Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 683

Cover Renegade Immortal 1

683. เฉียนกุ้ยซื่อตกตะลึงจนต้องล่าถอย

เฉียนกุ้ยซื่อเป็นหนึ่งในสามบรรพชนของตระกูลเฉียน เขาฝึกฝนเซียนมามากกว่าหมื่นปีและเป็นสหายของบรรพชนตระกูลฮวนตั้งแต่ยังเยาว์วัย ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เขาพุ่งเป็นลำแสงออกมาจากดาวพันมายา นั่งอยู่ท่ามกลางดวงดาวด้วยสายตาที่มองออกไปไกลอย่างเยือกเย็น กำลังรอคอยบางอย่าง

การเดินทางครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นตัวแทนของตระกูลเฉียนแต่เป็นการช่วยเหลือบรรพชนตระกูลฮวนเป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ช่วยโดยไม่มีอะไรตอบแทน สายตาตกลงบนสมบัติชิ้นหนึ่งของตระกูลฮวน

“ข้าเพียงต้องฆ่าเจ้าเด็กอวดดีนั่นและจะได้สมบัติชิ้นนั้นมา เรื่องนี้มีปัญหามากเกินไป ปกติฮวนกุ้ยฉิงมักจะขี้เหนียวมาตลอด ครั้งนี้กลับมาใจกว้าง…” เฉียนกุ้ยซื่อรูปร่างหน้าตาดูเหมือนอายุสี่สิบปี เส้นผมยังไม่ขาวโพลนไปเสียหมดและยังดูหล่อเหลา เสื้อคลุมสีขาวที่สวมใส่อยู่ที่ให้เขามีบรรยากาศของเหล่าเทพ

“เจ้าเด็กอวดดีคนนี้อาจจะจัดการได้ยาก ปราณกระบี่น่าหวาดกลัวที่ปรากฏในตระกูลฮวนก่อนหน้านี้ต้องสัมพันธ์กับเจ้าเด็กคนนี้มาก ข้าไม่อาจทำอะไรบุ่มบ่ามได้ เมื่อเจ้าเด็กคนนั้นมาถึง ข้าจะต้องสังเกตการณ์อย่างละเอียด หากข้าลงมือได้ ข้าจะไม่คิดมากเรื่องการแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้สมบัติ…แต่หากข้าลงมือไม่ได้ ไม่มีเหตุผลที่จะปลูกฝังเมล็ดแห่งหายนะเพื่อเพียงแค่สมบัติชิ้นเดียว!”

หลังเฉียนกุ้ยซื่อคิดขึ้นในใจ เขาหลับตาและรอคอยท่ามกลางดวงดาวโดยไม่ไหวติง

หลายวันต่อมา ลำแสงสีเงินสายหนึ่งเข้ามาหาดวงดาวดุจอุกกาบาต หวังหลินนั่งอยู่บนแสงสีเงินจ้องมองดาวพันมายาด้วยสายตาเยือกเย็นพร้อมกับปลดปล่อยลำแสงสว่างเจิดจ้า

หวังหลินมาพร้อมกับเจตนาสังหาร ใครก็ตามที่กล้าขัดขวางเขาจะเป็นศัตรู!

ขณะที่แสงสีเงินข้ามผ่านอวกาศมาอย่างรวดเร็ว เฉียนกุ้ยซื่อลืมตาขึ้นและมองหวังหลินด้วยท่าทีสุขุม

หวังหลินมองเห็นเฉียนกุ้ยซื่อเช่นกัน รูม่านตาหดเล็กลงเบาๆและเปลี่ยนเป็นเย็นชา

“เขามีผู้ช่วยเหลือจริงๆ!”

