Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 708

Cover Renegade Immortal 1

708. ร่างดั้งเดิม ต้าเสิน โจวลี่

จำนวนหินหยกสวรรค์ในกระเป๋าของผู้ส่งสาส์นทำให้หวังหลินอ้าปากค้าง จำนวนของมันช่างน่าตกใจ แม้แต่ตระกูลเซียนก็เทียบไม่ได้

“แค่ผู้ส่งสาส์นอารามเทพอัสนีคนเดียวก็มีหินหยกสวรรค์มากมายขนาดนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าอารามเทพอัสนีทรงพลังแค่ไหน!” ในศีรษะหวังหลินไม่ปรากฏความสุขเมื่อเห็นหินหยกสวรรค์ทั้งหมด มีเพียงแค่ตกใจเท่านั้น

เขาขบคิดอยู่นาน แววตาส่องสว่างเจิดจ้า

“อารามเทพอัสนี…”

หวังหลินสูดหายใจลึก ร่างกายกระพริบวาบและหายไปในถ้ำ องครักษ์เทพติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด

ร่างหวังหลินลอยอยู่กลางอากาศเหนือท้องฟ้าทางฝั่งตะวันออกของดวงดาว เขาสะบัดแขนลง ตามมาด้วยเสียงดังสนั่น พื้นที่ในระยะห้าพันลี้เรียบแบบทันที

พื้นที่รอบๆรัศมีห้าพันลี้เรียบแบบดุจกระจก โหนกก้อนหินทั้งหมดที่ยื่นออกมากลายเป็นฝุ่นผงพร้อมกับสายลมพัดผ่านออกไป

ฝุ่นผงจำนวนมากเตะขึ้นไปจนดูเหมือนกับสายหมอกสีขาว

หวังหลินลอยตัวลงและนั่งอยู่ตรงกลาง เขาตบกระเป๋า หินหยกสวรรค์ทั้งหมดที่ได้รับมาจากตระกูลทั้งสามก็ลอยออกมา หินหยกสวรรค์ร่อนลงรอบๆตัวเขาอย่างหนาแน่น

หวังหลินตบกระเป๋านำธงวิญญาณหนึ่งพันล้านดวงออกมา วิญญาณทั้งหมดผสานกลายเป็นวิญญาณหลักสามดวงและเริ่มลาดตระเวณไปทั่วพื้นที่ องครักษ์เทพลอยอยู่กลางอากาศเช่นกันและสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง สิ่งใดพยายามเข้ามาใกล้จะถูกสังหารทันที

หลังเสร็จเรื่องทั้งหมด หวังหลินสูดหายใจลึก ฝ่ามือสร้างผนึกและหลับตาลง

ปราณสวรรค์จำนวนมากพลันเต็มไปทั่วอากาศและก่อเกิดพายุยักษ์โดยมีหวังหลินดูดซับอย่างต่อเนื่อง

ผ่านไปชั่วขณะ หินหยกสวรรค์ทั้งหมดบนพื้นก็แตกสลายไปหใด จากนั้นหินหยกสวรรค์จำนวนมากก็ลอยออกมาจากกระเป๋าหวังหลิน กลายเป็นวงโคจรนี้ไปเรื่อยๆ

ปราณสวรรค์เติมเต็มร่างกายหวังหลินมากขึ้นและมากขึ้น ระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด

ณ ตอนนี้ห่างออกไปในดาราจักรพันธมิตรเซียน มีดาวเคราะห์รกร้างอยู่หนึ่งดวง ดาวดวงนี้ไม่ใหญ่มากทั้งยังเล็กกว่าดาวซูซาคุและไม่มีชีวิตใดอยู่ในนี้

ในวันนี้มีปราณกระบี่สามสายข้ามผ่านดวงดาวอย่างรวดเร็ว ด้านหน้าสุดเป็นหญิงสาวนางหนึ่ง นางสวมชุดเดรสผ้าฝ้ายสีม่วงสว่าง เรียบง่ายแต่ไม่ไร้รสชาติ ให้ความรู้สึกสง่างาม บนริมฝีปากมีลิปสติกสีดอกพลัมจางๆ ใบหน้าของนางเป็นเอกลักษณ์และสง่างามจนใครก็ตามเหลียวมองยังให้ความรู้สึกมีเสน่ห์น่าหลงไหล

สิ่งสะดุดตามากที่สุดเห็นจะเห็นดวงตาหนึ่งคู่ที่ส่องประกายดุจดวงดารา ร่างกายของนางปลดปล่อยกลิ่นหอมเชจางๆกระจายออกไปทุกที่ที่นางผ่าน

มีแผ่นผีเสื้อส่องประกายอยู่หลายตัวบนหน้าผากด้านขวา สีสันของมันสะท้อนออกมาทำให้นางงดงามยิ่งขึ้นไปอีก

หากหวังหลินอยู่ที่นี่และเห็นสตรีคนนี้ เขาคงรู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่งเพราะนางเป็นหนึ่งในคนที่ออกมาจากดาวซูซาคุหลังจากกลืนกินเฉียนเฟิง จากนั้นได้ถูกเตะออกมาจากดาวเบญจธาตุ นางคือซื่อฉิน!

