929. ของของหวังหลิน
อสรพิษพิฆาตจันทร์ใช้วิชาหาใครเปรียบไม่ได้ในเขตเหนือเป็นครั้งแรก วิชานี้คือการกระตุ้นความโกรธและทำให้เหล่าเซียนที่นี่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ!
ถ้าคนจำนวนหนึ่งประเมินเจ้าอสรพิษพิฆษตจันทร์ไว้ต่ำไปหรือไม่คิดว่ามันจะเป็นภัยคุกคาม พวกเขาคงต้องโยนความคิดทั้งหมดนั้นออกจากหัวสมองเมื่อผนึกแตกสลาย สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในใจคือความตกตะลึงจากวิญญาณ!
วินาทีนั้นรอยร้าวจำนวนมากเผยออกมาบนกระดองทมิฬรอบอสรพิษ ชิ้นส่วนแตกสลายมากมายถูกส่งออกไปทุกทิศทุกทาง
ชิ้นส่วนกระดองแตกกระเจิงด้วยแรงกระแทกรุนแรง เซียนบางส่วนหลบไม่เร็วพอและถูกชิ้นส่วนกระแทกใส่ กระอักโลหิตและร่างกายแตกสลายทันที แม้กระทั่งวิญญาณก็หนีไม่รอด
มีหลายคนที่โดนเศษกระดองเฉี่ยวเข้าใส่ ร่างกายถูกตัดเป็นสองส่วน โลหิตไหลรินเต็มบริเวณ เกิดเป็นเหตุการณ์สยดสยอง
เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้รอบด้านเงียบสนิทไปชั่วจังหวะ ราวกับสายตาทุกคู่เพ่งพินิจไปบนสถานที่แห่งนี้ ทว่าในความเงียบนั้นเสียงคำรามจากยุคบรรพกาลโผล่ออกมาจากภายในกระดองทมิฬ
กรรร!
เสียงคำรามไร้ขอบเขตใกล้เคียงเสียงคำรามของเทพโบราณ แทงทะลุผ่านกาลเวลาราวกับมันคงอยู่ที่นี่มาตลอด เสียงคำรามเต็มไปด้วยพลังไร้ที่สิ้นสุด
ดัชนีเทพโบราณลอยออกมา พลังอำนาจไม่อาจอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ บอกได้เพียงอย่างเดียวว่าโลกคงแตกสลายภายใต้ดัชนีเทพโบราณนี้!
ไม่มีพลังใดจะต่อต้านพลังของดัชนีนี้ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องสูญสลาย!
ร่างศพที่ไล่ตามหวังหลินพลันตกตะลึง ความคิดขาวโพลนชั่วครู่และชั่งใจในการเผชิญหน้าดัชนีเทพโบราณตรงหน้า
ตู้มมม!
วินาทีที่ดัชนีเทพโบราณพุ่งออกไป มันร่อนลงใส่ร่างศพทันที เสียงปะทุดังกึกก้อง โซ่ตรวนทั้งหมดแตกสลาย โลหิตสีดำจำนวนมากไหลออกมาจากด้านหลังเนื่องจากพลังมหาศาลไร้ขีดจำกัด ทั้งร่างกายถูกดึงกลับไป ผิวหนังสีม่วงเริ่มแตกสลาย
แค่พริบตาเดียวราวกับมันถูกถลกหนัง ตามมาด้วยกระดูกและเลือดเนื้อป่นปี้ ท้ายที่สุดร่างซากศพก็เกิดการระเบิด
แม้ลำดับเหตุการณ์ฟังดูเชื่องช้า มันใช้เวลาไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น!
ดัชนีเทพโบราณไม่หยุดแค่นี้และกดดันไปข้างหน้าอย่างโหดเหี้ยม หวังหลินถอยมาก่อนหน้านี้แล้ว ดวงตาส่องสว่างขึ้นมองออกไป เขารู้สึกราวกับเทพโบราณผู้ไม่ย่อท้อคนนั้นอยู่ด้านหลังดัชนี ท่อนแขนหนาของเขากำลังผลักดันดัชนีไปข้างหน้าจนเกิดคลื่นพลังทำลายล้างไร้ขีดจำกัด
ร่างยักษ์ของเจ้าอสรพิษติดตามด้านหลังดัชนีเทพโบราณและพุ่งออกไปพร้อมกับหนวดนับไม่ถ้วนของมัน หมอกจำนวนมากแพร่กระจายออกมาจากร่างรูปไข่ สายตาดุร้ายของมันพบเจอหวังหลิน วินาทีนั้นหวังหลินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
สายตาเจ้าอสรพิษชัดเจนแจ่มแจ้งไร้ร่องรอยแห่งความสับสน หวังหลินรู้สึกว่าตอนที่เขามองเจ้าอสรพิษข้างหน้า เหมือนมันกำลังมองด้านหลังเขา
อสรพิษพิฆาตจันทร์ได้รับอิสระและทำให้เหล่าเซียนทุกชั้นฟ้าเกิดความฮึกหิมครั้งใหญ่ การสู้รบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา บางครั้งฝ่ายพันธมิตรกุมความได้เปรียบ บางครั้งฝ่ายทุกชั้นฟ้าก็ได้เปรียบ
ตอนนี้เจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์ปรากฏตัวอีกครั้ง แรงกดดันที่ส่งออกมาสั่นสะเทือนดวงดาว ดัชนีเทพโบราณไม่สลายไปไหน กวาดไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด
เหล่าเซียนทั้งหมดเบื้องหน้ามันระเบิดออกและตายลงไปก่อนจะทันเข้าไปใกล้เสียอีก
หวังหลินใช้ชีวิตไปในการเข่นฆ่า แต่จำนวนคนตายในสงครามนี้มีมากกว่าผู้คนที่เขาฆ่าไปทั้งหมดเสียอีก เป็นครั้งแรกที่หวังหลินเผชิญกับสงครามแบบนี้
การต่อสู้ระหว่างดาวซูซาคุและเผ่าละทิ้งอมตะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย!
