957. มาถึง
ไม่ใช่เพียงแค่นางเท่านั้นแต่สตรีสุดสวยอีกสามคนต่างก็มองขึ้นไปบนฟ้าด้วยดวงตาน่ารัก ชื่อเสียงของหวังหลินแทบกลายเป็นของต้องห้ามตลอดหลายปี!
อย่างไรก็ตามยิ่งมันเป็นสิ่งต้องห้าม ก็ยิ่งมีชื่อเสียงเกี่ยวกับหวังหลินแพร่กระจายออกมามากขึ้น
เหนือลานจัตุรัสของสำนักชะตาสวรรค์ ป๋ายเว่ยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขาพบว่ามันยากยิ่งที่จะจิตนาการว่าคนเมื่อตอนนั้นเป็นอะไรไปแล้ว
ด้านข้างป๋ายเว่ยยังมีชายวัยกลางคนใบหน้ามืดมน เขาสวมชุดคลุมสีม่วง สายตาดุจสายฟ้าจ้องมองออกไปและถอนหายใจอยู่ในใจ
‘หวังหลิน…แม้เจ้าจะไม่ได้ตายแต่ก็ไม่น่าจะประสบความสำเร็จมากเกินนัก ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับข้า จ้าวฉิงชา แค่ไหน!’
ป๋ายเว่ยมองชายวัยกลางคนอย่างละเอียดและรู้สึกหวาดเกรงศิษย์พี่คนนี้ ระดับบ่มเพาะของจ้าวฉิงชาเพิ่มพูนขึ้นมหาศาลในระหว่างปิดด่านฝึกตน เขาทะลวงผ่านขั้นเทวะและห่างจากขั้นมายาหยินเพียงก้าวเดียว!
‘จ้าวฉิงชากลายเป็นหนึ่งในเจ็ดศิษย์ตัวจริงของเทียนหยุนเมื่อสามสิบปีก่อน เขาอาฆาตแค้นหวังหลิน ดังนั้นเมื่อเจอหน้ากันคงยากยิ่งที่จะไม่มีจิตสังหาร’
ด้านข้างทั้งสองคนยังมีสตรีอีกคน แม้จะมองไปบนท้องฟ้าแต่ราวกับนางไม่สนใจอันใด
นางคือศิษย์ลำดับสี่ของกองกำลังสีม่วง ศิษย์พี่สี่ของหวังหลิน ตอนนั้นนางถูกจ้าวฉิงชาบังคับให้วางกับดักหวังหลิน
ต่อมาหวังหลินหนีรอดมาได้และนางสอนวิชาเคลื่อนย้ายพริบตาขั้นสูงให้แก่หวังหลินเพื่อสลายเรื่องบาดหมาง
ห่างออกไปไกลมีชายหนุ่มอายุราวสามสิบปี สวมเสื้อสีฟ้าสลักมังกรสีฟ้าสามตัวเอาไว้บนผืนเสื้อ มังกรทั้งสามดุร้ายยิ่งและดูเหมือนมีชีวิต โดยเฉพาะดวงตาดุดันและหากมองอย่างใกล้ชิดคงหายใจหนักหน่วง
ถ้าหากหวังหลินเห็นเขาคงไม่รู้สึกคุ้นเคย เขาคือคนที่ร่วมมือกับศิษย์พี่สี่ของหวังหลินเพื่อวางกับดักเขา ซือหม่ารั่วเฟิงแห่งกองกำลังสีฟ้า!
ภายในสำนักชะตาสวรรค์ ทุกคนที่รู้จักหวังหลินต่างก็มีความคิดของตนเอง อย่างไรก็ตามไม่มีใครเชื่อว่าหวังหลินที่สามารถรอดออกมาได้จะปรากฏตัวในวันนี้
ขณะที่สายตาทุกคนรวมกันไปบนเส้นขอบฟ้า ร่างสีขาวหนึ่งปรากฏขึ้นมาบนนั้นและค่อยๆก้าวเดินออกมา
เส้นผมสีดำขลับพริ้วในสายลม ใต้แสงอาทิตย์สาดส่องแฝงสีม่วงเล็กๆอยู่ภายใน เสื้อคลุมสีขาวทำให้เขามีบรรยากาศดุจเทพและดูเหมือนหิมะขาวกำลังมาถึง
ความรู้สึกโดดเดี่ยวนับพันปีปรากฏขึ้นมาจากร่างเขา เขาพึ่งเข้ามาใกล้ ด้านหลังคือดวงอาทิตย์สีแดงเข้มบดบังใบหน้าจนมืด เห็นแต่เพียงดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้าเผยความฉลาดนับพันปี
ฉากเหตุการณ์นี้งดงามยิ่งนัก
คราแรกร่างนั้นอยู่ไกลมาก แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็อยู่นอกสำนักชะตาสวรรค์!
