908. จากไป
“เยี่ยมมาก!” น้ำเสียงเซียนชราดังสะท้อนอยู่ในห้องลับ
เกิดระลอกคลื่นและเซียนชราเดินออกมาหวังหลินอย่างละเอียดยิบโดยเฉพาะตรงระหว่างคิ้ว “เจ้าเห็นมันใช่ไหม?”
หวังหลินลุกขึ้นคำนับฝ่ามือและเอ่ยตอบ “ข้าเห็นฉากบางอย่าง”
เซียนชรายิ้มบาง พลันยกแขนขวาขึ้นมายื่นเข้าหาเปลวเพลิง เปลวเพลิงกระพริบวูวาบและถูกจับไว้ในมือทันที
“สิ่งนี้เกิดขึ้นจากแก่นต้นตอดั้งเดิมของคนเผ่าฟู่ใบไม้ทองขั้นสูงสุด การเข้าใจต้นตอดั้งเดิมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อระดับบ่มเพาะของเจ้ามหาศาล ทั้งยังเป็นการทดสอบที่ทุกคนต้องเผชิญหน้าเพื่อกลายเป็นศิษย์สายในของสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์สาขาวิหคศักดิ์สิทธิ์ หากเจ้าสามารถเข้าใจมัน เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์สายใน!”
เช่นนั้นเซียนชราคล้ายจะได้รับร่องรอยพลังของเปลวเพลิง ใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย หลังจากนั้นอีกสักพักก็กลับเป็นปกติและสะบัดแขนเสื้อ ร่างหวังหลินหายวับในคราเดียว
“ทำสิ่งที่เจ้าควรทำ มีข้าอยู่ที่นี่จะไม่มีใครสามารถแตะต้องดาวซูซาคุได้!”
หลังส่งหวังหลินออกไป แววตาเซียนเฒ่าเผยแสงประหลาดและพึมพำขึ้นมา “เผ่าฟู่ ข้าจะเปิดชั้นสุดท้ายแน่นอน!”
หวังหลินปรากฏร่างเหนือยอดภูเขาหนึ่งบนดาวซูซาคุ ใบหน้าซีดขาว มองออกไปยังทิศทางของเผ่าละทิ้งอมตะและเริ่มขบคิด
‘ระดับบ่มเพาะของเซียนชราคนนั้นสูงส่งมาก กลัวว่าเขาจะเป็นเซียนเฒ่าระดับเดียวกับปรมาจารย์จงเฉินหรือกระทั่งสูงกว่า เขามีจุดประสงค์อะไรกันถึงอยู่บนดาวซูซาคุมานานนัก?’
‘อันดับแรก ข้ายืนยันได้ว่าการเปิดสองชั้นสุดท้ายของเผ่าละทิ้งอมตะคือหนึ่งในเป้าหมายของเขา ไม่รู้ว่าเขาตระหนักถึงดินแดนเทพโบราณหรือไม่…’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและรีบจากไป
‘ตัวตนของเขาประหลาดยิ่งแต่ก็เป็นคนจากสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์ สาขาวิหคศักดิ์สิทธิ์ ทว่าคำพูดเขามีความหมายลึกล้ำซ่อนอยู่…ช่างเถอะ เบาะแสมีน้อยเกินจะคาดเดา ถึงเวลาต้องจากไปแล้ว’
หวังหลินคิดขึ้นในใจ แพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาและพบต้าซานกับคนอื่นๆ หลังจากส่งข้อความออกไปหวังหลินก็มองพื้นปฐพีเบื้องล่าง เขารู้ตัวว่าจัดการเรื่องราวที่ดาวซูซาคุไปเยอะแล้วและไม่สามารถพักอยู่ที่นี่ได้นานนัก อีกทั้งต้าวเสินก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย
หวังหลินถอนหายใจ จากนั้นร่างกระพริบวูบวาบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ต้าซาน เด็กหัวโตและเล่ยจีพลันโผล่ออกมาจากทิศทางแตกต่างกันของดาวซูซาคุ
โจวหวู่ไท่ยืนอยู่บนยอดเขามองไปยังเส้นขอบฟ้า สีหน้าเศร้าหมอง สักพักเขาก็จากไป
ณ ชายแดนทะเลปิศาจกับแคว้นฮัวเฝิน ลี่ฉีหลิงมองไปบนท้องฟ้า สักพักเขาก็พึมพำขึ้นมา “น้องสาว…การติดตามเขาคือสิ่งที่เจ้าเลือก พี่ขออวยพรให้เจ้า…”
ณ สำนักเมฆาฟ้า ไท้หยานตื่นขึ้นมาราวกับสังเกตบางอย่างได้และมองขึ้นไป เขารู้ว่าหลังจากหวังหลินจากไปครั้งนี้ อีกนานมากกว่าเขาจะกลับมา
หวังหลินปรากฏร่างในอวกาศนอกดาวซูซาคุ และวินาทีนั้นต้าซานกับคนอื่นก็ปรากฏตัว ต้าซานก้าวเท้าและผสานเข้ากับเงาหวังหลิน ส่วนเด็กหัวโตฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ยืนอยู่อย่างเคารพ
เล่ยจีสายตาเปลี่ยนไป ไม่รอให้หวังหลินออกคำสั่ง ร่างกายเกิดเสียงดังปะทุ พริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นยักษ์สูงหลายพันฟุต แรงกดดันแข็งแกร่งห้อมล้อมทั่วบริเวณ
เหตุผลที่เซียนทรงพลังมากมายชอบใช้เผ่ามารยักษ์เป็นพาหนะก็เพราะร่างกายและแรงกดดันอันแข็งแกร่ง พวกเขาเทียบได้พอๆกับอสูรปิศาจ!
