720. ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเสร็จสมบูรณ์
หวังหลินตบกระเป๋าพร้อมครุ่นคิดและหยิบดอกกุหลาบสีฟ้าออกมาในมือ
กุหลาบดอกนี้เปราะบาง ละเอียดละออและส่องแสงสีฟ้า ขณะที่มันถูกนำออกมา แสงนี้ฟ้าพลันแพร่กระจายและส่งสัมผัสแห่งมายามาด้วย
กลิ่นอายหนาวเย็นตามมาหลังจากแสงสีฟ้าและล้อมรอบไปทั่วบริเวณ
กลิ่นอายเย็นได้ส่งสัมผัสแห่งความภูมิใจที่มิอาจอธิบายออกมาได้ มีเพียงเซียนที่มีเขตแดนของตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถรู้สึกถึงความภาคภูมิใจด้วยวิญญาณดั้งเดิมของตนเอง
คนธรรมดาจะรู้สึกได้แค่ร่างกายหนาวเย็นเท่านั้น แต่ความรู้สึกดอกกุหลาบก็หายไปในเสี้ยววินาที
อย่างไรก็ตามในสายตาหวังหลิน นอกจากเห็นความภาคภูมิใจแล้วเขายังเห็นร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาอีกด้วย ร่างนี้สวยงดงามยิ่งแต่ก็แฝงความภูมิใจเย่อหยิ่งเช่นเดียวกัน
เมื่อมองกุหลาบสีฟ้านี้ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและวางมันลงข้างล่างมงกุฎ
ใช้สายตาจ้องมงกุฎด้วยแววตาเปล่งประกาย ขณะที่มงกุฎสัมผัสกับดอกกุหลาบ อัญมณีทั้งห้าเม็ดก็ส่องแสงสว่างเจิดจ้า พลังงานล่องหนไหลผ่านจากมงกุฎเข้าหากุหลาบ
ดอกกุหลาบสีฟ้าค่อยๆหายไปต่อหน้าหวังหลิน มันเปลี่ยนกลายเป็นจุดแสงสีฟ้าและผสานเข้ากับมงกุฎ
มงกุฎระเบิดแสงสีฟ้าออกมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยๆจางลงกลับคืนสู่ปกติ
หวังหลินขมวดคิ้วหยิบมงกุฎขึ้นมาและตรวจสอบมัน หลังจากนั้นสักพักเขาจึงสังเกตอะไรบางอย่างได้
มงกุฎชิ้นนี้ดูเหมือนจะได้รับวิญญาณขึ้นมาเทียบกับก่อนหน้านี้ หวังหลินตรวจสอบมันอย่างละเอียดและเห็นร่างอันเลือนลางกำลังถือกระบี่อยู่ข้างใน
นอกเหนือจากนี้เขาไม่อาจหาเบาะแสอื่นได้
“ของชิ้นนี้ถึงกับไม่โดนทำลายจากดัชนีเทพโบราณ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา แต่วิธีการจะใช้มันนั้น…กรีดได้บอกว่าเขาดึงวิญญาณกษัตริย์ 9,999 คนเพื่อมากระตุ้นของชิ้นนี้” หวังหลินเริ่มคิด
“วิญญาณของกษัตริย์อะไรกันถึงมีวิญญาณธาตุทั้งห้าด้วย? การเชื่อมต่อนี้…หรือเป็นไปได้ว่าเจ้าของมงกุฎจะเป็นกษัตริย์ห้าธาตุมาก่อนและนั่นเป็นหนทางเดียวในการกระตุ้นมัน?” หวังหลินส่ายศีรษะ ไม่อาจรู้มันได้จริงๆ
อีกทั้งหวังหลินตรวจสอบมันมานานแล้ว นอกจากกระดูกมังกรเพลิง เขาก็ไม่รู้จักวัตถุดิบชิ้นอื่นได้ หวังหลินสามารถระบุวัตถุดิบที่มาจากกระดูกมังกรเพลิงได้เนื่องมาจากความทรงจำตกทอดจากเทพโบราณตู่ซือเท่านั้น
ดูเหมือนว่าต้นกำเนิดของมงกุฎชิ้นนี้จะมีมานานแล้ว…
หลังขบคิดเล็กน้อย หวังหลินถอนสายตาออกมาจากกระดูกและมองลงไปที่กระดูกอสรพิษที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก
ธาตุโลหะข้างในกระดูกอสรพิษค่อยๆลดลงไปหลังจากถูกลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าดูดซับ…
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า หวังหลินระมัดระวังตัวตลอดเวลาโดยไม่ยอมให้ใครมารบกวน แม้ว่าที่นี่จะอยู่ห่างไกลแต่เขายังคงต้องระมัดระวังอยู่ดี
สามเดือนผ่านไปในพริบตา ช่วงระยะเวลานี้ไม่มีใครคนใดเข้ามาที่นี่ ตอนนี้ธาตุโลหะทั้งหมดหายไปจากในกระดูกอสรพิษแล้ว
เดิมทีหวังหลินกังวลว่ากระดูกเพียงครึ่งส่วนคงไม่พอที่จะทำให้ลูกปัดเสร็จสมบูรณ์ แต่ตอนนี้ภาพธาตุโลหะกำลังใกล้ถึงจุดสมบูรณ์แล้ว
ธาตุโลหะของลูกปัดกำลังจะสมบูรณ์ต่อหน้าต่อตาหวังหลิน!
