82. ชิงลำต้น (2)
บอลอัศนีทั้งหมดส่งเสียงคำรามขณะที่กระบี่ยักษ์ได้ฟันลงมา
ซือถูหนานไม่รอให้หวังหลินอนุญาต เขาย้ายร่างระยะไกลอีกครั้งหลังจากก่นด่าไม่กี่ครั้ง
เถิงลี่ขมวดคิ้ว เขาตะคอกและโบกแขนขวาคราหนึ่ง กระบี่เหินได้ตามทิศทางแขนเขาและตามล่าด้านหลังหวังหลิน
รังสีรุ้งสองเส้นติดตามคนหนึ่งคนขณะที่พวกเขาเหาะเหินไปบนท้องฟ้าไปด้วยศิษย์ตระกูลเถิงที่ตามล่าอยู่นั้นได้ยอมแพ้ไปเพราะไม่อาจตามต่อไปได้
ยิ่งเถิงลี่ตามตัวหวังหลินมากขึ้นก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นด้วยขั้นสร้างลำต้นระดับปลายของเขา ทุกครั้งที่เขาจะจับไอ้เด็กเหลือขอนั่นมันก็เคลื่อนย้ายระยะไกลไปได้ทุกครั้ง ยิ่งหวังหลินทำเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เถิงลี่สนใจในตัวเขามากขึ้นวิชาเคลื่อนที่ระยะไกลหรือวิชาก้าวพริบตานั้นเป็นวิชาเซียนขั้นผลิดอกหวังหลินยังไม่ถึงขั้นสร้างลำต้นด้วยซ้ำแต่เขาสามารถใช้วิชานั้นได้ในสายตาเถิงลี่แล้วหวังหลินต้องมีสมบัติที่สามารถทำแบบนั้นได้แน่
พอคิดได้ดังนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก แรงกระตุ้นเพื่อสังหารหวังหลินและนำสมบัติมาเป็นของตนเองยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เขาเป็นเพื่อนสนิทกับลูกศิษย์อาวุโสของเฒ่าชราจื่อโม่นามว่าเฉินจง(陳忠 Chénzhōng) ไม่กี่วันก่อนเขาได้รับหยกถ่ายทอดข้อความจากเฉินจงเพื่อฆ่าคนสองคนหนึ่งคือจางฮู่ที่เป็นศิษย์หลานของจื่อโม่อยู่ระดับห้า
จางฮู่ที่ออกไปข้างนอกได้สังหารอาจารย์ตัวเองและเมื่อศิษย์ลำดับห้าตายเฒ่าชราจื่อโม่ได้ตรวจพบทันทีจางฮู่นั้นไม่รู้ว่านอกจากพิษแล้วยังมีวิชาลับที่จื่อโม่ใช้เพื่อควบคุมศิษย์ตัวเองอยู่ข้างในด้วยเมื่อใช้วิชานี้ เขาจะเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในความโกรธนั้นเฒ่าชราจื่อโม่ได้ใช้วิชาเซียนเพื่อคาดเดาว่าจางฮู่น่าาจะอยู่ตรงไหนและได้ส่งศิษย์อาวุโสที่สุดของเขาออกไปก็คือเฉินจงเพื่อตามหาทั้งสองคน
เฉินจงอยู่ไกลจากตรงนั้นมากดังนั้นเขาจึงส่งข้อความหาเถิงลี่เพื่อช่วยเรื่องนี้เถิงลี่ทำการค้นหาและพบกับจางฮู่ที่อยู่ในเมืองตระกูลเถิงแต่คนสมคบคิดกับจางฮู่กลับไม่เจอตัวเหตุการณ์เหล่านั้นจึงนำมาถึงตอนนี้
เดิมทีเขาวางแผนการช่วยเรื่องนี้ไว้ให้ติดหนี้บุญคุณแต่ตอนนี้เขาตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารหวังหลินให้ได้เพื่อสมบัติเซียนที่สามารถเคลื่อนที่ระยะไกลนั่น
คิดได้เช่นนี้เขาจึงเพิ่มความเร็วของตัวเองมากขึ้นขณะที่ตามล่าหวังหลินไปด้วย
หวังหลินดื่มน้ำพลังปราณไปอึกใหญ่เขาเปิดปากและปล่อยรังสีแสงสีเขียวออกมา จังหวะที่แสงสีเขียวปรากฎขึ้นกลิ่นคาวเลือดเต็มคลุ้งในอากาศ
ไม่ช้า แสงสีเขียวกระพริบวาบขณะที่พุ่งไปด้านหลังขณะที่หวังหลินมุ่งหน้าต่อไป