อีกทั้งความสามารถทางสายโลหิตของเผ่ามารยักษ์ทำให้เซียนแข็งแกร่งหลายคนชื่นชอบ!
ร่างเล่ยจีสั่นเทาและคุกเข่าลง น้ำเสียงดังออกมาจากปาก
“นายท่าน เล่ยจียินยอมเป็นพาหนะให้ท่านสุดหัวใจ!”
หวังหลินมองร่างยักษ์จนเข้าสู่ภวังค์ การขับขี่เผ่ามารยักษ์นับว่าเตะตาเสียจริงๆ
ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องสั่นสะท้าน!
หวังหลินเผยรอยยิ้ม ก้าวเท้าร่อนไปบนหลังเล่ยจี เด็กหัวโตติดตามไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ใช่คนสูง แม้หัวจะใหญ่และดุร้าย เมื่อยืนอยู่ด้านหลังหวังหลินเขาจึงเป็นคนรับใช้อย่างเห็นได้ชัด
ร่างเล่ยจีขนาดใหญ่ยักษ์ ผิวหนังสีฟ้า แผ่นหลังกว้างนับพันฟุตและแบนราบ พอหวังหลินนั่งลง เล่ยจีร้องคำรามและพุ่งไปข้างหน้า
ความเร็วถือว่าเร็วยิ่ง แม้จะเทียบไม่ได้กับอสูรสายฟ้าแต่ไม่ได้ช้าไปกว่ากันมากนัก!
เล่ยจีร่างยักษ์ท่องผ่านอวกาศด้วยความรวดเร็ว สร้างพายุแพร่กระจายออกไปกว้างไกลทุกทิศทาง เด็กหัวโตมองทั้งหมดนี้และเผยสีหน้าประหลาดใจ
เขาเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างดาราจักรพันธมิตรเซียนและดาราจักรทุกชั้นฟ้าแล้ว ไม่มียักษ์สูงพันฟุตในทุกชั้นฟ้า มีน้อยคนนักที่จะใช้เป็นพาหนะได้ เขารู้สึกไม่เชื่อกับสิ่งที่คิดแต่ขณะเดียวกันก็เป็นความรู้สึกอันลึกลับ
หากเขาเห็นใครสักคนมาพร้อมกับพาหนะ จิตสังหารคงเกิดขึ้นในใจและต้องการฆ่าอีกฝ่ายพร้อมกับเอาพาหนะมาด้วย
‘เซียนที่กล้านั่งบนหลังเซียนอีกคนเช่นนี้ ไม่ใช่คนธรรมดา!’ เด็กหัวโตถอนหายใจออกมาพร้อมกับมองหวังหลินอย่างเงียบๆ
รูม่านตาหดเล็กลง คนผู้หนึ่งปรากฏตัวไกลๆ ยืนอยู่บนก้อนหินยักษ์ ผิวหน้าก้อนหินเต็มไปด้วยรูคล้ายรังผึ้ง
เขาสวมชุดสีแดง ดูคล้ายลำแสงสีแดง สองแขนไพล่หลัง เหาะเหินเข้าหาเล่ยจีอย่างรวดเร็ว
หินก้อนนั้นมาเร็วมาก ก่อเป็นเสียงคำรามยักษ์คล้ายคลื่นเสียงกระแทกมหึมาในท้องฟ้าดวงดารา
ชายชุดแดงไม่ได้แก่นัก อายุราวๆสามสิบปี กระบี่เหินเจ็ดเล่มลอยอยู่รอบตัว ปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารแข็งแกร่ง!
