626. ตัวตนของร่างศพสตรีชุดขาว
“พู่กันแห่งคบเพลิงอมตะคือสมบัติที่มีพลังอำนาจดวงอาทิตย์อยู่เต็มเปี่ยม พ่อเก็บรวบรวมดวงอาทิตย์สิบสองดวงและเปลี่ยนเป็นสิบสองสัญลักษณ์ที่สามารถวาดด้วยพู่กันนี้ พลังอำนาจของมันเป็นที่ยอมรับกันทั่วสารทิศ”
“ตาข่ายจับเทพ แม้สมบัติชิ้นนี้ค่อนข้างอยู่ในกลุ่มทั่วๆไป วิญญาณข้างในดูเหมือนจะมีสติปัญญาอยู่บ้าง มันน่าสนใจอย่างยิ่งข้าจึงเชื่อว่าเจ้าจะชอบมัน”
“ส่วนสมบัติชิ้นที่สามจงใช้มันกับกระบี่สวรรค์พิรุณของเจ้าจะดีที่สุด สมบัติชิ้นนี้เรียกว่าฝักพิรุณ ใส่กระบี่สวรรค์ไว้ข้างในจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของวิญญาณกระบี่ พ่อใช้โลหะเทพดั้งเดิมที่อยู่ในน้ำพุชำระเทพเพื่อสร้างมันขึ้นมา”
“ส่วนวิชาเทพ แม้ว่ามันจะเป็นวิชาระดับต่ำและพลังอำนาจของมันอยู่ในเกณฑ์ทั่วไป มันเป็นวิชาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง วิชานี้ถูกเรียกว่าวิชายับยั้ง พ่อพบมันบนดาวเคราะห์ลึกลับโดยบังเอิญ น่าเสียดายที่มันไม่สมบูรณ์แต่พ่อก็สามารถฟื้นฟูมันขึ้นมาหลังจากศึกษาวิชานี้”
“พ่อเดาว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของวิชาที่รวมหลายๆวิชาเข้าด้วยกัน น่าเสียดายนักที่พ่อพบว่ามันไม่สมบูรณ์จึงไม่สามารถฟื้นฟูทั้งวิชาผสานกันทั้งหมดนั่นได้”
ความตื่นเต้นบนใบหน้าหวังหลินค่อยๆสงบลง หินหยกชิ้นนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกมีรายละเอียดปลีกย่อยและข้อมูลเบื้องต้นของสมบัติสวรรค์สามชิ้น
หินหยกส่วนนี้ไม่มีกฏเกณฑ์และสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย สำหรับอีกสองส่วนนั้นมีกฏเกณฑ์วางเอาไว้ เมื่อพยายามตรวจสอบมันด้วยสัมผัสวิญญาณจะเกิดภาพและคำพูดอันยุ่งเหยิงทำให้ไม่สามารถมองเห็นทุกอย่างได้
ส่วนที่สองมีวิธีการสร้างองครักษ์เทพ ชายชราตัวเตี้ยสามารถเรียนรู้เรื่ององครักษ์เทพจากการมองดูเศษเสี้ยวส่วนที่สอง
ในหินหยกยังมีข้อความนี้ทิ้งไว้อีกด้วย “พ่อได้วางกฏเกณฑ์สายโลหิตลงบนหยกชิ้นนี้ เมื่อไร้สายเลือดของเจ้ามันจะไม่สามารถทำลายกฏเกณฑ์ในหินหยกได้เป็นอันขาด”
ทว่าหินหยกชิ้นนี้คงอยู่มานานมากเกินไป นานพอจนแม้แต่ระดับบ่มเพาะของคนผู้นี้ไม่สามารถต้านทานกาลเวลาได้ กฏเกณฑ์บนส่วนแรกหายไปหมดและกฏเกณฑ์บนส่วนที่สองได้เลือนหายไปอย่างมาก เหลือเพียงกฏเกณฑ์ส่วนสุดท้ายที่ยังสมบูณ์ดี
“สมบัติสวรรค์สามชิ้นข้าเห็นแต่เพียงสองเท่านั้น ฝักวิญญาณไม่อยู่ที่นี่…สมบัติเหล่านี้ถูกยกให้กับสตรีนามว่าฉิงซวง หากนางแซ่ฉิง เช่นนั้นพ่อของนางคือ…”
ดวงตาหวังหลินกระจ่างวาบและกระซิบ “จักรพรรดิเทพฉิงหลิน!”