“ผู้มาใหม่จงหยุด!” คราแรกเสียงของเฉียนกุ้ยซื่อกล่าวเบาบางแต่เหมือนกับมันเป็นวิชาเซียนพลันกระจายออกไปดุจประกายสายฟ้า หวังหลินมองเฉียนกุ้ยซื่อด้วยสายตาเย็นเฉียบ

“คำพูดถือเป็นกฏ!” ลำแสงจากเข็มทิศดวงดาวของหวังหลินดูเหมือนจะหมองหม่นลงจากแรงกดดันนั้น เป็นธรรมดาที่หวังหลินไม่สามารถมองทะลุระดับคนผู้นี้ด้วยสัมผัสวิญญาณของตนเอง ทว่าเมื่อผสานเข้ากับองครักษ์เทพเขาจึงสามารถมองออกได้ว่าคนตรงหน้าเป็นขั้นหยินหยาง

“แม้หุ่นเชิดองครักษ์เทพจะเป็นขั้นหยินหยางเช่นกัน มันก็เทียบไม่ได้กับเซียนตัวจริงของขั้นนั้น” หวังหลินรู้จุดอ่อนขององครักษ์เทพเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเขามีวิชาเฉพาะ มันจึงไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ากันนัก

เฉียนกุ้ยซื่อเอ่ยขึ้นด้วยสายตาสุขุมนุ่มลึก “เจ้ามาเพราะตระกูลฮวนใช่ไหม?” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกเล็กน้อย

หวังหลินยืนอยู่บนเข็มทิศดวงดาวพลันจ้องมองชายตรงหน้า “ใช่แล้ว!”

“อายุยังหนุ่มแต่กลับพูดเรื่องกวาดล้างตระกูลเสียแล้ว ผู้อาวุโสของเจ้าไม่สอนบ้างเลยหรือ? บอกชื่อผู้อาวุโสของเจ้ามา บางทีอาจจะเป็นคนรู้จักของข้าและเจ้าจะหนีรอดจากการถูกฆ่าได้!” เฉียนกุ้ยซื่อมองหวังหลินและสังเกตการณ์อย่างละเอียด

ในมุมมองของเขา เด็กคนนี้ไม่มีสิ่งใดประหลาดเลย ระดับบ่มเพาะก็ต่ำมากทั้งยังไม่ถึงขั้นเทวระดับกลาง ขณะที่สายตาของเฉียนกุ้ยซื่อตกลงบนเงาที่อยู่ใต้เท้าหวังหลิน ดวงตาก็ขมวดเข้าด้วยกัน

“หุ่นเชิดมายาหยิน!!!” แม้สายตาเฉียนกุ้ยซื่อจะสงบนิ่งแต่เขาอ้าปากค้างอยู่ในใจ

‘ตระกูลอะไรกันถึงมีเซียนทรงพลังที่ใจกว้างจนมอบหุ่นเชิดขั้นหยินหยางเป็นของขวัญให้กับเด็กคนนี้? นี่…นี่มันน่าหวาดกลัวเกินไป!’ ขณะเฉียนกุ้ยซื่อจ้องมองเหงาข้างใต้หวังหลิน ดวงตาก็เผยร่องรอยแห่งความโลภ

หวังหลินมองเขาด้วยความสงบนิ่ง “ผู้อาวุโส เรื่องนี้เป็นเรื่องบาดหมางส่วนตัวระหว่างข้ากับตระกูลฮวน โปรดอย่ามายุ่งเกี่ยว”

เฉียนกุ้ยซื่อต่อสู้กันในใจ อีกมือหนึ่งก็อยากได้หุ่นเชิดตัวนี้ แต่อีกมือหนึ่งก็กลัวเบื้องหลังตระกูลฝ่ายตรงข้าม ท้ายที่สุดแล้วความโลภก็เอาชนะเหตุผล

ในสายตาเขา ราคาหุ่นเชิดขั้นมายาหยินนับว่ามีมหาศาลเกินไป! นอกจากนั้นเขายังลงมือให้กับตระกูลฮวน อีกนานกว่าตระกูลของเด็กคนนี้จะค้นเจอเรื่องนี้ แม้พวกเขาจะรู้เรื่องก็ยังดุด่าว่าเป็นตระกูลฮวน การที่ตระกูลฮวนและตระกูลเฉียนร่วมมือกัน แม้แต่ตระกูลอื่นยังต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่าจะสู้ดีหรือไม่

