Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 868

Cover Renegade Immortal 1

868. ไม่มีคุณสมบัติ 2

แววตาหลัวซู่เย็นเยียบยิ่งขึ้น แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายมาจากตระกูลซิ่วแห่งดาวตงหลิน เขาก็ระงับความโกรธของตัวเองเอาไว้และพ่นลมหายใจเย็น “ผ่านคุณสมบัติ!”

หลังกลืนกินยักษ์ทอง ซิ่วถิงหัวเราะเสียงดังและถอยตัวไปพร้อมกับหอกดำ เขากลับไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้าย มองหวังหลินด้วยสายตาหาเรื่อง

หลัวซู่ใบหน้ามืดมนพลางชี้ใส่คนที่เหลือในท้องฟ้า คราวนี้นิ้วไปตกลงตรงหวังหลิน

“เจ้า ลงมา!” ดวงตาหลัวซู่ส่องสว่างจนแยกไม่ออก เขารู้จักใบหน้าหวังหลินแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่เขามาเป็นคนตัดสินในบททดสอบแรกก็คือหวังหลิน!

หวังหลินสงบนิ่งก้าวเดินลงหาพื้นที่สี่เหลี่ยม หลัวซู่รู้สึกว่าหวังหลินช้าเกินไป เขาพ่นลมหายใจเย็นและใช้แขนยักษ์ยื่นหาหวังหลิน

หวังหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย แขนขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้ามาก่อตัวเป็นลมกรรโชค ถ้าเขาไม่หลบหรือต่อต้าน แม้จะผ่านบททดสอบนี้ไปได้เขาก็คงได้รับบาดเจ็บ

หวังหลินไม่ใช่คนที่ยอมให้คนอื่นแกล้ง แววตาเย็นเฉียบ ดวงตาที่สามระหว่างคิ้วพลันเปิดขึ้นทันที แสงสีแดงโผล่ออกมาจากดวงตาเป็นรูปพัดปกคลุมแขนยักษ์ทันที

หวังหลินเดินต่อไปโดยไม่หยุดชะงัก แสงสีแดงปกคลุมแขนยักษ์จนเกิดเสียงดังป๊อปออกมาและแตกสลาย หวังหลินร่อนลงบนสนาม คำนับฝ่ามือให้หลัวซู่และเอ่ยขึ้นท่าทีนิ่งๆ “โปรดชี้แนะด้วย!”

เมื่อปรมาจารย์จงเฉินเห็นแบบนี้ ดวงตาส่องสว่างขึ้น ตอนที่เขาเห็นแสงสีแดงราวกับเขาเกิดความเข้าใจบางอย่าง ในสายตาที่มองหวังหลินแฝงความชื่นชมไปด้วย

‘เด็กคนนี้มีวิชาแบบนั้นจริงๆ แม้จะขาดพลังอยู่บ้างแต่วิชานั้นแฝงเต๋าอันยิ่งใหญ่!’

ฉิงชุ่ยชำเลืองมองหวังหลินด้วยสายตานิ่งๆและถอนสายตาออกมา

นอกจากสองคนที่กล่าวมา มีชายชราอีกคนหนึ่งดวงตาส่องสว่างขึ้นเช่นเดียวกัน เทพโลหิตใบหน้ามืดมนและเยาะเย้ยอยู่ในใจ

นอกจากพวกเขามีอีกไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นความอัศจรรย์ของตาที่สามได้ บรรพชนของซื่อจื่อเฟิงถอนหายใจและพึมพำ “เขายังหนุ่มยังแน่นทั้งมีระดับบ่มเพาะทรงพลังขนาดนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา!”