หลังจากตรวจสอบหินหยกในมืออย่างละเอียด หวังหลินจึงเริ่มครุ่นคิด
หวังหลินลับตาลง “จากคำพูดของหินหยกชิ้นนี้ ฉิงซวงคือลูกสาวของจักรพรรดิเทพพิรุณ นางยังมีอาวุธที่เรียกว่ากระบี่สวรรค์พิรุณ…” หวังหลินลืมตาขึ้นทันทีและระเบิดแสงสีทองออกมา
“กระบี่สวรรค์พิรุณ…กระบี่สวรรค์พิรุณ…จะมีเรื่องบังเอิญน่าตะลึงในโลกนี้ได้อย่างไร…เป็นไปได้ว่าร่างศพสตรีที่ผู้อาวุโสโจวยี่หลงรักด้วย…จะเป็นลูกสาวของจักรพรรดิเทพฉิงหลิน!?” หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตบกระเป๋า เจดีย์ที่โจวยี่ให้พลันลอยออกมา ก่อนที่มันจะขยายตัวออก หวังหลินสร้างผนึกขึ้นมาชี้ไปที่เจดีย์ ร่างศพสตรีชุดขาวผู้สวยงามสง่าจนทำให้ใครต่อใครหัวใจเต้นรัวค่อยๆลอยออกมา
เมื่อมองไปที่ร่างศพสตรีนั้น หวังหลินเริ่มครุ่นคิดอีก ดวงตาส่องสว่างขึ้นจากนั้นใช้สองนิ้วเป็นกระบี่และสะบัดไป คมกระบี่สายลมลอยออกมาฝากรอยแผลสีแดงบนเอวนางทันที
ทว่าก่อนที่โลหิตจะไหลออก รอยแผลนั้นเลือนหายไปทันทีและกลับเป็นปกติ
ท่าทางหวังหลินยังคงสงบนิ่งเช่นเดิมแต่ดวงตาส่องสว่างขึ้น เพียงแค่คิดปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวก็เข้าสู่นิ้ว หวังหลินสะบัดแขนอีกครั้งและฝากรอยแผลสีแดงบนเอวนางอีก แม้ว่ามันยังฟื้นฟูได้รวดเร็วแต่คราวนี้มันช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
โลหิตสีแดงหนึ่งหยดไหลรินออกมาจากบาดแผลตรงเอวนาง
หวังหลินถอนปราณกระบี่และรับเอาหยดโลหิตไว้ เขาโบกแขนเสื้อและร่างศพนั้นลอยเข้าไปในเจดีย์ จากนั้นเก็บเจดีย์เข้าไปในกระเป๋า
“ข้าเพียงแค่ต้องการทดสอบว่าเจ้าคือฉิงซวงจริงๆ!” หวังหลินประทับโลหิตลงบนหินหยกโดยไม่มีอาการลังเลใดๆ
เมื่อหยดโลหิตตกใส่หินหยก มันเปลี่ยนเป็นหมอกสีแดงทันที หมอกสีแดงนั้นค่อยๆเข้าสู่หินหยก จากนั้นเกิดเสียงแตกร้าวออกมาจากหินหยกสีเขียวและม่านของมันสูญสลายไป
หินหยกสีเขียวผลึกใสมีเส้นสีแดงโลหิตบางๆปรากฏขึ้น
หวังหลินไม่อาจสังเกตได้ว่าหินหยกชิ้นนี้สวยงามแค่ไหน เขาตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณจากนั้นสูดหายใจอันหนาวเหน็บเข้าปอดทันทีและเริ่มครุ่นคิด
ผนึกสองส่วนสุดท้ายของหินหยกชิ้นนี้ถูกเปิดขึ้น!
“นาง…นางคือฉิงซวงจริงๆ…” หวังหลินถอนหายใจ สัมผัสวิญญาณกลับเข้าไปในหินหยกเพื่อตรวจสอบข้อความที่เหลืออีกสองส่วน
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ หวังหลินจมดิ่งตัวเองเข้าไปในหินหยกโดยไม่รู้เวลา
ชายชราตัวเตี้ยตื่นขึ้นในวันที่สองหลังจากหวังหลินจมความคิดตัวเองเข้าไปในหินหยก ทว่าค่ายกลกระบี่สามพรสวรรค์ยังอยู่รอบตัวเขา พลังเย็นเยียบเข้าสู่ร่างกายผ่านปลายกระบี่ทำให้เขาไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่นิ้ว
ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา เขาสามารถมองเห็นความลึกลับในค่ายกลนี้ได้ว่ามันไม่ใช่ขึ้นอยู่กับกระบี่แต่เป็นพลังลึกลับที่อยู่ภายใน
ข้างบนนั้นมีฉวี่ลี่กั๋วกำลังเฝ้าดูอยู่ด้วย เจ้าฉวี่ลี่กั๋วลอยอยู่รอบๆตัวชายชราอย่างลวกๆและเผยรอยยิ้มเย็นเยียบเป็นพักๆ เขาถือดาบสีดำและโบกสะบัดมันเบื้องหน้าชายชราเสียอีก
หลายวันถัดมา หวังหลินคืนสัมผัสวิญญาณกลับมาจากข้างในหินหยก เขาลืมตาขึ้นและถอนหายใจยาว
“เหล่าเทพพวกนี้โหดเหี้ยมมากว่าเซียนเสียอีก ส่วนที่สองของหินหยกมีบันทึกรายละเอียดของการสร้างหุ่นเชิดที่เรียกกันว่าองครักษ์เทพ วิธีนี้ไม่ได้ใช้กับเทพแต่ใช้กับพวกเซียน เซียนจะถูกจับมาและถูกปรับแต่ง หากมันสำเร็จ องครักษ์เทพที่ได้จะมีพลังอำนาจขั้นสุดยอด!”