ลูกปัดเรืองแสงสว่างและเปลี่ยนเป็นสิ่งของคล้ายผลึกคริสตัล กลิ่นอายโบราณพุ่งออกมาจากลูกปัดนั้นด้วย
พลังของธาตุทั้งห้าตัดผ่านกันเหนือลูกปัดทำให้มันค่อยๆลอยขึ้นสู่กลางอากาศ
แววตาหวังหลินเผยประกายแสงประหลาด เขากัดปลายนิ้วเล็กน้อยหยดโลหิตที่มีสัมผัสวิญญาณของตัวเองประทับลงไป หยดโลหิตค่อยๆร่อนไปบนลูกปัดอย่างรวดเร็ว
เมื่อโลหิตถูกดูดซับ จิตใจหวังหลินสั่นสะท้านราวกับมีอะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมาในวิญญาณดั้งเดิม
ขณะเดียวกันสัญลักษณ์โบราณหนึ่งปรากฏในจิตใจ หวังหลินมองลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าและเผยสายตามุ่งมั่น
เขารอคอยมาเกือบพันปีในที่สุดก็ทำให้ลูกปัดเสร็จสมบูรณ์ แต่แทนที่จะตื่นเต้นเขากลับเฝ้าระวังและสงบนิ่ง
สมบัติชิ้นนี้เป็นของเขามานานแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็เข้าใจมันตื้นเขินเกินไป
“ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าคืออะไรกันแน่…หรือจะมาจากแดนเทพโบราณตามที่สตรีคนนั้นพูดไว้จริงๆ?” หวังหลินเคลื่อนมือ สองนิ้วทำเป็นพู่กันและวาดสัญลักษณ์ที่ปรากฏในใจ
สัญลักษณ์นี้ซับซ้อนมาก แต่ละเส้นปลดปล่อยกลิ่นอายโบราณ ภายใต้สายตาละเอียดรอบคอบ สัญลักษณ์จึงค่อยๆเป็นรูปเป็นร่างขึ้น
ตอนนี้กลิ่นอายโบราณหนาแน่นมาก เทียบกับกลิ่นอายโบราณตอนที่เจ้าเศษมารควบคุมร่างหวังหลินแล้วยังถือว่าเหนือชั้นกว่าหลายขุม
ขณะที่กลิ่นอายโบราณแพร่ออกมา ทั้งดวงดาวได้รับผลกระทบด้วย พลังชีวิตทั้งหมดของดวงดาวค่อยๆถูกระงับและเกิดรอยร้าวขึ้นไปทั่ว
หวังหลินสูดหายใจลึก เมื่อสัญลักษณ์เสร็จสิ้นเขาก็ตีมันด้วยฝ่ามือ สัญลักษณ์ลอยเข้าหาลูกปัดกลางอากาศอย่างช้าๆ
ลำแสงสีม่วงสายหนึ่งออกมาจากลูกปัด ลำแสงนี้สว่างจ้ารุนแรงจนหวังหลินยากที่จะลืมตาขึ้นมาได้ ร่างกายองครักษ์เทพปลดปล่อยกลิ่นสลายตัว ร่างกายของมันเริ่มสลายแม้แต่สายตาก็มองเห็นชัดเจน
หวังหลินตกใจยิ่ง เขาก็ให้องครักษ์เทพกลับเข้าไปในเงาด้วยความคิดและการสลายตัวก็หยุดลง ทว่ากลิ่นอายนั้นยังคงอยู่
ไม่ใช่เพียงแค่องครักษ์เทพเท่านั้นแต่วิญญาณหลักสามดวงก็เช่นเดียวกัน หากไม่ใช่ว่าหวังหลินมีปฏิกิริยารวดเร็ว มันคงสลายหายไปในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
