611. ไม่ลืมเรื่องราวในซูซาคุ
ณ นอกดาวเทียนหยุนซึ่งเป็นดาวเซียนระดับเจ็ด
ดวงดาวโลหิต
สตรีนางหนึ่งสวมชุดสีม่วงกำลังขับขี่กระบี่ยาวสามฟุตลอยเหาะข้ามผ่านอวกาศอันกว้างใหญ่ มีสตรีอีกสามคนสวมชุดคลุมหลากสีกำลังไล่ล่า
หนึ่งในสตรีที่กำลังไล่ล่าได้เยาะเย้ยออกมา “นังมารร้าย เจ้าทรยศสำนักวารีสวรรค์และขโมยสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวสำนักรุ่นเยาว์ไป เจ้าคิดจริงๆหรือจะว่าจะหนีรอดไปได้!? แม้ที่นี่จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวเทียนหยุน แต่ดาวเบญจธาตุของข้าต่างก็เป็นดาวเซียนระดับเจ็ด เจ้าจะหนีไปไหนได้!”
สตรีชุดคลุมสีม่วงกัดฟันแน่น ใบหน้าซีดเผือดอย่างมาก ผ้าคลุมหน้าสีม่วงที่นางสวมไว้ก่อนหน้านี้ได้หลุดลอยออกมา
“เจ้ามีพิษกู่อยู่ในร่าง ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าเจ้าจะหนีรอดไปได้ไกลแค่ไหน!”
สตรีชุดม่วงเผยสีหน้าเจ็บปวด พิษกู่ในร่างออกฤทธิ์แล้วและนางต้องฝืนระงับไว้ตลอดทาง เดิมทีนางสามารถหนีไปได้แต่กลับไม่คาดคิดว่าน้องสาวนางจะทรยศและล่อศัตรูมาให้
ตอนนี้นางดุจแสงเทียนไร้น้ำมัน นางไม่สามารถระงับพิษกู่ในร่างได้อีกแล้วและกระอักโลหิตคำโตออกมา ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีซีดและกระบี่ใต้ฝ่าเท้าสั่นโอนเอน
นางยิ้มเจ็บปวดพลันควบคุมกระบี่ใต้ฝ่าเท้าให้พุ่งตรงไปข้างหน้าเขาหาดวงดาวสีแดงโลหิต
สตรีทั้งสามคนด้านหลังพ่นลมหายใจเย็นและเร่งความเร็วในการตามล่าขึ้น
สตรีชุดม่วงเข้าไปใกล้บนดาวเคราะห์สีแดงโลหิตและทำลายผ่านชั้นบรรยากาศ เมื่อนางเข้าไปบนพื้นผิว พลันเห็นอารามสีแดงโลหิตทันที
บุรุษคนหนึ่งเดินออกมาจากอาราม ผมแดง คิ้วแดงและสวมชุดคลุมสีแดง ขณะที่ยืนอยู่ที่นี่ แม้จะไม่มีร่องรอยพลังปราณสวรรค์อยู่บนร่างแต่เขากลับให้สัมผัสแห่งอำนาจบารมี
เขามองสตรีชุดม่วงและสตรีอีกสามคนที่กำลังไล่ล่านาง พลันขมวดคิ้วและกล่าวอย่างเยือกเย็น “ไปซะ!”
ท่าทางสตรีสามคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หนึ่งในนั้นรีบเอ่ย “สำนักวารีสวรรค์แห่งดาวเบญจธาตุกำลังพยายามจับกุมตัวผู้ทรยศ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสจะไม่ก้าวก่าย!”
ดวงตาบุรุษปรากฏแสงเยือกเย็นกระพริบวาบ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อทำให้เกิดสายลมกรรโชกพัดพาหญิงสาวสามคนนั้นหลุดลอยออกไปจากดาวแห่งนี้
“เจ้าชื่ออะไร?!”
