530. วิชาค้นวิญญาณ
ตูมมม ตูมมม ตูมมม ตู้มมมมมมมม!
เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ ลูกแก้วเข้าไปใกล้ร่างชายชุดดำ เสื้อผ้าเขาหายไปในทันที ผิวหนังแตกสลายจากนั้นโลหิตและเนื้อหนังเปลี่ยนเป็นฝุ่นผง ตามมาด้วยกระดูกก็เลือนหายไปเช่นกัน ตอนนี้นอกจากวิญญาณดั้งเดิมของเขาแล้วทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาได้หายไปจากโลกนี้โดยสิ้นเชิง
วิญญาณอสูรพลาดเป้าหมายและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มันต้องการไล่ตามวิญญาณดั้งเดิมของชายชุดดำแต่ไม่สามารถทำได้เพราะมีโซ่ตรวนของราชรถรั้งเอาไว้ มันจึงได้แต่คำรามในลำคอ
หวังหลินยื่นมือขวาออกไปและคว้าราชรถสังหารเทพ เขาไล่ตามวิญญาณดั้งเดิมอย่างรวดเร็ว เจ้าอสูรวิญญาณมีความสุขอย่างมากพร้อมกับรีบไล่ตามไปด้วย
หนึ่งคนหนึ่งอสูรทำงานร่วมกันได้ดีเป็นครั้งแรก หวังหลินขับเคลื่อนราชรถทำให้เพิ่มระยะการเคลื่อนที่ของเจ้าอสูรวิญญาณได้อย่างมาก
หลังไล่ตามไปได้เล็กน้อย เจ้าอสูรวิญญาณดูเหมือนไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว มันหันศีรษะกลับมามองหวังหลินและคำรามออกมาพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เขา
สีหน้าหวังหลินยังคงเหมือนเดิมแต่รูม่านตาสองข้างหรี่ลง
ความว่องไวของอสูรวิญญาณถือว่าเร็วมาก ด้วยท่าทางเยือกเย็นของหวังหลินจึงตัดสินใจว่าหากเจ้าอสูรก้าวเข้ามาอีกก้าวนึงเขาจะลงโทษมันโดยไม่ลังเลเลย
เจ้าอสูรวิญญาณหยุดชั่วขณะเมื่อกำลังเข้าใกล้และเผยความเสียใจ
หวังหลินพลันตระหนักบางอย่างและความเย็นชาในแววตาหายไป เขาพยักหน้าให้อสูรวิญญาณจากนั้นเจ้าอสูรมองที่หวังหลินและกระโจนเข้าใส่เขาทันที มันไม่ได้โจมตีหวังหลินแต่ห่อหุ้มรอบตัวเขาและโยนขึ้นไป จากนั้นมันเคลื่อนร่างราวกับสายฟ้าและปรากฎตัวใต้ฝ่าเท้าหวังหลินก่อนจะแบกเขาด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
หวังหลินระงับความสุขในใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าอสูรวิญญาณเต็มใจพาเขาไป เทพผู้สร้างราชรถสังหารเทพบันทึกเรื่องราวในหินหยกว่าสมบัติชิ้นนี้แตกต่างจากชิ้นอื่นๆ แม้ว่ามนตราเก้าวาทะจะทรงพลังอย่างมาก หากคนใช้ไม่เป็นที่ยอมรับของอสูรวิญญาณก็ทำได้แค่ใช้พลังที่แท้จริงได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
มีเพียงหลังจากทำให้อสูรยอมรับได้อย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถใช้พลังของราชรถสังหารเทพได้เต็มกำลัง
“เจ้าอสูรไม่ได้ยอมรับข้า มันเพียงแค่อยากกินวิญญาณดวงนั้น มีข้ามาด้วยจึงช้าเกินไปมันจึงตัดสินใจพาข้าไป แต่นี่ก็ยังถือว่าดีกว่าเมื่อก่อน!”
