928. ร่างศพทองห้าธาตุ
“เมื่อเจ้าไม่เข้าใจ เช่นนั้นก็หายไปในมิติว่างซะ!” สตรีชุดน้ำเงินประทับแขนซ้ายลง สายตาซับซ้อนค่อยๆหายไป
หวังหลินหรี่ตาแคบ รู้สึกถึงแรงกดดันตกลงมาใส่เขา ภายใต้แรงกดดันนี้เขาพบว่าพลังดั้งเดิมในร่างกายตัวเองติดขัด
วังวนทมิฬแผดเสียงรอบตัว มังกรดำทั้งสองข้างในพุ่งออกมาเข้าใส่กลีบดอกบัว มันร้องคำรามและพ่นสายลมเย็นพัดเข้าใส่
ทว่ากลีบดอกบัวไม่หยุดชะงักเลย ทั้งยังเร็วขึ้นกว่าเดิม รอยแตกร้าวใต้หวังหลินยิ่งกว้างขึ้นและมีสายลมเย็นพุ่งออกมา วินาทีนั้นมังกรดำสองตัวเข้าปะทะกับกลีบดอกบัวเสียงดังปัง
มังกรดำหนึ่งในนั้นสั่นสะท้าน แตกสลายกลายเป็นควันสีดำถูกผลักกลับหลัง อีกตัวพ่นลมหายใจเย็นที่ไม่ส่งผลอะไรต่อกลีบดอก กลีบดอกดูดซับทั้งหมดและเผยแสงสีเขียวเจือจาง
ขณะแสงสีเขียวแพร่กระจายออกมา แรงกดดันกลับยิ่งรุนแรงมากขึ้น! กระทั่งวังวนทมิฬยังถูกแยกออกจากแรงกดดันนี้
‘นี่มันสมบัติแบบไหนกัน?!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง อ้าแขนตรงและร้องตะโกน “อัญเชิญสายฝน!”
เป็นครั้งแรกที่หวังหลินใช้วิชานี้ตั้งแต่เรียนมาจากจักรพรรดิป๋ายฟ่าน! พลังดั้งเดิมในโลกคล้ายกำลังหมุนปั่นดุจน้ำวนด้วยมือยักษ์สองข้างและรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ม่านหมอกวารีบางๆปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน แขนยื่นออกไปราวกับชีวิตใหม่ถูกเติมเข้าไปในหมอกทมิฬ มันก่อตัวเป็นวังวนล้อมรอบหวังหลินและหมุนเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วทันที
หยดโลหิตก่อตัวต่อเนื่องพร้อมกับพลังดั้งเดิมจากโลกรวมตัวกันภายในหมอกทมิฬ เศษเสี้ยวพลังต้นกำเนิดเทพออกมาจากร่างหวังหลินเพื่อสื่อสารกับโลก
พริบตานั้นหยาดฝนนับหมื่นหยดก่อตัวอยู่ในวังวนทมิฬรอบหวังหลิน แต่ละเม็ดบรรจุพลังจำนวนมหาศาล!
ภายในวังวนนี้มีพลังปราณเทพเส้นหนึ่งที่ทำให้หวังหลินดูราวกับเป็นเทพ! แขนขวายื่นออกไปพร้อมกับลอยตัวท่ามกลางดวงดาว สายลมทมิฬหมุนวนอย่างรุนแรงพร้อมหยาดฝนลอยขึ้นรอบๆ หยาดฝนดุจผลึกแก้วแพรวพราวอยู่ไกลๆ
หวังหลินสะบัดแขนโดยที่ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง พริบตานั้นวังวนสั่นเทาและหมุนกลับด้าน เสียงดังสนั่นกึกก้องพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศ!
วังวนขนาดพันฟุตกำลังพุ่งขึ้นอากาศเพื่อเชื่อมต่อกับสรวงสวรรค์! ขณะที่ขึ้นไปมันก็ดึงหวังหลินขึ้นไปด้วย ผู้คนทำได้แต่เพียงเหลือบมองร่างหวังหลินเท่านั้น
หยาดฝนนับหมื่นหยดพุ่งออกไปหวีดหวิวผ่านอากาศราวกับพื้นดินกลายเป็นท้องฟ้า สายฝนก่อกำเนิดจากพื้นดิน จากนั้นกลับขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อจบชีวิตลงที่นั่น!
