Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 707

Cover Renegade Immortal 1

707. หนังสือวิชาเทพที่ไม่สมบูรณ์

ครึ่งปีถัดมา เกิดเสียงระเบิดดังอู้อี้ในถ้ำที่หวังหลินสร้างขึ้นบนดวงดาวรกร้าง ทั้งดวงดาวสั่นเทาเล็กน้อยพร้อมกับฝุ่นผงเตะขึ้นท้องฟ้าคล้ายกับหมอกหนาแน่น

หวังหลินขมวดคิ้วและเดินออกมาจากฝุ่นหมอกควัน

ด้านหลังเป็นหุ่นเชิดตัวผอมบาง ประกายแสงสายฟ้าเรืองรองอยู่บนหมัดหุ่นเชิด

ในตอนท้ายผู้ส่งสาส์นเลือกประณีประณอม แต่หวังหลินประเมินโอกาสล้มเหลวของการสร้างองครักษ์เทพต่ำไป แม้จะมีอสูรสายฟ้าจากอารามเทพอัสนี มันก็ยังล้มเหลว

“องครักษ์เทพระดับต่ำมีความแข็งแกร่งเท่ากับเซียนขั้นแรกสูงสุด แต่เพราะข้าเพิ่มภูติสวรรค์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเข้าไปมันจึงสามารถบรรลุความแข็งแกร่งเท่าเซียนขั้นมายาหยินได้”

“สำหรับองครักษ์เทพตนที่สองนี้ ข้าใช้ร่างของเซียนขั้นมายาหยินพร้อมกับอสูรสายฟ้า มันควรจะสามารถสร้างองครักษ์เทพระดับกลางได้ แต่น่าเสียดายที่ข้ายังล้มเหลว”

หวังหลินลอบถอนหายใจ หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เหมือนรู้สึกว่ามันอยู่ในการควบคุม แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังหนีในเงื้อมมือไปได้

“ดูเหมือนจิตใจแห่งเต๋าของข้าไม่สงบ!” หวังหลินลบเลือนความรู้สึกช่วยไม่ได้ออกไปจากความคิดและทำให้ตัวเองสงบอีกครา เขามองมัมมี่เบื้องหน้าและเริ่มคิดต่อ

หวังหลินพึมพำ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ได้อะไรเลย!”

หลังจากการหลอมองครักษ์ตนที่สองล้มเหลว วิญญาณของผู้ส่งสาส์นก็สูญเสียสติและเปลี่ยนกลายเป็นแสงลึกลับผสานเข้ากับร่างกาย อสูรสายฟ้าก็ถูกบดขยี้ด้วยและผสานเข้าไปพร้อมกัน

“ระดับเงินสูงสุด!” หวังหลินถอนสายตาออกมา แม้ว่าเขาจะล้มเหลว แต่ในขณะที่ล้มเหลวหวังหลินก็ตัดใจวิญญาณดั้งเดิมของผู้ส่งสาส์นและล้มเลิกกระบวนการหลอม ซึ่งทำให้องครักษ์เทพที่อยู่ในกระบวนการหลอมขั้นที่สามได้กลับคืนมาอยู่กระบวนการแรก

หวังหลินได้รับร่างระดับเงินสูงสุดซึ่งถือได้ว่าเป็นองครักษ์เทพที่ยังไม่สมบูรณ์ แม้มันจะไม่สามารถใช้วิชาอันใดได้แต่ร่างกายมันแข็งแกร่งยิ่ง

หากวิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินสามารถออกมาจากร่างกาย เขาแทบไม่สามารถจัดการกับมันได้ ทว่าตอนนี้วิญญาณหวังหลินออกจากร่างกายไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงสามารถทำให้มันทำท่าทางง่ายๆด้วยสัมผัสวิญญาณของหวังหลิน เช่นพวกชกกำปั้นออกไป

การควบคุมแบบนี้ไม่สามารถใช้ได้ในการต่อสู้ ความจริงแม้วิญญาณดั้งเดิมของหวังหลินจะสามารถควบคุมมันได้แต่มันก็ไม่เหมือนกับเขาใช้ร่างกายตนเอง ส่วนวิญญาณของผู้ส่งสาส์นที่เหลืออยู่ก็จะปฏิเสธการควบคุมของเขา