ความเร็วของอสูรวิญญาณถือว่าเร็วเหลือเชื่อ กล่าวให้ถูกก็คือความเร็ซของมันไม่ได้ช้าไปกว่าตอนที่หวังหลินใช้เข็มทิศดวงดาวในอวกาศเลย
เจ้าอสูรวิญญาณใช้ความเร็วเหนือจินตนาการจนสร้างภาพติดตาเลือนหายออกไปไกล
ชายชุดดำเหาะเหินอยู่ห่างอย่างรวดเร็ว มีผลึกชิ้นเล็กตั้งอยู่ที่จุดตันเถียนของเขาและมีพลังมารบางส่วนค่อยๆถูกปลดปล่อยออกมาจากมัน
ขณะที่เขากำลังหนี ความเกลียดชังต่อหวังหลินเพิ่มพูนขึ้นจนขีดสุด เขาสาบานว่าเมื่อไปครอบครองร่างกายใหม่และฟื้นพลังกลับมาเต็มดังเดิม เขาจะหาทางสังหารหวังหลินอย่างโหดเหี้ยมให้ถึงที่สุด!
ขณะที่กำลังหนี สีหน้าท่าทางพลันเปลี่ยนทันที เขาหันศีรษะกลับมาเห็นอสูรวิญญาณจับจ้องบนตัวเขาไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
วิญญาณดั้งเดิมเผยความหวาดกลัวและกำลังเปลี่ยนทิศทาง ทว่าเจ้าอสูรวิญญาณคำรามออกมาคล้ายจะเคลื่อนไหวผ่านช่องว่างตรงๆ
วิญญาณดั้งเดิมของชายชุดดำสั่นสะท้านทันที อดไม่ได้ที่จะหยุดไปหนึ่งจังหวะจนทำให้วิญญาณอสูรเข้ามาใกล้ได้ ดวงตาเจ้าอสูรวิญญาณเต็มไปด้วยความโลภ มันรู้ว่าหากมันกลืนกินวิญญาณดั้งเดิมดวงนี้ ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้น หากมันแข็งแกร่งเพียงพอมันจะสามารถทำลายกรงขังจากคุกบัดซบนี่และใช้ชีวิตปราศจากความกังวลพร้อมกับเร่ร่อนไปในอวกาศอันกว้างใหญ่!
ด้วยความคิดนี้ในใจ เจ้าอสูรวิญญาณจึงตรากตรำอย่างหนัก มันอ้าปากและเกิดกลิ่นเหม็นคาวออกมาจากข้างใน นี่คือลมหายใจวิญญาณ มันทำให้วิญญาณดั้งเดิมแข็งทื่อทันที หากเป็นวิญญาณแรกกำเนิดมันคงสูญเสียพลังอำนาจในการต่อต้านไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามวิญญาณของชายชุดดำไม่ใช่วิญญาณแรกกำเนิดแต่เป็นวิญญาณดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นวิญญาณดั้งเดิมที่ทรงพลังของเซียนขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายและพร้อมจะก้าวเข้าสู่ขั้นเทวะ
สำหรับผลลัพธ์ แม้ลมหายใจนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพแต่มันไม่สามารถแช่แข็งเขาได้อย่างสิ้นเชิง เขาเคลื่อนตัวด้วยองศาอันเหลือเชื่อและทำการหลบหนีเขี้ยวเล็บของอสูรวิญญาณ เขากำลังได้รับบาดเจ็บถาวรโดยใช้พลังของวิญญาณดั้งเดิมเพื่อหลบหนี
แต่ชั่วขณะนี้เองหวังหลินก็เคลื่อนไหว ทว่าสิ่งที่ขยับไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นแส้ฟาดวิญญาณ
แส้ขยับราวกับเงาและโอบล้อมรอบวิญญาณดั้งเดิมของชายชุดดำอย่างรวดเร็ว หวังหลินดึงวิญญาณดั้งเดิมกลับเข้าไปในแขนและผนึกมันเข้าไปในธงวิญญาณ
อสูรวิญญาณก้าวร้าวทันทีและหันศีรษะเพื่อกลืนกินหวังหลิน การเห็นอาหารอันโอชะถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตาทำให้มันโกรธเกรี้ยวราวกับตอนที่ถูกจับ ถูกผนึกและหลอมโดยพวกเทพ
หวังหลินลอบถอนหายใจ จากนั้นดวงตาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นและเอ่ยเบาๆทีละคำ
