806. เตาหลอมหยินลี้ลับ
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็นพลางเคลื่อนที่ปรากฏตัวข้างอสูรหมอก สองดัชนีก่อรูปกระบี่เคลื่อนไหวเร็วกว่าอสูร ประทับใส่ระหว่างคิ้วของมันตรงๆและเกิดการระเบิด
ทว่าหลังจากมันแตกสลาย มันไม่ได้หายไปแต่กลายเป็นหมอกควัน หมอกนั้นบิดเบี้ยวและเริ่มแสดงอาการจะก่อร่างขึ้นมาใหม่
หวังหลินเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ๆหมอกที่กำลังก่อรูปร่าง สายฟ้าในร่างกายรวบรวมไว้ตรงปลายนิ้ว
ปรากฏสายฟ้าทรงกลมขึ้นมา เพียงแค่หวังหลินชี้นิ้วออกไปสายฟ้าก็พุ่งออกเข้าหาหมอกที่กำลังก่อตัว
เสียงดังระเบิดขึ้นเป็นชุดพร้อมกับสายหมอกแตกสลายกลายเป็นเส้นสาย หวังหลินสร้างผนึกขึ้นมาชี้ออกไปด้วยสายตาส่องสว่าง สายฟ้าอีกหลายสายปรากฏขึ้นมาส่งเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ หมอกที่เหลืออยู่ทั้งหมดกระจายหายไปทันที
เหลือแต่เพียงอสูรหมอกที่ส่งเสียงคำรามแหลมพุ่งเข้าหาคนโดยรอบ หวังหลินสงบนิ่งและก้าวเท้ามาข้างหน้า
ลอยตัวอยู่กลางอากาศพลันชี้นิ้วไปที่ท้องฟ้า “แม่น้ำอเวจี!”
ท้องฟ้าส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวและปรากฏแม่น้ำอเวจีขึ้นมาจากความว่างเปล่า กลิ่นอายทรงพลังไม่พอใจแพร่กระจายไปทั่ว
หวังหลินยืนอยู่เหนือแม่น้ำอเวจีราวกับเป็นเจ้าแห่งโลกใบนี้
“ความสามารถที่สาม พลังอำนาจแห่งแม่น้ำอเวจี!”
แรงดึงดูดเหนือจินตนาการโผล่ออกมาจากแม่น้ำอเวจี อสูรหมอกที่พุ่งออกมาคำรามพลันได้รับผลกระทบและถูกดูดเข้าไปในแม่น้ำโดยไม่อาจต่อต้าน
อสูรหมอกแตกสลายกลายเป็นหมอกราวกับกำลังดิ้นรนหลบหนี ทว่าพวกมันไม่สามารถต้านทานได้จึงถูกดูดเข้าไปในแม่น้ำอเวจีอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียงไม่กี่หยิบมือ
ขณะนั้นบรรพชนของเผ่าอมตะที่ถูกเลือกกลับเผยสีหน้าร้อนใจและตะโกนหยุดหวังหลิน “ท่านเหนือเทพไม่ควรทำเช่นนั้น”
หวังหลินหรี่ตาแคบ ตอนที่ชายชราตะโกนเขาพลันรู้สึกว่าหมอกสีดำที่แม่น้ำอเวจีดูดเข้าไปไม่ได้ถูกหล่อหลอมแต่กลับรวมตัวกันก่อเป็นรูปร่างมนุษย์
ร่างมนุษย์คนนี้เต็มไปด้วยภาพหมอกเงาโดยไม่มีลักษณะที่ชัดเจน ทว่าหลังจากมันปรากฏขึ้นมา ราวกับแม่น้ำอเวจีสูญเสียพลังความสามารถและมันก็ก้าวออกมาตรงๆ
หลังปรากฏขึ้นมา สีหน้าท่าทางมันก็พลันพร่ามัว เหลือเพียงตาขวาที่ชัดเจน
บรรพชนของเผ่าร่อนลงจากท้องฟ้า ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นแต่สมาชิกเผ่าคนอื่นๆก็ด้วยเช่นกัน หลังจากชายชราเห็นร่างที่มีตาขวา เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางมองหวังหลินและส่งเสียงตะโกน “ท่านเหนือเทพ โปรดถอยกลับไปก่อน ข้าถึงจะสามารถกระตุ้นค่ายกลเทพได้! นี่คืออสูรหมอกร่างมนุษย์ วิชาใดก็แล้วแต่ที่ไม่สามารถฆ่ามันได้ในทันที มันจะไม่ถูกวิชานั้นทำร้ายเป็นครั้งที่สอง!”