“ซื่อฉิน ผู้น้อยนามว่าซื่อฉิน เซียนจากดาวเซียนระดับหกชื่อดาวซูซาคุ” สตรีชุดสีม่วงจ้องคนเบื้องหน้า คนผู้นี้สามารถส่งคนที่กำลังไล่ล่านางให้ออกไปได้เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อครั้งเดียว เซียนเช่นนี้น่าหวาดกลัวเกินไป
ณ ดาวซูซาคุ พื้นที่แคว้นซู สำนักฟ้าเมฆา!
สำนักฟ้าเมฆาแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง แคว้นซูได้ถูกยกระดับขึ้นเป็นแคว้นเซียนระดับสี่โดยซูซาคุคนปัจจุบันนามว่าโจวหวู่ไท่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่แคว้นระดับสี่ อิทธิพลของมันกลับกว้างใหญ่ที่สุดท่ามกลางแคว้นระดับสี่
แม้กระทั่งแคว้นเซียนระดับห้าทั้งหมดยังต้องเคารพเมื่อพวกเขาอยู่ในแคว้นซู โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับสำนักฟ้าเมฆา
นั่นก็เพราะเกือบทุกคนที่เคยพบเจอเรื่องราวเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อนต่างรู้จักเซียนที่มีชื่อว่าหวังหลิน คนผู้นั้นได้สร้างคลื่นยักษ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนดาวซูซาคุด้วยตัวคนเดียว!
หลังจากสำนักฟ้าเมฆากลายเป็นแคว้นระดับสี่ พวกเขาลงมาจากสำนักของตนเองแล้วช่วยทั้งแคว้นสร้างรูปปั้นยักษ์ด้วยหินวิญญาณระดับสูง!
จิตกรรมรูปปั้นนี้เป็นชายสวมชุดสีดำ ดวงตาเผยท่าทางครุ่นคิด แม้จะไม่ได้หล่อเหลาแต่กลับปลดปล่อยความรู้สึกดึงดูดโลกนี้ไว้ทั้งใบ ฝ่ามือสร้างผนึกราวกับกำลังสงสัย
รูปปั้นได้ปลดปล่อยบารมีอันน่าหวาดหวั่นจนครอบคลุมไปทั่วบริเวณ!
รูปปั้นนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสำนักฟ้าเมฆา ทั้งยังเป็นสิ่งที่ศิษย์สำนักฟ้าเมฆาต่างเคารพบูชา เป็นสิ่งที่เซียนทั้งหมดในแคว้นซูเคารพยกย่อง ทั้งยังเป็นตำนานของดาวซูซาคุด้วยเช่นกัน!
ในตอนนี้มีชายชราผู้หนึ่งและผู้เยาว์คนหนึ่งเดินขึ้นบันไดไปสู่สำนักฟ้าเมฆา
ด้วยตำแหน่งในตอนนี้จึงสามารถเห็นรูปปั้นสูงตระหง่านได้ชัดเจน ใบหน้าผู้เยาว์เต็มไปด้วยความสงสัยและพลันถามออกมา “ท่านปู่ นี่คือรูปปั้นที่ท่านกำลังพูดถึงใช่ไหม?”
ชายชรามองรูปปั้นและเผยสีหน้ารำลึกถึงอดีต หลังผ่านไปครู่ใหญ่เขาลูบหัวเด็กน้อยและกล่าวออกมา “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมจ้าวสำนักฟ้าเมฆาถึงสามารถบรรลุขั้นตัดวิญญาณได้? ทำไมสำนักทั้งหมดในแคว้นซูถึงนับถือสำนักฟ้าเมฆาว่าเป็นผู้คุมกฏของพวกเขา?”
“ทำไมเหล่าผู้เก่งกาจจากแคว้นเซียนระดับห้าทั้งหมดถึงต้องเคารพนบนอบตอนที่พวกเขาอยู่ที่นี่เล่า? ทั้งหมดเป็นเพราะรูปปั้นนี้!”
เด็กหนุ่มตกตะลึงก่อนจะกระพริบตาและเผยรอยยิ้ม “นั่นประหลาดนัก รูปปั้นสามารถทำได้ทุกคนเคารพยกย่องได้อย่างไร?”
