Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 822

Cover Renegade Immortal 1

822. สองก้านธูป

หวังหลินถือวิญญาณดั้งเดิมของชายวัยกลางคนเอาไว้ พลางมองอีกสองคนที่กำลังหลบหนีต่างทิศทาศ เขาไม่ได้ไล่ตามไปเองแต่เงาโผล่ออกมาจากด้านหลัง จากนั้นต้าซานก็พุ่งไล่ตามพวกเขาไป

การฆ่าเซียนขั้นมายาหยินสองคนนั้นไม่ยากนักสำหรับต้าซานที่มีร่างองครักษ์เทพขั้นรูปธรรมหยาง

“ผู้อาวุโสได้โปรดเมตตา ระดับบ่มเพาะของผู้น้อยได้มาไม่ง่ายนัก ผู้อาวุโสโปรดเมตตา…” ชายวัยกลางคนหวาดกลัวจับใจ วิญญาณดั้งเดิมกำลังอ้อนวอนขอความเมตตาในฝ่ามือหวังหลิน

แขนซ้ายหวังหลินกดลงบนวิญญาณดั้งเดิมชายวัยกลางคน พลังดั้งเดิมพุ่งผ่านแขนซ้ายและเริ่มค้นหาในความทรงจำ

วิญญาณนั้นตกตะลึงและเริ่มแห้งเหี่ยว ใบหน้าเจ็บปวดยิ่ง วิญญาณสั่นสะท้านราวกับแตกสลายได้ทุกเวลา

ขณะที่กำลังค้นหาบางอย่างอยู่นั้นเขากลับรู้สึกชัดเจนว่าวิญญาณกำลังโดนแขนยักษ์ตรวจสอบอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดมหาศาลเพียงพอจะทำให้เขาเป็นบ้าได้

ภายใต้ความเจ็บปวดนี้เขาถูกชำระล้างด้วยความเสียใจไม่มีสิ้นสุด ความเสียใจค่อยๆแพร่กระจายไปทั่ววิญญาณดั้งเดิมทำให้มันค่อยๆแตกสลาย

บางครั้งระดับบ่มเพาะที่ฝึกฝนมานานหลายพันปีกลายเป็นฝุ่นผงก็เนื่องจากเลือกเส้นทางที่ผิด…

เมื่อหวังหลินแยกความทรงจำของชายวัยกลางคนออกมา ดวงตาพลันเยือกเย็นขึ้นดุจกระบี่ชักออกมาครึ่งด้าม จิตสังหารก่อตัวขึ้นภายในอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต

หวังหลินพึมพำ “ดังนั้นมันเป็นเช่นนี้เอง!”

ขณะนั้นเสียงดังป๊อปออกมาไกล แขนแต่ละข้างของต้าซานถือหนึ่งดวงวิญญาณหนึ่งถุงเก็บของกลับมาด้วย

หวังหลินใช้วิชาค้นวิญญาณกับอีกสองวิญญาณดั้งเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ พอรวมความทรงจำทั้งสามคนหวังหลินจึงเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เขาถูกขังไว้

เป็นธรรมดาที่จะไม่ปล่อยวิญญาณดั้งเดิมของสามคนที่คิดปองร้ายเขาไป หวังหลินโยนมันเข้าไปในธงวิญญาณเพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับการเรียกใช้งานวิชาเรียกขานสายลม

ส่วนกระเป๋าของทั้งสามคน หวังหลินตรวจสอบและพบสมบัติวิเศษบางอย่าง เขานำพวกมันออกมาและบดขยี้ทีละชิ้น จากนั้นพ่นแกนพลังดั้งเดิมออกไปเปลี่ยนมันกลายเป็นของเหลวก่อนจะผสานเข้ากับร่างต้าซาน

พลังอำนาจของร่างองครักษ์เทพหลักๆแล้วมาจากสมบัติสวรรค์หายากที่กล่าวถึงในหินหยกสวรรค์ ทว่าสมบัติสวรรค์พวกนั้นสูญพันธุ์ไปนานมากแล้ว