หลัวซู่มืดมนยิ่งขึ้น วิชาของหวังหลินแค่ทำให้เขาตกตะลึงเล็กน้อย เขาจ้องหวังหลินและแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมา ยักษ์ทองปรากฏขึ้นปลดปล่อยแสงรุนแรงทันที มันนำพาเอาพลังที่สามารถสั่นสะเทือนวิญญาณไปด้วยและพุ่งใส่หวังหลิน

ยักษ์ทองโยนกำปั้นออกไป บรรจุพลังที่สามารถส่งผลกระทบต่อวิญญาณดั้งเดิมได้ หวังหลินรู้อยู่แล้วจากที่สังเกตการณ์มา ฝ่ามือจึงสร้างผนึกและเกิดกฏเกณฑ์ขึ้นรอบตัว

กฏเกณฑ์ทั้งหมดทับซ้อนกันอย่างหนาแน่น พริบตานั้นมันก็แยกตัวและล้อมรอบบริเวณ

จังหวะที่ยักษ์ทองเข้าใกล้ หวังหลินชี้นิ้วให้กฏเกณฑ์เหล่านั้นลอยออกไป เอ่ยขึ้นมาด้วยแววตานิ่งเฉย “ผนึก!”

กฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนเข้ารุมล้อมรอยักษ์ทอง ร่อนลงใส่ทีละชั้นต่อกัน เมื่อถึงตอนที่มันเข้าใกล้หวังหลิน มันก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้อีกและถูกหวังหลินผนึกอย่างสมบูรณ์

ตั้งแต่ที่หวังหลินร่อนลงมาในสนาม เขาไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยสักนิ้ว สายตามองหลัวซู่ด้วยความเยือกเย็น เมินเฉยยักษ์ทองที่อยู่ห่างจากเขาไปสามนิ้ว หวังหลินหันตัวกลับและเดินออกไป

เส้นผมดำขลับและเสื้อผ้าสีขาวทำให้เขาดูสมสง่า แม้รูปร่างหน้าตาดูธรรมดาแต่เขากลับมีกลิ่นอายที่ไม่อาจอธิบายออกมาได้

การผ่านบททดสอบแรกด้วยความง่ายดายทำให้เซียนรอบด้านทั้งหมดต้องพิจารณา ซิ่วถิงมองหวังหลิน ดวงตากระพริบสีแดง

จิตใจซื่อจื่อเฟิงเต้นกระดอนอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าแดงระเรื่อตอนที่มองหวังหลิน ราวกับเหตุการณ์ในแดนสวรรค์อัสนีปรากฏอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง

‘กฏเกณฑ์ของเขาแข็งแกร่งมาก!’ เซียนหกนิ้วขมวดคิ้วมองยักษ์ทองที่โดนผนึก

ส่วนเด็กหัวโต แม้จะยังยิ้มกว้างแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไปด้วย

ใบหน้าหลัวซู่จมดิ่งดุจสายน้ำจ้องไปที่หวังหลิน เขาจำเรื่องเมื่อสองวันก่อนได้ตอนที่ออกจากปิดด่านฝึกตนและได้ยินบางอย่างที่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวยิ่ง นั่นก็คือน้องชายเขาถูกฆ่าในค่ายกลเคลื่อนย้ายที่อยู่ในแดนสวรรค์จากน้ำมือซิ่วมู่!

ซิ่วมู่ผู้ที่อยู่อารามเทพอัสนีในปัจจุบันและเป็นคนเข้าร่วมการแข่งขันตำแหน่งเทพ!

ดวงตาหลัวซู่เย็นเยียบ เขาไม่ต้องการสังหารซิ่วมู่ที่นี่แต่จะไม่ปล่อยให้ผ่านบททดสอบแรกแน่นอน หลังจากซิ่วมู่อยู่ห่างจากอารามเทพอัสนี นั่นจะเป็นตอนที่เขาจะฆ่าซิ่วมู่แน่นอน!