ชายชราถอนหายใจ “แม้คนผู้เป็นรูปปั้นได้อยู่ฝึกฝนที่นี่เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างเวลาไม่กี่ร้อยปีนั้นเขาได้สร้างพายุที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนดาวซูซาคุ! มีหลายสิ่งหลายอย่างกระจายออกไปหลังจากที่เขาจากไปแล้ว ลือกันว่าตอนนั้นเขาฝึกเซียนเพียงแค่สองร้อยปีก็สามารถทำให้ทะเลปิศาจตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย เขาช่วยสาวงามนางหนึ่งไว้และทำเรื่องน่าตกตะลึงไปทั้งสำนักฟ้าเมฆา เขาเข่นฆ่าผู้คนระหว่างทางไปแคว้นจ้าว ก่อกำเนิดสายน้ำโลหิต ทั้งตระกูลเถิงถูกฆ่าล้างและทั้งแคว้นกลายเป็นหลุมฝังศพ!”
“ลือกันว่าเขาได้เข้าไปในดินแดนสวรรค์และตัดแขนผีเสื้อสีชาดออกมาได้ เขาเอาชนะหลิวเหมย ต่อสู้กับเฉียนเฟิงและรับตุ้นเทียนแห่งสำนักหลอมวิญญาณเป็นอาจารย์ เขาทำลายเฉวี่ยี่ ฆ่าบรรพชนเผ่ามารยักษ์ และมีชื่อเสียงขึ้นมาระหว่างการต่อสู้กับเผ่าละทิ้งอมตะ เขาได้รับผลึกซูซาคุตอนที่อยู่ในสุสานซูซาคุ หลังจากชนะคนอื่นๆเขาก็เป็นคนแรกที่ได้รับผลึกซูซาคุ!”
“เขาสามารถได้รับตำแหน่งซูซาคุได้แต่ปฏิเสธมันและยกให้กับซูซาคุคนปัจจุบัน โจวหวู่ไท่!”
เด็กหนุ่มอุทาน “เขาปฏิเสธตำแหน่งซูซาคุจริงๆน่ะหรือ!?”
“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดหรือว่าโจวหวู่ไท่จะมาที่นี่และมองรูปปั้นนี้อย่างเงียบๆทุกครั้งตอนที่มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น? บนดาวซูซาคุนั้นก่อนที่หน้าที่เจ้าจะเกิดมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์เรียกกันว่าภูเขาซูซาคุ แดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้คือสำนักฟ้าเมฆาแห่งนี้!”
ปากเด็กหนุ่มเปิดกว้าง เขาได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้มาก่อนแต่ไม่เคยมีรายละเอียดมากมายเท่าวันนี้ หัวใจเต้นระรัวและใบหน้าเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับกล่าวขึ้น “ท่านปู่ ข้าอยากเป็นเหมือนเขาในอนาคต เขาชื่ออะไร? เขาไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”
“ชื่อของเขาคือหวังหลิน…ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาอยู่ที่ไหน…แต่ไม่ว่าที่ไหนที่เขาไป ไม่ใช่สถานที่ธรรมดา…” ชายชราถอนหายใจและยิ้มอย่างขมขื่น “ปู่ของเจ้าครั้งนึงเคยต่อสู้กับเขา ข้ากลัวว่ามันนานเกินจนเขาลืมว่าข้าเป็นใคร…”
เด็กหนุ่มกำลังจะอุทานขึ้นมาทว่าพลันเกิดเสียงพยัคฆ์คำรามขึ้นจากด้านล่างภูเขา เสียงคำรามของพยัคฆ์ตัวนี้เต็มไปด้วยอำนาจและกระทั่งทำให้ต้นไม้สั่นไหว