เถิงลี่เห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นเขาไม่นำแสงสีเขียวมาใส่ใจและเหยียดหยามจากนั้นชี้ไปที่แสงสีเขียวและบอลอัศนีปรากฎขึ้นพุ่งไปหาแสงสีเขียวนั้น
ขณะที่บอลอัศนีปะทะกับแสงสีเขียว มันก็ระเบิดออก
ตูมมมม
เถิงลี่มองอย่างดูถูกก่อนที่จะละสายตาออกมา ขณะเดียวกันแสงสีเขียวกระพริบวาบด้านหน้าเขาสิบเมตรลำแสงพุ่งเข้าเถิงลี่และกระทบกับร่าง เสื้อผ้าหลุดลุ่ยทันทีเปิดเผยชุดเกราะอร่าม
หลังจากแสงสีเขียวถูกหยุดลงเมื่อเจอกับชุดเพราะ มันกระพริบวาบทันทีและหายไปโดยไม่มีร่องรอย
หวังหลินลอบถอนหายใจและรู้สึกน่าเศร้านัก กระบี่เขียวปรากฎในมือขณะที่เขาวิ่งหนีต่อไป
เหงื่อเย็นเยียบปรากฎบนหน้าผากเถิงลี่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอันตรายอย่างมากแม้เขาจะอยู่ระดับปลายขั้นสร้างลำต้น หากเขาโดนปะทะคงบาดเจ็บสาหัสแน่แสงที่กระบี่ปลดปล่อยออกมานั้นมันไม่ใช่สมบัติธรรมดา
เขาเดาว่าหากโดนมันโจมตีขึ้นมาอาจจะตายคาที่ได้ทันที
เถิงลี่จับเสื้อเกราะที่ปู่มอบให้เขาและรู้สึกว่าโชคดีที่สุดความโกรธที่อยากสังหารหวังหลินเพิ่มมากขึ้นแสงเยือกเย็นกระพริบวาบผ่านสายตาเขาขณะที่บ่นพึมพำกับตัวเอง “นอกจากสมบัติที่สามารถเคลื่อนที่ระยะไกลได้แล้ว กระบี่ของมันก็ยอดเยี่ยมเด็กน้อยเอ๋ย สมบัติของเจ้าทั้งหมดจะเป็นของข้า”
ในทะเลทราย สามวันต่อมาหวังหลินดื่มน้ำพลังปราณไปหนึ่งอึกและบ่นพึมพำกับตัวเอง “เหลือน้ำพลังปราณไม่พอแล้ว ข้าต้องหาทางเติมเต็มมันให้เร็วกว่านี้”
ซือถูหนานพูดอย่างเหนื่อยอ่อน “เจ้าหนู ข้าพาเจ้าหนีไปอีกไม่ได้แล้วข้าใช้เคลื่อนที่ระยะไกลมาหลายครั้งมาในสามวันที่ผ่านมานี้และข้าเหลือพลังชีวิตไม่มาก”
หวังหลินหันศีรษะสายตาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าขณะที่พูดอย่างเยือกเย็น “เขาจะจับข้าอีกแล้ว” หวังหลินตบไปที่กระเป๋าและกระบี่เขียวปรากฎบนมือ
สีของกระบี่ดูหมองลงและมีรอยขีดข่วนหลายรอยบนนั้นสามวันมานี้หวังหลินใช้มันหลายครั้งตั้งแต่เถิงลี่ป้องกันแน่นหนาเช่นนั้นมันก็ยากที่จะลอบโจมตีได้กระบี่ของหวังหลินไม่อาจเจาะทะลุได้ถึงหนึ่งนิ้วเพราะเสื้อกราะของเถิงลี่นั่น
หลังจากส่งกระบี่เหินออกไป หวังหลินปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณและพบกับป่าทิศตะวันตก ป่านั้นคลุมไปด้วยหมอกอีกชั้นนึง
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย หวังหลินเหาะเหินไปทางทิศตะวันตกโดยไร้คำพูด ในพริบตาเดียวเขาก็มาถึงป่าและลงไปบนพื้น
หวังหลินรู้ได้ว่าเขาได้วิ่งหนีออกไปโดยไม่มีน้ำพลังปราณและซือถูหนานก็ไม่อาจเคลื่อนย้ายระยะไกลได้อีกต่อไปดังนั้นหากเขาอยู่นิ่งบนอากาศ เขาโดนจับตัวได้แน่ๆ
