706. กรีดผู้น่าสงสาร
ผู้ส่งสาส์นตะโกน “ซิ่วมู่ เจ้าไม่รักษาสัญญา!”
แววตาหวังหลินสงบนิ่ง ผู้ส่งสาส์นบาดเจ็บสาหัสและร่างกายแทบไร้พลังงานใดๆ ในการเอาชีวิตรอด เขาต้องตอบรับเงื่อนไขของหวังหลินและการทำเช่นนั้นเป็นการมอบโอกาสดีดีให้หวังหลินเพื่อหลอมองครักษ์เทพ
ความต้องการแรกในการหลอมหุ่นเชิดคือการทำให้คนผู้นั้นสมัครใจ!
หวังหลินเอ่ยเย็นชา “ข้าจะรักษาสัญญาของข้า แต่ขั้นตอนที่สองนี้จะไม่ผ่านหากเจ้าไม่สมัครใจ การป้องกันอุบัติเหตุใดๆที่เกิดขึ้น ข้าต้องทำให้วิญญาณดั้งเดิมของเจ้าออกมา” ฝ่ามือหวังหลินเคลื่อนไหว องครักษ์เทพและอสูรสายฟ้าล้อมรอบผู้ส่งสาส์น หากผู้ส่งสาส์นพยายามทำสิ่งใด พวกมันจะโจมตีโดยไม่ลังเล
หวังหลินคว้าร่างที่ไร้วิญญาณของผู้ส่งสาส์น จากนั้นพ่นพลังดั้งเดิมอีกรอบออกมาจากปากไปล้อมรอบร่างผู้ส่งสาส์น
วิญญาณดั้งเดิมของผู้ส่งสาส์นกำลังมองหวังหลินด้วยท่าทางมืดมนถึงขีดสุด เขาต้องการเห็นว่าซิ่วมู่คนนี้จะประทับตราแบบใดไว้ให้เขา!
หวังหลินดำเนินการแบ่งพลังดั้งเดิมออกมาช้าๆ พลังดั้งเดิมเข้าไปในร่างกายผู้ส่งสาส์นดุจลำแสงสายฟ้าหลายเส้น
เวลาหลายวันผ่านไปในพริบตา ร่างผู้ส่งสาส์นแห้งเหี่ยวเรื่อยๆจนกระทั่งเหลือเพียงแต่ผิวหนังหุ้มกระดูก อย่างไรก็ตามยังมีสายฟ้าเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายเขาและมีแสงสีทองแดงดูแปลกประหลาดกระพริบอยู่ด้วย
วิญญาณดั้งเดิมของผู้ส่งสาส์นเฝ้ามองทุกวันอย่างตั้งใจ ดวงตาเต็มไปด้วยอาการตกตะลึงตลอดเวลา ตอนเริ่มเขาไม่เข้าใจว่าหวังหลินต้องการทำอะไร แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วันเขาก็พลันเข้าใจ ซิ่วมู่คนนี้กำลังจะหลอมเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิด!!
แววตาตกใจของเขาเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว โดยเฉพาะตอนที่เขามองดูหุ่นเชิดองครักษ์เทพที่อยู่ข้างๆ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่วิญญาณดั้งเดิม แต่กลับรู้สึกร่างกายเย็นเฉียบ
“หรือว่า…หรือว่าหุ่นเชิดตัวนี้ถูกเขาหลอมขึ้นมา?! เขาเบื้องหลังแบบใดกันถึงรู้วิธีการหลอมอันโหดร้ายเช่นนี้?!”
หวังหลินลืมตามองร่างมัมมี่ที่เรืองแสงสีทองแดง แววตาหวังหลินปลดปล่อยแสงเป็นประกายลึกลับ
“แค่เพียงร่างกายของเซียนขั้นมายาหยินก็กลายเป็นระดับทองแดงได้โดยไม่ต้องใช้วัตถุดิบโลหะอันใดแล้ว หากข้าเพิ่มสมบัติสวรรค์เข้าไปสองสามชิ้น ข้าเชื่อว่ามันจะเพิ่มไปได้สูงขึ้นอีก!”