ในแววตาหวังหลินแฝงเจตนาแห่งสายฟ้าแต่เขาระงับมันเอาไว้ หวังหลินไม่ต้องการเผยระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของตัวเองที่นี่ วังวนและหยาดฝนนับหมื่นพุ่งประทับใส่กลีบดอกบัวโดยตรง
วังวนเข้าไปใกล้ก่อนอันดับแรกจึงทำให้กลีบดอกบัวสั่นเทา จากนั้นหยาดฝนนับหมื่นตกลงใส่ เสียงสายฝนปะทะกลีบดอกดังสะท้อน กลีบดอกบัวแตกสลายทันที!
ผลจากกลีบดอกแตกสลายทำให้แรงกดดันบนหวังหลินหายไปด้วย จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึกชี้ใส่สตรีชุดน้ำเงิน
วังวนและหยาดฝนพุ่งเข้าใส่นางด้วย
ชั่ววินาทีนั้นเซียนมารปิศาจทมิฬซึ่งพ่ายแพ้ต่อเทพโลหิตและร่างโคลนโลหิตอย่างชัดเจน เขาหลบหนีมาอย่างรวดเร็ว พริบตานั้นจึงพุ่งตรงใส่หวังหลิน
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและถอยหนีโดยไม่ลังเล แม้ต้องการฆ่านางแต่ไม่ได้พยามฆ่าจริงๆ เขาเพียงแค่ทำให้ดูเหมือนซิ่วมู่กำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการต่อสู้
อีกทั้งด้วยผลงานก่อนหน้านี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมองผ่านไปได้
ขณะหวังหลินล่าถอย แววตาสตรีชุดน้ำเงินกระพริบเย็นชา แขนขวาชี้ใส่กลีบดอกบัวเจ็ดกลีบทำให้ดอกบัวมายาปรากฏขึ้นมาป้องกันวิชาอัญเชิญสายฝนไว้อย่างสิ้นเชิง
นางมองสนามรบ ฝ่ายพันธมิตรตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ! อย่างไรเสียนางไม่ได้ตกใจเนื่องจากรู้ว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้จริงๆ เป็นแค่การโหมโรงเท่านั้น!
นางยกเรียวแขนดุจหินหยกขึ้นมาสร้างผนึก ชี้ใส่ความว่างเปล่าและเอ่ยเสียงเบา “โปรดช่วยด้วย ดินแดนคุกซากศพ!”
สิ้นเสียงเอ่ย ค่ายกลยักษ์กว้างห้าสิบลี้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าเบื้องหน้านางอย่างเงียบๆ! ค่ายกลนี้กำลังกลับหัวและหมุนวงกลมอย่างรวดเร็ว ควันสีม่วงปนดำหลั่งไหลออกมาพร้อมกับโซ่ตรวนสีม่วงตกลงมาจากในค่ายกล
เซียนฝ่ายทุกชั้นฟ้าด้านล่างคนใดหลบเร็วไม่พอและตีถูกโซ่ตรวนกระแทกใส่ ร่างกายจะแตกสลายและวิญญาณถูกขังไว้ในโซ่ทันที
แค่มองไกลๆก็เห็นได้ว่าวิญญาณของเซียนคนนั้นดูเหมือนจะติดอยู่กับโซ่ตรวน ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็หนีไปไหนไม่ได้
โซ่อีกเส้นโผล่ออกมาจากค่ายกลและห้อยลงมา โซ่ตรวนตกหล่นลงมาทีละเส้น เพียงไม่กี่ลมหายใจมีโซ่ตรวนมากกว่าร้อยกำลังกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ
วินาทีนั้นเสียงคำรามอู้อี้ดังออกมาจากค่ายกล น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกแห่งการฉีกกระชาก เมื่อได้ยินมันอาจทำให้วิญญาณดั้งเดิมโดนฉีกได้เลย
คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากค่ายกล กลิ่นซากศพเน่าเปื่อยเต็มไปทั่วบริเวณ เขาคนนี้สูงร้อยฟุต ร่างกายสีม่วงทั่วตัว นี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่เป็นซากศพ!