มันดีกว่าที่จะเลิกเหาะเหินบนฟ้าและเที่ยวเดินไปในป่าแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมป่านี้ถึงปกคลุมไปด้วยหมอกหวังหลินพบว่าเมื่อเขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไปสัมผัสกลายเป็นขุ่นมัวและรู้สึกได้เพียงสิบกว่าเมตรรอบตัวเท่านั้น
ไม่นานนักหลังจากหวังหลินเข้าป่าไป รุ้งเส้นหนึ่งได้มาถึงชายขอบป่าหลังจากวนรอบบนอากาศเป็นวงกลม เถิงลี่ก็หยุดลงที่ทางเขาเขาใช้พลังปราณมากมายระหว่างตามล่าหวังหลินมาสามวันนี้หากเขาไม่มียาฟื้นฟูติดมาด้วย เขาก็คงยอมแพ้ไปแล้ว
แต่สมบัติของหวังหลินได้ดลใจให้เขาไม่ยอมแพ้เขาต้องการสังหารหวังหลินให้ไวที่สุดและได้สมบัติมาเถิงลี่ไม่คาดคิดว่าจะตามล่าหวังหลินได้นานขนาดนี้หากหวังหลินไม่ใช้สมบัติเคลื่อนที่ระยะไกล เขาไม่คิดว่ามันจะยากแบบนี้เขาคิดว่าเพราะหวังหลินยังไม่ถึงขั้นสร้างลำต้นเถิงลี่จึงอดทนได้นานกว่าหวังหลิน
ดังนั้นเขาจึงไม่รีบเร่งระหว่างการตามล่าและรอจนกว่าหวังหลินจะใช้พลังปราณหมดลงเพื่อสังหารเขาในครั้งเดียว
แต่เขายอมแพ้ความคิดนี้หลังจากผ่านมาในวันที่สอง แทนที่จะช้าลงความเร็วของหวังหลินเพิ่มขึ้นอีกด้วย หลังจากสังเกตมาสามวันเถิงลี่เต็มไปด้วยความตกใจ
เขาเห็นหวังหลินนำน้ำเต้าออกมาและทุกครั้งที่ดื่มมันความเร็วได้เพิ่มขึ้นเถิงลี่เห็นการกระทำนี้มานับครั้งไม่ถ้วนระหว่างตามล่าสามวัน
ความโกรธที่จะสังหารหวังหลินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เถิงลี่ยืนอยู่ข้างนอกป่าสายตากลายเป็นเยือกเย็นแต่เคร่งเครียดเล็กน้อยเรื่องป่านี้ ‘ป่าทึบนี้ลึกลับเป็นอันมากมันเต็มไปด้วยหมอกรอบๆและแม้แต่ปู่ยังบอกให้อยู่ห่างๆที่นี่ข้าควรจะตามล่าต่อไปดีหรือไม่?’
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เถิงลี่ตัดสินใจ สมบัติของหวังหลินเขาจะต้องเอามาเป็นของตัวเองให้ได้
มีต้นไม้เก่าแก่หลายต้นที่สูงเทียมฟ้าเต็มไปด้วยใบไม้บนพื้นปกคลุมชั้นใบไม้แห้งกว่าครึ่งเมตรแมลงมีพิษจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งเลื้อยและไต่บนพื้นกระทั่งงูก็เคลื่อนผ่านออกมาในใบไม้พวกนั้นต้นไม้พันปีหลายต้นมีให้เห็นอยู่ทุกๆที่ ดอกไม้บนพื้นหลายชนิดนับไม่ถ้วนมีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยบริเวณนี้ทั้งกลิ่นสัตว์และใบไม้เน่าเปื่อยสร้างเป็นกลิ่นเหม็นแรงพอที่จะสังหารคนได้
สถานที่แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกตลอดทั้งปีต้นไม้ประหลาดเติบโตพอให้สูงเทียมฟ้าและสัตว์ป่าพลังรุนแรงเทียบเท่าเซียนขั้นผลิดอกอาศัยที่นี่หากใครไม่ระวังตัว คงเอาชีวิตมาทิ้งได้ง่ายๆที่นี่
หวังหลินปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมาขณะที่มุ่งผ่านป่าไปอย่างรวดเร็ว ซือถูหนานตะโกนขึ้นทันที “หยุด! หยุดดดดดดดดดด!”