ดังนั้นหวังหลินจึงใช้วิธีที่ดีที่สุดถัดมานั่นก็คือการสกัดสมบัติมากมายเพื่อทำให้องครักษ์เทพแข็งแกร่งขึ้นมากยิ่งขึ้น

ในกระเป่าแต่ละคนมีเศษหินหยกสองชิ้น ตามความทรงจำ หินหยกพวกนี้ใช้สำหรับติดต่อตระกูลเหยา กล่าวได้ว่าตระกูลเหยาจัดกำลังขนาดใหญ่เพื่อมาต่อกรเขาโดยเฉพาะ

เซียนแทบทุกคนในดาราจักรทุกชั้นฟ้าที่อยู่ในขั้นที่สองต่างทำสำเนาหินหยกก้อนนี้ ภาพเสมือนหน้าตาหวังหลินรวมอยู่ในหินหยกด้วย

หวังหลินถือหินหยกสองก้อนด้วยใบหน้ามืดมัว พลันมองออกไปไกล

‘เหยา…หัวหน้าของมหาตระกูลทั้งสี่ พวกเขามีเหตุผลอะไรถึงมาตามล่าข้า…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ

เขามีความขัดข้องใจกับมหาตระกูลทั้งสี่แห่งโดยเฉพาะตระกูลเหยา ไม่เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับบรรพชนโลหิตยังมีเรื่องอุบัติเหตุที่เกี่ยวกับปรมาจารย์น้อยแห่งตระกูลเหยาด้วย ทั้งยังมีเรื่องตำหนักของสะสมอีก

‘มันไม่น่าจะเป็นเรื่องบรรพชนโลหิต…บรรพชนโลหิตรู้ชื่อจริงข้า ดังนั้นถ้ามันเป็นเพราะบรรพชนโลหิต เช่นนั้นชื่อในสาส์นสวรรค์คงไม่ใช่ ‘ซิ่วมู่’ อาจจะเป็น ‘หวังหลิน’ แทน’

‘อย่างไรมันก็มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะข้าไม่เคยใช้ชื่อจริงและชื่อซิ่วมู่ก็ค่อนข้างคุ้นเคย ตระกูลเหยาจึงเลือกใช้ซิ่วมู่ในสาส์นสวรรค์!’

“คล้ายๆกันว่าปรมาจารย์น้อยแห่งตระกูลเหยาที่ต้องการฆ่าลี่หยวนแต่กลับตายในเงื้อมมือข้า ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลเหยา พวกเขาต้องมีวิชาบางอย่างที่รู้เรื่องความเป็นความตายของสมาชิกในตระกูล”

‘ตำหนักของสะสมไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะการล่มสลายของแดนสวรรค์อัสนีทำให้มันไม่น่าเป็นไปได้มากที่สุด’ หวังหลินขบคิด จิตใจเต็มไปด้วยจิตสังหาร

‘สาส์นสวรรค์…ย้ำเตือนให้ข้านึกถึงสาส์นสั่งตายร้อยวันหมื่นปิศาจ!’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างขึ้นและเหาะเหินไปข้างหน้า

เปลี่ยนเป็นอุกกาบาตและพุ่งออกไปท่ามกลางดวงดาว

‘ตระกูลเหยาใหญ่เกินไป จึงไม่มีที่ปลอดภัยในดาราจักรทุกชั้นฟ้า…อีกทั้งยังมีคนแข็งแกร่งมากกว่าบรรพชนโลหิตอีก!’ หวังหลินขมวดคิ้ว จิตใจมืดมน

หวังหลินเหาะเหินไปพลันปรากฏระลอกคลื่นใต้ฝ่าเท้า ครึ่งล่างผสานเข้ากับโลกแต่ไม่ได้ใช้บิดมิติ เขารักษาสภาวะนี้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไป

เขาต้องการคำนวณว่าตระกูลเหยาจะใช้เวลานานแค่ไหนในการส่งคนมาฆ่าเขาหลังจากได้รับตำแหน่งที่อยู่แล้ว

