827. เหยาปิงหยุน
ระลอกคลื่นปรากฏในพื้นที่สว่างไสวแห่งหนึ่งในดาราจักรทุกชั้นฟ้า หวังหลินก้าวเท้าเดินโซซัดโซเซใบหน้าซีด การต่อสู้กับเหยาชางตงอันตรายเกินไป แค่เขาประมาทเล็กน้อยก็คงตายได้แล้ว
‘เหยาชางตงคู่ควรที่จะเป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นจริงๆ ช่องว่างระหว่างเรายิ่งใหญ่นัก! ถ้าข้าบรรลุขั้นส่องสวรรค์ การฆ่าเขาไม่ใช่เรื่องยาก’ หวังหลินดวงตาดุดัน เขาไม่สามารถผสานเข้ากับโลกได้นานเกินไป ตอนนี้เมื่อปรากฏตัวขึ้นพลันเหาะเหินอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่อึดใจเขาก็ผสานตัวเข้ากับโลกอีกครั้ง
“ตอนนี้ข้าต้องหาสถานที่ฟื้นกำลัง เมื่อข้าฟื้นตัวได้ ข้าจะไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลเหยาอีก!”
ขณะที่ร่างหวังหลินหายตัวไป ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นและสตรีเย็นชาเดินออกมา หลังจากนั้นนางขมวดคิ้วมองตำแหน่งที่หวังหลินหายไปและเอ่ยเสียงเบา ‘ใช้บิดมิติสองครั้งในคราเดียว พลังงานความเข้าใจในโลกของหวังหลินช่างแข็งแกร่งนัก!’
ถ้ามีคนในตระกูลเหยาอยู่ที่นี่ พวกเขาคงจดจำนางได้ ชื่อของนางคือเหยาปิงหยุน ในเขตฝั่งตะวันออก นางถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามฟินิกซ์!
ฟินิกซ์น้ำแข็งเหยาปิงหยุน นางถือได้ว่าเป็นยอดเซียนสามคนแรกในด้านระดับการบ่มเพาะในรุ่นที่สามของตระกูลเหยา ใบหน้านางมักจะเย็นชาอยู่ตลอด แม้แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับสมาชิกตระกูลของตัวเอง นางก็ยังพูดไม่แยแส
พรสวรรค์ของนางไม่ได้ดีเยี่ยมในตระกูลเหยา แต่การแสวงเต๋าถือว่าเหนือล้ำเหนือจินตนาการ หลังบรรลุขั้นเทวะมาได้นางจึงแสวงเต๋าของตนเอง นางเริ่มบ่มเพาะวิชาเทพที่มีชื่อว่าผนึกวิญญาณ
วิชาเทพนี้คือการผนึกสัมผัสของวิญญาณดั้งเดิม ดวงตาไม่อาจมองเห็น ปากไม่อาจพูด หูไม่อาจได้ฟัง จมูกไม่อาจได้้กลิ่น ถือว่าเป็นหนึ่งในสามวิชาต้องห้ามของตระกูลเหยา มีน้อยคนที่สามารถสงบจิตใจตัวเองเพื่อฝึกฝนมันได้ เหตุผลสำคัญที่สุดที่ถูกเรียกว่าวิชาต้องห้ามก็เพราะถ้าหากฝึกฝนวิชานี้ไปด้วยและประมาทเพียงเล็กน้อย ก็จะถูกขังไว้ในผนึกและตายอยู่ในนั้น
ตลอดหลายรุ่นอายุคน สมาชิกตระกูลเหยามากมายตายตกไปจากการฝึกวิชานี้ ดังนั้นจึงค่อยๆมีคนฝึกฝนมันน้อยลงและน้อยลง
เหยาปิงหยุนคงสภาวะและปิดด่านฝึกตนห้าร้อยปีอยู่ในดาวน้ำแข็งของตระกูลเหยา
หลังออกจากการปิดด่านฝึกตนมาได้ นางเย็นชายิ่งกว่าเดิมราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ไม่ว่านางจะไปทางไหนก็มักจะพาให้เกิดความกลัวไปด้วย ชีวิตนางทุ่มเทให้กับเต๋า ความมุ่งมั่นไม่อาจจินตนาการถึง!