หลังจากบรรลุขั้นแรกของกระบวนการหลอมองครักษ์เทพ มีเพียงวิญญาณของร่างเดิมเท่านั้นที่สามารถควบคุมร่างกายได้อิสระ เมื่อถึงขั้นตอนที่สามแล้วกระบวนการหลอมวิญญาณล้มเหลว เมื่อนั้นจะไม่มีวันสามารถควบคุมมันได้ เว้นแต่จะมีระดับบ่มเพาะสูงกว่าเข้ามาควบคุมเจ้าของร่างเอง

หวังหลินเก็บองครักษ์เทพตนที่สองกลับไปในกระเป๋าด้วยสายตาสงบนิ่งและเดินกลับเข้าไปในถ้ำ

เขามีหลายสิ่งที่ต้องทำมากเกินไป องครักษ์เทพเป็นแค่หนึ่งในนั้น หลังจากทำสมดุลความคิดตัวเอง ความไม่พอใจจากการล้มเหลวองครักษ์เทพก็หายไป

“ข้าต้องเพิ่มระดับบ่มเพาะให้เท่ากับเขตแดนของข้า!” ภายในถ้ำ หวังหลินนั่งสมาธิลง ดวงตาส่องสว่างจ้องไปข้างหน้า

วิญญาณดั้งเดิมระดับสูงสุดสามดวงได้เก็บกลับไปพร้อมกับค่ายกลกระบี่เจ็ดดารา ทว่าปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮว องครักษ์เทพและอสูรสายฟ้ายังคงอยู่ในถ้ำ

องครักษ์เทพยืนอยู่ห่างออกไปจากอสูรสายฟ้าไม่ไกลและกำลังหมอบลงอยู่บนพื้น

ปราณกระบี่สองสายของหลิงเทียนโฮวลอยอยู่กลางอากาศ พวกมันปลดปล่อยปราณกระบี่ที่ทรงพลังพร้อมกับส่งเสียงหวีดหวิวเบาๆ

สายตาหวังหลินจับจ้องบนอสูรสายฟ้า

หากไม่ใช่สถานการณ์เป็นตายก่อนหน้านี้ หวังหลินคงไม่เปิดผนึกที่สามของราชรถสังหารเทพโดยไม่เตรียมการมาก่อน นอกจากนั้นแล้วราชรถนี้ยังควบคุมยากมาก ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวเขาอาจจะถูกตลบหลัง

ทว่าในช่วงระยะเวลาหกเดือนที่ผ่านมา การตอบสนองของอสูรสายฟ้ากลับไม่เป็นดังที่คาดคิด ไม่เพียงแค่มันจะไม่แสดงอาการว่าจะตลบหลังเขา มันยังทำตามคำสั่งเขาทุกอย่าง

อย่างไรก็ตามมีหนึ่งคำสั่งที่มันไม่เชื่อฟังไม่ว่าหวังหลินจะใช้วิชาอะไรก็ตาม

มันไม่กลับไปเป็นราชรถสังหารเทพและกลับเข้าสู่กระเป๋าของเขา

อสูรสายฟ้าตัวโตกว่าเดิมสามเท่า มันทั้งยังฉลาดเฉลียวมากขึ้นและมีสีเทาปรากฏบนเขาสีเงินขึ้นมาอีกเล็กน้อย

เมื่อหวังหลินมองมัน อสูรสายฟ้าเงยศีรษะใหญ่ขึ้นมาและชำเลืองหวังหลิน มันพ่นสายฟ้าสองสายออกมาจากจมูกพร้อมทั้งเคลื่อนไหวไปทั่วร่างกาย

หนึ่งคนหนึ่งอสูรจ้องกันและกัน หวังหลินรู้สึกว่าอสูรตัวนี้มีความฉลาดราวกับเป็นวิญญาณจริงๆ

แม้ว่าอสูรสายฟ้าจะเคยต่อต้านมาก่อนหน้านี้ ดวงตาของมันไม่เคยฉลาดหลักแหลมเท่ากับปัจจุบัน

อสูรสายฟ้าถอนสายตาออกมาราวกับรำคาญ มันส่งเสียงร้อง จากนั้นร่างกายเปลี่ยนเป็นลำแสงสายฟ้าและเลือนหายออกไปไกล

หวังหลินยิ้มบิดเบี้ยว ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาอสูรตัวนี้มักจะเป็นเช่นนี้บ่อยครั้ง มันจากไปและไม่กลับมาอยู่หลายวัน