ด้วยคำพูดนี้ ดวงตาอสูรวิญญาณเปลี่ยนเป็นแดงฉานทันทีและร้องคำรามโกรธเกรี้ยว มันมองหวังหลินด้วยสายตาเลือดเย็นก่อนที่ร่างใหญ่โตจะกลับเข้าสู่ราชรถสังหารเทพ
ในจังหวะที่ร่างของมันกลับเข้าสู่ราชรถ ไม่มีเวลาให้หวังหลินตอบสนองก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นกับดักอสูรและลอยกลับเข้าหาเขา พลังดึงดูดอันทรงพลังจู่ๆก็ออกมาจากกับดักอสูร
หวังหลินยิ้มอย่างขมขื่น เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าอสูรอารมณ์แปรปรวน มันน่าปวดหัวนัก หวังหลินนั่งลงในท่านั่งดอกบัวพร้อมกับหินหยกสวรรค์ในมือเพื่อตอบโต้กับพลังดึงดูด
คราวนี้พลังปราณสวรรค์จำนวนมากที่ดูดซับมีมากกว่าคราวก่อนหน้านี้มหาศาลมาก นั่นแสดงให้เห็นว่าอสูรตนนี้โกรธมากมายแค่ไหน
แม้ว่าการมีพลังปราณสวรรค์ให้ดูดซับเพียงพอจะเป็นผลข้างเคียงของกับดักอสูร หลังจากรวมเข้ากับมันเป็นเวลานาน เจ้าอสูรวิญญาณก็ยังควบคุมได้น้อยอยู่ดี แต่ว่าการควบคุมมันมีข้อจำกัด ส่วนใหญ่จึงให้มันขังเอาไว้เพื่อดูดพลังปราณสวรรค์เพิ่มอีกเล็กน้อยมากกว่าการใช้ปกติ
หลังผ่านไปสักพักหวังหลินสูดหายใจลึกและแรงดูดจากกับดักอสูรค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ ดูเหมือนเจ้าอสูรวิญญาณไม่อาจดูดได้เพิ่มและเลิกยอมแพ้ไปเอง
เมื่อเก็บกับดักอสูรไป หวังหลินเผยรอยยิ้มขมขื่น เขาหลับตาเพื่อกลับเข้าสู่การบ่มเพาะและไม่ได้ลืมตาขึ้นมาจนกระทั่งฟื้นฟูพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดได้
“อสูรวิญญาณ…” หวังหลินส่ายศีรษะ ท้องฟ้าตอนนี้สว่างไสวและคลื่นพลังปิศาจคืนนี้ค่อยๆเลือนหายไป
หวังหลินยืนขึ้นจากนั้นฝ่ามือขวาตบกระเป๋าและนำธงวิญญาณที่มีวิญญาณดั้งเดิมของชายชุดดำออกมา เขาสะบัดธงทำให้วิญญาณดั้งเดิมดวงนั้นปรากฎ ฝ่ามือเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าจับสายตาวิญญาณดั้งเดิมในมือ
ในขณะเดียวกัน พลังปราณสวรรค์ในร่างกายหวังหลินได้สร้างเส้นใยเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมเพื่อสร้างกฎเกณฑ์หนึ่งออกมา หากเขาต้องการทำลายตัวเอง เส้นใยนี้จะสร้างม่านกำแพงให้
แม้หวังหลินจะไม่สามารถต่อกรกับผนึกของชายชุดดำได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจากความแตกต่างด้านระดับการบ่มเพาะ แต่การทำให้เช่นนี้ทำให้เขาสามารถตรวจพบการพยายามฆ่าตัวตายไว้ล่วงหน้าและผนึกวิญญาณดั้งเดิมไว้ในธงวิญญาณ
“ข้าจะไม่ยอมรับเรื่องนี้!!! ถ้าหากไม่ใช่ว่าสมบัติวิเศษอสูรวิญญษณและดวงวิญญาณได้ล่อภูติสวรรค์ออกไป เจ้าจะเทียบกับข้าไม่ได้เลย! เจ้าจะตายแน่นอน!” หลังจากวิญญาณดั้งเดิมของเขาได้รับการปลดปล่อย มันคำรามด้วยความโกรธทันทีและดวงตาเคร่งเครียด
เขารู้ว่าเขาถูกจับกุมและคงไม่มีโอกาสรอดชีวิต เขากระทั่งรู้จักกฎเกณฑ์ในวิญญาณดั้งเดิมของตนดังนั้นจึงรู้ได้ว่าการทำลายตนเองเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ ดังนั้นจึงตัดสินใจระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ
หวังหลินไม่ต้องการเสียเวลากับเขาและถามไปตรงๆ “ผลึกปิศาจคืออะไร?”