“หวังหลิน!”
“หวังหลิน!!”
ไม่กี่วินาทีผู้คนก็จดจำได้ว่าเป็นหวังหลิน!
“เช่นนั้นเขาคือหวังหลิน…” สตรีชุดชมพูดวงตาเรียวงามจ้องมองไปบนร่างชุดขาวผู้นั้น
หลิงเทียนโฮวดวงตาเป็นประกายสว่างแฝงปราณกระบี่ทรงพลัง วินาทีที่เขาเห็นหวังหลินจึงพลันขมวดคิ้ว แม้ใบหน้ายังคงมืดมนแต่แววตามีร่องรอยตกตะลึง!
‘ขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น! หวังหลินผู้นี้เพียงแค่ขั้นแปลงวิญญาณเท่านั้นและเพียงแค่ไม่กี่ร้อยปี เขาบรรลุระดับสูงเกินคาดคิด!! เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดแบบนี้ขึ้นเว้นแต่จะเผชิญโชคลาภมหาศาล! ยังมีอักขระกลางหน้าผากอีก…’ เรื่องน่าตกตะลึงก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์ในใจหลิงเทียนโฮว
ชายชราที่เหมือนภูเขาเนื้อพลันลืมตาขึ้นมา จ้องมองหวังหลินอย่างไม่เชื่อสายตา
สีหน้าท่าทางของชายชรารูปร่างผอมดุจซากศพเปลี่ยนไป เขามองหวังหลินอย่างใส่ใจ จากนั้นมองเทียนหยุนและเผยท่าที่คล้ายจะรู้อะไรบางอย่าง
ส่วนชายชราชุดหยินหยางบนพื้นเผยรอยยิ้มที่คาดไม่ถึง ทว่าในแววตากระพริบแสงชั่วร้ายจนมองไม่ออกว่ากำลังคิดอะไร
‘อักขระวิหคศักดิ์สิทธิ์!’ หญิงวัยกลางคนประหลาดใจและมองหวังหลินอย่างละเอียด
หากเซียนเฒ่าเป็นแบบนี้คงไม่จำเป็นต้องพูดถึงเซียนรอบด้านคนอื่นๆ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะมองระดับบ่มเพาะหวังหลินไม่ออก แต่ยังรู้สึกถึงแรงกดดันท่วมท้นออกมาจากร่างเขาด้วย
สตรีชุดสีชมพูมองหวังหลินด้วยดวงตาเรียวงามและเผยความสนใจ
ทั้งหมดนี้ฟังดูเชื่องช้าแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นในจังหวะที่หวังหลินปรากฏตัว สีหน้าท่าทางของทุกคนจับสายตาไปที่หวังหลิน เขาลูบเสื้อผ้าตนเองพลางมองเทียนหยุนท่าทีสงบนิ่ง จากนั้นคำนับฝ่ามือและเอ่ยอย่างเคารพ “ศิษย์หวังหลินขอคำนับอาจารย์!”
สายตาเทียนหยุนเผยแสงประหลาดพลางจ้องอักขระระหว่างคิ้วของหวังหลิน หลังจากนั้นสักพักเขาก็เผยรอยยิ้มและเอ่ยขึ้นอย่างเมตตา “หวังหลิน ดีมากที่เจ้ากลับมา ผู้อาวุธเหล่านี้ต้องการถามเจ้าบางอย่างและเจ้าต้องตอบอย่างสัตย์จริง!”
ชายวัยกลางคนด้านหลังชี้ไปที่หวังหลินและร้องตะโกน “ไอ้เด็กเหลือขอหวังหลิน เจ้ากล้ากลับมาจริงๆ!!”