หวังหลินรีบล่าถอยพร้อมกับดวงตาส่องสว่าง ขณะนั้นอสูรหมอกร่างมนุษย์ที่มีตาเดียวพลันพุ่งใส่หวังหลิน
หวังหลินรวบรวมสายฟ้าในร่างกายขึ้นมา พริบตาเดียวทรงกลมสายฟ้าเท่ากำปั้นหลายสิบก้อนก็ก่อตัวรอบหวังหลิน เพียงแค่ชี้นิ้ว ทรงกลมสายฟ้าก็พุ่งเข้าใส่อสูรหมอกร่างมนุษย์
ทว่าขณะที่ทรงกลมสายฟ้าเข้าไปใกล้ หวังหลินตะโกนพลางล่าถอยไปด้วย “รวม!”
ทรงกลมสายฟ้ารวมตัวกันกลายเป็นหนึ่งลูกทันทีและร่อนลงใส่อสูรหมอกร่างมนุษย์ เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวและอสูรหมอกแตกสลาย แต่วินาทีถัดมามันก็ก่อร่างขึ้นมาใหม่ราวกับไม่ได้รับความเสียหายอันใดเลย มันไล่ตามหลังหวังหลินอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้กลับมีพลังอำนาจแห่งสายฟ้าอยู่ในร่างมัน ตอนที่มันไล่ตามหลังหวังหลิน สายฟ้าที่มันปลดปล่อยออกมาแทบจะเท่าเทียมสายฟ้าของหวังหลินเข้าแล้ว
เจ้าอสูรหมอกร่างมนุษย์ที่เกิดจากสายฟ้าเคลื่อนไหวเร็วขึ้น มันไล่ตามหวังหลินทันในชั่วจังหวะเดียว หวังหลินใช้มือแตะกระเป๋าพลางกระพริบจิตสังหารนำกระบี่สวรรค์ออกมาตวัดใส่อย่างโหดเหี้ยม
เมื่อตัดสวรรค์ปรากฏขึ้นมา อสูรหมอกร่างมนุษย์หยุดลงและเผยสายตาหวาดกลัว มันต้องการล่าถอยแต่กลับสายเกินไปแล้ว
อสูรหมอกร่างมนุษย์ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างเงียบเชียบ หมอกจำนวนมากพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน หวังหลินก้าวเท้าไปข้างหน้าและหายตัวไปปรากฏข้างสายหมอกและใช้ตัดสวรรค์อีกครั้ง
ตัดสวรรค์หลายเส้นสายปรากฏขึ้นมาพร้อมกับหมอกแตกสลายอย่างต่อเนื่อง ทว่าจังหวะถัดมาสายหมอกดูเหมือนจะเริ่มต่อต้านตัดสวรรค์ได้ ความเร็วการแตกสลายเริ่มช้าลงและกระทั่งแสดงอาการก่อร่างขึ้นมาใหม่
หวังหลินชี้นิ้วขวาและตะโกน “หยุด!”
