55. ลงสนาม (5)
เหล่าศิษย์สำนักเหิงยั่วต่างก็พูดคุยเรื่องวิชาเซียนที่หวังหลินใช้เช่นกัน
หวังหลินยืนอยู่บนลานประลอง ไม่อาจสงบความตื่นเต้นในใจไว้ได้ เขาได้เอาชนะโจวเผิงด้วยวิชาเซียนแรงโน้มถ่วงไปสามครั้ง จึงได้มั่นใจมากขึ้น เขากวาดสายตาไปทางเหล่าศิษย์สำนักซวนต้าวเหมือนกับที่โจวเผิงทำและพูดขึ้น “การประลองวันนี้ยังไม่จบ ใครจะเป็นรายต่อไป?”
ศิษย์ซวนต้าวทั้งหมดมองหน้ากันเอง แต่ละคนก้มหัวลงทั้งหมดไม่กล้าสบสายตาหวังหลิน เหมือนกับที่โจวเผิงทำกับสำนักเหิงยั่วครั้งก่อน
เหล่าศิษย์สำนักเหิงยั่วลืมฉายา ‘ขยะ’ ที่ให้กับหวังหลินไป พวกเขาทั้งหมดส่งเสียงเชียร์และตะดกนขึ้น “พวกขยะซวนต้าว เห็นความแข็งแกร่งของพี่หวังแล้วเกิดอะไรขึ้นกันหล่ะ? เจ้าพวกที่เยาะเย้ยก่อนหน้านี้หายไปไหนหมด ทำไมไม่มีใครกล้าออกมาเลยกัน? ”
“พวกที่ขับไสไล่ส่งก่อนหน้านี้อยู่ไหนกัน? รีบออกมาเร็วเข้า ส่งใครสักคนมาให้พี่หวังของเราสั่งสอนซะบ้าง แล้วเราจะได้เห็นว่าใครกันแน่ที่อวดดี!”
“หลิวเฟิง ครั้งก่อนเจ้าก็ดูแข็งแกร่งไม่ใช่หรอ ออกมาสิ! กล้าสู้กับพี่ใหญ่ข้าปะหล่ะ?”
“สำนักซวนต้าวเหลือแต่ขยะแล้วหล่ะมั้ง ไม่มีใครกล้าออกมาเลย พี่หวังสุดยอด!”
“หลี่ชาน ไอ้ ****! แกขายระเบิดกลิ่นเหม็นพวกนั้นด้วยเจตนาร้าย แต่พวกเข้าเห็นไส้เห็นพุงหมดแล้ว โดยเฉพาะพี่ใหญ่หวังหลิน เจ้าได้เรียนรู้บทเรียนอะไรบ้างหล่ะ?”
“พวกเจ้าเห็นอะไรไหม? สำนักซวนต้าวกลัวพี่หวังหลินว่ะ ไม่มีใครกล้าออกมาเลย”
“พี่ใหญ่ ข้าเคยเยาะเย้ยท่านมาก่อน แต่ตอนนี้ข้าขอให้ท่านยกโทษ ตอนนี้ท่านเป็นหัวหน้าข้าแล้ว! ถ้าท่านบอกให้ข้าไปซ้าย ข้าจะไม่ไปทางขวาแน่นอน!”
ทันใดนั้นฉากเหตุการณ์กลายเป็นมีชีวิตชีวามากขึ้น เหล่าศิษย์ของสำนักเหิงยั่วต่างตื่นเต้นและเริ่มตะโกนเสียงดัง การประลองครั้งก่อนนี้ทั้งหมดระหว่างสองสำนักทำให้พวกเขารู้สึกตกต่ำลง แต่หวังหลินกลับให้ความหวังแก่พวกเขา
เวลาเดียวกันนี้ หวังหลินก็ได้ฉายาว่าพี่ใหญ่
ผู้อาวุโสโอวหยางใบหน้าขึ้นสี จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกของฮวงหลงแล้ว “ยางหยี่ ออกไป!”