หลังขบคิดเล็กน้อย หวังหลินเผยสายตามุ่งมั่น

“เมื่อมันไม่ยอมกลับเข้าไปในกระเป๋า เช่นนั้นก็ปล่อยเลยตามเลย!” ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวสองสายกลับคืนเข้าร่างกาย ส่วนองครักษ์เทพนั้นยืนอยู่ตรงทางเข้าถ้ำเพื่อปกป้องหวังหลิน

หังหลินนำกระเป๋าใบหนึ่งออกมา กระเป๋าใบนี้คือของทุกอย่างของผู้ส่งสาส์น เมื่อสติของผู้ส่งสาส์นลืมเลือนไปในระหว่างกระบวนการหลอมขั้นที่สาม สัมผัสวิญญาณบนกระเป๋าจึงหายไปและไร้เจ้าของ

มีหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ในกระเป๋าใบนี้ นอกจากของใช้ประจำวันแล้วมีอยู่สี่อย่างที่ต้องตาต้องใจหวังหลิน สิ่งแรกคือหินหยก

บนหินหยกก้อนนี้มีอสูรสายฟ้าดุร้ายสลักเอาไว้ อสูรสายฟ้ามีเขาสีทองพร้อมกับประกายไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่าง มันดูทรงอำนาจอย่างยิ่ง ทั้งยังมีอักษรรูนขนาดใหญ่แกะสลักไว้ด้านหลังหินหยก

หวังหลินไม่รู้ความหมายของอักษรรูน แต่หลังจากวิเคราะห์บางส่วนไปเขาจึงคาดเดาวิธีใช้ของสิ่งนี้

หินหยกธรรมดาไม่เคยมีอะไรมาสลักอลังการขนาดนี้ จึงเห็นได้ชัดว่าหินหยกก้อนนี้มีหน้าที่เป็นของสำคัญบางอย่าง

เมื่อพยายามตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ ลำแสงสายฟ้าหนึ่งสายออกมาป้องกันหวังหลินไม่ได้ตรวจสอบ หวังหลินเผยใบหน้าเป็นธรรมชาติพลางตรวจสอบสายฟ้านี้อย่างละเอียดก่อนจะเผยรอยยิ้ม

“เป็นไปได้ว่าข้ามีศักยภาพที่จะเป็นผู้ส่งสาส์นของอารามเทพอัสนีจริงๆ…” หวังหลินเผยรอยยิ้มประหลาดใจ สายฟ้านี้สามารถป้องกันเซียนส่วนใหญ่ได้ แม้แต่กระทั่งเซียนในระดับขั้นสองเพื่อไม่ให้ตรวจสอบหินหยก

แต่ว่ามันไม่มีผลกระทบอะไรต่อหวังหลิน

สายฟ้าบรรจุเศษเสี้ยวสายฟ้าสวรรค์ ซึ่งมันเป็นอำนาจที่แท้จริงของสายฟ้าสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะดูสิ่งที่อยู่ข้างในเว้นแต่จะฝึกฝนการบ่มเพาะของอารามเทพอัสนี

อย่างไรก็ตามหวังหลินได้กลืนกินมังกรสายฟ้าโบราณเข้าไป ดังนั้นสายฟ้าที่เขาควบคุมได้จึงเหนือกว่ามันหนึ่งระดับ สายฟ้าในวิญญาณดั้งเดิมหวังหลินเคลื่อนไหวเข้าไปในหินหยก เขาสามารถทำลายผ่านสายฟ้าได้ง่ายๆและเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน

พลันดวงตาเบิกกว้าง แม้หวังหลินจะมีความคิดแข็งแกร่ง แต่เมื่อมีสองวิชาเซียนเก็บอยู่ในหินหยกนี้ และวิชาแรกคือเตาหลอมเปลี่ยนโลก! นั่นก็ทำให้หวังหลินตาลุกวาว

สำหรับคนที่มีเต๋าของคนเองเพื่อสร้างเตาหลอมที่สามารถหล่อหลอมโลกได้ทั้งใบ เตาหลอมนี้จะเชื่อมต่อกับพลังดั้งเดิมของผู้ใช้เพื่อสร้างวิชาพลังดั้งเดิมน่าอัศจรรย์!