ร่างศพนี้มีโซ่ตรวนจำนวนมากพัวพันไปทั่ว โซ่ตรวนที่ห้อยลงมาก่อนหน้านี้คือโซ่ตรวนที่ห่อหุ้มรอบตัวร่างศพคนนั้น
ร่างศพไม่ได้เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติแต่เกิดจากการใช้วิชากับซากศพมากมาย ในดาราจักรพันธมิตร มันถูกอ้างอิงถึงการหลอมซากศพ!
ร่างนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากดินแดนคุกซากศพโดยมีสำนักซากศพเป็นคนให้ร่างศพมา นานนับแต่อดีตมันถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดสิบแปดร่างเท่านั้น! แต่ละร่างมีระดับบ่มเพาะเทียบเท่าเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับปลาย!
ร่างศพแรกปรากฏขึ้นมาสั่นโซ่ตรวนและร้องคำราม เสียงคำรามแทงทะลุร่างกายและส่งผลต่อวิญญาณดั้งเดิมโดยตรง
ขณะที่ร่างศพร้องคำราม มันพุ่งเข้าใส่กลุ่มเซียนและโบกสะบักโซ่ตรวนรอบๆ โซ่ตรวนยิ่งกลายเป็นสมบัติรุนแรงมากที่สุด
ขณะที่มันอาละวาดไปทั่วบริเวณ จึงก่อเกิดเป็นสายลมรุนแรงขึ้นมา เซียนจำนวนมากไม่สามารถต่อสู้ได้และถูกบังคับให้ถอยกลับ
วินาทีนั้นร่างศพอีกร่างเดินออกมาจากค่ายกล มันร้องคำรามพุ่งเข้าไปในสนามรบ
ขณะที่ร่างศพเดินออกมาทีละร่าง สถานการณ์ในสนามรบเริ่มกลับตาลปัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ร่างศพสามตัวสุดท้ายเดินออกมา พวกมันไม่ได้เรืองแสงสีม่วงแต่มีสองตัวเรืองแสงสีเงิน และอีกหนึ่งเรืองแสงสีทอง!
สองร่างศพสีเงินคือหนึ่งสตรีและหนึ่งบุรุษ แม้จะท่าทางพวกมันจะอืดอาด ร่างกายขนาดเท่าคนปกติธรรมดาและสวมเสื้อผ้าสีเงินแต่ยังมีโซ่ตรวนล้อมรอบ เพียงแค่สองคนนี้ก็ปลดปล่อยแรงกดดันของเซียนขั้นชำระสวรรค์ระดับต้นแล้ว
ร่างศพสุดท้ายไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นร่างศพ เขาคือชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมมังกร ราวกับราชา!
เขาไม่มีโซ่ตรวนอันใดล้อมรอบ มีเพียงยันต์สีเหลืองห้าใบรอบศีรษะ ระหว่างยันต์เซียนมีแสงระเบิดออกมาเชื่อมกันกับยันต์ใบอื่น
กลิ่นอายห้าธาตุโผล่ออกมาจากร่างเขา วินาทีที่หวังหลินเห็นชายคนนั้นเขาก็คิดถึงห้าธาตุและครั้งแรกที่เผชิญหน้ากับผีเสื้อสีชาดทันที!
‘ร่างวิญญาณห้าธาตุ!’ หวังหลินถอยเร็วกว่าเดิม เขารู้ว่าด้วยระดับบ่มเพาะตอนนี้ไม่อาจทำหน้าที่สำคัญในการสู้รบระหว่างสองดาราจักรได้ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหวังหลินถึงมีท่าทีสงวนพลังตัวเองไว้ตั้งแต่เริ่มต้น
หากมีคุณงามความดี เขาจะลงมือคว้าโอกาสนั้น แต่หากไม่มีอะไรเลย เขาต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน!
