886. ซือถูหนานออกจากปิดด่านฝึกตน
“พลังเทพต้นกำเนิดนี้มีจำกัด ถือว่าเป็นของขวัญเอาไว้ปกป้องตัวเองจากข้า! เมื่อมีผลึกเรียกขานสายฝนนั้นไปด้วย เจ้าจะสามารถปกป้องตัวเองได้เว้นแต่จะเจอกับผู้ทรงอำนาจในดาราจักรพันธมิตรเซียน!”
วินาทีนั้นความคิดหวังหลินเต็มไปปด้วยวิชาเรียกขานสายลมและไสยเวท เขาจมดิ่งไปกับมันพร้อมกับดูดซับและทำความเข้าใจไปด้วย
ฉิงชุ่ยขบคิด จากนั้นสักพักเขาก็มองหวังหลินด้วยสายตาจากลา “เจ้าสูญเสียพลังชีวิตมากเกินไป ศิษย์พี่ไม่อาจช่วยเจ้าเรื่องนี้ได้ วิชาทั้งหมดของข้าเน้นไปที่การต่อสู้และไม่มีวิชาไหนใช้สำหรับช่วยฟื้นฟู วิชาที่ไม่ใช่สำหรับต่อสู้มีแค่วิชาเดียวที่เรียนจากอาจารย์คือ กลืนกิน เจ้าเคยเห็นข้าใช้มันในแดนสวรรค์อัสนี ตอนนี้ข้าจะส่งต่อมันให้กับเจ้า!”
ขณะฉิงชุ่ยเอ่ยขึ้นเขาก็วางแขนขวาลงระหว่างคิ้วหวังหลินอีกครา ข้อมูลเรื่องวิชากลืนกินหลั่งไหลสู้จิตใจหวังหลินอย่างบ้าคลั่ง
“วิชานี้สามารถถูกก่นด่าเหยียดหยามได้ง่ายๆ อาจารย์ลังเลมันก่อนที่จะสอนข้า ตอนนี้เมื่อเจ้าเรียนรู้มัน เจ้าต้องใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น!”
ฉิงชุ่ยถอนหายใจ มองใบหน้าแก่ชราของหวังหลินพลางถอนฝ่ามือ จากนั้นกัดลิ้นเล็กน้อยวาดอักขระรูนประหลาดด้วยโลหิต อักขระรูนปลดปล่อยกลิ่นคาวเลือดรุนแรง ฝุ่นผงทั้งหมดในอวกาศถอยร่นอย่างรวดเร็ว
“พลังชีวิตที่เจ้าเสียไปนับว่าสาหัสยิ่ง อักขระรูนนี้สามารถช่วยปกป้องเจ้าได้อีกเล็กน้อย!” ฉิงชุ่ยโบกแขนขวา อักขระรูนประทับลงบนหน้าอกหวังหลินและหายเข้าไป
ร่างหวังหลินสั่นสะท้านรุนแรง รูปลักษณ์เขาฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว วินาทีต่อมารูปร่างก็ฟื้นตัว ร่างกายไม่เผยความเสียหายจากการสูญเสียพลังชีวิตอีก มันถูกซ่อนไว้ได้อย่างหมดจด
“อักขระรูนนี้ไม่สามารถใช้เพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตได้และไม่สามารถใช้กับดวงวิญญาณได้ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่เป็นแบบนี้”
ฉิงชุ่ยหันตัวกลับ เดินออกไปเข้าสู่ดวงดาวและค่อยๆหายไป
“ศิษย์น้อง ตั้งแต่วันนี้ต่อไปจงระวังตัว…วิธีการฟื้นฟูขอบเขตจวี่เกี่ยวพันธ์กับทัณฑ์สวรรค์ แต่อย่าเหยียบย่ำเส้นทางนี้จนกว่าเจ้าจะบรรลุขั้นทลายสวรรค์!”
