704. สิ้นสุดหนึ่งวัฏจักร
น้ำเสียงเขย่าขวัญดังสะท้อนไปทั่ว ขณะนั้นเต๋าสายฟ้าก็ตกลงมาในเตาหลอม ปรากฏเป็นเพลงสีม่วง พริบตาเดียวเท่านั้นทะเลเพลิงก็ลุกลามไปทั่วเตาหลอมกลายเป็นการรวมกันของสายฟ้าและเพลิงที่ทรงพลังยิ่งยวด!
หวังหลินใบหน้ามืดมัว พลังดั้งเดิมในร่างเขาไม่อาจเทียบได้กับของอีกฝ่าย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถแสดงพลังเต็มที่ของตัดสวรรค์ได้ ดังที่บรรพชนตระกูลฮวนเคยกล่าวเอาไว้ หากหวังหลินเป็นเซียนระดับสองหรือขั้นหยินหยา พลังอำนาจเคล็ดตัดสวรรค์นั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่ติ
แววตาส่องสว่างวาบพลันเก็บกระบี่สวรรค์และมองไปที่อสูรสายฟ้า หวังหลินกัดปลายลิ้นและใช้โลหิตวาดสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนออกมา
สัญลักษณ์เต็มไปด้วยความแปรเปลี่ยนราวกับมันคงอยู่มานานแสนนาน เมื่อสัญลักษณ์ปรากฏขึ้น เจ้าอสูรสายฟ้าราวกับถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง มันหันศีรษะมาหาหวังหลิน
“ผนึกที่สาม จงเปิด!” หวังหลินโบกแขนและใช้สัญลักษณ์ทะลุผ่านสายฟ้าและประกายแสงทั้งหมดประทับลงบนหน้าผากอสูรสายฟ้า
ร่างของมันสั่นสะท้าน ใบหน้าเผยอาการเจ็บปวดและจากนั้นก็ร่ำร้องคำราม หนามแหลมงอกมาจากด้านหลังมันหนึ่งแถวสะท้อนความเยือกเย็นและยังมีสายฟ้าหนาแน่นแล่นผ่าน กลิ่นอายน่ากลัวพลันปรากฏขึ้นในเตาหลอม
กลิ่นอายนี้ได้บรรจุอำนาจต่อต้านสวรรค์เอาไว้ หากมันกล้าฝืนสวรรค์ เมื่อนั้นคงไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงวิชาพลังดั้งเดิม!
ร่างอสูรสายฟ้าขยายออกไปมากกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งยังมีแสงสีเงินเคลื่อนไหวไปทั่วหลังอสูรสายฟ้าจนเปลี่ยนเป็นสีดำ!
สายฟ้าสีดำถือครองกลิ่นอายทำลายล้างพุ่งออกมาจากร่างอสูรสายฟ้า เจ้าอสูรร้องคำรามอีกครั้งจากนั้นลอยขึ้นสู่อากาศและส่งเสียงภาษาอสูรอันซับซ้อนออกมาจากปาก นี่จึงทำให้อสูรสายฟ้าจากอารามเทพอัสนีเริ่มสั่นเทา มันออกมาจากเตาหลอมและนอนลงบนพื้นอย่างยอมจำนนและไม่กล้ามองขึ้นไป ก่อนหน้านี้มันรู้สึกว่าอสูรสายฟ้าอีกฝ่ายเพียงแค่แข็งแกร่งกว่ามันเล็กน้อย แต่ด้วยความโอหังจึงทำให้มันกล้าต่อสู้ด้วย
ทว่าคราวนี้ความหวาดกลัวส่วนลึกออกมาจากวิญญาณ อสูรสายฟ้าอีกฝ่ายเปลี่ยนกลายเป็นบรรพบุรุษของมันและเป็นสิ่งที่มันไม่สามารถต่อต้านได้!
หลังจากผนึกที่สามของอสูรสายฟ้าถูกปลดปล่อย ร่างของมันจึงปกคลุมอยู่ในสายฟ้า ขณะนั้นสายฟ้าจำนวนมากก็มาถึงจุดสูงสุดและสายฟ้าสีดำเริ่มแพร่กระจายออกมาบังเกิดพายุสายฟ้าสีดำขยายตัวอย่างบ้าคลั่ง
ตอนนี้ร่างองครักษ์เทพก็เริ่มปลดปล่อยแสงสีทอง แสงสีทองค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นสีส้มซึ่งบรรพจุพลังความแข็งแกร่งที่มากกว่า
ตู้มมมมม! พายุสายฟ้าปกคลุมไปทั้งเตาหลอมและพลันปรากฏรอยร้าวนับไม่ถ้วนทันที รอยร้าวนี้ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ตู้มมมมม! กำปั้นองครักษ์เทพชกไปบนเตาหลอมทำให้มีรอยร้าวมากขึ้นไปอีก
พลังที่แข็งแกร่งกระจายออกไปทั่วทุกที่ พลังดั้งเดิมของผู้ส่งสาส์นปะทุขึ้นมาในเตาหลอมอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่มีเวลารู้สึกถึงความเจ็บปวดตอนที่ใช้พลังดั้งเดิมเพราะนี่คือการต่อสู้ที่ลำบากที่สุดตั้งแต่ที่เขากลายเป็นผู้ส่งสาส์นมา มันเป็นการต่อสู้เอาชีวิต!