วิญญาณดั้งเดิมของชายชุดดำเหยียดยิ้ม “เจ้าคนไร้ยางอาย อันดับแรกเจ้าบังคับให้ข้าต้องต่อกรกับวิชาของเจ้า จากนั้นใช้ประโยชน์ตอนที่ข้าไร้การป้องกันและลอบโจมตีข้า นี่คือวิธีการของสำนักชะตาสวรรค์หรืออย่างไร?”
หวังหลินขมวดคิ้วและบิดแขนขวา วิญญาณดั้งเดิมกรีดร้องโหยหวนและอ่อนแอลง แต่สายตาชายชุดดำยังคงดุร้าย
วิญญาณดั้งเดิมมองหวังหลินอย่างเยาะเย้ย “ข้าลั่วหยุน เป็นศิษย์ของสำนักภูติสวรรค์ ข้าฝึกฝนบนเส้นทางของภูติสวรรค์และมีวิญญาณภูติของตนเอง หากเจ้าสังหารข้าเมื่อนั้นอาจารย์ของข้า ภูติเซียนจะออกค้นหาและจะล้างแค้นให้ข้าแน่นอน! เขาเป็นคนที่แม้แต่เทียนหยุนคบหาเป็นเพื่อน! หวังหลินเจ้าจงคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี!?!?!”
หวังหลินมองเขาด้วยท่าทางเย็นชา เขากำลังหมดความอดทนดังนั้นจึงขกแขนขวาขึ้นและตีเข้าไปที่วิญญาณดั้งเดิม วิญญาณนั้นสูญเสียกายหยาบไปเกือบหมดสิ้นแล้วและอ่อนแออย่างมาก
“อาจารย์ข้าจะไม่ยกโทษเจ้า!” สายตาลั่วหยุนโหดร้ายจนถึงขีดสุด
แขนซ้ายหวังหลินกดประทับกับหน้าผากเขาและเอ่ยเบาๆ “ค้นวิญญาณ!”
มีกฎเกณฑ์อยู่มากมายในการค้นวิญญาณแต่ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินในปัจจุบันพร้อมกับใช้พลังปราณสวรรค์ มันจึงไม่ได้ยากมากนัก รวมถึงความอ่อนแอของวิญญาณดั้งเดิมในตอนนี้มันจึงไม่มีอุปสรรค์ขัดขวางอันใด
เสียงกรีดร้องโหยหวนปะทุออกมาจากปากลั่วหยุน วิชาค้นวิญญาณเป็นวิชาอันตรายและโหดเหี้ยมอย่างยิ่ง เมื่อใช้วิชานี้กับคนที่มีร่างกายหยาบ พวกเขาจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่า แต่เมื่อใช้กับวิญญาณดั้งเดิมตรงๆ ความเจ็บปวดมีมากมายหลายเท่า
เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของลั่วหยุนค่อยๆอ่อนลง หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป เสียงของเขาก็เลือนหายและวิญญาณดั้งเดิมแทบโปร่งแสงไปเกือบหมด
หวังหลินยื่นมือซ้ายออกมาและคว้าตันเถียนของลั่วหยุนตรงๆ เมื่อเขาถอนมือออกมาพลันมีผลึกในนั้นออกมาด้วย
หวังหลินครุ่นคิดขณะผนึกวิญญาณดั้งเดิมของลั่วหยุนเข้าไปในธงวิญญาณ เขาวางแผนจะหลอมวิญญาณดั้งเดิมของลั่วหยุนเข้าไปเป็นหนึ่งในวิญญาณหลักของธงวิญญาณ
หลังเก็บดวงวิญญาณเข้าไปในธง ร่างหวังหลินเคลื่อนออกไปราวกับสายฟ้า เขาออกไปทิศทางที่วิญญาณดั้งเดิมไล่ตามปิศาจสวรรค์
“ดินแดนวิญญาณปิศาจยังมีความลับซ่อนอยู่มากเช่นนี้ ไม่สงสัยเลยว่าโอวหยางฮัวถึงได้บอกว่ามีการนองเลือดเกิดขึ้นทุกครั้งที่คนนอกมาถึง…”
“สำนักภูติสวรรค์…แม้ลั่วหยุนจะกล่าวเกินจริงไปหน่อยแต่ยังมีความจริงอยู่ในคำพูดเขา อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกห้าร้อยปี ดังนั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลไปนัก วิธีของสำนักภูติสวรรค์น่าสนใจและยังมีวิชากฎเกณฑ์ปิศาจในความทรงจำของลั่วหยุนที่ข้าสามารถลองได้!”