ดวงตาของเฉียนกุ้ยซื่อส่องสว่างขึ้นและเอ่ยออกมา “ส่งหุ่นเชิดของเจ้ามาและข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบมากกว่าเดิม เขายังมีปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวเหลืออยู่อีกสองสาย ก่อนที่เขาจะเข้ามาในเหวนรกหวังหลินมีอยู่สองสาย จากนั้นเขาก็ใช้ไปหนึ่งเพื่อช่วยปิศาจโบราณและได้เพิ่มมาอีกสองในเหวนรกจนมีทั้งหมดสามเส้น

เงาภายใต้ฝ่าเท้าหวังหลินกระพริบวาบและปรากฏองครักษ์เทพขึ้นมา มันจ้องเฉียนกุ้ยซื่อด้วยเจตนาแห่งการต่อสู้

หวังหลินตะโกน “ฆ่า!” ดวงตาองครักษ์เทพส่องสว่างเจิดจ้าและก้าวเท้าออกไปข้างหน้า ในเวลาเดียวกันสองมือก็ขยับฉีกเปิดรอยแตกในอวกาศ

ดวงตาเฉียนกุ้ยซื่อหดลงทันทีแต่เขาไม่ได้ตื่นตูมและยังคงนั่งอยู่ ฝ่ามือสร้างผนึกไว้เบื้องหน้าและเริ่มพึมพำ จากนั้นพ่นสัญลักษณ์รูนออกไปทีละตัวและเริ่มล้อมรอบกัน แต่ละสัญลักษณ์ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังและเข้าใกล้องครักษ์เทพอย่างรวดเร็ว

องครักษ์เทพถูกสร้างขึ้นโดยจักรพรรดิเทพฉิงหลินที่มีเจตนาจะเลียนแบบเทพโบราณ ดังนั้นความสามารถส่วนใหญ่ของมันที่แสดงออกมาจึงอยู่ในร่างกาย ขณะนี้แขนขององครักษ์เทพได้สร้างผนึกและปรากฏแสงสีทองปะทุชึ้นมา ในไม่นานนักแสงก็ล้อมรอบร่างกายของมันและกลายเป็นร่างชายสีทอง เขาก้าวไปข้างหน้าและโยนกำปั้นออกไป

กำปั้นที่สร้างขึ้นพลันเกิดคลื่นเสียงกระแทกในหมู่ดวงดาว รอยร้าวนับไม่ถ้วนพลันปรากฏและกำปั้นได้ทำลายสัญลักษณ์รูนที่มันผ่านไปทั้งหมด

เฉียนกุ้ยซื่อเผยสายตาประหลาดใจและยิ้มออกมา “นี่มันหุ่นเชิดที่ฝึกฝนปรับเปลี่ยนร่างกาย ข้าจะต้องได้หุ่นเชิดนี้มาครอบครอง!” หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนบทร่ายให้มีพลังมากขึ้น เกิดเสียงราวกับเศษเหล็กเข้าปะทะใส่กัน

ในพริบตาเดียวสัญลักษณ์รูนทั้งหมดก็ปลดปล่อยประกายสายฟ้าและเปลี่ยนรูปร่างทั้งหมดเป็นลำแสงสายฟ้าพุ่งเข้าใส่องครักษ์เทพ

ลำแสงสายฟ้าดูเหมือนจะดึงดูดและเชื่อมต่อกันราวกับตาข่ายที่ส่องสว่างท่ามกลางอวกาศ ตกลงใส่องครักษ์เทพ

หวังหลินยังยืนอยู่บนเข็มทิศดวงดาว ดวงตาส่องสว่างขึ้น เขาตบกระเป๋านำราชรถสังหารเทพออกมา มันเปลี่ยนเป็นอสูรสายฟ้า ส่งเสียงร้องคำรามและพุ่งออกไปอย่างโหดเหี้ยม

