Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 833

Cover Renegade Immortal 1

833. ตื่น

แม้เสียงนี้ไม่ได้ดังนักแต่กลับบรรจุพลังอำนาจที่สามารถส่งผลกระทบต่อวิญญาณดั้งเดิมได้ เหล่าเซียนด้านนอกดาวเคราะห์ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่เซียนข้างในกลับรู้สึกถึงพลังของมันได้อย่างชัดเจน

ท่ามกลางเซียนเหล่านี้มีทั้งคนจากตระกูลเหยาและคนจากตระกูลเซียนอื่นๆ ร่างแต่ละคนสั่นเทา ก่อเกิดความกลัวขึ้นในวิญญาณและแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่ง

เกือบทุกคนมีความคิดแรกคือต้องหนี และทั้งหมดต่างก็พุ่งขึ้นเบื้องบน บางคนอยู่ใกล้กับผิวดิวจึงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่าหนวดบนพื้นผิวห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้เร็วมาก

หนวดยาวก่อตัวเป็นชั้นป้องกันเหนียวแน่น ทุกคนที่ต้องการพุ่งออกไปต่างก็ล้มเหลว

ขณะที่พวกเซียนพุ่งตัวออกไปทีละคน หมอกสีดำก็โผล่ออกมาจากหนวดมากมายจนไม่มีใครสามารถออกไปได้!

วิชาและสมบัติทั้งหมดไม่มีผลกระทบต่อหนวดพวกนี้ มีเซียนคนหนึ่งพุ่งออกไปและถูกหนวดนับไม่ถ้วนรัดตัวเอาไว้ ร่างกายถูกบดขยี้ทันที วิญญาณดั้งเดิมยังถูกหนวดพวกนั้นดูดซับไปอีก

เหตุการณ์นี้ทำให้เซียนรอบด้านทั้งหมดต่างหวาดกลัว

เหยาปิงหยุนปรากฏตัวขึ้นจากน้ำแข็งที่ไหนสักแห่งข้างในตัวอสรพิษ ขณะที่นางปรากฏตัวขึ้นมาพลันกระอักโลหิตสีดำออกจากปาก ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวและราวกับมีเส้นสีดำเคลื่อนไหวอยู่บนใบหน้า

‘นี่มันวิชาแบบไหนกัน!?’ ร่างเหยาปิงหยุนสั่นเทาและกระอักโลหิตอีกครั้ง ราวนี้โลหิตสีดำเข้มกว่าเดิม!

ตอนที่นางเข้าไปในน้ำแข็ง สายลมทมิฬนั้นเข้ามาในร่างกายของนางและก็รู้สึกเย็นเยียบ ด้วยวิชาเซียนที่นางฝึกฝนจึงไม่รู้สึกถึงความเย็นได้ แต่ตอนนี้ความเย็นนั้นในร่างกายกลับชัดเจนยิ่ง

สิ่งที่ทำให้นางตกตะลึงก็คือหลังจากสายลมทมิฬเข้ามาในร่างกายและถูกนางขับไล่ออกไปได้เกือบหมด มันยังมีร่องรอยที่นางไม่สามารถสลายออกไปได้ นี่ยิ่งทำให้นางรู้สึกเย็นเยียบและร่างกายอ่อนแอ สิ่งที่นางหวาดกลัวมากขึ้นก็มีมีสัญญาณว่าพลังดั้งเดิมของนางกำลังหายไป

ใบหน้าเหยาปิงหยุนยิ่งเขียวคล้ำมากขึ้น นางสูดหายใจลึกและพุ่งตัวออกไปจากพื้นดิน ขณะที่ปรากฏตัวออกมานางเห็นหนวดส่ายไปส่ายมานับไม่ถ้วนและไม่มีเซียนคนใดออกไปได้

ตอนที่เหยาปิงหยุนเห็นหนวดมากมายก่อนหน้านี้นางแค่รู้สึกแปลกประหลาดเท่านั้นและไม่คิดอะไรมาก ทว่าตอนนี้ด้วยไหวพริบของนางจึงตระหนักได้ทันทีว่าหนวดพวกนี้เหมือนกับเจ้าตัวอสูรดุร้ายที่โจมตีนางเมื่อครู่!

รูม่านตาเหยาปิงหยุนหดแคบลง ความหนาวเย็นโผล่ออกมาจากในใจและแพร่กระจายไปทั่วร่างกายทำให้หนังศีรษะด้านชา นางจ้องหนวดนับไม่ถ้วน ใบหน้าเกลียดยิ่งนัก สายตาหวาดกลัวและไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น

‘นี่…หนวดพวกนี้…พวกเซียนจากเขตเหนือกล่าวถูกต้อง ดาวเคราะห์เซียนนี้เป็นอสูรที่ข้าเจอก่อนหน้านี้แต่มีขนาดใหญ่มหึมาหลายเท่า!’