ฉิงชุ่ยจากไป…
ร่างหวังหลินสั่นสะท้านและได้สติกลับมา ทุกสิ่งที่กล่าวมาดังก้องในหูหวังหลิน เขามองตำแหน่งที่ฉิงชุ่ยไปและขบคิดเงียบๆเป็นเวลานาน
หวังหลินเอ่ยเสียงเบาบาง “ขอบคุณ” เขาสัมผัสความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้อยู่ในใจขณะที่ฉิงชุ่ยจากไป
หวังหลินไม่ได้กลับไปอารามเทพอัสนีเพื่อเข้าไปในรอยแยกสู่ดาราจักรพันธมิตรเซียน แต่กลับผสานตัวเข้ากับโลกและหาดาวเคราะห์รกร้างที่ใกล้ที่สุด หลังมั่นใจว่ามันปลอดภัยหวังหลินก็นั่งสมาธิลงในถ้ำที่ตัวเองสร้างขึ้น
หวังผลินแผ่สัมผัสวิญญาณออกมา ต้าซานก้าวเท้าออกมาจากเงาและนั่งลงอารักขาถ้ำ หวังหลินตบกระเป๋านำทรงกลมกฏเกณฑ์ที่มีลี่มู่หวานอยู่ข้างในไว้บนฝ่ามือ
ขณะจ้องทรงกลมกฏเกณฑ์ หวังหลินเผยแววตาเศร้าหมอง แขนซ้ายเลื่อนไหวเบาบางใส่ทรงกลมทำให้มันเปิดออกและเผยวิญญาณลี่มู่หวานออกมาซึ่งนางมีเศษเสี้ยวพลังชีวิตอยู่เล็กน้อย
“หวานเอ๋อร์ แม้ข้าจะต้องสูบพลังชีวิตไปเกือบหมด ข้าก็จะแลกมัน แม้ความหวังจะริบหรี่ ข้าก็ยอม” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงนิ่งแต่กลับเต็มไปด้วยความปวดร้าวสุดหัวใจ
วิญญาณลี่มู่หวานสั่นเทาเล็กน้อย แม้นางไม่ได้แข็งแกร่งจนตื่นขึ้นมาได้ สองหยาดน้ำตาไหลรินออกมาแต่วิญญาณไม่มีน้ำตาอยู่แล้ว ขณะที่น้ำตาเอ่อออกมามันก็สลายไปและไม่มีหยดใดออก แต่มันกลับกลายเป็นความเจ็บปวดที่เกาะกุมไปทั่วบริเวณ
ขณะที่หวังหลินจ้องลี่มู่หวาน แสงกระพริบหนึ่งปรากฏระหว่างคิ้วและลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ เขาวางวิญญาณลี่มู่หวานไว้ข้างในลูกปัด ทว่าหวังหลินสั่นสะท้านเมื่อพบว่าวิญญาณของลี่มู่หวานนั้นยังคงสลายไปข้างในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า
แม้การสลายนี้จะช้ามาก แต่มันไม่ได้หยุดลง
หวังหลินเผยใบหน้าเจ็บปวด ขบคิดอยู่สักพักก่อนจะมีสีหน้ามุ่งมั่น ตบกระเป๋านำโลงศพเลี่ยงสวรรค์ออกมา โลงศพผนึกเรืองแสงพร่ามัวและงดงามเป็นอย่างยิ่ง
หวังหลินดึงวิญญาณลี่มู่หวานออกมาจากลูกปัดด้วยแขนสั่นเทา แม้เขาจะตั้งมั่นไว้ในใจ ตอนนี้ขบคิดเงียบๆอีกครั้ง
ปล่อยไปหรือไม่ปล่อยไป…
มองวิญญาณลี่มู่หวานที่กำลังแตกสลาย หวังหลินวางนางเข้าไปในโลงศพ วินาทีที่วิญญาณตกลงไปในโลง นางเปลี่ยนจากนั่งเป็นนอนลง
หวังหลินจ้องมองอย่างตั้งใจ ลืมเลือนทุกอย่างรอบตัว ตอนนี้มีแต่เพียงลี่มู่หวานอยู่เท่านั้น
ในขณะลี่มู่หวานนอนลง พลังลึกลับสายหนึ่งเต็มไปทั่วโลงศพ ห่อหุ้มทั้งโลงเอาไว้ เมื่อมันผ่านไป วิญญาณลี่มู่หวานสั่นเทาและเผยอาการแตกสลาย
ทว่าในจังหวะนั้นเสี้ยวพลังชีวิตในดวงวิญญาณก็เริ่มเคลื่อนไหวและแตกสลายช้าลง จนกระทั่งมีแสงห้าสีออกมาจากในโลงศพ
วินาทีนี้หัวใจหวังหลินผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เขาสูดหายใจลึก ด้วยไหวพริบของตัวเองจึงเข้าใจได้ทันที หากลี่มู่หวานไม่มีเศษเสี้ยวพลังชีวิตนั้น นางคงแตกสลายข้างในโลงศพเลี่ยงสวรรค์เป็นแน่!