วิชาเทพยับยั้งพลันเต็มไปทั่วบริเวณและการก่อตัวหยุดชะงักลงทันที จังหวะเดียวกันรอยสักกระดูกอสูรบนหลังมือหวังหลินก็ปรากฏขึ้นมา
ดวงตาของมันส่งแสงชั่วร้ายและมีกลิ่นอายหนาแน่นเต็มพื้นที่ สายหมอกเรืองแสงสีเทาและเริ่มกลายเป็นหิน
หวังหลินชี้นิ้วไปยังสายหมอกที่กลายเป็นหิน ส่งพลังดั้งเดิมจำนวนมากเข้าไป หมอกแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและในที่สุดมันก็แยกตัวออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ดวงตาสมาชิกเผ่าต้องเบิกกว้าง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นอสูรหมอกร่างมนุษย์ซึ่งบ่อยครั้งมักจะต้องใช้ค่ายกลเพื่อสังหารมัน แต่กลับถูกทำลายด้วยคนเพียงคนเดียวในช่วงเวลาอันสั้น
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คืออสูรหมอกร่างมนุษย์ตัวนั้นแทบไม่มีโอกาสต่อต้านเลย มันถูกผลักดันให้ถอยกลับไปอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็พบกับความตาย
ส่วนชายร่างกำยำที่ถูกกดทับอยู่บนพื้น เขาดิ้นรนลุกขึ้นมาจ้องหวังหลินและตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
“นี่…คือเทพ…”
วิชาของหวังหลินเหนือล้ำกว่าจินตนาการของทุกคน แม้กระทั่งบรรพชนก็ยังตะลึงงันพึมพำกับตัวเอง “ชุดเต่าร่วงโรย…”
หวังหลินถอนสายตาออกมาจากตำแหน่งที่อสูรหมอกหายไป จากนั้นหันกลับมาหาชายชราและเอ่ยขึ้นด้วยความสงบนิ่ง “ตอนนี้ก็พาข้าไปเตาหลอมหยินลี้ลับได้แล้ว!”
ชายชราสูดหายใจลึก แววตาเคารพยิ่งเพิ่มพูนขึ้นและรีบเอ่ยตอบ “ทางนี้ท่านเทพ!” เขาลอยตัวขึ้นไปในอากาศและเหาะเหินไปทางกลุ่มสิ่งก่อสร้าง
หวังหลินติดตามด้านหลังไปด้วยท่าทีสบายๆ
ตอนนี้ไม่มีสมาชิกคนใดในเผ่ากล้าหยุดเขา ชายร่างกำยำดวงตาส่องสว่างและยืนขึ้นมา จากนั้นสูดหายใจลึกก่อนจะเหาะเหินตามสองคนนั้นไป
ชายชราหันกลับมาและตะโกนด้วยความโกรธ “ต้าซาน เจ้ายังจะเนรคุณอีกหรือ!? ท่านเหนือเทพเมตตาเจ้ามากแล้ว!”
หวังหลินแสดงความเมตตาจริงๆ นอกจากนั้นเขาก็มาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลย จึงกลัวว่าถ้าไปฆ่าใครสักคนจะส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่น ไม่เช่นนั้นต้าซานคงตายไปแล้วแน่นอน
ต้านซานเอ่ย “ท่านบรรพชน ต้าซานรู้ว่าผิดไปแล้ว ข้าเพียงแค่ต้องการไปเตาหลอมหยินลี้ลับกับพวกท่านเท่านั้น นอกจากนี้ข้ายังคุ้นเคยกับที่นั่นเป็นอย่างดี!”
ชายชราขมวดคิ้วและกำลังตำหนิ ทว่าหวังหลินเอ่ยขึ้นก่อน “เช่นนั้นก็มานำทาง!”