ขณะที่หลัวซู่พ่นลมหายใจเย็น สัมผัสวิญญาณพรั่งพรูออกมา เจ้ายักษ์ทองที่โดนผนึกพลันส่องประกายสว่างราวกับมีพลังไร้ที่สิ้นสุดแทรกซึมเข้าไป กฏเกณฑ์รอบๆตัวมันแตกสลายทีละชั้น

เจ้ายักษ์ทองก้าวเท้า กระบี่ยักษ์สีทองปรากฏในมือมัน กวัดแกว่งเข้าใส่หวังหลิน!

ในเวลาเดียวกันหลัวซู่ก็ส่งสัมผัสวิญญาณออกไป ไม่เพียงแต่ยักษ์ทองจะมีกระบี่ มันยังเติบโตสูงใหญ่มากกว่าพันฟุต ยักษ์ทองอีกสองตัวปรากฏขึ้นมาเหนือสนาม ทั้งสามตัวต่างก็พุ่งเข้าหาหวังหลิน!

สามยักษ์ทองพุ่งเข้าหาหวังหลินจนพายุก่อตัวขึ้นมา แววตาหวังหลินเปลี่ยนเป็นดุดันและเย็นเยียบพลางรีบล่าถอย ฝ่ามือสร้างผนึกกฏเกณฑ์ขึ้นมาขวางยักษ์ไปหนึ่งตัว ขณะเดียวกันยกแขนขวาขึ้นมาตัดใส่ยักษ์อีกตัวอย่างโหดเหี้ยม!

ตัดสวรรค์สิบกว่าสายปรากฏมาทันที พุ่งผ่านกฏเกณฑ์และตรงเข้าใส่ยักษ์ตัวที่สอง ส่วนยักษ์ตัวที่สามหวังหลินก้าวเท้า ยกแขนขวาขึ้นมา ชุดเต๋าร่วงโรยส่องสว่าง กลิ่นอายชั่วร้ายเต็มไปทั่วฟ้าดิน

ยักษ์ตัวที่สามหมองหม่น กระพริบแสงสีเทา หวังหลินไม่ลังเลใช้สองดัชนีก่อรูปเป็นกระบี่ชี้ใส่ร่างยักษ์

ร่างยักษ์พังทลายเสียงดังปัง ในเวลาเดียวกันด้วยการผสานงานของกฏเกณฑ์และตัดสวรรค์ ยักษ์ทองอีกสองตัวก็แตกสลายไปด้วย

ทว่าขณะที่ยักษ์สามตัวพังทลาย หลัวซู่ก็เคลื่อนไหว! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคลื่อนไหวนอกจากจะใช้สัมผัสวิญญาณ เคลื่อนที่ดุจสายฟ้า เข้าใกล้หวังหลินอย่างรวดเร็วพลางชี้นิ้วเข้าหา!

หลัวซู่ใช้ระดับบ่มเพาะทั้งหมด พลังขั้นส่องสวรรค์ชั้นกลางพวยพุ่งออกมาจากนิ้ว ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบ การจะล่าถอยนับว่าช้าเกินไปดังนั้นจึงอ้าปากพ่นประทับตราผนึกเทพออกมา

ดัชนีของหลัวซู่ชี้ใส่ตราประทับผนึกเทพและเกิดการสั่นสะเทือน หวังหลินสัมผัสพลังแข็งแกร่งออกมาได้ทันที พลังสายนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายเขาแต่ผลักดันวิญญาณให้ออกจากร่างโดยตรง แม้จะผลักออกมาสามนิ้วเท่านั้น แต่ก่อนที่หวังหลินจะดึงวิญญาณตัวเองกลับมาได้ หลัวซู่เผยรอยยิ้มขนลุก ถอนนิ้วมือกลับมาและล่าถอย!

“ไม่มีคุณสมบัติ!” หลัวซู่โบกแขนเสื้อชี้ใส่อีกคนในท้องฟ้า “เจ้า ลงมา!”