ท่ามกลางลูกหลานรุ่นที่สามของตระกูลเหยา มีเพียงสองคนเท่านั้นที่เข้าใจวิชาบิดมิติ เหยาปิงหยุนคือหนึ่งในนั้นและนางเข้าใจมันลึกล้ำมากกว่าคนอื่น!
หลังถอนสายตาออกมา นางก้าวไปข้างหน้าไล่ตามไปด้วยใบหน้าเย็นเยียบ
การไล่ตามนี้กินเวลาสิบวัน ในที่สุดหวังหลินก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและยิ่งระมัดระวังเพิ่มขึ้น
ช่วงระยะสิบวันนี้เหยาปิงหยุนไล่ตามหลังเขาไปอย่างใกล้ชิด เดิมทีด้วยอารมณ์ของนางแล้ว นางคงไม่เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องราวในตระกูล ถ้านางมีเวลาก็จะใช้ไปกับการปิดด่านบ่มเพาะเข้าใจสวรรค์
ทว่าท่านเทพโลหิตผู้เป็นบรรพชนตระกูลเหยาได้กล่าวบางอย่างตอนที่เขาปลดปล่อยสาส์นสวรรค์ออกมา ใครที่สังหารซิ่วมู่เป็นการส่วนตัวจะสามารถใช้พลังทั้งตระกูลกระทำได้หนึ่งอย่าง!
เป็นเหตุผลต้นเรื่องว่าทำไมเหยาปิงหยุนถึงตัดสินใจลงมือ!
‘น้องสาว…ข้าต้องช่วยเจ้า…’ เหยาปิงหยุนกัดริมฝีปากเล็กน้อยพลางหายตัวไปในความว่างเปล่าและไล่ตามอย่างต่อเนื่อง
ระยะเวลาสิบวันที่ผ่านมานี้ ข่าวการปรากฏตัวของซิ่วมู่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเรื่องที่มีหลายตระกูลก่อตั้งกลุ่มขึ้นมาจำนวน 28 คนเข้าขัดขวางเขา ท้ายที่สุดซิ่วมู่ก็ฆ่าคนไป 26 คนและเหลือหลบรอดหนีได้เพียงแค่สองคนเท่านั้น
เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความปั่นปวนขนาดใหญ่ บางคนที่ลืมเรื่องซิ่วมู่ไปแล้วกลับนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับซิ่วมู่ในแดนสวรรค์อัสนีขึ้นมาได้
สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากขึ้นก็คือในจำนวน 28 คนนั้น มีขั้นรูปธรรมหยางสามคน มายาหยินเก้าคน และขั้นเทวะระดับสูงสุดสิบหกคน เพียงแค่กลุ่มนี้ซิ่วมู่ยังสามารถสังหารพวกเขาได้ง่ายๆ แม้จะมีสองคนหนีรอดไปได้ ตอนที่หนึ่งในนั้นกลับมา เขาประกาศตัวทันทีว่าตระกูลของเขาและดาวเคราะห์จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวเรื่องซิ่วมู่และตระกูลเหยา!
อีกคนก็เป็นขั้นรูปธรรมหยาง เขาตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่ วิญญาณดั้งเดิมได้รับความเสียหาย เมื่อกลับมาเขาก็ปิดด่านบ่มเพาะทันทีทั้งยังประกาศตนไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก!
ข่าวชุดนี้ได้กระตุ้นความทรงจำจากจิตใจของเซียนในดาราจักรทุกชั้นฟ้าอย่างสิ้นเชิง!
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันนั้น ข่าวเรื่องเหยาชางตง สมาชิกรุ่นที่สามของตระกูลเหยาผู้ซึ่งบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น ข่าวการถูกซิ่วมู่สังหารรั่วไหลออกไป กลายเป็นพายุพัดกระหน่ำใส่ดาราจักรทุกชั้นฟ้า!
