Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 962

Cover Renegade Immortal 1

962. ความชื่นชอบของฉวี่ลี่กั๋ว

ป๋ายเว่ยยิ้มให้หวังหลินและจากไป

หวังหลินยิ้มบิดเบี้ยว รู้สึกปวดหัวกับป๋ายเว่ย ขณะนั้นระลอกคลื่นปรากฏขึ้นมาจากกระเป๋า เสียงฉวี่ลี่กั๋วดังก้องในความคิด

“งานชั้นยอด! งานชั้นยอด! นายท่านนี่มันงานชั้นยอดชัดๆ! ข้าฉวี่ลี่กั๋วพบเจอผู้คนมามากมายแต่ข้าไม่เคยเจอคนงดงามแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นตอนที่นางจากไปมันทำให้กระดูกปู่ฉวี่ผู้นี้อ่อนยวบ นายท่านหากท่านไม่ชอบมัน ข้าขอละกัน ตอนที่ข้าเห็นนางมันทำให้ข้านึกถึงเม่ยจี[1]”

หวังหลินเมินเฉยคำพูดของฉวี่ลี่กั๋วและตัดเสียงมันไป

ขณะนั้นเองเสียงหัวเราะดังออกมาจากข้างๆหวังหลิน จ้าวซินหมิงปรากฏตัวขึ้น สายตาที่มองหวังหลินต่างออกไปเล็กน้อย

หวังหลินขมวดคิ้วพลางลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ “ศิษย์พี่สี่ ข้าขอเวลาพิจารณาเรื่องท่านก่อน”

จ้าวซินหมิงมองหวังหลิน ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยเบาบาง “แม้ระดับบ่มเพาะข้าไม่ได้สูงส่ง ข้าคงยังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ตลอดมา หากเจ้าสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ผนึกข้า…ข้าสามารถมอบหยินพันปีดั้งเดิมให้เจ้าได้” จ้าวซินหมิงใบหน้าแดงระเรื่อ นางเปิดแขนเสื้อเผยเป็นจุดสีแดงเล็กๆ

นางกัดริมฝีปากและวางแขนเสื้อลงก่อนจะมองหวังหลินและจะจากไป

‘นี่คือความหวังสุดท้ายของข้า หากเขาสามารถสู้กับหลิงเทียนโฮวได้ ระดับบ่มเพาะไม่ได้แค่ขั้นส่องสวรรค์ เขาเป็นเหมือนอยู่ขั้นชำระสวรรค์ หากเขาช่วยข้า เขาต้องสามารถปิดผนึกได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน…’ จ้าวซินหมิงถอนหายใจ ร่างหายวับไปเหนือเส้นขอบฟ้า

‘หากข้าขอให้คนอื่นช่วย การที่อาจารย์อยู่ที่นี่ ข้ากลัวว่าจะไม่มีใครกล้าช่วย…’

หวังหลินนั่งในห้องและขบคิด การช่วยเจ้าซินหมิงเป็นเรื่องง่ายดายแต่การทำเช่นนี้คงทำให้เทียนหยุนไม่ชอบใจ

“หากสิ่งที่จ้าวซินหมิงกล่าวเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นท่าทีไม่แยแสของอาจารย์มีความหมายล้ำลึกมาก…สันนิษฐานว่า…เขาก็ขัดแย้งกันอยู่ในใจ”

ขณะขบคิด กระบี่สวรรค์ฉวี่ลี่กั๋วก็เริ่มร้อนใจ พลังผันผวนจากกระเป๋าไปรบกวนความคิดเขา หวังหลินขมวดคิ้วและตบกระเป๋าขึ้นมา กระบี่สวรรค์ลอยออกมาทันทีพร้อมกับหมอกสีดำจำนวนมาก หมอกสีดำควบแน่นเป็นร่างฉวี่ลี่กั๋ว

ฉวี่ลี่กั๋วดวงตาเปล่งประกาย มันสูดหายใจลึกดมกลิ่นที่ป๋ายเว่ยเคยอยู่ก่อนหน้านี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความมึนเมาและบ่นพึมพำ “งานชั้นยอด! งานชั้นยอดจริงๆ! แม้แต่เด็กสาวในดินแดนวิญญาณปิศาจก็เทียบไม่ได้ หากข้าสามารถ…” ฉวี่ลี่กั๋วเผยรอยยิ้มขนลุก

หวังหลินมองฉวี่ลี่กั๋วอย่างเย็นเยียบ มันสั่นเทาและรู้สึกเจตนาเย็นเฉียบแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย ความเย็นเฉียบแทงเข้าถึงดวงวิญญาณทำให้มันมีสติและเริ่มลอบด่าในใจ

‘บัดซบ ทำไมระดับบ่มเพาะเจ้าปิศาจร้ายนี่ถึงได้เพิ่มขึ้นอีกแล้ว? ไม่ยุติธรรมเสียเลย แม้ข้าจะยังกลัวเหมือนก่อน วิญญาณข้าไม่ได้สั่นแค่จากสายตาเจ้าปิศาจร้ายบัดซบ ข้ารู้สึกเหมือนเจ้าปิศาจร้ายสามารถทำให้ปู่ฉวี่ตายได้เพียงแค่คิด!’ ฉวี่ลี่กั๋วสีหน้าเปลี่ยนไปแต่ก็ต้องเผยท่าทีเยินยอ