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงดำเนินต่อไป ท้ายที่สุดพื้นดินก็เริ่มพังทลาย เศษผงแผ่กระจาย วินาทีต่อมาเสียงคำรามแรงกล้าโผล่ออกมาจาภายในดาวเคราะห์

ขณะนี้หวังหลินกำลังตัดเส้นด้ายแดงอย่างต่อเนื่อง เมื่อไหร่ที่เส้นหนึ่งถูกตัดขาย อสรพิษพิฆาตจันทร์จะสั่นอย่างรุนแรง

ขณะที่มันบ้าคลั่ง หวังหลินก็ค่อยๆลึกเข้าไปในช่องว่าง ยิ่งลึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีเส้นด้ายหนาแน่นมากเท่านั้น แววตาหวังหลินเย็นเยียบใช้ตัดสวรรค์อย่างต่อเนื่องและเส้นด้ายแดงมากมายถูกตัดขาด

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดลง ด้ายแดงหนาเท่าลำตัวคนที่ยืดยาวขึ้นลงพลันปรากฏอยู่ตรงหน้า เส้นด้ายแดงนี้หนาแน่นมากกว่าเส้นด้ายอื่นๆที่เขาเคยเห็น ดวงตาส่องสว่างวาบพลางพุ่งออกไปและฉีกกระชากมันโดยไม่ลังเล

เสียงร้องคำรามกึกก้องอันบ้าคลั่งผ่านอสรพิษพิฆาตจันทณ์ตอนที่เส้นด้ายแดงนี้ถูกหวังหลินตัดขาดสะบั้น!

เสียงดังสนั่นนี้เป็นจุดเร่ิมต้นการพังทลายครั้งสุดท้าย กลิ่นอายโบราณค่อยๆแผ่กระจายออกมาทิ้งให้เซียนด้านนอกตกตะลึง พวกเขาเห็นช่องว่างหนึ่งปรากฏอยู่ใจกลางดาวเคราะห์เซียนและค่อยๆคลี่ออกมากลายเป็นอสูรทรงกลมขนาดใหญ่!

กลิ่นอายความกริ้วโกรธแผ่กระจายออกมา อสรพิษพิฆาตจันทร์ได้ตื่นขึ้นแล้ว!

ขณะที่มันตื่นขึ้น หวังหลินระงับกลิ่นอายตัวเองและซ่อนตัวตนทันที เขานั่งสมาธิลงและตื่นตัวตลอดเวลา

กรรร!

เสียงคำรามดุจพายุสายฟ้านับไม่ถ้วนดังกึกก้องจากอสรพิษ ราวกับคลื่นกระแทกมากมายแผ่กระจายออกมาจนทำให้เซียนรอบด้านต้องถอยร่นต่อเนื่อง

ไม่ว่าพวกเขาจะมีระดับบ่มเพาะเท่าไหร่ ต่างก็รู้สึกเกิดความหวาดกลัวที่มิอาจต่อต้านได้ตอนที่เผชิญหน้ากับอสรพิษพิฆาตจันทร์

หนวดหยาวหลายเส้นค่อยๆแผ่ออกและส่ายไปมา ขณะเดียวกันรอยแยกขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏตรงจุดที่หัวของอสรพิษตั้งอยู่

“นี่…นี่มันอะไรกัน!!”

“ดาวเคราะห์เซียนดวงนี้เป็นอสูรดุร้ายจริงๆ! เราจะฆ่าไอ้ตัวนี้ได้อย่างไร?!”

“อสูรตัวนี้ต้องคงอยู่มานับตั้งแต่ก่อนแดนสวรรค์ล่มสลาย ซิ่วมู่นำเรามาที่นี่เสมือนยืมมืดมาฆ่า!”

“เราไม่อาจต่อสู้กับอสูรตัวนี้ได้ รีบถอยเร็ว!”

เสียงอุทานออกมาจากทุกที่ เซียนมากกว่าครึ่งถอยร่นโดยไม่ลังเล ในสายตาแต่ละคน เจ้าตัวนี้ไม่สามารตถต่อต้านได้เลยเว้นแต่จะมีระดับบ่มเพาะสูงสุดในขั้นสอง

อสรพิษพิฆาตจันทร์โกรธเกรี้ยวยิ่ง ขณะนี้ความเจ็บปวดในร่างกายมันไม่สาหัสนักและแค่เพียงพอให้ตื่นขึ้นมา สิ่งที่มันโกรธจริงๆคือมันพึ่งหลับไปไม่นานก่อนที่จะถูกขัดอีกครั้ง

หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ไม่ต่างอะไรกับมันกระพริบตา ในความคิดมันเหมือนพึ่งงีบไปครู่เดียวก่อนจะถูกปลุกขึ้นมาอีกแล้ว

ความรู้สึกนี้ทำให้มันหงุดหงิดยิ่งนัก เมื่อมันเห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆนับไม่ถ้วนต้องการหลบหนี มันจึงร้องคำรามออกมาทันที เสียงคำรามนี้ทรงพลังมากกว่าก่อนหลายเท่าตัว รอยร้าวมากมายปรากฏขึ้นท่ามกลางดวงดาวและแผ่กระจายไปทั่วทั้งเขตเหนือ

ร่างเซียนบางคนเกิดการระเบิดขึ้นมาทันที แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้และแตกสลาย

ความกริ้วโกรธของอสรพิษไม่ลบเลือนหายไปแต่พึ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น สำหรับอสรพิษพิฆาตจันทร์แล้วมันแค่เคลื่อนไปข้างหน้าแต่สำหรับเหล่าเซียนมันคืออสูรยักษ์โหดเหี้ยมกำลังพุ่งใส่พวกเขา

รูม่านตาของเซียนทั้งหมดที่อยู่ข้างในพลันหรี่แคบทันที…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version