ภายใต้สาส์นสวรรค์ของตระกูลเหยา คนที่ถูกส่งไปฆ่ากลับถูกฆ่าเสียเอง นอกจากทำให้เหล่าเซียนตกตะลึงแล้ว นี่ยิ่งทำให้พวกเขาจดจำชื่อ “ซิ่วมู่” มากไปอีก
ทำนองเดียวกันตระกูลเหยาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว สมาชิกตระกูลเหยาและตระกูลเซียนที่พวกเขามีสัมพันธ์กันต่างก็รีบรวมตัวกันมาที่ฝั่งตะวันออก
คนมากมายก่อตัวปิดล้อมป้องกันคนเข้ามาใกล้ในพื้นที่
ณ ขณะนี้หวังหลินดำเนินการผสานตัวกับโลกพร้อมกับระมัดระวังไปด้วย เขาไม่ได้ทิ้งระยะไกลนักเพื่อให้คนที่ผสานตัวตามมาคลาดกัน
แม้เขาจะไม่เห็นคนที่ตามมา ความรู้สึกว่ากำลังโดนไล่ตามยิ่งเด่นชัดอย่างยิ่ง หวังหลินตัดสินใจผสานตัวกับโลกและไม่ออกมา แทนที่จะเปลี่ยนทิศทางไปเรื่อยๆ
ซึ่งทำให้พวกเขากำลังแข่งกันว่าใครมีความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งกว่า คนที่มีความเข้าใจลึกซึ้งจะสามารถผสานตัวกับโลกได้นานกว่า
ถ้าอีกฝ่ายออกมาก่อน หวังหลินจะต้องรุกและไม่ปล่อยให้รู้ตำแหน่งเขา
หวังหลินได้รับประสบการณ์การผสานกับโลกเป็นเวลานานตอนที่ปรมาจารย์จงเฉินควบคุมร่างกายเขา ตอนนี้เขากัดฟันแน่นและสามารถคงสถานะผสานกับโลกได้แล้ว
เวลาค่อยๆผ่านไป แม้ความเข้าใจของเหยาปิงหยุนจะลึกซึ้งก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่หวังหลินพบเจอมา หลังจากผ่านไปวันที่สิบหกนางก็ไม่สามารถทนได้นานกว่านี้พลันปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า
ขณะที่นางปรากฏตัว หวังหลินซึ่งเป็นคนที่นางใช้สัมผัสวิญญาณตามรอยเอาไว้ขณะผสานตัว เป้าหมายได้หายไปแล้ว
เหยาปิงหยุนใบหน้าสงบนิ่งพลางใช้ฝ่ามือสัมผัสกระเป๋านำกระจกเล็กๆออกมา ฝ่ามือซ้ายสร้างผนึกราวกับกำลังพยากรณ์อะไรบางอย่าง หลังจากนั้นสักพักนางก็ผสานตัวกับโลกอีกครั้ง
ร่างหวังหลินปรากฏตัวข้างๆกับดาวเคราะห์เซียนที่ถูกทิ้งร้างในชายแดนเขตเหนือกับเขตตะวันตก เมื่อปรากฏตัวขึ้นมา ใบหน้าไร้สีสัน เขาบาดเจ็บสาหัสและบังคับให้วิ่งมาเป็นเวลายาวนาน นอกจากนี้ยังต้องผสานกับโลกให้ยาวนานอีก ดังนั้นจึงทำให้อาการบาดเจ็บย่ำแย่ ตอนนี้ดวงตาส่องสว่างวาบ หลังจากมั่นใจได้ว่าคนที่ตามมาหายไปด้านหลังเรียบร้อยแล้ว เขาจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
‘ตระกูลเหยาต้องมีแผนของแต่ละคนไว้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปทุกก้าวจะยากขึ้นไปอีก!’ ร่างหวังหลินกระพริบวาบพุ่งเข้าหาดาวเคราะห์เซียนที่ถูกทิ้งร้าง
บนดาวไม่มีพลังปราณใดๆและมีแต่ซากปรักหักพังอยู่ทุกที่ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
หวังหลินพบแอ่งน้ำแห่งหนึ่งบนดาวเคราะห์ หลังจากนั่งลงไปพลันตบกระเป๋านำธงวิญญาณออกมา เปลี่ยนมันกลายเป็นหมอกสีดำเต็มไปทั่วบริเวณ พอวางกฏเกณฑ์ลงไปหลายจุดเขาก็หลังตาลง ต้าซานเดินออกมาจากเงาด้านหลังและนั่งข้างเขา แขนขวาแตกหัก ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลและเขาดูท้อแท้