เมื่อวิญญาณดั้งเดิมของผู้ส่งสาส์นเห็นหวังหลินลืมตา เขาพลันตะโกนทันที “ซิ่วมู่ เจ้ากำลังทำอะไร?! ข้าสัญญาว่าจะเป็นทาสรับใข้เจ้า ข้าไม่ได้สัญญาว่าจะเป็นหุ่นเชิดของเจ้า!” เขาตะโกนมาหลายครั้งแล้วแต่หวังหลินเมินเฉยและหล่อหลอมต่อไปเรื่อยๆ เขากำลังมองดูร่างตนเองกำลังถูกหล่อหลอมจนทำให้ความเกลียดชังหวังหลินเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวผลีผลาม ผนึกบนวิญญาณดั้งเดิมและการถูกองครักษ์เทพ อสูรสายฟ้า วิญญาณหลักสามดวงล้อมรอบนั้นจะทำให้เขาตายแน่นอนหากเคลื่อนไหวอะไร
“หนวกหู!” หวังหลินขมวดคิ้วและโบกแขนขวา ปราณกระบี่สองสายของหลิงเทียนโฮวลอยออกมา ถ้ำเต็มไปด้วยปราณกระบี่ทันที ปราณกระบี่ยังเต็มไปด้วยเขตแดนทรราชย์ของหลิงเทียนโฮวด้วย ภายใต้แรงกดดันของปราณกระบี่สองสาย ผู้ส่งสาส์นจึงหุบปากทันที แววตาหวาดกลัวยิ่งมากขึ้นเมื่อเจอปราณกระบี่สองสายนี้
เขามองอันตราบรอบๆอย่างขมขื่น ไม่ต้องกล่าวถึงตอนนี้ที่ไม่มีพลังดั้งเดิมเลย แม้จะมีพลังอยู่เต็มเปี่ยมเขาก็ยังไม่กล้าทำอะไรไม่ระวังตัว สิ่งที่เขาหวาดกลัวมากที่สุดคือปราณกระบี่สองสายนั่น!
หลังวิญญาณผู้ส่งสาส์นหุบปาก สัมผัสวิญญาณของหวังหลินแพร่กระจายออกมาและปกคลุมไปทั่วดวงดาว ผ่านไปสักพักดวงตาจึงขมวดเข้าด้วยกันและยกแขนขวาขึ้น รอบๆด้านสั่นไหวและแม่น้ำอเวจีปรากฏในท้องฟ้าด้านนอกถ้ำ
หวังหลินตะโกน “แม่น้ำอเวจี ดูดเข้าไป!”
แม่น้ำอเวจีกลางท้องฟ้าปลดปล่อยพลังดึงดูดอันแข็งแกร่ง พลังดึงดูดเข้าไปในพื้นปฐพีและดาวดวงนี้เริ่มสั่นเทาขึ้นจนราวกับเกิดแผ่นดินไหว
หลังจากนั้นสินแร่ที่มีธาตุโลหะก็ถูกดึงออกมาจากพื้นและเข้าไปในแม่น้ำอเวจีทีละชิ้น เวลาผ่านไปมากขึ้น สินแร่ธาตุโลหะก็ถูกดึงออกไปมากขึ้น
ผ่านไปสักพัก พื้นดินหยุดสั่นเทาอย่างช้าๆและพลังดึงดูดเลือนหายไป สินแร่โลหะจำนวนมากถูกหลอมละลายกลายเป็นทรงกลมของเหลวสีทองขนาดเท่ากำปั้นสามลูก พวกมันลอยเข้าไปในถ้ำอย่างช้าๆ
หวังหลินคว้าหนึ่งในนั้นประทับลงบนหน้าผากของผู้ส่งสาส์น ตามมาด้วยพลังดั้งเดิมอีกที
เมื่อทรงกลมทั้งสามลูกหายเข้าไปในร่างผู้ส่งสาส์น แสงสีทองแดงพลันหายไปและถูกแทนที่ด้วยแสงสีเงิน
“ระดับเงิน!” หวังหลินแทบไม่เชื่อสายตาและยังจ้องมองไปที่วิญญาณผู้ส่งสาส์นที่ยังหมองหม่น
“เป็นหุ่นเชิดข้าสามพันปีและข้าจะให้อิสระกับเจ้า ว่าอย่างไร?”
