Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 87

Cover Renegade Immortal 1

87. แกนเย็นขั้วนรก

ทันใดนั้นหวังหลินคาดเดาป่านี้ได้ลางๆวันหนึ่งขณะที่ครอบครัวหนึ่งกำลังทานมื้อค่ำอยู่นั้นภัยภิบัติได้เกิดขึ้นจนไม่มีคนไหนพอจะมีเวลาตอบสนองทั้งเมืองราบเป็นหน้ากลอง ในตอนนั้น เศษพลังงานเย็นได้ออกมาจากซากพวกนั้นพลังงานนี้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดมันก็มีรูปร่างที่มั่นคง

“ดูจากขนาดของซากพวกนี้ ข้ากลัวว่าประชากรของเมืองมีอย่างน้อยสิบล้านคนสุสานของคนสิบล้านคนควรจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดที่ใช้ฝึกวิถีเซียนนรก”

ซือถูหนานอธิบายรายละเอียดสถานที่ที่มีพลังหยินที่รุนแรงระหว่างที่หวังหลินปิดประตูฝึกฝนมีสถานที่สี่ชนิดที่มีพลังหยินจำนวนมาก นั่นคือหยินสวรรค์ หยินปฐพีหยินลี้ลับ และหยินนรก

หยินนรกค้นหาง่ายที่สุด ยิ่งเป็นสถานที่ที่มีความตายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีพลังหยินนรกมากเท่านั้น

หยินลี้ลับยากขึ้นมาเล็กน้อย มันปรากฎเฉพาะสถานที่ที่เย็นยะเยือกสุดขีด

หยินปฐพียากยิ่งและมีเพียงโชคเท่านั้นที่จะหาเจอได้ นอกจากนั้นหยินปฐพีเป็นหยินที่ปล่อยออกมาจากห้วงอเวจีในผืนดิน

ส่วนหยินสวรรค์นั่นเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเจอการหาหยินสวรรค์นั้นจะเป็นสถานที่ที่ต้องมีหยินนรกหยินลี้ลับและหยินปฐพีในเวลาเดียวกันทั้งสามหยินพวกนั้นจะรวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นหยินสวรรค์

ยิ่งพลังหยินคุณภาพสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งให้ประโยชน์ต่อผู้ฝึกเซียนมากเท่านั้น

หวังหลินผนึกฝ่ามือบนมือขวาและเริ่มร่ายบทสวดทันที ทันใดนั้นจุดแสงสีแดงได้รวมตัวขึ้นด้านหน้าเขาจนพวกมันกลายเป็นบอลแสงสีแดง

นี่เป็นวิชาพิเศษที่ใช้สำหรับทำสอบคุณภาพพลังหยินสีของแสงนั้นจะเป็นตัวบ่งบอกว่าพลังหยินเป็นชนิดไหน บอลแสงสีม่วง ดำ เงินหรือแดงจะตรงกับหยินสวรรค์ ปฐพี ลี้ลับ และหยินนรกตามลำดับ

ซือถูหนานยังได้อธิบายคุณภาพของหยินชนิดเดียวกันไว้ด้วย มีคุณภาพทั้งหมดที่แตกต่างกันสี่แบบคือ ธรรมดา ดี หนาแน่น และหนาแน่นพิเศษ

แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสิบขั้นด้วยกัน

โดยทั่วไปการได้รับพลังหยินธรรมดาขั้นสามก็เพียงพอให้ฝึกฝนวิถีเซียนนรกแล้วยิ่งมีพลังหยินธรรมดาขั้นแปดก็เพียงพอให้เพิ่มระดับฝึกคนเพิ่มไปอีก

หลังจากบอลแสงสีแดงปรากฎขึ้นมันก็สว่างขึ้นและสว่างขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดมันเปล่งแสงอยู่ห้าครั้ง หวังหลินจับคางตัวเองการเปล่งแสงห้าครั้งนั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้เป็นระดับธรรมดาขั้นที่ห้าของพลังหยินนรก

หลังจากครุ่นคิดสักเล็กน้อย เขาเดินตรงเข้าไปตรงกลางซากปรักหักพังพลังหยินรอบด้านหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆเมื่อเขาเดินเข้ามาถึงใจกลางยิ่งพลังหยินหนาแน่นมากๆ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่ใต้น้ำแค่เขาเดินไปร้อยก้าวก็ทำให้รู้สึกราวกับไม่อาจหายใจได้