ชัดเจนแล้วว่าวิชานี้คือหนึ่งในวิชาที่ผู้ส่งสาส์นใช้ออกมา หวังหลินเข้าใจความแข็งแกร่งของวิชานี้เป็นอย่างดี

“น่าเสียดายที่วิชานี้ต้องใช้พลังดั้งเดิมมากเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มันก่อนบรรลุขั้นมายาหยิน”

สัมผัสวิญญาณหวังหลินตกลงบนวิชาที่สอง วิชานี้ชื่อว่าวิชาอัสนีต้นกำเนิด!

วิชาอัสนีต้นกำเนิดเป็นสิ่งที่หวังหลินตกใจจริงๆ!

“วิชาอัสนีต้นกำเนิดเป็นส่วนหนึ่งของวิชาเทพระดับต่ำ ดูดซับพลังดั้งเดิมจากสายฟ้าและควบแน่นมันให้กลายเป็นของตนเอง ช่วยลดระยะเวลาการอยู่ในขั้นหยินหยาง”

“วิชานี้เหนือล้ำอย่างยิ่ง อำนาจแห่งสายฟ้าสวรรค์เป็นสิ่งที่เซียนระดับแรกไม่สามารถทนทานได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนมันได้”

หัวใจหวังหลินเต้นไม่เป็นจังหวะ เซียนธรรมดาไม่สามารถฝึกฝนมันได้ แต่หวังหลินมีโอกาสเนื่องจากเขามีวิญญาณดั้งเดิมสายฟ้า คุณค่าของวิชานี้นับได้ว่าเหนือล้ำจินตนาการสำหรับเขา

แม้จะมีวิชาเทพระดับต่ำของจริงวางอยู่ตรงหน้า มันก็เทียบมูลค่าไม่ได้กับสิ่งนี้ แม้มันจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวของวิชาเทพระดับต่ำ แต่มันเป็นสิ่งที่หวังหลินต้องการมากที่สุดเวลานี้

“ไม่สงสัยเลยว่าอารามเทพอัสนีจะแข็งแกร่งอย่างยิ่งในดาราจักรทุกชั้นฟ้า สามารถดูดซับพลังดั้งเดิมจากสายฟ้าสวรรค์เพื่อทำให้ตัวเองบ่มเพาะเร็วมากกว่าคนอื่นแบบนี้”

ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและเผยรอยยิ้ม

“หลังฝึกฝนวิชาอัสนีดั้งเดิมและเตาหลอมเปลี่ยนโลก เพิ่มอสูรสายฟ้าเข้ามาด้วย แม้แต่ผู้ส่งสาส์นตัวจริงของอารามเทพอัสนีก็ยังต้องตกใจ…”

หวังหลินจดจำข้อมูลข้างในหินหยก จากนั้นเก็บมันอย่างระมัดระวังและมองของชิ้นถัดไป

ของชิ้นนี้คือกระบี่ เป็นกระบี่ที่ไม่มีด้ามเนื่องจากมันสร้างขึ้นมาจากสายฟ้า หวังหลินเห็นผู้ส่งสาส์นใช้มันเพื่อต่อต้านองครักษ์เทพ แม้แต่กำปั้นขององครักษ์เทพก็ไม่สามารถทำลายกระบี่เล่มนี้ไปได้

หวังหลินมองกระบี่ก่อนจะครุ่นคิดและเก็บกลับไป

ของชิ้นที่สามคือหินสีเงินขนาดเท่ากำปั้น มันบรรจุพลังอำนาจแห่งแสงและสายฟ้าเอาไว้ หวังหลินสนใจของชิ้นนี้มาก ดังนั้นจึงใช้สัมผัสวิญญาณตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นยกแขนขวาขึ้นวางลงไปเบาๆ

เมื่อมือสัมผัสใส่ สายฟ้าจำนวนมากพลันออกมาจากหินและเข้าไปในร่างหวังหลิน

หากเป็นเซียนทั่วไป สายฟ้านี้คงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัส ทว่าวิญญาณของหวังหลินอ้าปากขึ้นและกลืนสายฟ้านี้ลงไป

ขณะที่สายฟ้าหายไป คลื่นพลังดั้งเดิมก็กระจายออกมาผ่านร่างกายหวังหลิน มันเป็นเพียงพลังดั้งเดิมจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นแต่กลับทำให้แววตาหวังหลินส่องสว่างเจิดจ้า

เขาสูดหายใจลึกและจ้องหินก้อนนี้ ลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะล้มเลิกการดูดซับมันและเก็บใส่ในกระเป๋า

ของชิ้นสุดท้ายเป็นสิ่งที่หวังหลินคุ้นเคย หินหยกสวรรค์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version