ทว่าความเร็วที่พลังดั้งเดิมของเขาจะเข้าสู่เตาหลอมไม่อาจเทียบได้กับการผสานพลังของอสูรสายฟ้าหลังปลดปล่อยผนึกที่สามและหุ่นเชิดองครักษ์เทพไปได้ ขณะช่วงเวลาวิกฤตนี้ ดวงตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นเย็นชา เขาไม่ได้ยกกระบี่เล่มใหญ่ขึ้นมาแต่กลับยกนิ้วมือขึ้นและสับลงไปอย่างโหดเหี้ยม!
“ตัดสวรรค์!”
ตึงงงงงง! เกิดการระเบิดสะท้อนฟ้าดินจนอธิบายไม่ได้ เตาหลอมยักษ์ระเบิดในทันที!
แต่เศษเสี้ยวมีสายฟ้าสีดำติดเอาไว้ จากนั้นเหล่าเศษเสี้ยวก็พลันระเบิดออกมาอีกหลายชุดเพิ่มขึ้น!
หวังหลินหน้าซีด หลังจากใช้ตัดสวรรค์สองครั้ง เขาก็มีพลังดั้งเดิมน้อยลงมาจริงๆจนเกือบถึงจุดที่ระดับบ่มเพาะตกลงไปแล้ว หากเขาขาดพลังแม้เพียงเสี้ยวเดียว ระดับบ่มเพาะอาจจะตกลงไปแน่ๆ
ร่างหวังหลินกระพริบวาบและโลกทั้งใบรอบตัวกลับคืนสู่ปกติ หวังหลินสูดหายใจลึก แม้ใบหน้าจะซีดเผือดแต่ดวงตากลับเย็นเยียบมากกว่าเดิม
ร่างผู้ส่งสาส์นปรากฏขึ้นกลางอากาศ เขากระอักโลหิตออกมาและหันตัวหนีตรงๆ เขากำลังหวาดกลัว เขาเคยต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนแต่กลับไม่เคยเผชิญอะไรประหลาดเช่นนี้มาก่อน แม้ศัตรูจะเป็นแค่เซียนที่อยู่ในระดับแรก วิชาและสมบัติที่อีกฝ่ายครอบครองได้ทำให้หนังศีรษะเขาด้านชา ทั้งยังมีปราณกระบี่สองสายที่ทำให้เขาเกลียดตัวเองจนต้องหนีไปให้เร็ว!
ร่างองครักษ์เทพไล่ตามผู้ส่งสาส์นอย่างรวดเร็ว จากนั้นอสูรสายฟ้าร้องคำรามและตามองครักษ์เทพไปด้วยเช่นกัน พวกเขาค่อยๆหายไปเหนือเส้นขอบฟ้า…
หวังผิงเอ่ยเสียงเบา “ท่านพ่อ…เขาพูดเรื่องจริงใช่ไหม…”
ในการต่อสู้ที่พึ่งเกิดขึ้น ผู้ส่งสาส์นไม่ได้รวมหวังผิงและฉิงยี่เข้าไปในวิชาของตัวเองด้วยเนื่องจากไม่กล้าไปตอแยปราณกระบี่ที่อยู่ในตัวหวังผิง
ใบหน้าหวังหลินซีดเผือดราวกับคนตาย เขาค่อยๆหันตัวกลับมาจ้องหวังผิง หลังจากนั้นอีกสักพักจึงพยักหน้า
หวังผิงจ้องพ่อของตนเองและยิ้มเบาบาง รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่ปราศจากความกังวลและเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ท่านพ่อ นี่คือเหตุผลจริงๆที่ท่านไม่ปล่อยให้ข้าฝึกเซียนและเหตุผลว่าทำไมข้าถึงยังไม่มีลูกกับฉิงยี่…เพราะข้าตายไปแล้ว…”
แววตาหวังหลินเผยความเศร้า มองไปที่หวังผิงและเอ่ยออกมา “เจ้าไม่ได้ตาย…”