บอลแสงกลายเป็นสว่างขึ้นขณะที่มันติดตามหวังหลิน พื้นที่แห่งนี้เป็นพลังหยินธรรมดาขั้นแปด

หวังหลินไม่หยุดและเดินต่อไปอีกร้อยเมตรจนเมื่อเขามาถึงจุดที่มีลูกปัดหินขนาดยักษ์ เขาไม่ได้เดินหน้าต่อไปเศษพลังหยินเข้ามาในร่างกายเขาเส้นโลหิตเริ่มรู้สึกเจ็บปวดและหวังหลินเริ่มจะเสียการควบคุมพลังปราณของตัวเอง

ณ ขณะนี้ บอลแสงสีแดงได้แบ่งออกมาเป็นสองลูก สายตาหวังหลินส่องสว่างขึ้น เขารู้ว่านั่นหมายถึงสถานที่แห่งนี้มีคุณภาพดีขั้นที่ 1

จากข้อมูลที่หวังหลินรวบรวมมาขณะสังเกตการณ์ซากปรักหักพังในระหว่างวันนี้เขารู้ได้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่เจอเส้นทางนับหมื่นเส้นของทางเข้าแห่งนี้

และยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีพลังหยินรุนแรงมากขึ้น

“ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะแน่นอน!” หวังหลินถอยกลับมาจนเขามาถึงตำแหน่งที่มีพลังหยินธรรมดาขั้นห้า

ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่หวังหลินตัดสินใจว่าเหมาะสมกับเขาที่สุดในตอนนี้ความหนาแน่นของพลังหยินสำหรับใช้ฝึกวิถีเซียนนรกต้องเพิ่มขึ้นได้มหาศาลนี่เป็นจุดที่ซือถูหนานเน้นที่สุดก่อนที่เขาจะหลับลึกลงไป

หวังหลินครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งลงทำสมาธิ หลับตาและเริ่มฝึกฝน ในความคิด คำแนะนำของซือถูหนานในการฝึกวิถีเซียนนรกดังก้องในหัว

วิถีเซียนนรกแบ่งออกเป็นเก้าขั้นทุกๆสามขั้นจะสร้างแกนความเย็นขึ้นมาหนึ่งแกน เมื่อถึงขั้นที่เก้าได้สำเร็จแกนทั้งสามจะรวมเข้าด้วยกันซึ่งจะมีโอกาสทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นแตกหน่อได้แน่นอน

นี่เป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดที่หวังหลินได้กำหนดมาฝึกวิถีเซียนนรกซือถูหนานหยิบยกมันขึ้นมานั่นก็เพราะว่ามันเหมาะกับหวังหลินที่สุดและเพิ่มระดับพลังฝึกตนให้เร็วที่สุดอีกด้วย

แน่นอนว่ามีวิธีที่เร็วกว่านี้เช่นการชิงแกนแต่ด้วยระดับฝึกตนของหวังหลินตอนนี้การพยายามและจับเซียนขั้นแตกหน่อก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย

แกนความเย็นจากวิถีเซียนนรกได้ปลุกเส้นพลังปราณให้ตื่นขึ้นกระบวนการปลุกเส้นพลังปราณเป็นสิ่งที่คนที่ฝึกวิถีเซียนนรกจะต้องผ่านให้ได้มีเส้นหลักสามเส้นที่ต้องกระตุ้นในวิถีเซียนนรก นั่นก็คือ ตันเถียนฉีไห่(ทะเลปราณ) และจู่เซี่ยว

เมื่อหนึ่งในสามเส้นพลังปราณได้ตื่นขึ้นก็จะมีแกนความเย็นสร้างขึ้นมาเมื่อแกนความเย็นสร้างขึ้น พลังปราณในร่างของคนนั้นก็จะเยือกเย็นยิ่งขึ้น

ส่วนโอกาสสำเร็จในการปลุกเส้นพลังปราณนั้น มันหนักหนาพอๆกับคุณภาพของพลังหยิน

วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งประกายแสงปรากฎขึ้นและพลังหยินได้กระจายไปอย่างรวดเร็วขณะที่ดวงอาทิตย์ตั้งตระหง่าน พลังหยินทั้งหมดได้หายไป

หวังหลินยืนขึ้น ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจฝึกฝนอยู่ที่นี่เขาควรจะหาที่ดีดีเอาไว้พักผ่อนหวังหลินมองรอบๆและเจอกับบ้านโทรมๆในระยะสายตาหลังหนึ่ง