ร่างหวังหลินหยุดกึกในทันที
ซือถูหนานหายใจขาดห้วงและพูดช้าๆ “ที่นี่มันอะไร มีเถาวัลย์ฟ้าที่นี่? มีเถาวัลย์ฟ้าที่นี่เยอะนั่นหมายถึงภัยร้ายแคว้นอันดับสองก็เคยถูกกวาดล้างโดยเถาวัลย์ฟ้ามาก่อน”
“เถาวัลย์ฟ้าน่ะหรือ?” หวังหลินผวา
ซือถูหนานพูดอย่างเคร่งขรึม “เถาวัลย์เส้นนั้นและบนมันมีเส้นสีฟ้า…นี่มันอะไรกัน? เดี๋ยว! นี่ไม่ใช่เถาวัลย์ฟ้าประหลาดมาก…หวังหลิน นี่ควรจะเป็นเถาวัลย์ฟ้าระยะแรกเจ้าควรจะหลีกเลี่ยงมันให้ดีที่สุดเพราะว่าเถาวัลย์ตัวเต็มวัยคือฝันร้ายของเซียนระดับต่ำกว่าขั้นแตกหน่อเจ้าพวกนี้ประสาทไวมากต่อกลิ่นเลือดและทึกครั้งที่มันเขมือบคนลงไปมันจะวิวัฒนาการขึ้น หากมันวิวัฒนาการจนเป็นระดับสูงเมื่อนั้นแม้แต่เซียนขั้นสร้างวิญญาณก็ไม่อาจต่อต้านได้ทั้งมันยังรู้สึกไวต่อความผันผวนของพลังปราณดังนั้นอย่าใช้วิชาเซียนโจมตีมัน”
หวังหลินมองไปรอบๆด้วยสายตาเคร่งเครียด เขาจ้องเถาวัลย์ที่ห้อยลงพื้นไกลๆ
เถาวัลย์นี้ดูธรรมดามาก นอกจากเส้นสีฟ้าบางๆบนตัวมัน ก็ไม่มีอะไรแปลกกว่าเถาวัลย์เส้นอื่นสักนิด
หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อย เขาไม่ได้ฟังคำเตือนของซือถูหนานแต่เดินตรงเข้าไปโดยไม่มีพลังปราณปล่อยออกมาหวังหลินจับเถาวัลย์อย่างระมัดระวังและดึงออกมาช้าๆหลังจากดึงมันออกมาประมาณสามเมตรเขายกมือขึ้นตัดมันด้วยนิ้วและพลิกกลับหยดเลือดไปบนตัวเถาวัลย์
ขณะที่เถาวัลย์ถูกหยดด้วยเลือดมันก็เริ่มสะบัดทันทีขณะที่เถาวัลย์ฟ้าออกมาจากรากและรวบรวมเข้าด้วยกันหลังจากตื่นเต้นได้ซักพัก เขาก็ใจเย็นลงได้
หยาดเหงื่อเต็มบนหน้าผาดหวังหลิน เขายิ้มจางๆและรีบหนีไปให้เร็วที่สุด
หลังจากเขาหนีไป ไม่นานนักเถิงลี่ก็มาถึงเถิงลี่ใช้วิชาเซียนไม่หยุดพักเพื่อจับตัวหวังหลินเถิงลี่ไม่ได้ให้ความสนใจเถาวัลย์ไม่กี่เส้นบนพื้น
แม้ว่าสัมผัสวิญญาณจะถูกจำกัด เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าหวังหลินอยู่ใกล้มากเถิงลี่ส่งสายตาเยาะเย้ยออกมาขณะที่เคลื่อนที่ให้เร็วขึ้นแต่เมื่อเขาผ่านไปเห็นเถาวัลย์บางส่วนบนพื้น สิ่งที่เกิดขึ้นก็เปลี่ยนไป