กลิ่นอายสังหารเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดได้แพร่กระจายออกมาก่อตัวเป็นวังวน คล้ายกับอสรพิษยักษ์อ้าปากและร้องคำรามใส่เล่ยจี
ขณะร้องคำราม น้ำเสียงเย็นเยียบและโหดเหี้ยมก็ดังออกมา
“จอมสังหารยู่เฟย เขตแดนสังหารแห่งพันธมิตรเซียน ข้ามาที่นี่เพื่อตัดหัวเจ้าซะ!” น้ำเสียงดังสะท้อน ก้อนหินใต้ฝ่าเท้าเพิ่มความเร็วขึ้นจนเกิดเพลิงสีแดงเสียดสีพุ่งเข้าหาเล่ยจี
เล่ยจีสีหน้าตื่นตระหนกและต้องการหลบหนี ในชั่วจังหวะนี้เด็กหัวโตมองหวังหลิน กัดฟันแน่นและก้าวเท้าออกไป ฝ่ามือสร้างผนึก พลังเทพต้นกำเนิดพุ่งพล่านก่อตัวเป็นพายุนอกร่างกายและในไม่ช้าวิชาเทพก็ปรากฏขึ้นมา
เด็กหัวโตร้องเสียงตะโกน ผลักฝ่ามือไปข้างหน้า พลังเทพดั้งเดิมเปลี่ยนกลายเป็นสายใย เข้าใกล้ก้อนหินดุจตาข่ายเหนียวแน่น
ทว่าวินาทีนั้น แววตายู่เฟยกระพริบสีแดงวูบวาบ หนึ่งในกระบี่โลหิตพุ่งออกมาเข้าหาเด็กหัวโตทันที
กระบี่โลหิตปล่อยหมอกแดงเถือกจำนวนมากระหว่างทาง เกิดเสียงดังปัง หมอกกลายเป็นคนผู้หนึ่งรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับชายชุดแดง
ชัดเจนว่าเป็นร่างอวตาร!
ร่างอวตารกวาดมือออก ลำแสงเจ็ดสายพุ่งออกไปพร้อมกับตัวเองพุ่งเข้าหาเด็กหัวโตด้วยสายตาเย็นยะเยือก ทั้งสองเริ่มต่อสู้กัน
ทั้งสองใช้วิชาอย่างรวดเร็วทำให้เกิดการระเบิดกึกก้องไปทั่วหมู่ดาว พวกเขาไม่อาจตัดสินว่าใครแพ้หรือชนะได้ในชั่วระยะเวลาอันสั้น
‘ร่างอวตารนั่นเป็นขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น! เช่นนั้นร่างดั้งเดิมก็ส่องสวรรค์ระดับกลาง!’ ขณะก้อนหินเข้าใกล้ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างวาบ เล่ยจีร้องคำรามอย่างต่อเนื่อง เงาด้านหลังหวังหลินกระพริบวูบวาบพร้อมกับต้าซานก้าวออกมายกกำปั้นใส่
จังหวะต้าซานปรากฏตัว สีหน้ายู่เฟยไม่เปลี่ยนไปเลย กระบี่เล่มที่สองระเบิดกลายเป็นร่างอวตารพร้อมกับลำแสงเจ็ดสาย มันพุ่งตรงใส่ต้าซานทันที
หวังหลินสีหน้าสงบนิ่งทั้งยังอยู่บนหลังเล่ยจี เขายกแขนขวาขึ้นมา ประกายสายฟ้านับไม่ถ้วนรวมตัวกันเต็มไปทั่วบริเวณ รอบด้านเปลี่ยนกลายเป็นนรกสายฟ้าทันที!
ยู่เฟ่ยม่านตาหรี่แคบ ก้อนหินใต้ฝ่าเท้าหยุดชะงักห่างจากหวังหลินไปหนึ่งพันฟุต เขาเผยรอยยิ้มเย็นเยียบและเอ่ยออกมา “เจ้าคู่ควรต่อตำแหน่งเทพสายฟ้าแห่งทุกชั้นฟ้าจริงๆ เจ้าคู่ควรต่อฉายา ‘เทพสายฟ้า!’”
เช่นนั้นเขาสะบัดแขนขวา กระบี่โลหิตที่เหลือห้าเล่มพุ่งออกไปในห้าทิศทางโดยมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง
จากนั้นกระบี่โลหิตห้าเล่มระเบิดกลายเป็นเมฆหมอกโลหิต เปลี่ยนกลายเป็นร่างอวตารห้าตัว! ร่างแต่ละตัวมีแสงสีแดงเจ็ดสายล้อมรอบเอาไว้ ในแสงสีแดงแต่ละสายคือกระบี่เหินสีแดงโลหิต
พริบตานั้นร่างอวตารทั้งห้าและกระบี่เหินสามสิบห้าเล่มก่อตัวเป็นค่ายกลรอบเขา ร่างอวตารแต่ละร่างอยู่ห่างร่างหลักห้าร้อยฟุต ลำแสงสายฟ้ารอบด้านเข้ามาใกล้แต่น่าประหลาดที่ไม่มีสายฟ้าใดสามารถเข้าไปในพื้นที่ห้าร้อยฟุตได้!
เสียงคำรามดังสนั่นกึกก้องต่อไป ยู่เฟยมองหวังหลินด้วยท่าทีเยาะเย้ย สายฟ้าทั้งหมดถูกร่างอวตารและกระบี่เหินของเขาทั้งหมดป้องกันเอาไว้ได้
“เจ้าแข็งแกร่งแค่นี้หรือ?” ยู่เฟยส่ายศีรษะ สายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“หากนี่คือวิชาทั้งหมดที่เจ้าใช้ได้ เช่นนั้นเจ้าก็หนีไปจากข้าไม่ได้หรอก!”
แววตาหวังหลินกระพริบเย็นเยียบ วังวนหนึ่งปรากฏระหว่างคิ้ว พริบตานั้นวิญญาณดั้งเดิมมังกรสายฟ้าโบราณก็พุ่งออกมาร้องคำรามใส่ท้องฟ้า!
กรรร!