ตอนที่นางถูกปราสาทวารีสวรรค์ไล่ล่า นางถูกพ่อของเหยาซีเชว่ช่วยเอาไว้(บรรพชนโลหิต) และกลายนางบำเรอของเขา

ชายชราสองคนเปล่งประกายโลหิตติดตามด้านหลังนางมาด้วย ดวงตาแต่ละคนหม่นหมองและถูกควบคุมความคิดอย่างเห็นได้ชัด สองคนนี้คือทาสรับใช้โลหิตที่ถูกบรรชนโลหิตปรับแต่งมา

ทาสโลหิตแต่ละคนเป็นระดับขั้นเทวะ

ซื่อฉินเดินทางรวดเร็วมากและในไม่นานก็มาถึงดาวดวงเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปดวงนี้พร้อมกับทาสรับใช้โลหิตสองคน

ซื่อฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์อย่างยิ่ง “นี่คือดาวที่เจ้าพูดถึง?”

หนึ่งในทาสโลหิตด้านหลังเอ่ยขึ้นช้าๆ “นายหญิง ใช่ดาวดวงนี้แน่นอน”

ดวงตาซื่อฉินขมวดเข้าด้วยกันและร่อนลงบนดาว สามเดือนก่อนหนึ่งในทาสโลหิตรายงานมาว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับดวงดาว ราวกับมันกำลังจะตาย

ดาวดวงนี้ตกอยู่ในอิทธิพลของบรรพชนโลหิต หลังจากเดินทางไปดินแดนวิญญาณปิศาจ บรรพชนโลหิตมักจะมีใบหน้ามืดมนอยู่ตลอด ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จากไปโดยไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน

ซื่อฉินขบคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะมุ่งหน้ามาที่ดาวเล็กๆดวงนี้พร้อมกับทาสรับใช้โลหิตสองคน

บนดาวดวงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอาศัยอยู่ มันเป็นดาวที่ถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิง พื้นดินแห้งเหือด เมื่อซื่อฉินและทาสรับใช้มาถึงดาว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่เสียงดังกึกก้อง

จากนั้นนางก็เห็นรอยแตกร้าวปรากฏบนพื้นผิว ภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไกลพลันแตกสลายทำให้ฝุ่นตลบอบอวลขึ้นไปสู่อากาศ

ห่างออกไปไกลมีแม่น้ำกว้างร้อยฟุตที่แห้งเหือดไปแล้ว

ทาสรับใช้โลหิตคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “แม้ว่าดาวดวงนี้จะถูกทิ้งร้างไว้เมื่อสี่ร้อยปีก่อน ตอนนั้นมันก็ไม่แปลกประหลาดแบบนี้ ราวกับว่าทั้งดวงดาวได้สูญสิ้นอายุขัยภายในเวลาสี่ร้อยปี โดยเฉพาะไม่กี่สิบปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดเจน”

ซื่อฉินดวงตาส่องสว่างขึ้นและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมา นางต้องการตรวจสอบไปในส่วนลึกของดวงดาว ทว่าขณะที่สัมผัสวิญญาณเข้าไปในพื้นดิน…

พลันเกิดจิตสังหารเย็นเฉียบอุบัติขึ้นทันที

“ไปซะ!” น้ำเสียงที่รุนแรงมากกว่าสายฟ้าหลายเท่าและมีสัมผัสทรงพลังปรากฏขึ้น ทั้งบนพื้นดินยังเกิดรอยแตกร้าวมากไปอีก ตอนนี้ท้องฟ้าได้มืดมิดราวกับไม่กล้าต่อต้านเสียงนี้

เสียงนี้ได้เกิดคลื่นเสียงทับซ้อนกันและกันไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้เกิดเป็นเสียงดังคำรามในเวลาเดียวกันอย่างต่อเนื่อง

“ไปซะ!!!”