*ยางยี่ เนื่องจากต้นฉบับจีนไม่มีเนื้อหาจนถึงตอน 61 ดังนั้นชื่อจีนขอละไว้ละกันนะครับ*
ชายหนุ่มสูงผอมก้าวเดินออกมาอย่างไม่เต็มใจ ก่อนที่เขาจะถึงลานประลอง ศิษย์ซวนต้าวก็ตะโกนขึ้น “ศิษย์พี่ลำดับสอง ออกไปทำให้หวังหลิน…”
ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดจบ ก็รู้สึกว่าศิษย์คนอื่นๆมองมาที่เขาด้วยแววตาแปลกประหลาด โดยเฉพาะยางยี่ที่มองมาทางเขาอย่างเกลียดชัง แววตานั้นทำให้เขากลัวจนไม่กล้าพูดจบประโยค
ยางยี่สาปแช่งในใจ “ไอ้ปัญญาอ่อน หวังหลินแข็งแกร่งขนาดเอาชนะพี่ใหญ่ด้วยการโจมตีครั้งเดียว ไอ้เฒ่าโอวหยางยังให้ข้าออกมาอีก บัดซบเอ้ย! และข้าไม่รู้ว่าไอ้สารเลวหลี่ชานขายระเบิดให้มันไปกี่ลูก หลี่ชาน ข้าจะกลับไปสั่งสอนมันทีหลัง!”
ขณะที่คิดได้เช่นนี้เขาก็หันไปมองหลี่ชานและจ้องมันตรงๆ จากนั้นเขาก็คารวะและพูดขึ้นอย่างนอบน้อม “พี่หวัง ข้าชื่อยางยี่ พี่ช่างเป็นคนหล่อเหลาและระดับสูงยิ่ง! ท่านะต้องกลายเป็นคนมีชื่อเสียงก้องไกลในแคว้นจ้าวได้แน่นอน! โอกาสประลองกับท่านนี้จะเป็นสิทธิพิเศษจริงๆ!”
หวังหลินเหลือบมองไปที่ยางยี่แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
ยางยี่ไม่ได้รู้สึกลำบากใจ เขาพูดขึ้น “พี่หวัง เราทั้งคู่ต่างอยู่ที่นี่เพื่อการประลองกระชับมิตรระหว่างสองสำนัก ทำไมเราไม่เล่นไล่จับกันดูเพื่อหาผู้ชนะกันหล่ะ? ถ้าหากข้าอยู่รอดหนึ่งร้อยวินาที ก็ให้ข้าชนะ”
เมื่อเขาพูดจบ กลับรู้สึกเสียใจทันทีและพูดต่อ “ไม่สิห้าสิบวิพอ จริงๆแล้วสามสิบวิก็ได้…ไม่ไม่ ยี่สิบวิเถอะ”
เหล่าศิษย์ของสำนักเหิงยั่วในที่สุดก็อดใจไม่ได้หรือไม่ก็พวกเขาไม่รู้สึกปลอดภัยเท่าไหร่
“ออกไปจากลานประลองซะ! แกมันก็แค่ศิษย์ลำดับสอง ยังมีหน้าไม่อายอีก! พี่หวังอย่าไปฟังมัน!”
“ยางยี่ เจ้ายังเป็นชายอยู่หรือ? จากร้อยวินาทีเหลือยี่สิบวินาทีเนี่ยนะ? ออกไปจากลานประลองและส่งคนอื่นมาเถอะ เจ้าไม่มีค่าพอจะสู้กับพี่ใหญ่ของเราหรอก!”
“สำนักซวนต้าวส่งคนแบบนี้ออกมาได้ยังไงกัน?! น่าละอาย!”
ฮวงหลงยิ้มกว้าง ยิ่งมองหวังหลินก็ยิ่งเหมือนกับเขา เขาหันไปหาซุนต้าซื่อพลางพูดขึ้น “น้องต้าซื่อ ศิษย์ของเจ้าคนนี้ยอดเยี่ยมมาก!”