ลำแสงสีม่วงขยายจนาดขึ้นและกระจายอย่างช้าๆ ในที่สุดมันก็ปกคลุมทั้งดวงดาวราวกับดาวดวงนี้ปกคลุมด้วยชั้นสีม่วง ตอนนี้แสงสีม่วงได้เพิ่มมาจนถึงจุดสูงสุด
ทั้งดาวเคราะห์เริ่มแยกสลายราวกับมีวิชามาร่ายใส่
ลำแสงสีม่วงยังไม่หยุดแค่นี้และขยายตัวออกไปเรื่อยๆ แม้แต่ดาวเคราะห์น้อยบางดวงก็ยังตกอยู่ในแสงสีม่วงนี้ บางดวงถึงกับแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผง
ราวกับหวังหลินและลูกปัดเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่คงอยู่ สิ่งอื่นใดต่างหวาดกลัวต่อแสงสีม่วง
เหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ทำให้จิตใจหวังหลินสั่นไหวรุนแรง แม้เขาจะคาดการณ์เกี่ยวกับลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าไว้หลายอย่าง เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงมาแบบนี้ตอนที่มันสมบูรณ์
แสงลูกปัดหยุดลงขณะที่หวังหลินยังอยู่ในอาการตกใจ พลังห้าธาตุที่รวบรวมเอาไว้พลันหายไปในชั่วขณะ พลังงานทั้งหมดที่รวบรวมไว้ตลอดที่ผ่านมาหนึ่งพันปีถูกปลดปล่อยไปในครั้งเดียว
แสงสีม่วงยังคงหนาแน่นอยู่รอบๆตรงจุดที่ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าอยู่ ประตูบานใหญ่ค่อยๆปรากฏออกมาพร้อมกับเสียงดังสนั่น!
ประตูบานนี้ใหญ่มาก เทียบกับหวังหลินดูเหมือนมดอยู่เบื้องหน้ามัน
กฏเกณฑ์หนึ่งเกิดขึ้นและปกคลุมพื้นที่ที่แสงสีม่วงสัมผัส หวังหลินเพียงแค่มองดูกฏเกณฑ์นั้นและจิตใจสั่นเทา ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องการศึกษามันแม้แต่น้อย!
ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดจะสามารถเข้ามาในกฏเกณฑ์นี้ได้!
ราวกับพื้นที่ที่แสงสีม่วงปกคลุมนี้ได้ขุดหลุมออกไปจากดาราจักรทุกชั้นฟ้าด้วยวิชาเหนือจินตนาการและแยกตัวออกไปจากทุกสิ่งอย่าง
เหลือแต่เพียงประตูบานยักษ์ที่ยังคงอยู่ในโลกนี้
เมื่อมองประตูบานยักษ์ ไม่เพียงแต่จิตใจจะสั่นเทา แม้กระทั่งหวังหลินก็ยังรู้สึกหวาดกลัวขึ้นด้วย อารมณ์เช่นนี้หายากนักที่จะเกิดกับหวังหลิน
เมื่อรู้สึกถึงความหวาดกลัวของตัวเอง แววตาหวังหลินเผยอาการดิ้นรน เขาของเขาไม่ยอมให้หวาดกลัวแต่ว่าความกลัวนี้มาจากสัญชาตญาณและเขาไม่สามารถลบล้างมันได้
ราวกับว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเป็นระดับที่แตกต่างกันอย่างชิ้นเชิง เป็นช่องว่างที่มิอาจก้าวข้ามผ่านไปได้แน่นอน!