‘โลงศพนี้เหมือนจะมีผลกระทบต่อพลังชีวิตผู้คนเท่านั้นแม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็ตาม!’ แสงห้าสีกระพริบอยู่ในโลงศพ
หลังจากนั้นไม่นานด้ายแดงหลายเส้นปรากฏขึ้นด้านนอกวิญญาณลี่มู่หวาน เส้นด้ายเคลื่อนไหวรอบตัวนางก่อตัวเป็นเค้าโครงรูปร่างกายนอก จากนั้นแสงห้าสีควบแน่นไปพร้อมกับแสงสีแดงจนก่อเกิดเป็นโครงกระดูกผู้หญิง
เพียงเวลาไม่กี่ลมหายใจ ร่างลี่มู่หวานก็ก่อตัวขึ้นเบื้องหน้าสายตา นางนอนเงียบๆในโลงศพราวกับกำลังหลับไหล แม้กระทั่งลมหายใจก็ยังคงอยู่ ขณะที่หวังหลินมองไป หยาดน้ำตาก็ไหลรินออกมา
“หวานเอ๋อร์…”
เพียงแค่นี้หวังหลินก็รู้สึกว่าทั้งหมดคุ้มค่าแล้ว
สามวันต่อมา หวังหลินออกมาจากดาวเคราะห์รกร้างพร้อมกับลี่มู่หวาน เขามุ่งหน้าไปหาอารามเทพอัสนี
“หวานเอ๋อร์ กลับบ้านเรากันเถอะ!”
น้ำเสียงเศร้าๆของหวังหลินแผ่กระจายไปทั่วดวงดาว ความเศร้ารุนแรงจนเกาะกุมไปทั่ว
แค่ช่วงเวลาสั้นๆครึ่งเดือนนี้ เหตุการณ์นองเลือดเริ่มต้นขึ้นในดาราจักรพันธมิตรเซียนแล้ว เริ่มตั้งแต่ทิศตะวันตกของดาราจักรพันธมิตรเซียน เหล่ากองกำลังเซียนทุกชั้นฟ้าอาละวาดไปทั่วดาราจักร ภายใต้การโจมตีของเซียนทุกชั้นฟ้า ดาวเคราะห์เซียนต่างก็ตกอยู่ในกำมือพวกเขาทีละดวงและเหล่าเซียนบนนั้นต่างก็ถอยออกมา
ราวกับว่านี่มันเป็นวันสิ้นโลก เรื่องน่าสนใจคือทางฝั่งพันธมิตรเซียนไม่ได้ทำสิ่งใด พวกเขาไม่ได้กระวนกระวายเลยราวกับแค่กำลังมองดูจากข้างสนาม
ทางด้านทุกชั้นฟ้านั้นกลับอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่งและไม่อาจคาดเดาความคิดฝั่งพันธมิตรได้ แม้กระทั่งปรมาจารย์จงเฉินพร้อมกับพรรคพวกยังเต็มไปด้วยความสงสัย
ถ้าสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในดาราจักรทุกชั้นฟ้า อรามเทพอัสนีคงจัดการโจมตีโต้ตอบไปแล้ว พวกเขาไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสตั้งหลักเพื่อฟื้นฟูเลยสักนาทีเดียว!
ไม่เพียงแต่พันธมิตรเซียนจะเงียบสนิท แม้กระทั่งดาวเคราะห์เซียนระดับเจ็ดสักดวงก็ยังไม่ปรากฏขึ้นมา ดาวเคราะห์เซียนที่อยู่ในการครอบครองของเซียนทุกชั้นฟ้าคือระดับหก พวกเขาไม่อาจหาดาวเคราะห์ระดับเจ็ดได้เลยสักดวงเดียว
เหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้เหล่าเซียนทุกชั้นฟ้ายิ่งสับสนมากขึ้น ฉากหน้าทางฝั่งทุกชั้นฟ้าดูรุ่งโรจน์เป็นอย่างยิ่ง ทว่าการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่รู้และไม่อาจเดาการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายได้เลยทำให้เซียนเฒ่าจากทุกชั้นฟ้าต่างก็รู้สึกไม่สบายใจ
นี่ยังไม่ใช่จุดสำคัญ ในระหว่างการต่อสู้ครึ่งเดือนนี้ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของแคว้นเซียนระดับหกทำให้เหล่าเซียนทุกชั้นฟ้าตกตะลึงมหาศาล!