หลังจากนั้นไม่นานนักหวังหลินก็หยุดลง ดวงตาส่องสว่าง มองเห็นปราณกระบี่เจ็ดสายพุ่งตรงเข้าหาเขา

ในเวลาเดียวกันก็มีลำแสงเจ็ดสายพุ่งออกมาจากทางซ้ายและขวา

ลำแสงเจ็ดสายพุ่งออกมาจากด้านหลังหวังหลินด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนเส้นทางทั้งหมดถูกขัดขวางเอาไว้ ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบและพึมพำขึ้นมา “ตั้งแต่ได้รับข้อมูลข่าวสารจนถึงตอนนี้ ใช้เวลาเพียงสองก้านธูปไหม้เท่านั้น ดูเหมือนสมาชิกตระกูลเหยาจะแพร่กระจายไปทั่วดาราจักรทุกชั้นฟ้า!”

ร่างหวังหลินไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว เขากวาดสายตาใส่ทุกคนและหรี่แคบ

‘นี่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าทั้งหมดมาจากตระกูลเหยา ไม่เช่นนั้นตระกูลเหยาคงมีคนมากมายเกินไป ดูเหมือนตระกูลเหยาจะส่งสมาชิกตระกูลแต่ละคนข้ามผ่านไปทั่วดาราจักร จากนั้นติดต่อกับดาวเคราะห์ใกล้เคียงเพื่อที่จะหาข้าเจอในช่วงเวลาสั้นๆ!’

หลังยืนยันการสังเกตได้แล้ว ดวงตาหวังหลินเต็มไปด้วยจิตสังหารและพึมพำออกมา “ข้าไม่ได้ฆ่าใครมานานแล้ว…ข้าไม่สามารถฆ่าคนยุคโบราณได้แต่ข้าจะฆ่าคนหนุ่มคนรุ่นหลังที่ก้าวล่วงเกินได้!”

ร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหาร เดิมทีเขาไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว ตอนนี้ถูกเซียนยี่สิบแปดคนที่เต็มไปด้วยจิตสังหารล้อมเอาไว้ ชัดเจนว่าพวกเขามีความคิดที่จะสังหาร

เพียงแค่กวาดสัมผัสวิญญาณไปหวังหลินก็มองทะลุระดับบ่มเพาะของทั้งหมดได้ เจ็ดคนทางซ้ายอ่อนแอที่สุด!

ในหมู่ลำแสงทั้งเจ็ดนี้ มีสี่คนอยู่ในขั้นมายาหยินและที่เหลือสามคนขั้นเทวะสูงสุด ทั้งหมดพุ่งเข้าหาเขาด้วยจิตสังหารเข้มข้น ระลอกคลื่นกระจายไปทั่วร่างหวังหลินพลางก้าวเท้าไปทางซ้ายด้วยใบหน้าเย็นชา

ร่างหวังหลินหายวับไปในพริบตา สีหน้าเซียนทั้งหมดที่จับจ้องเขาเปลี่ยนไปทันที ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏด้านข้างลำแสงเจ็ดสายพร้อมกับหวังหลินเดินออกมา

สองดัชนีทำท่ากระบี่และตวัดลงอย่างโหดเหี้ยม!

ตัดสวรรค์หนึ่งสายพุ่งออกไปดุจคมมีดล่องหน เซียนขั้นเทวะสูงสุดทั้งสามคนร้องโหยหวนออกมา ร่างกายแตกสลายและตายทันที

เสียงป๊อปดังขึ้นต่อเนื่องจากนั้นหมอกโลหิตเต็มไปทั่วบริเวณ สีหน้าสี่คนที่เหลือพลันเปลี่ยนควับและกระจายตัวออกทันที ทว่าในสายตาหวังหลินซึ่งอยู่ในขั้นรูปธรรมหยาง พวกเขากลับช้าเกินไป

หวังหลินไล่ตามหลังเซียนขั้นมายาหยินหนึ่งในนั้นด้วยสายตาจิตสังหาร ตัวประกอบคนนี้เป็นชายวัยกลางคน เมื่อหวังหลินไล่ตาม เขาเผยสายตาโหดร้าย ฝ่ามือสร้างผนึกโคจรพลังดั้งเดิมและกำลังจะใช้วิชาดั้งเดิมขึ้นมา

