624. มัดให้แน่น
ชายชราถือตาข่ายจับเทพด้วยใบหน้าเศร้าหมอง เขาตัดสินใจจะไม่หนีอีกแล้วและยืนอยู่นิ่งๆ เขารู้ดีว่าเขาเป็นเซียนขั้นเทวะระดับกลางที่ไร้ค่า ยากนักที่จะหนีรอดจากหวังหลินที่มีเต๋าของตัวเองและบรรลุขั้นเทวะด้วยตัวเองไปได้
เขาจะถูกจับได้ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ดังนั้นคราวนี้จึงตัดสินใจเสี่ยง หากตาข่ายจับเทพอารมณ์ดีมันก็คงจับหวังหลินไว้ได้สามวัน หากเขาต้องการหนีหวังหลินคงไม่สามารถจับเขาได้ หากตัดสินใจไม่หนีและจับหวังหลินจากนั้นเขาอาจจะสามารถใช้ยาบางอย่างเพื่อหลอมหวังหลินให้กลายเป็นองครักษ์เทพระดับต่ำเหมือนที่ถูกบันทึกไว้ในหินหยก
เมื่อคิดเรื่องพลังอำนาจขององครักษ์เทพระดับต่ำที่ถูกบันทึกในหินหยก จิตใจชายชราก็สั่นไหว
องครักษ์เทพที่เขาหลอมขึ้นมาทั้งหมดมีข้อบกพร่องและไม่ผ่านคุณสมบัติที่บันทึกไว้ในหินหยกลึกลับแม้แต่น้อย หินหยกระบุไว้ว่าโอกาสในการหลอมองครักษ์เทพจากเซียนขั้นแปลงวิญญาณมีน้อยมาก
หากเป็นเซียนขั้นเทวะ โอกาสสำเร็จจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยแต่มันก็ยังน้อยมากอยู่ดี มีเพียงเซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดที่สามารถทำให้โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้นจนได้มาหนึ่งในหมื่นคน
แน่นอนว่ามีกรณีพิเศษอีก คนที่มีเต๋าของตัวเองยังเพิ่มโอกาสขึ้นมาถึงหนึ่งในหมื่น
ชายชราถือตาข่ายจับเทพด้วยความคิดนี้ในใจ ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ หวังหลินปรากฏตัวออกจากความว่างเปล่าด้านหน้าชายชรา
ในจังหวะที่หวังหลินปรากฏตัว ชายชราตะโกนและโยนตาข่ายจับเทพออกไป ตาข่ายขยายออกกว้างไร้ขีดจำกัดปกคลุมฟ้าดิน!
หวังหลินรับรู้ตาข่ายของชายชราด้วยสัมผัสวิญญาณได้แล้ว เมื่อคิดว่าหวังหลินระมัดระวังตัวแค่ไหน เขาจึงลอบวิเคราะห์ว่าสมบัตินี้ไม่ใช่ของธรรมดา หลังจากชายชรานำสมบัตินี้ออกมาเขาถึงกับหยุดวิ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่าชายชรามั่นใจกับพลังของสมบัติแค่ไหน
แม้หวังหลินจะไม่รู้ว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงไม่เอาสมบัติออกมาก่อนหน้านี้ แต่ความระมัดระวังตัวกลับเพิ่มขึ้น ขณะที่เขาปรากฏตัว หวังหลินเตรียมการวิชาเคลื่อนที่พริบตานับไม่ถ้วนใต้ฝ่าเท้าเอาไว้แล้ว เพียงแค่คิดเขาก็สามารถแทงทะลุทุกอย่างและบังคับให้ออกจากที่นี่ได้
ตาข่ายจับเทพหลอมรวมเข้ากับโลก ลำแสงสีเขียวออกมาจากท้องฟ้าและในเวลาเดียวกันก็ออกมาจากพื้นดินด้วย สองลำแสงสีเขียวพุ่งออกมาและเข้ามาใกล้กันและกัน
“จับมัน! จับมัน! จับมัน!” ชายชราจ้องแสงสีเขียวราวกับคนบ้า เขาพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงคำรามโวยวาย
“จับมัน!! มันต้องจับเขาสิ!!” ใบหน้าชายชราเปล่งปลั่ง เขากำหมัดแน่นและเส้นเลือดบนใบหน้าบวมเป่งขึ้นมา
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็น แสงสีเขียวนี้ประหลาดเกินไป เขาไม่สามารถแม้แต่จะใช้สัมผัสวิญญาณแทงทะลุออกไป ด้วยความระมัดระวังของหวังหลินจึงกระตุ้นวิชาเคลื่อนย้ายระดับสูงเพื่อหนีจากแสงสีเขียวนี้ทันที
ทว่าในชั่วขณะนั้น แสงสีเขียวเพิ่มความเร็วขึ้นทันตาเห็นและเริ่มเชื่อมกันด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ…เพียงแต่…เป้าหมายของมันไม่ใช่หวังหลินแต่เป็นชายชราที่กำลังบ้าคลั่ง
ใบหน้าชายชราซีดเผือด เขารีบล่าถอยและพึมพำกับตัวเองซ้ำๆ “อย่ามัดข้าสิ…อย่ามัดข้า…อย่ามัดข้า…ข้าลงกับเจ้าไปหมดแล้ว เจ้าไม่ควรมามัดข้า…ข้ามัดข้าไม่ได้! ข้าขอร้องเถอะ ตาข่ายสวรรค์ ทิ้งให้ข้ารอด…”
ขณะที่หวังหลินตกตะลึง แสงสีเขียวกระพริบและล้อมรอบชายชรา ร่างเขาถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงที่พยายามหลบหนีแต่ในขณะที่เพลิงนี้ปรากฏขึ้นมามันก็หายไปทันที
ชายชราเผยใบหน้าเศร้าและร้องตะโกน “เจ้าตาข่ายจับเทพเนรคุณ! เจ้าจับแต่ข้าเท่านั้นและไม่เคยจับศัตรูเลย!” ลำแสงสีทองระเบิดออกมาจากชายชราแต่มันก็หายไปทันที
“เจ้าของเดิมของเจ้าที่ตายไปก็เพราะเจ้า!!!” จิตใจในชายชราเจ็บปวดเหลือแสนอดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้ เขากระตุ้นวิชาอย่างต่อเนื่องแต่หลังจากใช้วิชาหลบหนีไปมากกว่าสิบวิชาที่แตกต่างกัน ทั้งหมดกลับล้มเหลว เขามองเห็นแต่เพียงแสงสีเขียวล้อมรอบตัวเองเท่านั้น
แสงสีเขียวเลือนหายและเปลี่ยนกลายเป็นตาข่ายจับเทบที่กำลังส่องแสงเจือจาง ชายชราถูกมันแน่นจนไม่อาจขยับได้แม้แต่นิ้วเดียว จากนั้นเขาก็ถูกส่งไปให้หวังหลิน
หวังหลินต่อสู้กับศัตรูมานับไม่ถ้วนแต่นี่เป็นครั้งแรกในช่วงชีวิตมากกว่าเจ็ดร้อยปีที่ศัตรูกักขังร่างด้วยสมบัติของตัวเองและส่งมาให้เขา!
หวังหลินเชื่อว่าแม้อีกเจ็ดพันปีจะผ่านเลยไปก็คงยากมากที่จะเจอเหตุการณ์คล้ายกันนี้!
กระทั่งด้วยความคิดอันแข็งแกร่งของหวังหลินก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงเมื่อเห็นเรื่องนี้ นี่เป็นการแสดงที่ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
“นี่มัน…” หวังหลินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ในเวลาเดียวกันเขาก็กลัวตาข่ายจับเทพขึ้นมาเนื่องจากเห็นชายชราใช้วิชาหลบหนีหลายอย่างและทั้งหมดล้มเหลวเมื่ออยู่ภายใต้ตาข่ายจับเทพ!
ชายชราที่ถูกมัดด้วยตาข่ายจับเทพและส่งไปให้หวังหลินรู้สึกผิดเมื่อมองหวังหลิน เขาตะโกนอย่างโกรธแค้น “ไม่เคยเห็นคนส่งตัวเองมาให้หรือ? สมบัติของข้าผิดพลาด แล้วไงเล่า?!”
