Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 614

Cover Renegade Immortal 1

614. ปราณกระบี่คนที่สาม

เมฆฝุ่นปรากฏขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้า แม้กระทั่งเม็ดฝนก็ไม่อาจห้ามก้อนเมฆนี้ได้ในช่วงเวลาอันสั้น ทหารปิศาจสวมเกราะเต็มอัตราศึกนับไม่ถ้วนขับขี่ม้าพุ่งผ่านเมฆฝุ่นและปลดปล่อยจิตสังหารอันหนาแน่น

หอคอยโบราณแห่งหนึ่งลอยอยู่เหนือทหารปิศาจและเคลื่อนไหวตามกองทัพ

ทหารปิศาจที่แข็งแกร่งจดจ้องสายตาไปรอบหอคอยแห่งนี้ด้วย!

ขณะนั้นลำแสงหนึ่งออกมาจากเส้นขอบฟ้าและพุ่งตรงไปที่กองทัพขนาดใหญ่นั้น ก่อนที่ลำแสงจะเข้ามาใกล้ มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากหอคอย สวมเสื้อผ้าดูธรรมดาแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งอำนาจ

ใบหน้าเผยรอยยิ้มมองลำแสงที่กำลังเข้ามาและเอ่ยขึ้น “น้องหวัง สบายดีไหม!”

ลำแสงนั้นเปลี่ยนเป็นหวังหลินอยู่ด้านนอกหอคอย เขามองคนที่เดินออกมาจากหอคอยและไม่ได้ตื่นตระหนกเลยและกล่าวขึ้นแทน “หวังหลินขอคารวะจักรพรรดิปิศาจ!”

คนคนนี้คือชายหนุ่มที่ดื่มเหล้ากับหวังหลินตลอดทั้งคืนนั้น ตอนนั้นหวังหลินไม่สามารถมองเห็นพลังปราณปิศาจใดๆบนร่างคนผู้นี้ได้แต่เขารู้สึกจางๆว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา

ตอนที่หวังหลินเจอเขาอีกครั้งขณะที่เป็นเซียนขั้นเทวะ หวังหลินจึงสามารถพบเบาะแสบางอย่างนั่นก็คือมีผลึกปิศาจขนาดเท่ากำปั้นอยู่ในตันเถียนของเขา แม้ว่าผลึกปิศาจนี้จะดูธรรมดาอย่างยิ่งและไม่ได้ปลดปล่อยปราณปิศาจอันใดออกมา แต่นั่นทำให้หวังหลินสนใจมัน

ขณะที่หวังหลินกำลังตรวจสอบคนคนนี้อย่างละเอียด คนที่เดินออกมาจากหอคอยก็ตรวจสอบหวังหลินด้วยเช่นกัน เขายิ้มออกมา “น้องหวังไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก เจ้าคือผู้ส่งสาส์นที่ท่านบรรพชนแต่งตั้งเป็นการส่วนตัว ตำแหน่งของเจ้าเท่าเทียมกับข้า ดังนั้นท่านเพียงแค่เรียกข้าว่า กู้หยุนตุ้นก็พอ แต่ว่าข้าสงสัยเล็กน้อย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าคือจักรพรรดิปิศาจ?”

หวังหลินยิ้มบาง “ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่สงสัยเท่านั้น หลังจากเห็นพี่กู้วันนี้ข้าจึงมั่นใจ” หลังหวังหลินกล่าวจบ สัมผัสวิญญาณหนึ่งพลันขอร้องอ้อนวอนในจิตใจหวังหลิน

“นายท่าน นายท่าน ข้าฉวี่ลี่กั๋วเขารพท่านมากที่สุด! ท่านมีหัวใจยินยอมให้คนรักสองคนที่หวังจะอยู่เคียงคู่กันตราบนานเท่านานด้วยการให้แยกห่างกันไม่กี่สิบฟุตงั้นหรือ…นายท่าน ข้าไม่ได้เห็นสาวน้อยคนนั้นมาสิบปีแล้ว ข้า…” หวังหลินขมวดคิ้วพร้อมกับสัมผัสกระเป๋าและเจ้าฉวี่ลี่กั่วก็ลอยออกมาทันที