‘ไม่รู้ว่าศิษย์พี่ฉิงชุ่ยอยู่ไหน แต่ข้าเชื่อว่าเขาคงอยู่ใกล้ๆ!’ หวังหลินถอยร่นต่อเนื่องแต่สตรีชุดน้ำเงินไม่มีเจตนาปล่อยหวังหลินไป นางชี้แขนเรียวบางใส่หวังหลิน ซากศพทั่วไปจ้องใส่หวังหลินและไล่ตามเขา
หวังหลินสีหน้าท่าทางมืดมน หากเขาเผชิญหน้ากับเซียนขั้นส่องสวรรค์ระดับกลางด้วยร่างกายและวิชาในปัจจุบัน เขาสามารถเอาชนะได้ แต่หากเผชิญหน้ากับขั้นส่องสวรรค์ระดับปลาย คงต้องใช้ความสามารถทั้งหมดเพื่อเอาชนะและมีตัวแปรอีกหลายอย่าง
อย่างไรเสียมันคงไม่ฉลาดนักที่จะใช้ความสามารถทั้งหมดในการต่อสู้ครั้งนี้ อีกทั้งถ้าเขาบาดเจ็บก็จะหนีทันทีเมื่ออยู่ในสถานการณ์อันตราย
แผนของหวังหลินคือการหาโอกาสในความยุ่งเหยิงและเข้าไปในอสรพิษพิฆาตจันทร์โดยไม่ให้มีใครรู้ จากนั้นเขาคงต้องใช้โอกาสเพื่อขโมยพลังการสืบทอดของเทพโบราณวัยเด็ก
ขณะล่าถอย ร่างซากศพไล่ตามเขามาด้วย มันกวัดแกว่งโซ่ตรวนไปรอบๆบังคับเปิดทางไปหาหวังหลิน
หวังหลินกระพริบแววตาเย็นเยียบพลางเคลื่อนเข้าไปใกล้อสรพิษพิฆาตจันทร์ เสียงคำรามอู้อี้ดังออกมาจากเจ้าอสรพิษ หวังหลินไม่เชื่อว่าเหล่าเซียนจากฝ่ายพันธมิตรแค่นี้จะสามารถขังอสรพิษไว้ได้
เมื่อมันเริ่มโกรธ ทุกสิ่งทุกอย่างคงพังทลาย ค่ายกลผนึกแค่นี้ไม่สามารถผนึกมันได้
วินาทีต่อมา หวังหลินเข้าไปใกล้เปลือกสีดำที่กักขังเจ้าอสรพิษไว้ข้างใน บรรพชนตระกูลเฉินกงกำลังนำทางเหล่าเซียนเพื่อโจมตีกระดองทมิฬอย่างต่อเนื่อง
การเข้าใกล้ของหวังหลินไม่ได้ทำให้เซียนเหล่านี้สนใจ ร่างศพไล่ล่าตามหลังหวังหลินใกล้ขึ้นและใกล้ขึ้น มันโยนโซ่ตรวนสายหนึ่งออกไปหาหวังหลิน เสียงโซ่หวดผ่านอากาศเข้าไปในหูหวังหลินทันที
แววตาหวังหลินเปล่งประกายเย็นเยียบ เขาถอยกลับท่าทีสงบนิ่งและสัมผัสกระดองสีดำที่กำลังผนึกเจ้าอสรพิษทันที วินาทีที่สัมผัสกระดอง หวังหลินปลดปล่อยเศษเสี้ยวกลิ่นอายเทพโบราณเข้าไปข้างในด้วย
เพียงแค่วินาทีนั้น เจ้าอสรพิษในผนึกกระดองจึงรับรู้กลิ่นอายเทพโบราณตามสัญชาตญาณได้ทันทีและเริ่มบ้าคลั่ง เสียงคำรามของมันสั่นสะเทือนสรวงสวรรค์
ความโกรธเกรี้ยวของอสรพิษดุจดัชนีเทพโบราณ ยิ่งมันโกรธมากเท่าไหร่ วิชานี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น เสียงคำรามสั่นดังออกมาจากกระดองและรอยร้าวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาราวกับมีพลังเหนือจินตนาการกำลังออกมาจากภายในกระดอง เสี้ยวพริบตาเท่านั้นกระดองทมิฬก็แตกสลาย!
ดัชนีเทพโบราณโผล่ออกมาในวินาทีที่แตกสลาย!