ชั่วจังหวะที่เสียงคำรามออกมา สายฟ้าทั้งหมื่นสายพลันหยุดชะงัก เฉียนกุ้ยซื่อตกอยู่ในอาการตะลึงเนื่องจากสายฟ้าทั้งหมดหลุดออกไปและรวมตัวกันเข้าไปหาอสูรสายฟ้าก่อนที่จะถูกกลืนกิน

ร่างอสูรสายฟ้าพลันขยายตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าทันที มันเรอออกมาเสียงดัง ดวงตาเต็มไปด้วยประสายสายฟ้าดุดัน

“นี่…นี่มัน…อสูรสายฟ้า!!” เฉียนกุ้ยซื่อยืนขึ้นทันที สีหน้าเปลี่ยนไปมากมาย เขาจ้องอสูรสายฟ้าและอ้าปากค้าง

“ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงมีปราณกระบี่โหดเหี้ยมและหุ่นเชิดมายาหยิน! เป็นเพราะเจ้ามาจากอารามเทพอัสนี!” เฉียนกุ้ยซื่อสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าปอด เขาถอนสัญลักษณ์รูนทั้งหมดทันทีและไม่คิดอยากได้หุ่นเชิดอีกแล้ว

เฉียนกุ้ยซื่อใบหน้าซีดและรีบกล่าว “สหายน้อยโปรดยกโทษให้ข้าเถิด ข้าทำไปโดยไม่ยั้งคิด นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด เป็นเรื่องเข้าใจผิด!” เขาดูไม่มีสง่าราศีของเซียนที่แข็งแกร่งอีก

“นี่ข้ากำลังปล้นจากอารามเทพอัสนี ความจริงก็คือ…” ใบหน้าเฉียนกุ้ยซื่อเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เขาสามารถไปตอแยตระกูลใดก็ได้ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า แต่เขาไม่กล้าไปตอแยอารามเทพอัสนี เขาไม่แม้แต่จะกล้าแสดงความไม่เคารพต่ออารามเทพอัสนีด้วย สำหรับเขาแล้วคำว่า “อารามเทพอัสนี” เป็นตัวตนที่ไม่สามารถยั่วยุได้

ตอนแรกด้วยระดับบ่มเพาะและความคิดที่แข็งแกร่งของเขาจึงไม่เชื่อว่าหวังหลินจะเป็นคนจากอารามเทพอัสนี แต่ในตอนท้ายสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจก็คืออสูรสายฟ้า!

อารามเทพอัสนีเท่านั้นที่มีอสูรสายฟ้าและนั่นเกือบจะเป็นกฏตายตัวไปแล้ว! ทำนองเดียวกัน อสูรสายฟ้าคือสัญลักษณ์ของผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนีด้วย!

เฉียนกุ้ยซื่อฝึกฝนมาหมื่นปีแต่ไม่เคยได้ยินคนอื่นที่ไม่ใช่อารามเทพอัสนีจะมีอสูรสายฟ้า อสูรสายฟ้าเป็นสิ่งที่มีเพียงคนจากอารามเทพอัสนีเท่านั้นที่จะมีกันได้ เป็นความจริงที่สุดในความคิดเขา

หวังหลินจ้องเฉียนกุ้ยซื่อด้วยใบหน้าไม่เปลี่ยนไปเลย “เรื่องเข้าใจผิดหรือ?”