การกระทำของหลัวซู่ถือได้ว่าเสี่ยงมาก นอกจากนั้นนี่คือการต่อสู้ที่มีคนเฝ้าดูจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเขาถือว่าเป็นคนพิเศษในอารามเทพอัสนี ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่รู้สึกว่าการกระทำของเขาเป็นการล้ำเส้นเกินไปจึงไม่ได้คิดมาก

เซียนที่หลัวซู่ชี้ไปบนท้องฟ้าไม่ได้เอ่ยอะไรและเหินลงมา ทว่าขณะนั้นหวังหลินซึ่งอยู่ห่างจากหลัวซู่ไปร้อยฟุต พลันเผยจิตสังหาร

“ไม่มีคุณสมบัติ?” หวังหลินมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันตำแหน่งเทพเพราะเขาต้องการชนะและมุ่งมั่นจะเป็นที่หนึ่ง ทว่าคำพูดของหลัวซู่มันล้ำเส้นเกินไป!

ถ้าเขาไม่มีคุณสมบัติจริงนั่นถือว่าดี แต่เห็นได้ชัดว่าหลัวซู่คนนี้จงใจให้เขาตก ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบพลางเข้าไปใกล้เพียงก้าวเดียว ไม่สนใจเซียนที่กำลังเหินลงมา เซียนคนนั้นสัมผัสสายลมเย็นได้ทำให้สีหน้าต้องเปลี่ยนไปและพาตัวเองอยู่ห่างเข้าไว้

“เจ้าพูดว่าข้าไม่มีคุณสมบัติ!?” หวังหลินเข้าไปใกล้ จิตสังหารระเบิดทะลักออกมาจากร่างกาย เซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางไม่สูงเกินจะเอื้อมถึง หวังหลินก้าวเดินบนเส้นทางสังหารนับตั้งแต่เริ่มฝึกเซียน แม้จะไม่มั่นใจในการเอาชนะ เขาไม่พอใจแน่ถ้าจากไปเช่นนี้! ยิ่งไปกว่านั้นฉิงชุ่ยก็อยู่ที่นี่ หวังหลินไม่มีอะไรต้องกลัว!

ขณะพุ่งเข้าไป หวังหลินยกแขนขึ้นใช้เรียกขานสายลมล้อมรอบบริเวณ สายลมทมิฬร้องคำรามปกคลุมผืนฟ้า สองมังกรดำปรากฏตัว พวกมันร้องคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์และพุ่งเข้าหาหลัวซู่

ดวงตาหลัวซู่ส่องสว่างและยิ้มเย็นเยียบ “เจ้ากล้าท้าทายอำนาจอารามเทพอัสนีงั้นหรือ?” เขาเคลื่อนตัวมาข้างหน้า แผ่กระจายสัมผัสวิญญาณ ยักษ์ทองเก้าตัวปรากฏขึ้นทันที

ยักษ์ทองเก้าตัวต่างก็สูงพันฟุตและถือกระบี่เล่มใหญ่ พวกมันร้องคำรามอย่างพร้อมเพรียงและพุ่งเข้าหาหวังหลิน

หวังหลินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะนี้เต็มไปด้วยความเย็นเยียบไร้ที่สิ้นสุด แขนขวายกขึ้นกลางอากาศปรากฏแส้แห่งเวรกรรม ขณะที่สองมังกรดำกู่ร้องคำราม แส้ก็ฟาดออกไปส่งเสียงดังสนั่นกึกก้อง

แส้แห่งเวรกรรมเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ยักษ์ทองสามตัวแตกสลายในทันที! หวังหลินพุ่งตรงเข้าใส่หลัวซู่พร้อมกับจิตสังหาร!

สีหน้าหลัวซู่เปลี่ยนไปเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่แส้แห่งเวรกรรม!

ฉิงชุ่ยกระพริบแววตาเย็นเยียบพร้อมกับเอ่ยพึมพำขึ้นมา “นี่สิถึงสมกับเป็นศิษย์ของอาจารย์ป๋ายฟ่าน!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version