ในเวลาเดียวกันเจ้าพยัคฆ์ลายพาดกลอนสีดำกระโจนขึ้นจากด้านล่างภูเขาเข้าหายอด สตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนหลังของมัน อายุราวยี่สิบปีและสวมชุดสีขาว เสื้อผ้านางสะบัดพริ้วไหวไปตามสายลมทำให้นางดูราวกับเทพธิดา
รูปร่างลักษณะของนางไม่ใช่คนที่สวยที่สุดแต่นางมีผิวหนังสีชมพูอันละเอียดอ่อนมาก ดวงตาเรียวงามเผยประกายแห่งปัญญา
“เจ้าขาวน้อย เร็วอีก!” น้ำเสียงนางดุนนกร้องเจื้อยแจ้ว ช่างน่าหลงไหล
พยัคฆ์ที่นางกำลังนั่งพลันส่งเสียงคำรามอีกครั้ง พุ่งตรงไปที่สำนักฟ้าเมฆา ตอนที่พวกเขาทั้งสองมาหยุดที่ภูเขา พยัคฆ์ตัวนี้ก็ร่อนลงด้านข้างรูปปั้น ดวงตามันเปลี่ยนมามองรูปปั้นนี้ จากนั้นสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและคิดขึ้นมา ‘สาวน้อยช่างโง่เง่าเหลือเกิน ทำไมนางต้องพยายามหาเขากัน? อยู่บนดาวซูซาคุเสียดีกว่า ท่านพยัคฆ์ตนนี้มีเสือสาวหลายตัว หากเราต้องออกไปจากที่นี่ในอนาคต ข้าจะทนแยกจากพวกนางทั้งหมดได้อย่างไร? แต่ว่าสาวน้อยคนนี้เคยบอกครั้งหนึ่งว่ามีเสือสาวอีกมากนอกดาวซูซาคุ เรื่องนี้ทำให้ข้าคิดหนักเสียจริง…’
สตรีจ้องรูปปั้นและกล่าวเสียงเบา “ท่านลุง ลี่เอ๋อน้อยบรรลุขั้นแกนลมปราณแล้วนะ เร็วไหมเล่า? ข้าขยันมาก ท่านปู่ไท่หยานบอกว่าเมื่อข้าบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เขาจะส่งกระเป๋าที่ท่านทิ้งไว้ให้ข้า ท่านลุง ข้าจะต้องบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้แน่นอน!”
เสียงถอนหายใจเบาหลุดออกมาจากความว่างเปล่าและจากนั้นชายชราร่างสูงเดินออกมาจากสำนักฟ้าเมฆา เขาสวมชุดผู้ใช้เต๋าทำให้เกิดความรู้สึกแห่งบารมี
เขามาถึงข้างรูปปั้น โค้งคำนับต่อรูปปั้นจากนั้นมองสตรีและเจ้าพยัคฆ์ สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรัก “ลี่เอ๋อ เจ้าต้องทำตามหัวใจของเจ้า หากเจ้าฝืนบังคับตัวเองไล่ตามขั้นวิญญาณแรกกำเนิด เจ้าจะเดินบนเส้นทางที่ผิดพลาดและควรเดินต้านกระแส!”
นางมองรูปปั้นและเอ่ยบางเบา “ท่านปู่ไท่หยาน ตอนที่ท่านลุงจากแคว้นจ้าวไปและเข้าสู่ทะเลปิศาจ ไม่ใช่ว่าเขาก็ตายตอนกำลังบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดหรือ? เช่นนั้นการทำตามหัวใจตัวเองไม่ใช่คำแนะนำที่ถูกต้องเสมอไป”
ชายชราคนนี้คือไท่หยาน หลังจากหวังหลินให้คำชี้แนะเขาจึงสามารถทะลวงผ่านขั้นวิญญาณแรกกำเนิดไปสู่ขั้นตัดวิญญาณได้ นอกจากความกตัญญูแล้วเขายังรู้สึกเคารพหวังหลินมากยิ่งขึ้น เขาไม่เคยแตะต้องกระเป๋าที่หวังหลินทิ้งเอาไว้เบื้องหลังเลย เขาไม่กล้าทำเช่นนั้น