เขาโบกมือขวาคราหนึ่ง เหล่าเศษหินเศษดินลอยไปด้านข้างเปิดเป็นพื้นที่ว่างเล็กๆ

หลังจากเสร็จทุกอย่าง หวังหลินนั่งลงในกลางพื้นที่เล็กๆนั้น เขาหยิบหนังสืออกมาและเริ่มอ่านมันอย่างละเอียด

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับค่ายกลที่เขาได้ที่เมืองตระกูลเถิงจากการแลกเปลี่ยนหินวิญญาณระดับกลางเมื่อสองปีก่อน

ก่อนหน้านี้เขาเพียงพลิกผ่านๆและพบว่ามีข้อมูลรายละเอียดปลีกย่อยจำนวนมากเกี่ยวกับการจัดตั้งและควบคุมค่ายกลด้านในนั้น

หลังจากจดจำข้อมูลทั้งหมดในหนังสือ หวังหลินก็เริ่มครุ่นคิด มือของเขาเคลื่อนไหววาดบางอย่างในอากาศอย่างไม่รู้ตัว

วันเวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงเวลาพลบค่ำหวังหลินถอนหายใจและลืมตาขึ้น เขาพึมพำกับตัวเอง “ค่ายกลทั้งลึกซึ้งและซับซ้อนเสียจริงแม้ค่ายกลในหนังสือเล่มนี้จะมีอันง่ายๆบ้างมันก็ยังใช้เวลาทั้งวันเพื่อทำความเข้าใจยิ่งค่ายกลมายาในหนังสือซับซ้อนเป็นพิเศษมันใช้การทำนายจำนวนมากและยิ่งทำนายไกลออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าใจยากขึ้นเท่านั้น”

รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเขายอมแพ้ที่จะพยายามเข้าใจว่ามันทำงานยังไงและเพียงแค่ลองมันไปเรื่อยๆเขาใช้วิชาแรงโน้มถ่วงเคลื่อนย้ายหินด้านนอกห้อง

จากการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างละเอียด หวังหลินจัดการสร้างค่ายกลง่ายๆที่เรียกว่า ค่ายกลสับสนขนาดเล็ก

ค่ายกลนี้ทั้งหยาบและเรียบง่าย มันไม่ต้องมีจำนวนขั้นต่ำหวังหลินยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่มองก้อนหินไปด้วย จากนั้นก็มองไปที่หนังสือเขาปรับเปลี่ยนบางอย่างและในที่สุดค่ายกลก็ดูเหมือนหนึ่งแบบในหนังสือ

หวังหลินสูดหายใจลึก ฝ่ามือสร้างเป็นผนึกคำสั่งขึ้นมา จากนั้นหมอกได้ปรากฎขึ้นและครอบคลุมรอบๆพื้นที่

หวังหลินจ้องไปที่หมอกนั้นและยิ้มอย่างขมขื่นออกมาค่ายกลนี้อาจจะหลอกคนธรรมดาได้แต่ไม่สามารถต้านทานพวกเซียนได้ดังนั้นมันคงไม่ได้ป้องกันเขาขณะที่กำลังฝึกฝนอยู่

หลังจากคิดอยู่ซักพักหวังหลินจึงพึมพำขึ้นมา “ถ้าหนึ่งค่ายไม่พอข้าก็จะวางค่ายที่สอง ถ้าไม่มีอะไรอีก ข้าก็จะวางมันทั้งหมดในหนังสือนี่มันควรจะมีหรืออย่างน้อยก็มีผลบ้าง”

ด้วยคำพูดนี้หวังหลินจึงใช้วิชาแรงโน้มถ่วงของตัวเองเคลื่อนย้ายก้อนหินบริเวณรอบๆหลังจากเล่นกับค่ายกลอีกไม่กี่ค่าย กลางคืนก็ผ่านเข้ามาอีกครั้ง

หวังหลินนั่งขัดสมาธิบนพื้น จังหวะที่พลังหยินปรากฎขึ้นเขาสูดหายใจลึกวางแขนทั้งสองข้างไว้บนเข่าและเริ่มฝึกฝนวิธีการหายใจเป็นหนึ่งยาว ห้าสั้นหนึ่งยาวหมายถึงสูดหายในลึกมากๆหนึ่งครั้งและห้าสั้นหมายถึงตอนปล่อยออกมาให้ใช้เวลาเพียงหนึ่งในห้าส่วนของที่สูดเข้าไปนี่เป็นหนทางที่เร็วที่สุดในการดูดซับพลังหยิน