ครั้งนี้มันฉลาด มันกลัวว่าหวังหลินจะโกรธจึงไม่ได้นำกระบี่สวรรค์ออกมาแต่กลับออกมาด้วยตัวเอง

ขณะที่มันปรากฏตัว มันกลับคืนร่างเดิมและเริ่มตรวจสอบจักรพรรดิปิศาจซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากมองอยู่นานมันก็ยังไม่สามารถค้นหากระบี่จักรพรรดิเจอ พลันเผยสีหน้าไร้ความหวังและถอนหายใจ “หรือว่าสาวน้อยคนนั้นและข้าไม่คู่ควรจะอยู่ร่วมกันจริงๆ? เราไม่ได้เห็นกันและกันมาสิบปีแล้วและชั่วชีวิตข้าจะผ่านไปแบบนี้น่ะหรือ…”

หายากนักที่เจ้าฉวี่ลี่กั๋วจะเอ่ยคำพูดคำจาที่ดูงดงาม แต่ในหูหวังหลิน เขายังคงละอายใจ หวังหลินคำนับฝ่ามือให้กับจักรพรรดิปิศาจและเอ่ยขึ้น “พี่กู้ นี่คือวิญญาณกระบี่ของข้า เขามีบางอย่าง…บางอย่างที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับวิญญาณกระบี่ของท่าน…”

จักรพรรดิปิศาจมองฉวี่ลี่กั๋วและเอ่ยออกมา “ไม่มีปัญหา ข้ารู้เรื่องหลานสาวข้าที่มีความเกลียดชังมานานสิบปีแล้ว”

ขณะที่เอ่ยออกมา ฝ่ามือยื่นออกไปอากาศว่างเปล่าและพลันเกิดเสียงแตกร้าวออกมาเบื้องหน้า มิติเปิดแยกออกและกระบี่จักรพรรดิลอยออกมา

“นั่นเจ้า!” ขณะที่กระบี่ปรากฏ มันสั่นเทาและปลดปล่อยเสียงหึ่งๆทันที กระบี่ตวัดเข้าใส่ฉวี่ลี่กั๋วและปราณกระบี่ลอยออกมา

สายตาเจ้าฉวี่ลี่กั๋วเลือนหายไปทันที โชคดีที่มันรู้ว่าเจ้าของสาวน้อยอยู่ที่นี่มันจึงระงับราคะในสายตาเอาไว้ มันเผยสีหน้าทุกข์ทนกับความรักและเอ่ยกับกระบี่จักรพรรดิ “ที่รัก เราไม่ได้เจอกันมาสิบปี เรียกหาปู่…อ๊ะ ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน” ขณะที่พูดอยู่นั้นมันรีบหลบปราณกระบี่อย่างรวดเร็ว

มันออกมาเป็นดวงวิญญาณ ดังนั้นมันจึงยากหน่อยที่จะหลบปราณกระบี่ได้

สายตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น แม้ว่าฉวี่ลี่กั๋วจะเป็นเพียงวิญญาณกระบี่ มันยังเป็นสินทรัพย์ของเขาด้วย เขาสามารถคุกคามฉวี่ลี่กั๋วได้ตามที่ต้องการ แต่คนอื่นไม่สามารถทำได้!

ตอนที่เขาเห็นกระบี่จักรพรรดิกำลังโจมตีอีกครั้งและจักรพรรดิปิศาจไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อหยุดนาง หวังหลินกดใบหน้าลง สะบัดแขนทำให้เกิดสายลมประหลาดพัดไปที่กระบี่จักรพรรดิซึ่งทำให้ปราณกระบี่สั่นไหว

“กลิ่นอายนี่…เป็นเจ้า! เจ้าคือขยะที่น่ารังเกียจนั่น! ก็ดี ดูเหมือนว่าเจ้าทั้งสองจะร่วมมือกัน!” ร่างหญิงสาววัยแรกรุ่นปรากฏเหนือกระบี่ นางมองหวังหลินและฉวี่ลี่กั๋วด้วยสายตาโหดร้ายก่อนที่จะกระตุ้นกระบี่จักรพรรดิโดยไม่มีความลังเล รอบด้านเต็มไปด้วยปราณสวรรค์ในพริบตาและพุ่งเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อยและพ่นลมหายใจเย็น ตอนนี้เขาเป็นเซียนขั้นเทวะไปแล้วซึ่งแข็งแกร่งมากกว่าตอนที่เป็นขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายอยู่มากโข ตอนนั้นเขากลัวกระบี่จักรพรรดิจริงๆ แต่ตอนนี้ทำไมเขาจะต้องกลัวเพียงแค่กระบี่!