ชายชราโค้งให้และเมินเฉยต้าซาน ทั้งสามคนไม่ได้เร็วนัก หลังใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูปไหม้ หวังหลินก็เห็นแท่นแห่งหนึ่งในพื้นที่โล่งด้านหลังสิ่งก่อสร้าง
แท่นแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นักและมีรอยร้าวอยู่หลายแห่ง ข้างใต้แท่นเป็นประตูสีม่วง มีอักษรรูนกระพริบเป็นบางครั้ง
ชายชราร่อนลงด้านหน้าประตู จากนั้นกัดปลายนิ้วใช้โลหิตวาดอักขระรูนกลางอากาศแบบเดียวกับบนประตู แสงสีแดงกระพริบหนึ่งครั้งพร้อมกับเกิดเสียงประตูเปิดดังสนั่นจนเห็นทางเข้าอันมืดมิดข้างใน
กลิ่นอายเย็นเยียบโผล่ออกมาจากข้างใน เมื่อความเย็นกระทบบนร่างกายราวกับมันชอนไชเข้าไปในร่าง ถ้าระดับบ่มเพาะไม่เพียงพอ กลิ่นอายเย็นนี้คงจะฝากรอยแผลซ่อนเอาไว้ได้
ชายชรายืนด้านข้าง “ท่านเหนือเทพ ที่นี่คือตำแหน่งที่เตาหลอมหยินลี้ลับตั้งอยู่”
หวังหลินแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา มีพลังปราณสวรรค์ซ่อนไว้ได้อย่างเนียบเนียนใต้กลิ่นอายเย็นแห่งนี้
“เข้าไป!” หวังหลินกล่าว
ชายชราพยักหน้าและเดินเข้าหาทางเข้า ต้าซานลังเลเล็กน้อยก่อนจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เดินไปข้างหน้าสองสามก้าวและขัดขวางชายชรา
ชายชราขมวดคิ้วส่งเสียงตะโกน “ต้าซาน เจ้ากำลังจะทำอะไร!?”
ต้าซานมองหวังหลินและเอ่ยขึ้นมา “ที่นี่เต็มไปด้วยพลังงานเย็น ท่านบรรพชนแก่เกินไปมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก ปล่อยให้ข้านำทางดีกว่าไหม?”
ชายชราตกตะลึง “แม้พลังงานเย็นจะแข็งแกร่ง ร่างกายข้ายังสามารถทนมันได้”
ต้าซานมองหวังหลินและเอ่ยออกมา “ท่านเหนือเทพ ต้าซานคือผู้ดูแลแท่นบูชาแห่งนี้ของรุ่น ข้ามีคุณสมบัติที่จะพาท่านเข้าไปข้างใน!”
หวังหลินมองต้าซานด้วยสายตาสงบนิ่ง แววตาดูเหมือนจะมีพลังเจาะทะลุทะลวงและสามารถมองเห็นความคิดในใจต้าซาน
ภายใต้สายตานี้ ต้าซานยังคงมองหวังหลินและไม่พยายามหลบเลี่ยงสายตาเลย
หวังหลินถอนสายตาและเอ่ยออกมา “ก็ได้!”
ต้าซานไม่พูดอะไรอีก เขาหันกลับไปและเดินไปในทางเข้า หวังหลินเผยท่าทางเยาะเย้ยและเดินตามเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ ส่วนชายชราขมวดคิ้วมองเห็นความคิดของต้าซานอันเลือนลาง ทว่าเขาไม่ได้ตามเข้าไปและนั่งอยู่ตรงพื้น
ข้างในทางเข้ามีบันไดหลายชั้น ขณะที่เดินลงไปกลิ่นอายเย็นเยียบก็ยิ่งรุนแรงขึ้น หลังจากใช้เวลาไปครึ่งชั่วธูป พวกเขาก็มาถึงด้านล่าง
จังหวะที่มาถึงด้านล่าง ดวงตาหวังหลินก็หรี่แคบ
ด้านล่างทางเข้ามีอีกโลกหนึ่ง พื้นที่แห่งนี้มีเตาหลอมกว้างพันฟุตและสูงร้อยฟุตตั้งอยู่ตรงกลาง ผิวของเตาหลอมมีรอยสักนับไม่ถ้วนแกะสลักเอาไว้