สถานการณ์เปลี่ยนกลับ ดัชนีเทพโบราณหวีดหวิวผ่านอวกาศ เซียนทั้งหมดเบื้องหน้ามันแตกสลายโดยไม่ช้าลงแม้แต่น้อย ดัชนีเทพโบรษณหวาดเข้าหาเซียนมารปิศาจทมิฬ
สีหน้าของเซียนมารปิศาจทมิฬเปลี่ยนไปทันที ขณะที่ดัชนีเทพโบราณเข้ามาใกล้ เขากัดฟันแน่น แพร่กระจายหมอกทมิฬออกมาพร้อมกับฝ่ามือสร้างผนึก หมอกทมิฬเปลี่ยนกลายเป็นนกกระเรียนยักษ์สีดำทันที
นกกระเรียนคาบกลีบสีดำไว้ในปาก วินาทีที่มันวางกลีบดอกไม้ กลีบดอกเรืองแสงสว่างทันที
กลีบดอกไม้ขยายตัวสูงมากกว่าหมื่นฟุตในพริบตาและแพร่กระจายออกด้านข้างก่อเกิดเป็นม่านพลัง
ดัชนีเทพโบราณเข้าไปใกล้และกระแทกใส่กลีบดอก เกิดเสียงแตกร้าวขึ้นและกลีบดอกแตกสลายกลายเป็นฝุ่นควัน
เซียนมารปิศาจทมิฬหน้าซีด กระอักโลหิตและล่าถอย ทว่าฝ่ามือขวายื่นออกไป ไม้แกะสลักปรากฏขึ้นในฝ่ามือ
ไม้แกะสลักนี้ประหลาดยิ่ง มันรูปร่างคนกอดหน้าอก ใบหน้าปกคลุมด้วยใบไม้จนมองไม่ออก
เซียนมารปิศาจทมิฬโยนออกไปโดยไม่ลังเล
ไม้แกะสลักเรืองแสงสีดำกลืนกินแสงทั้งหมด จากนั้นไม้แกะสลักราวกับมีชีวิตและต้นไม้เริ่มเคลื่อนไหว ต้นไม้พุ่งตรงออกมาจากไม้แกะสลักทันที
ขณะนั้นดอกไม้สีดำยาวพันฟุตปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า ดอกไม้สีดำทั้งห้าดอกปลดปล่อยกลิ่นอายประหลาด หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าหาดัชนีเทพโบราณ ใจกลางดอกไม้อ้าออกราวกับปาก พ่นพลังเย็นเยียบออกมา
ดอกไม้ที่เหลือทั้งสี่อ้าปากออกมาด้วยและพ่นควันสีดำจำนวนมาก
ขณะเดียวกันแววตาไม้แกะสลักเรืองแสงสีแดงทำให้มันดูเหมือนมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ มันอ้าแขนออกราวกับกำลังโอบกอดบางอย่าง จากนั้นพุ่งเข้าไปในควันดำและยึดจับบนดัชนีเทพโบราณตรงๆ เส้นสายสีดำโผล่ออกมาจากร่างมันและแพร่กระจายไปทั่วดัชนีเทพโบราณทันที
หวังหลินเห็นเหตุการณ์นี้อยู่ไกลๆและเผยสีหน้าเยาะเย้ย หากดัชนีเทพโบราณสามารถแตกสลายได้ง่ายๆ เมื่อนั้นเหล่าเซียนทุกชั้นฟ้าคงไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรนักในการพาเจ้าอสรพิษมาที่นี่
เจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์ถือได้ว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่ฝ่ายทุกชั้นฟ้าเตรียมการไว้สำหรับสงครามนี้! หวังหลินกวาดสายตามองไปบนขอนไม้ยักษ์อยู่ไกลๆ
‘ข้าสงสัยว่าการพุ่งไปข้างหน้าเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าขอนไม้นั่นจะทำได้หรือ หลังจากยืนอยู่บนนั้นไปสักพักข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างอยู่ข้างใน…’ ความคิดหลายร้อยอย่างแล่นในหัวสมอง การต่อสู้ระหว่างสองดาราจักรขยายกว้างออกไปไกลสุดขีด
ทั้งหมดนี้สำคัญมากสำหรับเขา อีกทั้งเวลาการบ่มเพาะของหวังหลินสั้นเกินกว่าจะเทียบกับเหล่าเซียนเฒ่าเหล่านี้ได ้ดังนั้นเขาจึงมีความรู้น้อยกว่ามาก