เขาไม่ลืมสายตาเยือกเย็นที่หวังหลินมองมาก่อนที่จะจากไปได้
โจวลี่ถอนสายตาและมองมาที่ไท่หยาน นางเผยรอยยิ้มราวกับดอกไม้กำลังเบ่งบานและกล่าวขึ้น “ปู่ไท่หยาน ระหว่างทางมาที่นี่ ข้าพบกับลุงโจว(ซูซาคุคนปัจจุบัน) เขาต้องการให้ข้าไปฝึกฝนที่ภูเขาซูซาคุ เขาพูดว่าที่นั่นระดับบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มขึ้นรวดเร็ว เช่นนั้นลี่เอ๋อจึงมาที่นี่เพื่ออำลาท่าน”
ไท่หยานเข้าใจสถานะของโจวลี่บนดาวซูซาคุว่าพิเศษแค่ไหน กล่าวได้ว่านางคือธิดาน้อยแห่งดาวซูซาคุ แทบทุกคนที่เคยพบหวังหลินมาก่อนจะสุภาพต่อนาง ไม่ว่าจะด้วยความหวาดกลัวหรือความเคารพต่อหวังหลิน
กระทั่งเผ่าละทิ้งอมตะยังสุภาพต่อโจวลี่อย่างมาก ปกติแล้วเผ่าละทิ้งอมตะจะไม่ยอมให้เซียนคนใดเข้าไปในอนาคตพวกเขา แต่กับโจวลี่ถือว่าเป็นหนึ่งในข้อยกเว้นไม่กี่คน
จึงกล่าวได้ว่าโจวลี่ไม่เคยพบอันตรายอันใดบนดาวซูซาคุเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งโจวหวู่ไท่ หยุนเซว่จื่อแห่งเผ่าละทิ้งอมตะและใครต่อใครอีกหลายคนที่มีระดับบ่มเพาะสูงส่งต่างให้สมบัติช่วยชีวิตกับนางไว้ทั้งหมด หากเซียนทั่วไปต้องการต่อสู้กับสาวน้อยขั้นแกนลมปราณคนนี้จริงๆก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะได้
นอกจากนี้ยังมีผู้เก่งกาจที่ภูเขาซูซาคุส่งออกมาและปรมาจารย์แห่งเผ่ามารยักษ์ ฉีฮู่ ที่ติดตามนางไปด้วย พวกเขาเตรียมการป้องกันนางทุกชั่วขณะ ดังนั้นนางจึงไม่ได้เผชิญกับอันตรายอันใด
ท่ามกลางผู้คนที่กำลังปกป้องนาง มีคนจากสำนักฟ้าเมฆารวมอยู่ด้วย
หลังขบคิดเล็กน้อย ไท่หยานพยักหน้าและกล่าวอย่างใจดี “ตกลง เจ้าจะฝึกฝนได้ดีที่ภูเขาซูซาคุ หากเจ้าบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิดได้สักวันหนึ่ง ข้าจะยกสิ่งที่ผู้มีพระคุณทิ้งไว้ให้เจ้าทันที!”
โจวลี่ยิ้มออกมาก่อนจะหันกลับและมองไปที่รูปปั้นด้วยสายตามีความหมาย นางแตะบนหัวเจ้าพยัคฆ์และกล่าวขึ้น “เจ้าขาวน้อย ไปภูเขาซูซาคุกันเถอะ!”
เจ้าขาวน้อยส่งเสียงคำรามก่อนจะกระโดดขึ้นกลางอากาศและเลือนหายไปตามเส้นขอบฟ้า
“ต้องกล่าวว่าท่านพยัคฆ์ตนนี้ได้ถูกหวังหลินยืมอำนาจมาหลายปี พวกเซียนธรรมดาที่ต้องการจับข้ามาก่อนในตอนนี้ต่างเคารพยกย่องกันทั้งหมดเมื่อพวกเขาเห็นข้า ช่างเถอะ เพื่อประโยชน์ของสาวน้อยคนนี้ หากนางต้องการจากดาวซูซาคุไปจริงๆ ท่านพยัคฆ์ตนนี้จะติดตามนางไปด้วย” ขณะที่เจ้าขาวน้อยลอยละล่องอยู่กลางอากาศ น้ำลายของมันไหลออกมาจากปาก พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ความคิดของมันหรือไม่ก็เพราะเสือสาวจากดาวดวงอื่นที่โจวลี่พูดถึง…