ขณะนั้นทั้งดวงดาวดูเหมือนกำลังล่มสลาย ภูเขาพังทลายและพื้นดินจมลง รอยร้าวแตกระแห้งนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่กลางท้องฟ้าพร้อมกับสายลมเย็นคำราม ดุจนรกบนดินโดยแท้

ในเวลาเดียวกันที่เสียงนี้ร่อนลงบนหูของซื่อฉิน ทำให้ใบหน้าของนางซีดเผือด ทาสรับใช้โลหิตสั่นเทาและกระอักโลหิตคำโตออกมา

สายตาซื่อฉินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางไม่มีเวลาพอที่จะคิดว่าทำไมเสียงนี้ถึงดูคุ้นเคย นางโค้งคำนับอย่างเคารพทันทีและเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยไม่ทราบว่าที่แห่งนี้เป็นจุดที่ผู้อาวุโสปิดด่านบ่มเพาะ ขออภับที่รบกวน ข้าจะจากไปในทันที”

นางรู้สึกหนังศีรษะด้านชาพร้อมกับรีบล่าถอยโดยไม่ลังเล ตามติดไปด้วยทาสรับใช้โลหิตสองคน ทั้งสามออกไปจากดาวเคราะห์อย่างรวดเร็ว เมื่ออยู่กลางอวกาศ แววตาหวาดกลัวจึงหายไป หลังจากมองไปที่ดาวเคราะห์นั้นอย่างสื่อความหมาย นางรีบจากไปพร้อมกับทาสรับใช้โลหิต

หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่นาน เสียงดังสนั่นจากดาวเคราะห์ก็ยิ่งทวีความดังขึ้น ไม่นานนักทั้งดาวก็เริ่มพังทลายราวกับทรงกลมยักษ์ที่มีรอยแตกร้าวมากมาย จากนั้นเมื่อมีรอยแตกร้าวมากขึ้นไปอีก ทั้งดาวเคราะห์ก็พังทลายในพริบตา

ขณะที่มันพังทลาย เกิดเสียงดังสนั่นสะท้อนไปทั่วดวงดาว พลังล่องหนสายหนึ่งกระจายออกมาด้วย ซื่อฉินและทาสรับใช้โลหิตสองคนที่อยู่ห่างออกไปต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป

พลังนั้นเร็วมากจนสามารถไล่ตามพวกเขาได้ทัน ซื่อฉินใบหน้าซีดและนางตะโกน “ทาสโลหิต ระเบิดตัวเองเพื่อหยุดมันซะ!”

ทาสโลหิตสองคนด้านหลังพุ่งเข้าหาต้นตอของพลังงานและระเบิดวิญญาณดั้งเดิมของตัวเองโดยไม่ลังเล!

ซื่อฉินยืมช่วงเวลานี้นำหินหยกโลหิตออกมาจากกระเป๋า หินหยกก้อนนี้เป็นสิ่งที่บรรพชนโลหิตให้กับนางไว้ มันสามารถเคลื่อนที่กลับไปที่ดาวเคราะห์โลหิตจากที่ไหนก็ได้หนึ่งครั้ง

ทว่ามันจำเป็นต้องใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อกระตุ้น

ดาวเคราะห์พังทลายและเปลี่ยนกลายเป็นผงธุลีนับไม่ถ้วนกระจายในดวงดาว หลังจากดาวเคราะห์พังทลาย มีชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลาง

เขามีเส้นผมสีแดงพริ้วไหว ดวงตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง ผิวหนังหยาบกร้านมากพร้อมกับมีเส้นโลหิตที่เห็นได้ชัดเจนราวกับอักษรรูน

ดาวสี่ดวงหมุนติ้วอยู่บนหน้าผาก ทว่าหนึ่งในนั้นกำลังกระพริบวาบ

เขาคือร่างดั้งเดิมของหวังหลิน

สีหน้าท่าทางของร่างดั้งเดิมนั้นเย็นชาดุจน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ร่างกายเขาปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกสุดขั้ว

พลังที่ทำให้ดาวเคราะห์พังทลายดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบต่อเขาเลย มันกระทั่งไม่สามารถเจาะผิวหนังเขาได้ด้วยซ้ำ ดวงตาหวังหลินมองออกไปในความว่างเปล่า

“ดาวดวงนี้ไม่มีพลังปราณใดๆให้ข้าดูดซับอีกแล้ว…” หวังหลินขบคิดเล็กน้อยขณะที่มองไปยังดาวเคราะห์พังทลายรอบตัวเอง จากนั้นฝ่ามือขวายื่นออกไปและคว้าเอาไว้