ขณะที่พูดอย่างเคร่งครัดนั้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาดูดซับพลังงานข้างนอกเพื่อฝึกฝนในสองปีก่อนเขาใช้น้ำพลังปราณในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเสมอมาดังนั้นมันจึงเป็นการดูดซับภายใน

พลังงานหยินโดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกับพลังปราณหวังหลินฝึกฝนมาได้หลายปีดังนั้นเขาจึงค่อยๆคุ้นเคยกับมันแต่ก็ยังสังเกตความแตกต่างได้ทันทีเมื่อเขาดูดซับพลังปราณจะมีม่านหนึ่งชั้นเพื่อป้องกันพลังปราณเข้าสู่ร่างกายเขาทึกครั้งยกเว้นว่าเมื่อมันเข้าไปในร่างแล้วพลังจำนวนมากจะหายไปก่อนที่เขาจะได้ดูดซับมัน

ถึงอย่างนั้นตอนนี้ไม่เหมือนกันม่านเบาบางไม่มีแล้วและพลังหยินเข้าสู่ร่างกายเขาด้วยอัตราที่เกินพอดีดังนั้นร่างกายเขาจึงรู้สึกแตกต่างจากครั้งก่อนสัดส่วนพลังหยินขนาดใหญ่ที่ร่างกายเขาดูดซับเข้ามาไม่เหมือนกับครั้งก่อน

หวังหลินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พักนึงและเขาได้คำตอบที่เป็นไปได้สามข้อ

หนึ่งคือพลังหยินต่างจากพลังปราณและมันเหมาะที่จะใช้ฝึกเซียนกับเขา

สองคือเซียนข้นสร้างลำต้นดูดซับพลังปราณได้เร็วกว่าขั้นรวบรวมลมปราณ

สามคือหลังจากดูดซับรากวิญญาณของเถิงลี่ พรสวรรค์ของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

ส่วนเรื่องคำตอบไหนจะถูก หวังหลินไม่ได้ตามอีกต่อไปแล้วและใช้สมาธิเพื่อฝึกฝนในใจแทน

ในตอนเริ่มต้นหวังหลินรู้สึกอึดอัดอย่างมากขณะที่เจอกับพลังเย็นตามธรรมชาติของพลังหยินเมื่อเขาดูดซับพลังหยินเข้าไปทันใดนั้นมันก็เข้าสู่ร่างกายและเข้าไปในอวัยวะทุกส่วนความเย็นได้ไหลเข้ามาในร่างกายทำให้ร่างเขาสั่นเทานี่เป็นความรู้สึกตรงกันข้ามขณะที่เขาดูดซับพลังปราณเพราะมันให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายขณะที่พลังหยินให้ความรู้สึกเขาราวกับกำลังแช่แข็งในหิมะ

ขณะที่หวังหลินดูดซับพลังหยินมากขึ้นและมากขึ้นทั้งมือและเท้ากลายเป็นเย็นเยียบจากนั้นเส้นเลือดเริ่มจะหนาขึ้นและจนกระทั่งหัวใจเต้นช้าลง

น้ำค้างแข็งเริ่มปรากฎให้เห็นบนคิ้ว เส้นผม และทุกรูขุมขนในร่างกายคลื่นแห่งความหนาวเย็นออกมาจากในร่างกายและผสมกันเข้ากับสภาพแวดล้อมอย่างลงตัว

วันเวลาได้ผ่านไปอีกครั้ง เมื่อพระอาทิตย์ส่องสว่างขึ้นเมื่อนั้นพลังหยินก็ได้หายไป เปลือกตาของหวังหลินสั่นเทาขณะที่เขาลืมตาขึ้นเขาหายใจออกเป็นหมอกสีขาว หลังจากการฝึกฝนหนึ่งคืนได้ผ่านไปมวลพลังหยินขนาดเล็กได้ปรากฎขึ้นในจุดตันเถียนของเขามวลขนาดเล็กนี้ได้หมุนอย่างช้าๆ กำลังปลดปล่อยพลังหยินออกมา

พลังปราณในร่างกายเขาไม่ได้ต่อต้านมวลพลังหยินนี้ ทั้งสองไม่ได้มีผลกระทบต่อกันและกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version