความสุขและกลืนกินโลหิตทันที จากนั้นถือกระบี่และหายตัวไป เขาปรากฎตัวอีกครั้งภายในหมอกสีแดงที่ซึ่งจูเซว่จื่อและหยุนเซว่จื่อต่อสู้กัน
จูเซว่จื่ออุทานอย่างตกใจและหยุนเซว่จื่อร้องคำรามออกมาจากสายหมอก ตามมาด้วยเสียงมนต์คาถาหลายอย่าง
เฉียนเฟิงบาดเจ็บสาหัสหลังจากถูกโยนออกไปแต่เขาสามารถประคับประคองร่างกายได้และกำลังจะหลบหนี
ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง เขาโบกธงวิญญาณในมือและล้อมรอบตัวเองพุ่งเข้าหาเฉียนเฟิง
หวังหลินคิดขึ้น ‘ข้าต้องใช้ชีวิตของเฉียนเฟิงเพื่อแลกเปลี่ยนเสี้ยววิญญาณของข้าและจากนั้นออกจากสุสานซูซาคุด้วยความเร็วสูงสุด!’ ความเร็วหวังหลินเพิ่มขึ้นถึงขีดสูงสุดพุ่งเข้าหาเฉียนเฟิง เฉียนเฟิงถูกดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนไล่ทันและพามาหาหวังหลิน
ร่างหวังหลินปรากฎตัวเบื้องหน้าเฉียนเฟิงและชี้ระหว่างคิ้วเฉียนเฟิงทันที
ใบหน้าเฉียนเฟิงซีดขาวอีกและดวงตาแฝงประกายความบ้าคลั่ง ค่ายกลซูซาคุของเขาถูกทำลาย กระบี่เหล็กถูกเอาไป สมบัติของเขาแตกหัก และพลังชีวิตถูกขโมยไปอีก เขาทั้งยังบาดเจ็บสาหัสซึ่งทำให้เขาอ่อนแอมาก ตอนนี้ซ้ำมาถูกหวังหลินจับตัวไว้ เขาจะต้องตายโดยไม่มีหลุมฝังเป็นแน่
“แม้ข้าจะตาย ข้าจะให้เจ้าตายไปพร้อมกัน!” สายตาเฉียนเฟิงเต็มไปด้วยความบ้าระห่ำ เขาเตรียมตัวระเบิดแล้ว
ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบและเอ่ยอย่างนุ่มนวล “เสี้ยววิญญาณ!”
สัญลักษณ์สีม่วงที่ถูกทิ้งไว้ในใจเขาเริ่มร่องสว่างและปรากฎขึ้นระหว่างเขาและเฉียนเฟิง
การแยกเสี้ยววิญญาณออกมาจากผลึกดาวเซียน จำต้องแลกเปลี่ยนหนึ่งชีวิต
ขณะที่เฉียนเฟิงกำลังระเบิดตัวเอง เขากรีดร้องโหยหวนและดวงตาสลัวลง สัญลักษณ์สีม่วงปลดปล่อยแสงปิศาจและเสี้ยวดวงวิญญาณสองดวงปรากฎบนนั้น
ทั้งสองดวงวิญญาณ หนึ่งเป็นของหวังหลินและอีกหนึ่งเป็นเฉียนเฟิง
เสี้ยววิญญาณของเฉียนเฟิงค่อยๆแตกกระจายและเสี้ยววิญญาณของหวังหลินค่อยๆสลายกลายเป็นจุดแสงเข้าหาหน้าผากเขา
ร่างหวังหลินเริ่มสั่นเทา เขารู้สึกราวกับมีบางสิ่งบางอย่างเพิ่มเข้ามาในร่างกายและถูกเติมเต็มสัมผัสของทั้งร่าง
ตรงกันข้ามกับเฉียนเฟิงซึ่งมีดวงตาสลัวลงจนกระทั่งไม่มีแสงในที่สุด เขาตายก่อนที่จะสามารถระเบิดตัวเอง ลำแสงสี่เส้นพุ่งออกมาจากหน้าผากเขาและหายวับไป
ลำแสงทั้งสี่เส้นคือวิญญาณธาตุทั้งสี่ที่เฉียนเฟิงกลืนกินมาจากผีเสื้อสีชาด
ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโบกแขนและคว้าหนึ่งธาตุนั้นขณะที่อีกสามธาตุหายไป
ส่วนร่างเฉียนเฟิงมันตกจากท้องฟ้าลงไปสู่ทะเล กระเป๋าของเฉียนเฟิงลอยจึ้นมาและถูกหวังหลินจับเอาไว้
โจวหวู่ไท่และซื่อฉินเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จากระยะไกล พวกเขามองหน้ากันเองและโจวหวู่ไท่ลอบถอนหายใจ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถบอกสิ่งที่เขาต้องการจะบอกให้หวังหลินในเวลานี้ได้
ความเกลียดลึกในดวงตาซื่อฉินหายไป นางมองไปร่างเฉียนเฟิงที่กำลังจมดิ่งและเริ่มหัวเราะ ความเกลียดชังในเสียงหัวเราะนี้ทวีความรุนแรงมากมายนัก