สายลมเย็นทำให้ปราณกระบี่ทั้งหมดแตกสลาย กระบี่จักรพรรดิกำลังจะโจมตีอีกครั้งแต่จักรพรรดิปิสาจยื่นมืออกมาและคว้ามันไป

จักรพรรดิปิศาจกู้หยุนตุ้นยิ้มออกมาและเอ่ยขึ้น “น้องหวัง หลานสาวของข้าเป็นคนซุกซนและนี่เป็นเรื่องน่าอาย แม้นางจะเป็นวิญญาณกระบี่แต่นางไม่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ นางคือลูกสาวของสหายสนิทของข้า เนื่องจากเกิดเหตุการณ์บางอย่างนางได้เปลี่ยนไปเป็นวิญญาณกระบี่!” เขาชำเลืองมองฉวี่ลี่กั๋ว แต่การชำเลืองนี้ทำให้เจ้าฉวี่ลี่กั๋วสั่นสะท้านราวกับกำลังแตกสลาย

รูม่านตาหวังหลินหดแคบลงโดยไม่อาจสังเกตได้ ตอนนั้นผลึกปิศาจข้างในจักรพรรดิได้กระตุ้นทันที ปราณปิศาจที่ปลดปล่อยออกมาไม่ด้อยไปกว่าเซียนขั้นเทวะระดับปลายแม้แต่นิดเดียว!

หวังหลินคว้าฉวี่ลี่กั๋วด้วยท่าทางมืดมนและโยนมันกลับเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นคำนับฝ่ามือ “นั่นถือเป็นเรื่องน่าดาย พี่กู้ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อถามว่าแม่ทัพปิศาจโม่เฟยอยู่ที่ไหน!”

จักรพรรดิปิศาจถอนหายใจอยู่ในใจ เดิมทีเขาไม่ได้ต้องการทำให้ความสัมพันธ์กับหวังหลินอึดอัดใจ แต่เขาไม่สามารถมองเห็นคนอื่นแกล้งซวงเอ๋อได้

แม้ว่าวิญญาณกระบี่ของหวังหลินจะซ่อนตัวไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เขายังสามารถมองเห็นราคาในสายตาวิญญาณกระบี่ดวงนั้นได้ จักรพรรดิปิศาจลอบถอนหายใจและเอ่ยขึ้นมา “น้องหวัง โม่เฟยกลายเป็นรองผู้บัญชาการสูงสุดไปแล้ว เขาอยู่กับหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดเมืองสวรรค์ ร่วมกันนำกองทัพฝั่งซ้ายและน่าจะถึงเมืองซ่งต้าวของแคว้นปิศาจอัคคีไปแล้ว”

หลังกล่าวจบ เขาหยุดชะงักและเอ่ยต่อ “ข้าได้ประกาศเรื่องที่น้องหวังกลายเป็นผู้ส่งสาส์นของท่านบรรพชนไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้หลายอย่างง่ายขึ้นต่อน้องหวัง รวมไปถึงเมื่อท่านถือหยกของข้าไว้จึงเหมือนกับข้ามาด้วยตนเอง หากมีคนอื่นไม่เคารพท่าน ท่านสามารถสั่งการให้ผู้บัญชาการเมืองสวรรค์สังหารได้ทันที!” เช่นนั้นเขาโยนหยกสีขาวให้กับหวังหลิน

ภายในหินหยกมีกลิ่นอายปิศาจที่เป็นเอกลักษณ์ ยากมากที่จะลอกเลียนแบบได้

หวังหลินรับหินหยกด้วยท่าทางเหมือนเคยพร้อมกับกล่าวขึ้น “ขอบคุณมาก!” เช่นนั้นเขาคำนับฝ่ามือ ก้าวเท้าและหายตัวไป