เฉียนกุ้ยซื่อยิ้มอย่างขมขื่นแต่รู้สึกโกรธในใจ ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา แม้จะพบว่าเจ้าเด็กคนนี้มาจากอารามเทพอัสนี เขาก็ไม่สามารถพูดขึ้นแบบนี้ได้ ปกติแล้วเขาจะพูดแบบนี้เฉพาะตอนที่เผชิญกับคนที่บรรลุขั้นที่สองไปแล้วเท่านั้น

แต่ว่าตอนนี้เขาเป็นคนไปตอแยเสียก่อนและเป็นคนพยายามขโมยสิ่งของมาจากอารามเทพอัสนี ในใจเขา เจ้าเด็กคนนี้ต้องมีสถานะบางอย่างในอารามเทพอัสนี ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่จัดการส่งหุ่นเชิดมายาหยินมาเพื่อปกป้องเป็นแน่

เฉียนกุ้ยซื่อลังเลและยิ้มบิดเบี้ยว “สหายน้อย ข้าไม่สามารถช่วยเจ้าต่อสู้กับตระกูลฮวนได้เพราะเราอยู่บนดาวเดียวกัน อีกทั้งเมื่อเจ้ามาจากอารามเทพอัสนี เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้าช่วยเหลืออันใด แต่สหายน้อยรับรู้ไว้เลยว่าตระกูลเฉียนของข้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับตระกูลฮวน!”

“ข้าต้องการหยกสวรรค์!” หวังหลินมองเฉียนกุ้ยซื่ออย่างเย็นชา

เฉียนกุ้ยซื่อตกตะลึง “อารามเทพอัสนีของเจ้ายังขาดหยกสวรรค์หรือ? ตกลง ข้าจะยกมันให้!” เขายิ้มอย่างขมขื่นในใจและคิดว่านี่เป็นการบทลงโทษของตนเอง คนจากอารามเทพอัสนีไม่สามารถไปตอแยได้ ไม่ต้องคิดเรื่องที่แต่ละคนมีวิชาช่วยชีวิตเลย แม้เขาจะฆ่าคนตรงหน้า คงไม่มีที่ใดในทั้งจักรวาลแห่งนี้จะให้ตระกูลเฉียนอยู่!

“หากเขาต้องการหยกสวรรค์ ข้าเดิมพันว่าเขาต้องการจำนวนมากเป็นแน่ เขาไม่ได้กำหนดว่าเท่าไหร่ดังนั้นเขาต้องการให้ข้าตัดสินใจเอง…” เฉียนกุ้ยซื่อกัดฟันแน่นและนำกระเป๋าออกมาโยนให้หวังหลินด้วยจิตใจเจ็บปวดก่อนจะหันตัวกลับและบินไปที่ดาวพันมายา

เขาก้าวเข้าไปในดาวพันมายาด้วยใบหน้ามืดมน ขณะที่เข้าไปในดาวจึงกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาล้อมรอบอาณาเขตของตระกูลฮวนและส่งคำพูดสัมผัสวิญญาณอันมืดมนออกไปด้วย

“ฮวนหวู่ฉิง เจ้าทำให้ข้าไปตอแยกับคนของอารามเทพอัสนี! ข้าจะจดจำเรื่องนี้เอาไว้ เมื่อตระกูลเจ้าถูกกวาดล้างออกไป ข้าจะเอาคืนผ่านลูกหลานเจ้าแน่นอน!”

บรรพชนตระกูลฮวนขมวดคิ้วอยู่ในบ้านบรรพชน เขาส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกไป “เขาไม่ได้มาจากอารามเทพอัสนี เขามาจากดาราจักรพันธมิตรเซียนเหมือนลูกสาวบุญธรรมของข้า!”

“บัดซบเถอะ สัมผัสวิญญาณเจ้าก็อยู่นี่ ไม่เห็นเจ้าอสูรสายฟ้านั่นหรืออย่างไร? อสูรสายฟ้ามีอยู่ในแดนเทพอัสนีเท่านั้นและเป็นสัญลักษณ์ของผู้ส่งสาส์นแห่งอารามเทพอัสนี!” เฉียนกุ้ยซื่อโกรธมากและคิดว่า ‘ฮวนหวู่ฉิงนะฮวนหวู่ฉิง เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังมาพยายามซ่อนมันจากข้าอีก ข้าจะจำเรื่องนี้เอาไว้!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version