แม้แต่อารมณ์ของหวังหลินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคนีน้ รอยยิ้มเช่นนี้หาได้ยากยิ่งสำหรับหวังหลิน
ชายชราพ่นลมหายใจ ตอนนี้เขาหยุดกังวลแล้วและระงับความขี้ขลาดของตัวเองเอาไว้ เขาคิดว่าเขาคือเซียนที่ผิดพลาดมากที่สุดในโลกแห่งเซียน เขาเผชิญกับความโชคดีที่ทำให้ใครต่อใครต่างอิจฉา แต่ในท้ายที่สุดกลับมาถูกสมบัติที่เขาได้รับมาจากความโชคดีนั้นคืนสนอง
“ฮึ่ม! ครั้งนี้ข้าโชคร้าย หากเจ้าต้องการฆ่าข้าก็จงทำเถอะ!” แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งเครียด
หวังหลินถอนรอยยิ้มและกลับมาสีหน้าเฉยเมยดังเดิม เขาคว้าร่างชายชราและเลือนหายไป
กลับมาที่ปราสาท เซียนส่วนใหญ่ใช้โอกาสนี้หลบหนีไปเมื่อหวังหลินไล่ตามชายชรา เมื่อไร้เมล็ดเทพแล้วพวกเขาจึงได้รับอิสระทันที
ทว่ามีบางส่วนที่ไม่ได้หนีไปไหน ฉวี่รั่วหนานคือหนึ่งในนั้น
นางมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าซับซ้อน ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังสิ่งใด
ร่างหวังหลินปรากฏตัวจากความว่างเปล่าและมองผู้คนที่เหลืออย่างเยือกเย็น มีเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ เมื่อพวกเขาเห็นหวังหลิน ทั้งหมดจึงคำนับฝ่ามือให้ด้วยความเคารพและขอบคุณเขาเป็นการใหญ่
ทั้งหมดนั้นยกเว้นฉวี่รั่วหนานผู้ทำเหมือนนางมองไม่เห็นหวังหลินเลยและจ้อมองท้องฟ้าด้วยสายตางุนงงต่อไป
หวังลินคำนับฝ่ามือให้กับเซียนที่กำลังจากไปและจากนั้นยื่นแขนซ้ายออกมา เขาคว้าร่างฉวี่รั่วหนานและลอยออกไปไกล เหล่าเซียนที่เหลือต่างรอคอยเพื่อขอบคุณหวังหลิน หลังจากเห็นหวังหลินจากไปแล้วพวกเขารู้สึกเหมือนหลายปีที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นความฝัน พวกเขากล่าวลาและจากนั้นต่างกระจัดกระจายตัว
“ปล่อยข้าไป มาจับข้านี่มันถูกแล้วหรือ?!” หลังจากฉวี่รั่วหนานถูกหวังหลินจับไป นางเริ่มดิ้นรนทันที
“หุบปาก!” เสียงหวังหลินตกลงบนร่างฉวี่รั่วหนานราวกับสายลมเย็นเฉียบและทำให้นางเงียบทันที ทว่านางเยาะเย้ยขึ้นมาในไม่ช้า “ข้ารู้ว่าทำไมเจ้าต้องการจับตัวข้า เจ้าต้องการใช้ข้าเป็นเตาหลอมเซียนให้เจ้าใช่ไหม? ก็ดี ทำอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการเถอะแต่หลังจากนั้นค่อยปล่อยข้าไป!”
ขณะที่หวังหลินเหาะเหิน เขาหันกลับมามองนาง สายตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและมองนางราวกับมองซากศพ “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเตาหลอมเซียนให้ข้า!”
หวังหลินเคลื่อนไหวเร็วมาก เพียงหนึ่งก้าวเขาก็เคลื่อนตัวไปได้หลายหมื่นลี้แล้ว
ฉวี่หยุนซานกำลังยืนอยู่ที่ที่มีเซียนมากกว่าสิบคนแตกสลายบนพื้นข้างๆ เขารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมาก ทันใดนั้นสายตาขมวดเข้าด้วยกันและลำแสงเส้นหนึ่งโผล่ออกมาจากระยะไกลและเปลี่ยนเป็นหวังหลิน!