กู้หยุนตุ้นมองหวังหลินที่เลือนหายไปและส่ายศีรษะ “หวังหลิน ตอนที่เสียงพิณนั้นเข้าสู่หูของข้า ข้ารู้ว่าเราเป็นคนคล้ายกัน ข้าไม่ต้องการสร้างแง่กับเจ้าดังนั้นจึงให้หินหยกเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาดี ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”

ขณะที่พวกเขาเคลื่อนที่พริบตามา เสียงฉวี่ลี่กั๋วดังเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมหวังหลิน “นายท่าน สาวน้อยคนนั้น…”

หวังหลินกล่าวตอบอย่างสงบนิ่ง “อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก!” เขาบีบหินหยกในมือและเก็บใส่กระเป๋า ด้วยความเฉลียวฉลาดของหวังหลิน เขาจึงเข้าใจเจตนาของจักรพรรดิปิศาจในทันที

กองกำลังฝั่งซ้ายของแคว้นปิศาจฟ้ามีทหารปิศาจสิบล้านตน เหล่าทหารปิศาจเคลื่อนผ่านได้เกิดพื้นดินสั่นไหวพร้อมกับแรงระเบิดนับไม่ถ้วนส่งออกมา ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเมืองสวรรค์ นิรันดร์และเดียวดายกำลังนำทัพ ส่วนรองผู้บัญชาการเมืองฮ่อง ลี้ลับและเหลืองเป็นคนช่วยจัดการกองทัพ พวกเขานำกองกำลังทหารสิบล้านนายตรงเข้าสู่เมืองซ่งต้าวแห่งแคว้นปิศาจอัคคี

หัวหน้าผู้บัญชาการแห่งเมืองสวรรค์ นิรันดร์และเดียวดายกำลังขับขี่อสูรปิศาจหน้าตาแตกต่างกันอยู่ในกองทัพ

ทั้งสามคนไม่ได้พูดคุยกัน กลิ่นอายทรงพลังกำลังล้อมรอบไปทั่วบริเวณพร้อมกับที่กองกำลังเข้ามาใกล้เมืองซ่งต้าว

ด้านฝั่งขวาของกองกำลังขนาดใหญ่นั้น รองผู้บัญชาการโม่เฟยขับขี่ม้าเขาเดียวเพศเมียคล้ายอสูรปิศาจ สายตาเขาสงบนิ่งอย่างยิ่งและมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่บนหางเจ้าม้าเขาเดียวตัวนี้ คนคนนี้เป็นชายวัยกลางคน ดวงตาปิดสนิท มีกระบี่ยักษ์อยู่บนหลังและให้กลิ่นอายบรรยากาศดุจเทพบุตร

ทันใดนั้นระเบิดดังลั่นออกมาจากเส้นขอบฟ้าดูเหมือนต้องการข่มทั้งกองกำลังปิศาจสิบล้านตนเอาไว้ ภายในเสียงคำรามกึกก้องนี้มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น

คนผู้นี้สวมชุดเกราะสีดำและดูคล้ายกับเทพมารกำลังจุติ รอบร่างคลุมไปด้วยพลังชั่วร้าย

การปรากฏตัวของเขาจับความสนใจของผู้คนจำนวนมาก

เขาคือหวังหลิน ในพริบตาเดียว สายตาเปลี่ยนเป็นเย็นชาพลันก้าวเท้าและพุ่งเข้าหากองทัพดุจอุกกาบาต

หวังหลินไม่ได้พูดอะไรเลย ขณะที่มุ่งหน้าเข้าหากองทัพ สัมผัสวิญญาณกระจายออกมาและมุ่งเป้าไปที่โม่เฟยซึ่งอยู่ฝั่งขวาของกองทัพทันที โม่เฟยมองหวังหลินด้วยสีหน้าไม่แยแส

สายตาของชายวัยกลางคนซึ่งหลับตามาตลอดเวลาได้ค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาปลดปล่อยแสงอันนุ่มลึก

ก่อนที่ผู้คนได้ตระหนักอะไร หวังหลินเข้ามาใกล้พร้อมกับเสียงคำรามดังสนั่น หวังหลินเคลื่อนผ่านทหารปิศาจนับไม่ถ้วน ตอนนี้นอกจากหัวหน้าผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเมืองสวรรค์แล้ว อีกสองคนมีดวงตาส่องสว่างออกมา