ร่างซุนต้าซื่อสั่นสะท้าน ร่างเขารู้สึกราวกับโดนค้อนทุบ ตั้งแต่ตอนไหนที่จ้าวสำนักเรียกเขาว่าน้องต้าซื่ออย่างสนิทสนมแบบนี้? เขาพูดอย่างภูมิใจ “ถูกแล้ว ข้าใช้สายตาของข้ามองหาหวังหลินตอนที่เขาเข้ามาในสำนัก! ฮ่าฮ่า เป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครสู้เพื่อแย่งเขามาจากข้า ฮึ่ม! ตอนที่ข้ารับเขาเป็นศิษย์ก็มีแต่คนเยาะเย้ยข้าทั้งนั้น!”
ใบหน้าของต้าวซิ่ว ผู้อาวุโสหน้าแดง และผู้อาวุโสคนอื่นเปลี่ยนเป็นสีแดงและต้องการจะพูดขึ้น
แต่ว่าฮวงหลงจ้องไปที่พวกเขาและพูดออกมา “น้องต้าซื่อ เจ้าทำได้เยี่ยมในสำนัก! อย่ากังวลไป พี่อาวุโสของเจ้าจะจัดการเรื่องนี้แทนเอง!”
ซุนต้าซื่อพูดอย่างภูมิใจ แต่ลอบตื่นตกใจอย่างลับๆและสายตาเยือกเย็น
บนลานประลอง ยางยี่ไม่มีเวลาที่จะห่วงว่าผู้อาวุโสคนอื่นจะพูดอะไร เขาตรวจสอบหวังหลินอย่างระมัดระวัง กลัวว่าเขาจะไม่ตอบรับคำแนะนำ
หวังหลินมองที่ยางยี่และพูดขึ้น “ตกลง!”
ยางยี่ลอบตื่นเต้น เขาเป็นคนรักสงบเสมอมา ไม่หยิ่งยโสเหมือนโจวเผิง พลันคิดขึ้น ‘หวังหลิน แม้ว่าหัตถ์จับมังกรของเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เทียบกับพี่ใหญ่ไม่ได้ ข้าเชี่ยวชาญด้านความเร็วเป็นพิเศษ! ฮึ่ม มาดูเถอะว่าถ้าเจ้าจะจับข้าในยี่สิบวินาที ข้ามั่นใจว่าชนะแน่ๆ!’
เขาคารวะเบื้องหน้าหวังหลิน จากนั้นหยิบเอาหยกสีขาวออกมาและบดแตกละเอียด ทันใดนั้นแสงสีขาวปรากฎรอบร่างเขาและเพิ่มความเร็วขึ้น ยางยี่พุ่งออกไปด้านข้างทันที
เขาจงใจหลบหลีกหวังหลิน เป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่การต่อสู้แต่ใช้ความเร็วเพื่อถ่วงเวลา
หวังหลินแกล้งเผยรอยยิ้ม สัมผัสวิญญาณของเขาไกลกว่าของยางยี่และตามทันความเร็วได้ง่ายๆ เขาส่งวิชาแรงโน้มถ่วงออกไปและหยิบเอาระเบิดกลิ่นเหม็นออกมาช้าๆ
ขณะที่ยางยี่เห็นระเบิด เขาตาโตและเร่งความเร็วขึ้น หลี่ชานจ้องไปที่ระเบิดกลิ่นเหม็นบนมือหวังหลินอย่างตะลึงและพึมพำกับตัวเอง “พี่หวังผู้กล้าหาญ พี่อาวุโสหวัง ท่านปู่หวัง! อย่าใช้มันอีกเลย! ข้าถูกพี่ใหญ่โกรธไปแล้ว ถ้าข้าถูกพี่สองโกรธเพิ่มมาอีกคน ชีวิตข้า…คงจบสิ้นแล้ว”