หวังหลินกำลังถือหนึ่งชายหนึ่งหญิงไว้ในแขน สาตาของฉวี่หยุนซานตกลงบนร่างหญิงสาวอันคุ้นเคยเป็นคนแรก
“รั่วหนาน!” สายตาฉวี่หยุนซานเต็มไปด้วยความสุขแต่ในไม่ช้าก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาเลื่อนสายตาจากนางและคราวนี้มองไปที่มือขวาหวังหลิน
“บรรพชน!” แม้ว่าฉวี่หยุนซานจะเตรียมใจมากแล้วเขายังตื่นตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้
หวังหลินร่อนลงมาถึงและสะบัดแขนซ้าย ฉวี่รั่วหนานถูกโยนเข้าหาฉวี่หยุนซาน จากนั้นยื่นมือซ้ายออกมาเข้าหาอากาศและเจ้ากิเลนพุ่งออกมา เมื่อมันปรากฏตัวขึ้น แสงสีเขียวทั้งหมดของเซียนบนพื้นและฉวี่หยุนซานเริ่มสั่นเทา จากนั้นเปลี่ยนเป็นจุดๆและถูกเจ้ากิเลนกลืนกิน
เจ้าอสูรดูเหมือนมีความสุขอย่างยิ่ง มันร้องคำรามก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิญญาณและถูกหวังหลินรับเอาไว้
“พี่ฉซี่ กฏเกณฑ์ได้ถูกลบออกไปแล้วและได้ช่วยเหลือน้องสาวท่านเรียบร้อย สำหรับลุงของท่านคงต้องหาพวกเขาด้วยตัวเอง ส่วนคนที่อยู่ในเผ่าหลอมวิญญาณของข้า ข้าจะปลดปล่อยให้ ลาก่อน!” สิ้นคำพูด หวังหลินคว้าร่างชายชราที่อ้างว่ามาจากแดนสวรรค์และจากนั้นเคลื่อนที่พริบตาออกไป
หวังหลินขี้เกียจจะมาพูดคุยกับสองพี่น้องนี้
ร่างหวังหลินปรากฏตัวข้างในหอคอยของเผ่าหลอมวิญญาณ เขาโยนร่างชายชราลงบนพื้นอย่างลวกๆและนั่งสมาธิลง ดวงตาเรืองแสงดุจคบไฟพร้อมสัมผัสกระเป๋านำกระบี่สามเล่มออกมา ปลายกระบี่ปลดปล่อยกลิ่นอายเยือกเย็นทรงพลังและกดทับบนผิวหนังชายชรา
กระบี่ทั้งสามเล่มคือของซื่อจู โม่หยาง และฮ่ายจู้ หลังจากถูกหวังหลินปรับแต่งไป ปราณกระบี่ทั้งสามเล่มผสานเข้าด้วยกันกระตุ้นให้มันทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี!
“นี่คือค่ายกลกระบี่สามพรสวรรค์ของเซียนกระบี่หลิงเทียนโฮว ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินมันหรือไม่!” หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง แต่เมื่อเข้าสู่รูหูของชายชรากลับทำให้เขาสั่นสะท้าน ดวงตาเล็กๆรีบหันมามองสมบัติกระบี่สามเล่ม
“หลังจากตาข่ายจับเทพปลดปล่อยเจ้า หากเจ้าเคลื่อนไหวอะไร ข้าจะให้เจ้าได้รู้จักความลึกลับของค่ายกลกระบี่สามพรสวรรค์!”
เขาพบชื่อของค่ายกลกระบี่สามพรสวรรค์เมื่อค้นวิญญาณของฮ่ายจู้! กระบี่ทั้งสิบสองกระบี่ได้ถูกแบ่งเป็นกลุ่มละสาม หากทั้งสิบสองกระบี่ถูกใช้งานมันจะกลายเป็นค่ายกลกระบี่สิบสองสังหารสวรรค์ที่เซียนกระบี่หลิงเทียนโฮวภูมิใจมาก!
“ตอนนี้จงบอกมาได้แล้วว่าเจ้าเป็นใคร!” ด้วยประสบการณ์ชีวิตของหวังหลิน เขาสามารถบอกได้ทันทีจากความขี้ขลาดที่ชายชราคนนี้มี หวังหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงบรรจุพลังมารเอาไว้ด้วย “หากเจ้าไม่พูด ข้าจะใช้วิชาค้นวิญญาณกับเจ้า จากั้นจะหลอมวิญญาณเจ้าให้กลายเป็นเศษดวงวิญญาณจนเจ้าไม่สามารถเข้าสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้ตลอดชีวิต!”