หวังหลินรู้ตัวว่าเขาถูกจำกัดเวลาเอาไว้ เขาต้องฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้เร้วที่สุดจนสามารถอยู่ในสภาวะสูงสุด มีเพียงสภาวะนั้นเขาจึงจะสามารถเอาชีวิตรอดได้
ขณะบ่มเพาะ หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมายื่นเข้าหาหมอกสีดำ วิญญาณดั้งเดิมขั้นมายาหยินหนึ่งดวงถูกจับเอาไว้ ก่อนที่มันจะร้องอ้อนวอนขอความเมตตา หวังหลินบดขยี้มันและกลืนกินพลังดั้งเดิมทันที
วินาทีต่อมาดวงตาหวังหลินส่องสว่าง คว้าวิญญาณอีกดวงและกลืนกินเข้าไป
ทำการจัดแจงพลังงานในร่างกายและดูดซับอย่างต่อเนื่อง หลังผ่านไปหกชั่วยามและวิญญาณดั้งเดิมสี่ดวง คลื่นพลังดั้งเดิมอันทรงพลังก็พรั่งพรูอยู่ในร่างกายหวังหลิน เขาลืมตาขึ้นมาเต็มไปด้วยจิตสังหาร หลังจากนั้นแขนขวายื่นออกไปพลันปรากฏกระเป่าหลายใบ
กระเป๋าพวกนี้เป็นของคนที่เขาฆ่าไป หวังหลินลบสัมผัสวิญญาณแต่ละชิ้นโดยไม่คิดอะไรมากและนำสมบัติทั้งหมดออกมาบดขยี้และผสานกลายเป็นของเหลวใส่ต้าซาน
ในกระเป๋าพวกนี้มีสมบัติทุกประเภท ทั้งหมดถูกหวังหลินบดขยี้เพื่อซ่อมแซมร่างกายต้าซาน
อีกสองวันผ่านไป กระดูกต้าซานก็ฟื้นฟู แม้เขายังคงอ่อนแอเล็กน้อยแต่ก็ไม่สาหัสอีกแล้ว
แววตาหวังหลินกระพริบจิตสังหารพลันลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ ต้าซานติดตามอย่างรวดเร็วและผสานเข้ากับเงาของหวังหลิน
หวังหลินยื่นมืออกไปรวบรวมหมอกสีดำอย่างรวดเร็วและก่อตัวกลายเป็นธงผืนใหญ่ในฝ่ามือ แค่สะบัดหนึ่งคราหวังหลินก็เก็บมันใส่ในกระเป๋า
ขณะนั้นร่างทรงเสน่ห์ของเหยาปิงหยุนก็ปรากฏตัวด้านนอกดาวเคราะห์ที่หวังหลินใช้ฟื้นตัว ใบหน้านางเย็นเยียพลางนำกระจกออกมามอง ภาพข้างในกระจึือหวังหลินกำลังลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
นางยกแขนขึ้นมาและกำลังจะกดดัชนีลงกระจก ทว่าขณะนั้นกระจกพลันแตกก่อนที่นิ้วจะกดลงได้ทัน
จิตสังหารโผล่ออกมาจากดาวเคราะห์ ใจกลางจิตสังหารคือหวังหลิน เขาพุ่งออกมาจากดาวเคราะห์ดุจกระบี่ที่ชักออกมาจากฝัก ทรงกลมสายฟ้าม่วงหลายก้อนล้อมรอบหวังหลินและทำให้เขาเร็วยิ่งขึ้น
เขาพุ่งออกมาจากดาวเคราะห์ในพริบตาและตรงมาหาเหยาปิงหยุน
เหยาปิงหยุนยังคงสงบนิ่ง นางจ้องหวังหลินที่กำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ยกแขนขึ้นมาชี้ใส่ ดัชนีควบแน่นเป็นผลึกน้ำแข็งสีฟ้า
เหยาปิงหยุนกล่าวเบาๆ “ทลายน้ำแข็ง!”
กลิ่นอายเย็นยะเยือกแพร่กระจายออกอย่างบ้าคลั่ง อวกาศเริ่มถูกแช่แข็งตั้งแต่นิ้วเหยาปิงหยุนและแพร่กระจายออกมาอย่างรวดเร็วทั้งยังเกิดเสียแตกร้าวดังสนั่น
รูม่านตาหวังหลินหดลงแต่ไม่ได้ล่าถอย สายฟ้าทั้งหมดในร่างกายแผ่ออกมาเข้าปะทะกับน้ำแข็งที่กำลังรุกคืบ