สายตากระหายเลือดพวกนั้น แผนการเจ้าเล่ห์เพทุบาย สมบัติที่ต่อกรด้วยยากและอีกหลายสิ่งที่ทำให้เซียนทุกชั้นฟ้าต้องประสบความลำบากทุกข์ทรมาน นี่ยิ่งทำให้พวกเขาเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าถ้าระดับบ่มเพาะเท่าเทียมกัน เซียนทุกชั้นฟ้าคงพ่ายแพ้!
สิ่งที่ทำให้เหล่าเซียนทุกชั้นฟ้าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือเซียนฝั่งพันธมิตรทั้งหมดเข่นฆ่าอย่างเด็ดขาดและมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมาย เซียนทุกชั้นฟ้ารู้สึกว่าเซียนพันธมิตรทุกคนต่างก็มาจากดาวตงหลิน!
วินาทีนี้กลิ่นอายทรงพลังพลันระเบิดออกมาจากดาวเคราะห์ร้างทางฝั่งตะวันตกของดาราจักรพันธมิตรเซียน หลังจากนั้นไม่นานเกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งดวงดาวและแพร่กระจายรุนแรง
โชคดีที่ไม่มีใครอาศัยอยู่บนดาวดวงนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครสามารถรอดชีวิตจากการสั่นสะเทือนรุนแรงได้ พื้นดินสั่นเทา ทะเลโกรธเกรี้ยว ราวกับทั้งดาวเคราะห์อยู่บนปากเหวแห่งความตาย
เสียงหัวเราะตื่นเต้นดังออกมาจากดาวเคราะห์ พร้อมกับมีเสียงปะทุรุนแรงดังขึ้น
“ข้าออกมาแล้ว! บัดซบเอ้ย เหล่าสาวน้อยแห่งดาวเฟิ่งหลวน แม่นางทั้งหมดรอข้าก่อนเถอะ พวกเจ้าบังคับให้ข้าปิดด่านบ่มเพาะมานาน พวกเจ้าบังคับให้ข้าไม่มีทางเลือกจนต้องซ่อนตัวอยู่บนดาวบัดซบแห่งนี้ เรายังไม่ได้กันเลย!!” เสียงยโสโอหังดังสะท้อนข้ามผ่านดวงดาว ในเวลาเดียวกันก็มีร่างหนึ่งพึ่งออกมาจากภายในดาวเคราะห์แห่งนั้น
เสื้อผ้าบนร่างเขาขาดหลุดลุ่ย ผิวกายเข้มและสกปรกยิ่งแต่ดวงตาส่องประกาย เขาปลดปล่อยแสงประหลาดที่ทำให้ผู้คนลืมหายใจ
ขณะพุ่งตัวออกมาเร็วกว่าเสียงพลันเกิดคลื่นเสียงกระแทกตามมาด้วย ชิ้นส่วนใหญ่บนดาวเคราะห์เริ่มแตกสลายราวกับไม่อาจทนได้อีกต่อไป
“ข้าเกือบหายใจไม่ออกจนตาย จำไม่ได้กระทั่งว่าปิดด่านฝึกตนไปนานแค่ไหน น่าสมเพชนักที่เจ้าหญิงทั้งหมดของข้าก็ตายไปในช่วงนี้ด้วย ดาวเฟิ่งหลวน ครั้งนี้ข้าโกรธจริงๆแล้ว!! ครั้งนี้ข้าบ่มเพาะจนบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น ข้าจะไปหาราชาที่ดาวเฟิ่งหลวน!!” ร่างนั้นสาปแช่งเสียงดังอยู่กลางอากาศราวกับต้องการระบายความโกรธทั้งหมดที่เขาสะสมมาตลอดการฝึกฝน