หวังหลินรู้สึกเช่นนี้อยู่เป็นเวลานาน แม้แต่ตอนที่เผชิญกับอสรพิษพิฆาตจันทร์เขาก็เพียงแค่ตกใจเท่านั้น เขาไม่ได้พบกับความรู้สึกสั่นเทาในจิตวิญญาณที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนแม้แต่ต่อต้านก็ทำไม่ได้
ราวกับว่าเขากลายเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง ยืนอยู่ใต้ยอดเขาเหิงยั่วมองไปที่หอคอยสำนักเซียนด้านบน เขารู้สึกว่าความรู้สึกนี้ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ!
ขณะที่ระดับบ่มเพาะของหวังหลินและประสบการณ์ได้เพิ่มพูนขึ้น ความรู้สึกนี้ค่อยๆจางหายไป แม้แต่ตอนที่เผชิญกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ในดินแดนวิญญาณปิศาจ เขายังอาศัยจิตใจแห่งเต๋าเพื่อต้านทานและต่อต้านมัน!
แต่ในตอนนี้ แม้ว่าประตูบานยักษ์จะไม่ปลดปล่อยแรงกดดันอะไร ความคิดและร่างกายเขากำลังสั่น!
ไม่คิดยอมแพ้!
ดวงตาหวังหลินแดงฉาน ร่างกายสั่นเทา กัดฟันแน่นและเงยศีรษะขึ้นมา เขาจะไม่ยอมก้มหัว!
เหมือนตอนที่อยู่สำนักเหิงยั่ว ตอนที่เขาเต็มไปด้วยความขยันหมั่นเพียร ตอนที่เขาปีนขึ้นภูเขา แม้ทั้งร่างจะปกคลุมไปด้วยโลหิต เขาก็ยังดิ้นรนสู้!
ตอนนี้ความกลัวออกมาจากวิญญาณพยายามลากเขาลงไปเหมือนกระแสน้ำ ต้องการให้หวังหลินยอมจำนน อย่างไรก็ตามหวังหลินไม่ยอมและไม่ต้องการ!
เพราะสิ่งที่สนับสนุนเขาคือหวานเอ๋อและวิญญาณหวังผิงยังอยู่ข้างในลูกปัด!
เขาไม่ยอมให้ใครก็ตามมาทำร้ายวิญญาณสองดวงนั้น!
“ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า ข้าเป็นคนทำให้เจ้าสมบูรณ์ หากสวรรค์ต้องการฆ่าคนที่ข้าห่วงใย ข้าจะฆ่าล้างสวรรค์ หากเจ้าท้าทายข้า ข้าจะทำลายเจ้า!” แม้ว่าน้ำเสียงจะสั่นเทา แต่กลิ่นอายไม่ยอมจำนนกลับตะโกนขึ้นแต่ละคำพูด!
เต๋าที่ไม่ยินยอมทำให้มังกรสายฟ้าโบราณที่อยู่ในวิญญาณดั้งเดิมเคลื่อนไหวผ่านร่างกายอย่างบ้าคลั่ง สายฟ้าและลำแสงเต็มไปทั่วร่างกาย
สายฟ้าแพร่กระจายออกมาจากเท้าหวังหลินและพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ตอนนี้หวังหลินดุจกับเทพสายฟ้า!
เขาควบคุมพลังอำนาจแห่งสายฟ้า! สายฟ้านี้บรรจุความต้องการที่ไม่ยอมแพ้และเป็นเต๋าเด็ดเดี่ยวของหวังหลิน!
พื้นดินพังทลายแต่ร่างหวังหลินยังคงดิ้นรน ดวงตาแดงฉานขณะที่เต๋าของตนระงับความหวาดกลัวที่ออกมาจากส่วนลึกในวิญญาณ หวังหลินจ้องประตูบานยักษ์ด้วยแววตาไม่ย่อท้อ!
ประตูบานยักษ์ปรากฏขึ้นในโลกที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสีม่วงหนาแน่น ราวกับมันถูกซ่อนไว้ในสายหมอกด้านใน ตอนนี้ใต้สายตาหวังหลิน แสงสีม่วงหนาแน่นนี้ได้มีแขนยักษ์โผล่ออกมาจากประตู มันโบกเข้าหาหวังหลินราวกับกำลังเรียกหา
ด้วยสายตาของหวังหลิน เขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าแขนยักษ์นี้ไม่ได้เป็นของเทพโบราณ!