หวังผิงส่ายศีรษะและยิ้ม “ท่านพ่อ ท่านสอนข้าว่าหากข้าพบภูเขา ข้าสามารถปีนมันได้ หากข้าพบแม่น้ำ ข้าสามารถข้ามมันไปได้ แม้ข้าจะพบสวรรค์ ข้าก็สามารถเดินฝืนลิขิตมันไปได้ ท่านพ่อ ขอบคุณมาก…”
“ความจริง ข้ามีคำตอบต่อคำถามนี้มานานแล้วแต่ข้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน เพื่อยืนยัน…”
“ทำไมข้าไม่สามารถฝึกฝนได้ ทำไมข้าถึงไม่มีทายาท ทำไมข้าไม่เคยเจ็บป่วยเลยมากกว่าเจ็ดสิบปี ข้าไม่เคยแม้กระทั่งรู้สึกเหนื่อยจริงๆมาก่อน ทำไมข้าถึงรู้สึกชัดว่าชีวิตของข้าใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดขณะที่ร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ…ในที่สุดข้าก็เข้าใจตอนนี้”
หวังผิงมองหวังหลิน รอยย้มของเขาเป็นรอยยิ้มที่ไร้กังวลแต่ก็แฝงอาการฝืนอยู่ในนั้น…
“ท่านพ่อ ข้าหวังผิงมีเพียงแค่พ่อ ไม่มีแม่ ขอบคุณมากที่อยู่กับข้า” หวังผิงรู้สึกว่าดวงตารื้นขึ้นแต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีน้ำตา
“มันเปลี่ยนไปจนข้าไม่มีแม้แต่หยดน้ำตา…” หวังผิงมองพ่อของตนอย่างขมขื่นและเอ่ยเบาๆ “ท่านพ่อดูแลตัวเองด้วย…ผิงเอ๋อคงผิดสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอยู่กับท่านตลอดไป…”
ความเศร้าในแววตาหวังหลินยิ่งมีมากขึ้น หลังจากหลิวเหมยยื่นหวังผิงให้เขา เขาก็ป้อนยาให้หวังผิงและใช้สายฟ้าของตนเองเพื่อช่วยเหลือมาตลอด ทว่าในท้ายที่สุดเขาก็พบว่าหวังผิงได้ตายมานาน นานมากมาแล้ว…
ช่วงชีวิตของคนธรรมดานับว่าสั้นมาก เช่นเดียวกับวิญญาณอาฆาตที่มีอยู่มีเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณซึ่งถูกล้อมรอบด้วยความขุ่นแค้นใจ ดังนั้นมันจึงไม่สามารถกลับสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้ มันเป็นร่างที่แท้จริงของวิญญาณอาฆาต!
สิ่งที่หลิวเหมยมอบให้หวังหลินคือเสี้ยววิญญาณของลูก!
เสี้ยววิญญาณนี้ไม่สามารถฝึกเซียนได้เพราะมันไม่สามารถฝึกได้! หากพยายามฝึกฝนจะเกิดการกระตุ้นกลิ่นอายอาฆาตและสูญสลายอย่างสิ้นเชิง
ที่หวังผิงไม่สามารถฝึกเซียนอย่างลับๆจากหวังหลินได้เพราะร่างกายถูกสร้างขึ้นจากปราณกระบี่…
ใช้ปราณกระบี่หนึ่งสายเพื่อสร้างเลือดเนื้อและอีกสายเพื่อปกป้องวิญญาณ จึงกลายเป็นหวังผิง! ส่วนการเจริญเติบโตนี้เสร็จสิ้นเพียงแค่วิชาเซียน….