“เฉียนเฟิง!” ดวงตาซื่อฉินเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางนั่งลงอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือสร้างผนึกลึกลับ ในเวลาเดียวกันเกิดแสงกระพริบถี่รัวออกมาระหว่างคิ้ว เซียนหุ่นเชิดหลายคนปรากฎตัวออกมาเพื่อปกป้องนาง
“เตาหลอมเซียน…ท้ายที่สุดใครกันที่จะเป็นเตาหลอมเซียน…หวังหลิน เจ้ายังไม่สามารถมองมันออกได้…เจ้าสังหารเฉียนเฟิงยอมให้ซื่อฉินได้ตามคำขอ อาห์! น่าเสียดายนักแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าหยุนเซว่จื่อใช้วิชารูปแบบไหน วิชารูปแบบนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน…มันประหลาดเกินไป แม้แต่เศษเสี้ยวมรดกแห่งมังกรเขียวที่ตื่นขึ้นมาในใจข้าก็ไม่มีข้อมูลวิชานี้…” โจวหวู่ไท่เผยใบหน้าซับซ้อนขณะมองซื่อฉิน
ซื่อฉินในตอนนี้เรืองแสงแสงสีรุ้งหลากสี ร่างของนางเต็มไปด้วยกลิ่นอายทรงพลัง กลิ่นอายนี้คล้ายคลึงอย่างมากกับของเฉียนเฟิง
หวังหลินห่อหุ้มด้วยธงวิญญาณและกำลังจะพุ่งออกไปจากทะเลทองแห่งนี้
แต่ขณะนั้นเอง คลื่นเสียงสั่นสะท้านสวรรค์ดังออกมาจากหมอกสีแดงที่จูเซว่จื่อปลดปล่อยเอาไว้ วินาทีต่อมาร่างหยุนเซว่จื่อถูกโยนออกมาจากสายหมอก โลหิตกลบปาก ดวงตาพร่ามัวและตอนที่เขาร่อนลงแทบจะสลบแล้ว
ในเวลาเดียวกันจูเซว่จื่อก็ถูกโยนออกมาด้วย พละกำลังที่มีก่อนหน้านี้หายไป ตอนนี้ปกคลุมด้วยรัศมีแห่งความตายพร้อมกับโลหิตออกมาจากปาก
เสียงหัวเราะบ้าคลั่งออกมาจากภายในหมอกแดง หลังจากนั้นไม่นานนักหมอกก็หายไปเผยกลายเป็นร่างสีแดงของต้าวเสินที่กำลังถือผลึกสีขาว ดวงตาเขากำลังเรืองแสงสีแดงเจิดจ้า
“เมื่อข้าเป็นอิสระ ข้าจะให้พวกเจ้าทั้งสองรับรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของข้า!” ขณะต้าวเสินหัวเราะ ร่างกลายเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงและพุ่งเข้าหาหวังหลิน
“หวังหลิน! ตอนนี้เป็นตาของเจ้าแล้ว!” เสียงของต้าวเสินเต็มไปด้วยความหนาวเย็นและเมื่อมันเข้าสู่หูของหวังหลินเขาก็ตกใจ หวังหลินยังถูกห่อหุ้มด้วยธงวิญญาณและเหาะเหินออกห่างไปอย่างเร่งรีบ
ทว่าความเร็วของต้าวเสินกลับเร็วยิ่งกว่า
ในพริบตาเขาก็ไล่ตามทันหวังหลิน เสียงมืดมันเข้าสู่หูหวังหลิน
“เจ้าไม่อาจหนีรอดไปได้หวังหลิน ข้ารอเจ้ามานานแสนนานเพื่อกลืนกินมรดกแห่งปัญญาของเจ้า…”
ใบหน้าหวังหลินมืดมน พลันสะบัดแขนและขวานปรากฎในฝ่ามือ จากนั้นหันกลับไปเพ่งพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดในร่างไว้บนขวานและแกว่งลงมาอย่างรุนแรง
ปราณขวานกว้างหลายร้อยฟุตและเต็มไปด้วยพลังปราณสวรรค์พุ่งออกมาราวกับสามารถผ่าสวรรค์ออกเป็นสองส่วนได้
ทว่าดวงตาของร่างต้าวเสินเริ่มเรืองแสงสีแดงจากนั้นยกมือขึ้นและชี้ไปที่ปราณขวานอย่างเบามือทำให้มันพังทะลาย
หวังหลินรีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีดเผือดและเก็บขวานกลับไปจากนั้นนำธงวิญญาณออกมาสะบัดและเอ่ยออกมา “รวมร่าง!”
เพียงคำเดียว ดวงวิญญาณทั้งหมดนอกจากดวงที่กำลังไล่ตามหลิวเหมยก็เริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างบ้าคลั่ง เร็วการรวมร่างถือว่าเร็วมากและเพียงกระพริบตาก็เสร็จสมบูรณ์