“ตอนนั้นเจ้าสังหารคนของสำนักกระบี่ต้าหลัวในดินแดนวิญญาณปิศาจ วันนี้จะเป็นวันที่เจ้าต้องจ่ายด้วยโลหิต!”
หวังหลินเผยรอยยิ้มแต่สายตาแข็งกร้าวดุจน้ำแข็ง จ้องมองชายวัยกลางคนและเอ่ยอย่างสงบนิ่ง “ผู้อาวุโสหลิงเทียนโฮว ศิษย์ของท่านคนนี้มีคุณสมบัติพอจะพูดคุยกับข้าเช่นนี้หรือ?”
ขณะหลิงเทียนโฮวจ้องมองอักขระระหว่างคิ้วหวังหลินพลันใบหน้ามืดมนยิ่ง แม้เขาจะค่อนข้างหวาดกลัวอักขระวิหคศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆคือพลังอีกสองสายระหว่างคิ้วตรงนั้น
‘เจ้าเด็กหวังหลินนี่ไปเจอโชคลาภวาสนาแบบใดกันในหลายร้อยปีที่ผ่านมา? ราวกับมันเกิดใหม่!’
ขณะขบคิดอยู่นั้น หลิงเทียนโฮวโบกแขนเสื้อทำให้ชายวัยกลางคนที่กำลังตะโกนด่าทอหวังหลินต้องสั่นเทาและถูกผลักเข้าไปในกลุ่มเซียน
หลิงเทียนโฮวเอ่ยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เขาไม่มีคุณสมบัติพอจะพูดกับเจ้าเช่นนี้จริงๆ! การจะสามารถบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นด้วยอายุนี้ได้ แม้เราจะมีเรื่องบาดหมางกับเจ้า ข้าก็ยังต้องขอชื่นชม!”
คำพูดเขาทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ไม่ต่างอะไรกับการโยนน้ำเข้าไปในน้ำมันเดือด สีหน้าของเซียนรอบด้านทุกคนจึงเปลี่ยนไป!
ป๋ายเว่ยอ้าปากค้างจ้องมองหวังหลิน ความคิดขาวโพลนไม่อาจเชื่อว่าจะเป็นหวังหลินไปได้อย่างไร ผู้คนที่เป็นเพียงขั้นแปลงวิญญาณไม่กี่ร้อยปีก่อน กลายมาเป็นขั้นส่องสวรรค์ที่ผู้คนมองได้เทียบเท่าระดับตำนาน!
“ขั้นส่องสวรรค์…”
ส่วนจ้าวฉิงชานั้นร่างกายสั่นเทา ทั้งยังไม่เชื่อสิ่งที่พึ่งได้ยิน เขาจ้องไปที่จุดเดียว
ไม่ใช่เพียงแค่สองคนเท่านั้นแต่เซียนคนอื่นๆเกือบทั้งหมดต่างก็เป็นเหมือนกัน
นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินไป
“หวังหลินผู้นี้บรรลุระดับขั้นส่องสวรรค์จริงๆ แม้จะยังมีช่องว่างระหว่างเขากับเรา เขาก็ยังเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงและไม่อาจมองเป็นผู้น้อยได้อีกแล้ว” ชายชราบนน้ำเต้าเผยรอยยิ้มและเอ่ยขึ้นมา “หวังหลิน ข้าอยากจะถามสักอย่างนึง ทำไมเจ้าถึงหนีผ่านวังวนเบื้องหน้าเราเมื่อตอนนั้น? เจ้ามีบางอย่างที่ไม่ต้องการให้เรารู้กระนั้นหรือ?”
หวังหลินตอบด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ “ผู้น้อยทำลงไปเพราะภัยพิบัติในดินแดนวิญญาณปิศาจ ดังนั้นจึงต้องจากไป”
ชายชราร่างผอมดวงตาเปล่งประกาย ถามขึ้นอย่างเย็นเยียบ “ภัยพิบัติอะไร?”
หวังหลินตอบกลับ “เพื่อป้องกันตัวเอง ผู้น้อยต้องกักขังลูกสาวของบรรพชนโลหิตเอาไว้! ยามที่เหล่าผู้อาวุโสมาพร้อมกับบรรพชนโลหิต ผู้น้อยจึงต้องรีบหนี!”