ช่วงชีวิตมากกว่าเจ็ดสิบปี การเติบโตของหวังผิงทั้งหมดเนื่องมาจากวิชาเทพของหวังหลิน
หวังหลินเอ่ยเสียงเบา “สัญญาของเจ้าจะเป็นจริง เชื่อข้า”
หวังผิงมองดูพ่อของตนขณะกำมือฉิงยี่และเอ่ยเสียงอ่อน “ท่านพ่อ ปล่อยฉิงยี่ไป…”
เขาหันกลับมามองฉิงยี่อย่างสื่อความหมาย เผยรอยยิ้มอ่อนโยน “หากมีชีวิตหลังความตาย หากข้าได้เกิดใหม่ ข้าจะเสาะหาเจ้า ฉิงยี่…”
หยาดน้ำตาไหลรินลงจากสองแก้มฉิงยี่ นางอ้าปากขึ้นมาราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง หวังผิงส่ายศีรษะพลันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเอ่ยเบาๆ “ท่านพ่อ ฉิงยี่ ข้าไปก่อนนะ…”
แววตาหวังผิงเผยสัมผัสที่ไม่เต็มใจ เขาต้องการอยู่กับฉิงยี่และอยู่กับท่านพ่อตลอดไป…ตลอดกาล
อีกด้านหนึ่งดูเหมือนเขาได้กลับไปสู่วัยเด็ก ในสิบเก้าปีของการอาศัยที่หมู่บ้านกลางหุบเขา เขาดื่มยาและเผยรอยยิ้มแห่งความสุข
“ท่านพ่อ ยามันขมมากจริงๆ…”
เขาดูเหมือนว่าจะเห็นท่านพ่อใช้วิชาเพื่อสลายกลิ่นอายอาฆาตในร่างกายเขาให้ทุกคืน เขามองเห็นว่ายานั้นไม่ได้ถูกร่างกายดูดซับ แต่เป็นดูดซับที่วิญญาณ
เพราะร่างกายเขาไม่สามารถดูดซับยาได้…
ราวกับเขาได้เห็นว่าร่างกายตนเองคือปราณกระบี่หนึ่งสาย ทั้งยังเห็นอีกว่ามีปราณกระบี่อีกสายห่อหุ้มรอบวิญญาณเอาไว้อยู่
“ไม่สงสัยเลยที่ข้ามักจะฝันว่าตัวเองอยู่ในโลกสีทองตอนที่ข้ายังเป็นวัยเด็ก…”
ดวงตาหวังผิงปิดลง…
ขณะนั้นร่างกายก็เรืองแสงสีทองและเปลี่ยนกลายเป็นปราณกระบี่หนึ่งสายตั้งอยู่ข้างหวังผิง ตามมาด้านปราณกระบี่อีกสาย
ทั้งหมดนั้นเหลือทิ้งไว้เพียงลูกแก้วแสงสีขาวที่กำลังลอยอยู่อย่างเงียบงัน มีเส้นด้ายสีดำหนึ่งเส้นกำลังเคลื่อนอยู่ข้างใน
เส้นด้ายสีดำนี้คือเศษเสี้ยวความขุ่นเคืองใจชิ้นสุดท้าย!
หวังหลินจ้องไปที่ลูกแก้วแสงสีขาวเป็นเวลานานก่อนจะยกมือขึ้นและกวาดผ่านอย่างเบามือ ด้ายสีดำนั้นพลันเลือนหายไป…
หลังพานพบหนึ่งวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ความขุ่นข้องใจในลูกของหวังหลินก็หายไป หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาจากสองข้างขณะที่เขาถือลูแก้วแสงในมือราวกับกำลังถือทารกน้อยเมื่อตอนนั้น
สายลมเริ่มพัดพริ้วและลูกแก้วแสงเริ่มแสดงอาการว่ากำลังจะหายไป แต่หวังหลินไม่ปล่อยไป เขารู้ว่าหากปล่อยไป เมื่อนั้นหวังหลินก็จะเข้าสู่วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่โดยบริสุทธิ์
“ผิงเอ๋อ คำสัญญาของเจ้าจะเป็นจริง!” หวังหลินถือลูกแก้วแสงแลประทับลงระหว่างคิ้วของเขา มันเข้าไปในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าและพักผ่อนอยู่ข้างๆวิญญาณแรกกำเนิดของลี่มู่หวาน
“ตั้งแต่วันนี้ต่อไป แม่ของเจ้าคือหวานเอ๋อ…” หวังหลินหันกลับมาเดินออกไปไกล
“ท่านพ่อ…” ฉิงยี่คุกเข่าอยู่บนพื้น แววตาเศร้าใจไม่น้อยไปกว่าหวังหลิน
ดวงตาฉิงยี่เต็มไปด้วยน้ำตา นางเอ่ยขึ้นเบาๆ “ท่านพ่อ ข้าได้ให้คำมั่นกับหวังผิงไว้ แม้จะมีชีวิตหลังความตาย ข้าก็จะไปกับเขา! โปรดพาข้าไปกับเขาด้วย แม้มันจะเป็นเสี้ยววิญญาณข้าก็จะไปทุกที่ตราบใดที่ข้าได้อยู่กับหวังผิง! ท่านพ่อ เป็นท่านที่บอกให้ข้าอยู่กับหวังผิงไปตลอด!”
“เจ้าจะไม่เสียใจ?”
“ไม่เสียใจ!”
หวังหลินจากไปพร้อมกับมีวิญญาณไร้ความเสียใจของฉิงยี่ไปด้วย
ภายใต้ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน ร่างแก่ชราของเขาค่อยๆเปลี่ยนไป เส้นผมไม่เป็นสีเทาอีกแล้วแต่กลับเป็นสีดำ หลังค่อมเล็กน้อยค่อยๆกลับมาตั้งตรง หวังหลินจากเจ็ดสิบปีก่อนค่อยๆเดินเข้าหาความว่างเปล่าอย่างช้าๆ…
วัฏจักรแห่งการเกิดใหม่หนึ่งรอบได้สิ้นสุด…