ฝุ่นผงรอบตัวเองพลันหยุดชะงักและกลิ่นอายโบราณค่อยๆควบแน่น ทว่าหลังจากนั้นไม่นานมันก็เลือนหายไป

“วิชาแยกวิญญาณนี้จำเป็นต้องใช้การบ่มเพาะอยู่บ้าง!” ร่างดั้งเดิมของหวังหลินก้าวเท้าออกไปข้างหน้า ด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งของเขา ไม่จำเป็นต้องใข้เข็มทิศดวงดาวเพื่อเคลื่อนที่ไปในอวกาศเลย

“น่าเสียดายที่ข้ายังไม่เจอกลิ่นอายของเทพโบราณวัยเยาว์ตนใด ไม่เช่นนั้นข้าคงบรรลุสี่ดาวอย่างแท้จริง…หรือว่าข้าจำเป็นต้องเดินทางกลับไปที่ดาวซูซาคุ…ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ต้าเสินจะเป็นอิสระ…” ร่างดั้งเดิมของหวังหลินค่อยๆหายตัวไปท่ามกลางดวงดาว

หลายเดือนถัดมา ร่างหวังหลินเลือกดาวรกร้างว่างเปล่าแห่งใหม่ เขาค่อยๆเข้าไปในแกนดาวเคราะห์อย่างช้าๆและหลับตาฝึกฝน

เขาเลือกดาวดวงนี้เพราะว่ามันมีชั้นสายฟ้าโดยธรรมชาติ

ณ ทะเลปิศาจ บนดาวซูซาคุ

หมอกในทะเลปิศาจเลือนหายไปนานแล้ว ดังนั้นทะเลปิศาจตอนนี้จึงเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่

ในส่วนลึกของทะเลปิศาจมีสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกกันว่า พื้นที่ดาราล่มสลาย มันเป็นพื้นที่ต้องห้ามของทะเลปิศาจ! ใครก็ตามที่เข้ามาที่แห่งนี้จะหายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้ามาที่นี่อีก

ข้างในดินแดนเทพโบราณ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ดาราล่มสลายอีกที

เหล่าเซียนนับไม่ถ้วนกำลังนั่งอยู่ในทะเลโลหิต ระดับบ่มเพาะของเซียนเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆเนื่องจากทะเลโลหิตแทรกผ่านเข้ามาในตัวพวกเขา พวกเซียนโบราณทั้งยังทรงพลังมากขึ้น

บนเสาขนาดใหญ่ที่สุดในทะเลโลหิตมีชายผมแดงนั่งอยู่ ร่างกายกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังจนทำให้ทุกผู้คนสั่นสะท้าน!

กระบี่สนิมเล่มหนึ่งถูกแทงเข้าไปในพื้นถัดกับชายผมแดง กระบี่สนิทเล่มนี้มีเลือดแห้งกรังบางส่วนติดอยู่ด้วย

ตอนนี้มีเสียงบางอย่างกำลังบดกับพื้นดังขึ้นให้ได้ยิน เขาก้มศีรษะลง เส้นผมสีแดงปกคลุมไปทั่วร่างกาย ผ่านช่องว่างในเส้นผมเขาไปจะเห็นได้ว่าเขากำลังสลักคำว่า “หวังหลิน” ด้วยเล็บนิ้วแหลมคมของตนเอง

เมื่อมองใกล้ๆจะเห็นได้ชัดเจนว่าเสาทั้งต้นนี้เต็มไปด้วยคำสองพยางค์!

“หวังหลิน…” เสียงแหบพร่าดังออกมาจากชายผมแดงและดังสะท้อนไปทั่วทั้งทะเลโลหิต ร่างเซียนทุกคนสั่นเทา

หลายปีมาแล้ว พวกเขาต่างได้ยินชื่อหวังหลินมากเสียจนถูกสลักไว้ในกระดูก…

“หวังหลิน ข้ากำลังเป็นอิสระ…”

สามเดือนถัดมา คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากพื้นที่ดาราล่มสลาย คนผู้นี้มีลิงตัวหนึ่งดวงตาสีแดงอยู่บนบ่า และเดินอย่างช้าๆออกมาจากทะเลปิศาจ

เขาไม่ใช่ต้าเสิน แต่เป็นผู้ส่งสาส์นที่ต้าเสินส่งออกมา!