หลังจากเอ่ยขึ้นมา ชายชราร่างภูเขาเนื้อพลันยืนขึ้น “ป้ายสิทธิ์ถ้ำเทพอยู่ในมือเจ้าใช่ไหม?”
“ข้าสงสัยว่าผู้อาวุโสได้ยินเรื่องนี้มาจากใครกัน!” หวังหลินมองชายชราร่างเนื้อผู้นั้น เขาเป็นเพียงขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นและยิ่งไปกว่านั้นหวังหลินนึกไม่ออกว่าคนผู้นี้อยู่ในกลุ่มคนที่ไล่ล่าเขาด้วย
ความคิดชายชราสั่นเทาจากสายตาหวังหลิน สีหน้าเปลี่ยนและแววตาไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น
เทียนหยุนยังคงเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน “พอแล้วหวังหลิน อาจารย์กำลังถามว่าเจ้ามีป้ายสิทธิ์ถ้ำเทพอยู่ในมือหรือไม่”
หวังหลินมองเทียนหยุนและเอ่ยอย่างนอบน้อม “เมื่ออาจารย์ถามมา ศิษย์ก็ไม่กล้าปิดบัง ตอนที่อยู่ในดินแดนวิญญาณปิศาจ ศิษย์ได้รับป้ายสิทธิ์ถ้ำเทพมาจริง!”
หลังจากหวังหลินเอ่ยขึ้น ดวงตาเหล่าเซียนเฒ่าส่องประกายและเริ่มขบคิดเงียบๆ จากนั้นกลิ่นอายกดดันแพร่ออกมารวมกันบนหวังหลิน
ชายชราที่กำลังนั่งอยู่บนน้ำเต้าพลางมองอักขระระหว่างคิ้วของหวังหลินและเอ่ยขึ้นมา “หวังหลิน นำป้ายสิทธิ์ออกมาและเราจะไว้ชีวิต!”
ชายชราร่างเนื้อเผยสายตาไม่เป็นมิตร “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะมีป้ายสิทธิ์ถ้ำเทพ”
ไม่ต้องรอให้หวังหลินพูดต่อ แววตาหลิงเทียนโฮวกระพริบจิตสังหาร เอ่ยขึ้นมา “เมื่อเรารู้ว่าป้ายสิทธิ์อยู่ในมือเขา ทำไมถึงต้องรอให้เสียเวลา?”
เขาพ่นลมหายใจเย็นและชี้นิ้วซ้าย ปราณกระบี่สั่นสะเทือนสวรรค์พุ่งออกไปเข้าหาหวังหลิน
หวังหลินสีหน้าสงบนิ่ง ยามที่ปราณกระบี่มาถึง เขาถอยสองสาวก้าวและโยนกำปั้นออกไปจนก่อเกิดแรงกระแทก พื้นปฐพีสั่นสะเทือน
วังวนสีดำปรากฏจากหมัดหวังหลิน เข้าปะทะกับปราณกระบี่หลิงเทียนโฮว
เพียงแค่ชั่วพริบตานั้น ดวงตาเทียนหยุนส่องประกายขึ้นและโบกแขนขวา สายลมเจ็ดสีพุ่งเข้าไปอย่างรุนแรงและร่อนลงระหว่างหลิงเทียนโฮวกับหวังหลิน
สายลมเจ็ดสีแฝงพลังลึกลับ เมื่อมันผ่านไปทำให้วังวนสีดำจากกำปั้นหวังหลินต้องสลายตัว ขณะที่มันสลายพลังของหวังหลินมันก็ขัดขวางปราณกระบี่ของหลิงเทียนโฮวไปด้วย
ทุกอย่างค่อยๆสลายไปอย่างแผ่วเบา
“หลิงเทียนโฮว การโจมตีศิษย์สำนักชะตาสวรรค์ที่สำนักของข้า เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้อยู่ที่นี่หรือ?” เทียนหยุนเอ่ยน้ำเสียงสุภาพพลางมองหลิงเทียนโฮว
กระบี่ดั้งเดิมสี่เล่มด้านหลังหลิงเทียนโฮวลอยล่องออกไปขณะเดียวกันเขาก็จ้องเทียนหยุนและร้องตะโกน “เทียนหยุน หรือว่าเจ้าอยากจะฮุบป้ายสิทธิ์เอาไว้เอง!?”