หวังหลินเยาะเย้ย ร่างกายกระพริบวาบและชี้ไปข้างหน้า ชายตัวประกอบหยุดกึกทันที หวังหลินก้าวเท้าไปบนหน้าผากชายตัวประกอบราวกับกำลังใช้เป็นที่หยั่งเท้า

จากนั้นร่างชายตัวประกอบระเบิดเสียงดังปัง วิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาด้วยความตื่นตระหนก ทว่าหมอกสีดำสายหนึ่งโผล่ออกมาจากธงของหวังหลินและห่อหุ้มรอบวิญญาณเขาเอาไว้

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงพริบตา หวังหลินก็สังหารคนไปสี่คนแล้ว!

กลิ่นคาวเลือดฟุ้งเต็มทั่วบริเวณ ขณะนี้อีกสามกลุ่มพุ่งเข้ามาใกล้หวังหลินอย่างรวดเร็ว เสียงตะโกนและเสียงคำรามเต็มไปทั่วท้องฟ้าพร้อมกับใช้สมบัติวิเศษและวิชาเซียนมากมาย พวกเขาพุ่งตรงทั้งหมดมาที่หวังหลิน

การโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาจากสามคน พวกเขาต่างเป็นชายชราและระดับบ่มเพาะไม่อ่อนด้อยไปกว่าของหวังหลิน หนึ่งในนั้นถึงกับเหนือกว่าหวังหลินเล็กน้อยซึ่งก็คือขั้นรูปธรรมหยางสูงสุด

ไม่ว่าหวังหลินจะแข็งแกร่งแค่ไหน หากการโจมตีจากเซียนมากกว่ายี่สิบคนตกลงใส่ร่างกาย ถ้าไม่ตายก็คงบาดเจ็บหนัก ทว่าหวังหลินยังคงมีสายตาสงบนิ่ง จิตสังหารในร่างเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

พลันก้าวมาข้างหน้า ตอนที่เหาะเหินมาก่อนนี้เขาไม่ได้เตรียมการเอาไว้ คงเหลือการผสานกับโลกไว้ครึ่งส่วน ภายใต้สภาวะนี้เขาสามารถใช้บิดมิติเร็วยิ่งขึ้น

เพียงก้าวเดียวร่างหวังหลินก็หายไป การโจมตีทั้งหมดพลาดเป้า จากนั้นร่างหวังหลินพลันปรากฏขึ้นด้านหลังเซียนขั้นรูปธรรมหยางคนหนึ่ง

หวังหลินใช้ตัดสวรรค์โดยไม่ลังเล ร่างกายเซียนสั่นเทาก่อนจะตอบสนอง เนื่องจากเป็นขั้นรูปธรรมหยางจึงกระตุ้นพลังดั้งเดิมเข้าต่อต้าน ขณะที่กำลังจะสร้างผนึกขึ้นมาเพื่อสลายความเจ็บปวด ดัชนีหวังหลินเข้าประทับบนแผ่นหลัง

ร่างกายเซียนแตกสลายเสียงดังปัง ดวงวิญญาณดั้งเดิมลอยออกมาในไม่ช้าและถูกธงวิญญาณจับเอาไว้ ในเวลาเดียวกันหวังหลินก็ก้าวเท้าถอยหลังและเลือนหายไปอีกครั้ง

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไป เมื่อเซียนรอบด้านตอบสนองได้ หวังหลินก็หายตัวไปแล้ว

หวังหลินได้เห็นเส้นทางสู่ขั้นที่สามและเชี่ยวชาญบิดมิติ เขาสามารถล่องหนหายตัวได้อย่างสมบูรณ์ในการต่อสู้แบบนี้!

นี่คือวิธีที่ขุนนางเทพฉิงชุ่ยใช้ในการต่อสู้กับเซียนหลายร้อยคนโดยไม่ได้รับความเสียหายอันใด หวังหลินเรียนรู้วิธีการแบบนี้มาจากเขา!

——

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version