แววตาเขามีความเกลียดฝังลึก หากหวังหลินอยู่ที่นี่คงจดจำได้ทันทีว่าเขาคือปิศาจฟ้าที่ตายไปนานแล้ว

ตอนนั้นหากไม่ใช่ว่าหวังหลินที่เอามรดกแห่งปัญญาของเขาไป เขาซึ่งเป็นอาจารย์ของจ้าวปิศาจหกปรารถนาและวางแผนไว้มานานหลายพันปี แต่ท้ายที่สุดทั้งหมดก็ถูกหวังหลินทำลาย เขาเกลียดหวังหลินไม่น้อยไปกว่าต้าเสิน!

“ดินแดนที่อยู่ใต้แดนสวรรค์อัสนี…” ร่างของปิศาจฟ้ากระพริบวาบและออกไปจากดาวซูซาคุ

ณ ยอดเขาซูซาคุ แห่งดาวซูซาคุ

เส้นผมยาวของโจวลี่พริ้วไหวไปตามแรงล้ม ชุดของนางกระพือไปด้วย นางดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าแต่ก่อน ด้านหลังเป็นเจ้าขาวน้อยกำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาขี้เกียจ

โจวลี่ถือกระเป๋าใบหนึ่งไว้ในมือ กระเป๋าใบนี้เก่าแก่มากและเห็นได้ชัดว่าผ่านประวัติศาสตร์มานานหลายร้อยปี

“ท่านลุง ตอนนี้ข้าสามารถเปิดกระเป๋าที่ท่านทิ้งไว้ให้ข้าได้แล้ว…”

โจวลี่เอ่ยอย่างนุ่มนวลก่อนจะมองดูในกระเป๋า นางใส่สัมผัสวิญญาณเข้าไปและเปิดมันออกมา

ไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลย…มีเพียงแสงสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งออกมาและเข้าไประหว่างคิ้วของโจวลี่ ร่างของนางสั่นเทา มือที่จับกระเป๋าลดลงและถูกพัดออกไปไกล

เจ้าขาวน้อยร้องคำราม มันยืนขึ้นทันทีและมองโจวลี่ มันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แสงสีขาวหายไประหว่างคิ้วของโจวลี่ และผนึกในสมองของนางถูกปลดปล่อย…ผนึกความทรงจำค่อยๆปรากฏเบื้องหน้าโจวลี่

“สิบเก้าปีนี้ ข้ารู้สึกว่าเด็กคนนี้โตขึ้นราวกับนางเป็นตัวของตัวเอง พี่หวัง…ข้าทนไม่ได้…หวานเอ๋อเป็นคนงี่เง่า ข้าทำให้ท่านผิดหวัง…”

หยาดน้ำตาไหลรินลงบนใบหน้าโจวลี่และหลังจากนั้นสักพักนางก็ก้มศีรษะ นั่งลงและกอดเข่า นางไม่สามารถหยุดน้ำตาของตัวเองได้

“เจ้าขาวน้อย นี่แสดงว่าท่านลุงไม่ต้องการให้ข้าค้นหาเขา…”

หวังหลินตอนนี้กำลังดูดซับปราณสวรรค์อย่างบ้าคลั่ง หินหยกสวรรค์รอบตัวกองพะเนินสูงขึ้นและสูงขึ้นเรื่อยๆ

หินหยกสวรรค์ที่ต้องใช้ในการทะลวงผ่านขั้นเทวะระดับกลางนับว่ามากมาย มากกว่าระดับต้นไประดับกลางอยู่มากล้น ทว่าหวังหลินก็ยังมีหินหยกสวรรค์เพียงพอ

อย่างไรก็ตามหวังหลินพบว่าหลังจากวิญญาณของเขากลืนกินมังกรสายฟ้าโบราณ มันกลับยากขึ้นกว่าแต่ก่อน ราวกับหลุมไร้ก้นบึ้งตอนที่กำลังดูดซับหินหยกสวรรค์

อีกครึ่งปีผ่านไปแล้วและเขาใช้หินหยกสวรรค์มากมายทุกวัน ทว่าวิญญาณดั้งเดิมก็ยังไม่เติมเต็ม

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและเขาบริโภคหินหยกสวรรค์มากขึ้น อีกหกเดือนผ่านพ้นไปจนถึงวันหนึ่ง หวังหลินลืมตาขึ้นมา สายฟ้ากระพริบผ่านแววตาและกลิ่นอายสั่นสะเทือนสวรรค์พวยพุ่งออกมาจากร่างกาย

หวังหลินยืนขึ้น ใบหน้าสงบนิ่งและก้าวเท้าเข้าหาท้องฟ้า

“ขั้นเทวะระดับปลาย!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version