จิตสังหารอันโกรธเกรี้ยวจากทหารปิศาจสิบล้านนายอยู่กลางท้องฟ้าแต่หวังหลินเมินเฉยมันอย่างสิ้นเชิง การสังหารจำเป็นต้องใช้จังหวะเวลาที่ถูกต้องและเขาต้องลงมือก่อนที่คนอื่นจะมีเวลาพอให้ตอบสนองได้ ไม่เช่นนั้นหากเขาประกาศตัวตนของตัวเองขึ้นมาก่อน จากนั้นนำหินหยกของจักรพรรดิปิศาจออกมาและพยายามฆ่าคนอื่น หวังหลินคงได้สูญเสียโอกาสโจมตีครั้งแรกไปได้ ซึ่งทำให้ศิษย์สำนักกระบี่ต้าหลัวมีโอกาสใช้ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว

“ข้ามีคำสั่งจากจักรพรรดิปิศาจเพื่อจับกุมและสังหารรองผู้บัญชาการโม่เฟย พวกเจ้าที่เหลือทั้งหมดหลีกทาง!” หวังหลินส่งเสียงร้องตะโกนและโยนหินหยกของจักรพรรดิปิศาจเข้าหาสองหัวหน้าผู้บัญชาการที่กำลังจะลงมือ

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม่น้ำอเวจีถูกยกขึ้นมาและหวังหลินเคลื่อนที่พริบตาออกไป ก่อนที่เขาจะเลือนหาย หวังหลินชี้นิ้วขวาออกมาด้านหน้า!

ดัชนีแห่งความตาย!

ดัชนีแห่งความตายพุ่งดุจลำแสงสายฟ้าเข้าหาโม่เฟย โม่เฟยยกมือขวาขึ้นด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ทว่าชายวัยกลางคนด้านหลังเขากลายเป็นเคร่งเครียด ฝ่ามือเคลื่อนไหวและกระบี่ยักษ์ด้านหลังลอยออกมา เสียงคำรามอันโหดเหี้ยมปรากฏบนกระบี่ทันที

ดัชนีนรกรวดเร็วอย่างยิ่งแต่ขณะที่มันเข้ามาใกล้โม่เฟยกลับแตกสลายทันทีและเลือนหายไปโดยไร้ร่องรอย สิ่งนี้ทำให้โม่เฟยตกตะลึงแต่ใบหน้าพลันเปลี่ยนทันทีพร้อมกับปราณปิศาจปะทุขึ้นจากร่างกายและล้อมรอบตัวเขา

ส่วนชายกลางคนต่างตกใจเช่นกัน

ชั่วจังหวะการตกใจนี้นั่นหมายถึงความตาย!

ร่างหวังหลินปรากฏถัดจากชายวัยกลางคน ดัชนีชี้ไปที่ชายคนนั้น พลังชั่วร้ายจากชุดเกราะรวบรวมเข้ามาจนสร้างเป็นเพลิงมาร

ดัชนีนี้คือจุดสูงสุดของหวังหลิน เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้าน! ท่าทางชายกลางคนเปลี่ยนไปมากมาย ด้วยชั่วจังหวะเป็นตายเบื้องหน้า เขาเตรียมการที่จะใช้ปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวโดยไม่มีความลังเล ทว่าตอนนั้นแม่น้ำอเวจีพลันลอยขึ้นมาจากพื้นดิน ลอยขึ้นสู่อากาศและเปลี่ยนเป็นวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ จากนั้นพลังสายหนึ่งที่มองไม่เห็นได้ตกลงมา ราวกับว่าแม่น้ำอเวจีนี้เป็นสิ่งเดียวที่คงอยู่ในโลกใบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดชั่วขณะก็เพราะมัน

เนื่องจากเกิดการหยุดชะงักครั้งนี้ ขณะที่แสงสีทองระหว่างคิ้วของชายกลางคนเริ่มกระพริบ นิ้วหวังหลินได้ร่อนลงมาถึง

เมื่อนิ้วลงมาถึง คนผู้นั้นตายทันที!

หลังตัดศีรษะออก ร่างหวังหลินกระพริบวาบ คว้ากระบี่ยักษ์และจากไป

การกระทำของเขาลื่นไหล สะอาดและหมดจด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version