“สำหรับพวกเทพ องครักษ์เทพไม่ใช่คนแต่เป็นสมบัติ มันถูกแบ่งออกเป็นระดับต่ำ กลางและสูง ในหินหยกได้ระบุไว้ว่าองครักษ์เทพระดับต่ำเท่ากับเซียนขั้นเทวะระดับปลายสูงสุดซึ่งเป็นขีดจำกัดของขั้นแรก”
“ส่วนระดับกลางและระดับสูง ข้าไม่แน่ใจว่าพวกมันอยู่ตรงส่วนไหนของขั้นที่สอง”
“หินหยกส่วนที่สามนั้น…เป็นแผนที่ มันดูเหมือนแผนที่ภูมิศาสตร์ของถ้ำ” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและมองไปที่ชายชราตัวเตี้ย
พลางกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ส่งมาให้หมด!”
ชายชราตัวเตี้ยมีใบหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่นพลางกล่าว “เจ้าก็มีกระเป๋าทั้งหมดของข้าแล้ว จะต้องการอะไรอีก?!” ในใจสาปแช่ง ‘เจ้าหนุ่มหวังคนนี้เลวยิ่งกว่าเซียนคู่รักคู่นั้นอีก พวกมันแค่ต้องการกระเป๋าข้าหนึ่งใบเท่านั้น แต่เจ้าหวังคนนี้ไม่ได้ให้ข้าเหลืออะไรไว้เลย!’
หวังหลินมองชายชราด้วยสายตาเย็นเยียบและตบกระเป๋า หินหยกแตกหักสิบชิ้นลอยออกมา หินหยกเหล่านี้คือของที่อยู่ในองครักษ์เทพสิบตน
หลังจากายชราเห็นหยกแตกหัก สีหน้าอาการพลันเปลี่ยนไปทันที
หวังหลินบีบแขนและหินหยกแตกหักสิบชิ้นหลอมรวมเป็นชิ้นเดียว
หลังจากนั้นหวังหลินยื่นมืออกไปและคว้าชายชราเข้ามา ฝ่ามือตบเข้าใส่หน้าผากชายชรา วิญญาณดั้งเดิมหลุดลอยออกมาจากร่าง
ชั่วขณะที่วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมา หวังหลินพ่นพลังดั้งเดิมออกมาจากปากและล้อมรอบวิญญาณดั้งเดิมดวงนั้นเอาไว้ ขณะที่ชายชราถูกหล่อหลอม ปราณสวรรค์ในวิญญาณของเขาค่อยๆควบแน่นกลายเป็นหินหยกแตกหักขนาดเท่านิ้วก้อย
หลังจากได้รับหินหยกแตกหักมา วิญญาณดั้งเดิมของชายชราถูกโยนออกไปจากหอคอยและถูกก้อนเมฆสีดำข้างนอกกลืนกิน กลายเป็นเศษเสี้ยววิญญาณหนึ่งดวงข้างในธงวิญญาณ
ส่วนร่างกายของชายชรานั้น หวังหลินไม่แม้แต่ชำเลืองมอง เขาเพียงแค่โบกแขนเสื้อและร่างกายเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผง
หนึ่งในเหตุผลที่หวังหลินโยนเข้าใส่ธงวิญญาณนั่นก็เพราะมันไร้ประโยชน์ นอกจากจะเป็นวิญญาณดั้งเดิมขั้นแปลงวิญญาณระดับปลายแล้ว อีกเหตุผลที่หวังหลินสนใจคือถ้ำที่ชายชราค้นพบ
อย่างไรก็ตามหวังหลินรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะจากไป สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือใช้เวลาที่เหลือบ่มเพาะระดับของตัวเองและทำให้สมบัติวิเศษใช้ได้คล่อมือ เขาจำเป็นต้องเตรียมการสำหรับข้อตกลงหนึ่งร้อยปีที่มีร่วมกันปิศาจโบราณ
โดยเฉพาะสมบัติใหม่สองชิ้นและวิชาเทพระดับต่ำที่เขาได้รับมา!