ผู้ส่งสาส์นขบคิดอย่างเงียบๆ
หวังหลินเอ่ยสงบนิ่ง “แม้เจ้าจะมีวิชาช่วยชีวิต มันไม่ได้เร็วไปกว่าปราณกระบี่ของข้าหรอก!”
มีทางเลือกสองทางอยู่เบื้องหน้าผู้ส่งสาส์น ทางแรกคือเสี่ยงและต่อต้านแต่เขาก็รู้ตัวว่าแม้วิชาช่วยชีวิตจะทรงพลังก็เทียบไม่ได้กับปราณกระบี่สองสายนั่น หากทั้งสองสายโจมตีในเวลาเดียวกัน เขาคงไม่มีทางให้ถอย!
ทางที่สองคือตกลงและกลายเป็นหุ่นเชิด…แลกเปลี่ยนอิสระตัวเองกับเวลาสามพันปีซึ่งหากหวังหลินรักษาสัญญาและไม่ตายในระยะเวลสามพันปีนั้น…ผู้ส่งสาส์นมองไปที่หุ่นเชิดซึ่งไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เริ่มต้น
“ร่างกายหุ่นเชิดตัวนี้แข็งแกร่งมาก มันสามารถต้านทานสมบัติวิเศษได้แม้จะมีแค่มือเปล่า…มันไม่น่าจะตายระหว่างการต่อสู้…”
ขณะนั้นห่างออกไปไกลบนดาวหยุนเซีย หมอกหนาแน่นปกคลุมทุกพื้นที่ข้างใน กลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมาจากข้างในทำให้เซียนทุกคนที่ผ่านมาต้องอ้อมไป
ในดาราจักรทุกชั้นฟ้า ดาวหยุนเซียนคือสถานที่แห่งความตาย มีน้อยคนที่เข้าไปจะได้กลับมาทั้งที่มีชีวิต
ชั่วขณะนั้นหมอกหนาเริ่มหดลงอย่างรุนแรงราวกับมีบางอย่างพยายามพุ่งออกมา การหมุนปั่นในสายหมอกนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก
ในเสี้ยววินาทีนั้น ร่างผอมบางสวมเสื้อผ้าขาดๆพุ่งออกมาด้วยสภาวะย่ำแย่ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและมีเตาหลอมขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า
ขณะที่กำลังพุ่งออกมาจากสายหมอก ใบหน้าเล็กๆเผยความยินดี นี่เป็นครั้งที่แปดแล้วที่เขาพยายามหนีออกมาตลอดเจ็ดสิบปี…แต่ชั่วขณะนั้นเอง หนวดยาวข้างหนึ่งฟาดออกมาจากดาวหยุนเซียด้วยความเร็วเหนือจินตนาการ มันห่อหุ้มรอบๆร่างบางนั้นไว้และลากลงไปอย่างโหดเหี้ยม
คนผู้นี้คือกรีด เขาถูกหนวดคล้ายปลาหมึกลากลงไปอย่างรวดเร็ว เขามองดูหมอกหนาแน่นรอบตัวและแววตาเผยความสิ้นหวัง
“ข้าค้นหาสมบัติมาชั่วชีวิตและข้าไม่คิดว่าจะมีสิ่งเช่นนี้เกิดขึ้น…หวังหลิน ทั้งหมดมันเป็นเพราะเจ้า! หากเจ้าไม่มาที่ดาราจักรบัดซบนี่ ข้าจะถูกส่งมาที่นี่ได้อย่างไรกัน!?! หากข้าไม่ถูกส่งมาที่นี่ ข้าจะเข้ามาเจอดาวน่ากลัวนี้ได้อย่างไร?!”