การต่อสู้ยิ่งใหญ่ครั้งนี้เป็นเหมือนการแสดงวิชาและสมบัติวิเศษ หวังหลินซึมซับข้อมูลทั้งหมดและเรียนรู้พลังอำนาจของเหล่าเซียนขั้นชำระสวรรค์และทลายสวรรค์ไปด้วย
หากไม่มีสงครามครั้งนี้ คงยากมากที่หวังหลินจะเรียนรู้ได้
ณ วินาทีนั้นขณะที่เซียนมารปิศาจทมิฬใช้สมบัติเพื่อหยุดยั้งดัชนีเทพโบราณบนฝั่งพันธมิตร ร่างซากศพที่เหลืออีกสิบตัวพลันร้องคำรามและพุ่งเข้ามา ร่างศพสีเงินทั้งสองเคลื่อนไหวเร็วมากกว่าตัวอื่นๆ
อย่างไรก็ตามแม้ทั้งหมดนั้นจะรวมพลังกันมันก็ยังไม่เทียบกับดัชนีเทพโบราณไม่ได้!
ขณะที่เจ้าอสรพิษพิฆาตจันทร์พุ่งออกไป มันร้องคำรามอีกครั้ง เสียงคำรามทรงพลังสั่นสะเทือนไปทั้งอวกาศ คนที่ระดับบ่มเพาะต่ำต้อยจะต้องหลีกเลี่ยง ไม่เช่นนั้นจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
เสียงคำรามของอสรพิษพิฆาตจันทร์เป็นเพียงแค่เสียงคำรามหนึ่งสำหรับคนอื่นๆเท่านั้น แต่เมื่อมันเข้าไปในหูหวังหลินกลับมีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หวังหลินสีหน้าเปลี่ยนไป ฝ่ามือเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเล ประทับกฏเกณฑ์นับไม่ถ้วนลงเบื้องหน้า เตาหลอมเทพโบราณปรากฏขึ้นรอบตัวเองและเขารีบล่าถอย
เสี้ยววินาทีที่เขาล่าถอย เสียงคำรามของเจ้าอสรพิษได้ทำให้ดัชนีเทพโบราณซึ่งต่อกรกับเซียนมารปิศาจทมิฬและร่างศพอยู่พลันระเบิด!
ตู้มมมมมมม!
การระเบิดของดัชนีเทพโบราณไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างภายในระยะห้าพันลี้คล้ายกับถูกฉีกกระชากตรงๆ เสียงกรีดร้องดังระงมออกมาจากเซียนจำนวนมากที่ถูกดูดเข้าไปในรอยร้าวและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เหล่าเซียนนับไม่ถ้วนตื่นตระหนกและถอยด้วยความตื่นกลัว พวกเขาเกลียดตัวเองที่ช้าเกินไป
อสรพิษพิฆาตจันทร์เป็นเพียงตัวเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย มันพุ่งไปข้างหน้าใช้หนวดมากมายกวาดออกไปเพื่อเริ่มการสังหารหมู่ ส่วนเซียนมารปิศาจทมิฬซึ่งอยู่ใจกลางแรงระเบิด เขากระอักโลหิตและกระเด็นกลับหลัง เขาไม่เคยตกอยู่ในสภาวะย่ำแย่เช่นนี้มาก่อนในการบ่มเพาะนับหมื่นปี
ร่างกายบาดเจ็บสาหัสและตกอยู่ในขอบเหวแห่งความตาย
ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในช่วงชีวิตการฝึกเซียนเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับอสูรร้ายกาจเช่นนี้ หลังจากนั้นกระอักโลหิต ความคิดมีแต่ต้องหนีเท่านั้น
ส่วนร่างซากศพนับสิบตน นอกจากซากศพสีเงินแล้ว ที่เหลือไม่สามารถต้านรับดัชนีเทพโบราณได้เลย พวกมันระเบิดกลายเป็นกองเลือดเนื้อพร้อมกับถูกดูดเข้าไปในรอยแยก
กระทั่งร่างศพสีเงินทั้งสองยังถูกกระเด็นกลับหลัง โซ่ตรวนบนร่างกายแตกสลายพร้อมกับกระอักเลือดสีดำออกมา ร่างศพหญิงสาวพุ่งตรงเข้าหาหวังหลินทันที
‘สมบัติแบบนี้ควรจะเป็นของข้า!’ ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง ไม่เพียงแต่จะมองร่างซากศพหญิงสาวแต่ยังมองไปยังไม้แกะสลักหักครึ่งนั้นด้วย