เมื่อคิดเรื่องวิชาเทพ หวังหลินเผยอาการตื่นเต้นเล็กๆ นี่คือวิชาเทพของจริง! วิชาทั้งหมดที่หวังหลินได้ศึกษามาทั้งชีวิต นอกจากศาสตร์สังหารเทพแล้ววิชาอื่นๆล้วนสร้างเลียนแบบวิชาเทพระดับต่ำ
นอกจากนั้นวิชาเทพต่างเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง แม้แต่คนเช่นเทียนหยุนยังปรารถณาอย่างยิ่งที่จะได้วิชาเทพมาครอบครอง นับประสาทอะไรกับคนเช่นหวังหลิน
วิชาเทพคือวิชาของจริง พวกมันคือวิชาที่ทรงพลังมากกว่าวิชาธรรมดาหลายเท่า!
ดินแดนวิญญาณปิศาจดึงดูดความสนใจของเซียนหลายคนและแม้กระทั่งทำให้พวกเขาเข่นฆ่ากันเองหรือแม้แต่น้อมคำนับต่อพวกคนที่นี่ นั่นเป็นเพราะโอกาสที่จะหลอมรวมกับปิศาจโบราณเพื่อเรียนรู้วิชาเทพ!
การได้รับวิชาเทพสักหนึ่งวิชาในสำนักชะตาสวรรค์นั้นจะต้องมีตำแหน่งศิษย์สายตรงมานานหลายปีจนได้รับสิทธิ์ ทว่าเทียนหยุนจะไม่ให้วิชาที่ดีที่สุดแต่จะเลือกวิชาธรรมดาให้แทน
“วิชายับยั้ง!” หวังหลินสูดหายใจลึกและร่ายวิชาเทพที่ปรากฏอยู่ในใจ เขาค่อยๆหลับตาและจมลึกตัวเองเข้าไปในวิชาเทพ
เวลาค่อยๆเลือนผ่านไปและพริบตาเดียวยี่สิบปีก็ผ่านหายไปแล้ว
การสู้รบระหว่างแคว้นปิศาจฟ้าและแคว้นปิศาจอัคคีกินเวลายาวนานอย่างยิ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างรบกันอย่างดุเดือด แคว้นอื่นไม่อาจทนได้อีกต่อไปและในที่สุดก็ตัดสินใจโจมตี
ปิศาจโบราณจากแคว้นปิศาจฟ้าพิจารณาปัญหานี้ไว้แล้วตอนที่ตัดสินใจเริ่มสงครามกับแคว้นปิศาจอัคคี สำหรับแคว้นที่เหลือที่พร้อมจะเคลื่อนไหว เขาใช้พลังอำนาจของตัวเองเพื่อผนึกเมืองปิศาจฟ้าซะ!
ส่วนมืองอื่นๆในแคว้นปิศาจฟ้า ปิศาจโบราณยอมแพ้เมืองพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง เขาเพียงป้องกันเมืองหลวงและทะเลสาบมังกรเท่านั้นเพื่อรอคอยข้อตกลงกับหวังหลิน! เขาไม่กลัวหวังหลินจะผิดสัญญา! หากหวังหลินกลับคำพูดเขาคงใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อพลิกฟ้าดินค้นหาจนฆ่าหวังหลินไปแล้ว! เขาเชื่อว่าหวังหลินจะไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่คิด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เผ่าหลอมวิญญาณกลับขยายตัวอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
หลายทศวรรษที่ผ่านมา ในสงครามที่อยู่ในแคว้นปิศาจอัคคีมีผู้คนลึกลับในชุดดำที่ค่อยๆถูกจับความสนใจจากอีกสองฝ่าย พวกคนชุดดำเหล่านี้มักจะปรากฏตัวในสนามรบเพื่อดูดซับวิญญาณจำนวนมากและนำชีวิตพวกเขาไป
ในเวลาเดียวกันแต่ละคนก็ฆ่าล้างศัตรูบนสนามรบอีกนับไม่ถ้วน พวกเขาทั้งหมดมีความสามารถโดดเด่น ทหารปิศาจที่เติบโตแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วในสองกองทัพต่างถูกเลื่อนตำแหน่งเพื่อทดแทนแม่ทัพที่ตายลงไป