“นายท่านผู้ทรงอำนาจ ระดับบ่มเพาะท่านเพิ่มขึ้นอีกแล้ว นายท่านคือของขวัญจากสวรรค์โดยแท้…”

หวังหลินขัดจังหวะโดยไม่รอให้ฉวี่ลี่กั๋วเอ่ยจบ “อะไรทำให้เจ้ากระวนกระวายจนต้องออกมาขนาดนี้?” แม้น้ำเสียงสงบนิ่ง สายตาก็ยังเย็นเฉียบ

จากมุมมองของหวังหลิน ฉวี่ลี่กั๋วจำเป็นต้องโดนทุบตีบ้างเป็นบางครั้ง ไม่เช่นนั้นจะไม่ค่อยเชื่อฟัง เจ้าปิศาจตัวนี้เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา และบางทีก็เป็นเขาคนเดียวที่เข้าใจมันมากที่สุด

ก่อนที่ฉวี่ลี่กั๋วจะถูกหลอมให้กลายเป็นปิศาจ เขามีความอาฆาตแค้นอย่างมาก พอถูกหลอมให้กลายเป็นปิศาจจึงมีนิสัยรุนแรงขึ้น เขารู้ว่าหากฉวี่ลี่กั๋วกลับคืนสู่รูปร่างที่แท้จริง หนทางเดียวที่จะควบคุมฉวี่ลี่กั่วให้อยู่หมัดได้ตลอดไปคือต้องแข็งแกร่งมากกว่ามัน

ตอนที่อยู่ในอสูรเนื้อ ชายชราคิดว่าฉวี่ลี่กั๋วคือคนซื่อสัตย์ แต่ความจริงมันไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย นิสัยที่เกิดขึ้นมาส่วนใหญ่อยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของหวังหลินเกือบพันปี

ในใจฉวี่ลี่กั๋วบางครั้งก็จะเกิดความคิดไม่ยินยอมขึ้นมา หวังหลินรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

‘ไม่เลว เจ้าปิศาจร้ายนี่จะลงโทษข้าวันนี้…’ ฉวี่ลี่กั๋วเลียริมฝีปากและเยินยอ “นายท่าน เหตุผลที่ฉวี่น้อยออกมานั่นก็คือยินดีกับการเพิ่มระดับบ่มเพาะของท่าน นับตั้งแต่ที่ข้าตัดสินใจติดตามท่าน ระดับบ่มเพาะของท่านเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ข้าออกมา หลังจากนั้นผู้น้อยคิดว่าหากข้าออกมาบ่อยขึ้น ระดับบ่มเพาะของท่านก็อาจจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ฮี่ฮี่…” ฉวี่ลี่กั๋วเอ่ยขึ้นมองหวังหลินอย่างละเอียด พร้อมจะเปลี่ยนแปลงคำพูดตัวเองได้ตลอดเวลา

หวังหลินขมวดคิ้วแต่เผยรอยยิ้ม “เมื่อเจ้ามีจิตมีหัวใจ เช่นนั้นตอนนี้ก็อย่ากลับไปในกระบี่สวรรค์ อยู่กับข้าและรู้แจ้งเจตนากระบี่ที่เจ้าสืบทอดมาให้เหมาะสม”

ฉวี่ลี่กั่วตบหน้าอกตัวเองทันที “นายท่านสบายใจได้ ฉวี่น้อยจะไม่ทำให้ท่านอับอายและบ่มเพาะตามสมควร” ฉวี่ลี่กั๋วเอ่ยขึ้นแต่ลอบหัวเราะ

‘ยังเป็นปู่ฉวี่ที่ฉลาดกว่าเจ้าและตอบสนองได้เร็วกว่า เพียงแค่คำพูดหวานๆไม่กี่คำ เจ้าอสูรร้ายตนนี้ก็พ่ายแพ้แล้ว! ไม่ว่าจะมีระดับบ่มเพาะสูงส่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะวิชาของปู่ฉวี่ไปได้!’

หวังหลินไม่สนใจใยดีฉวี่ลี่กั๋วอีก เขานั่งลงและเริ่มบ่มเพาะ

ฉวี่ลี่กั๋วเป็นเหมือนผีที่ล่องลอยรอบห้อง จากนั้นก็เบื่อหน่ายและอดคิดถึงความน่ารักหาที่เปรียบไม่ได้ของป๋ายเว่ย มันมองหวังหลินอย่างละเอียดก่อนจะดมกลิ่นและเผยท่าทีมึนเมา

‘น่ารัก น่ารักจริงๆ…หากนางเป็นสตรีคงไม่พิเศษแบบนั้น ปู่ฉวี่พบเจอสตรีมามาก แต่นางเป็นบุรุษ…’ ความคิดฉวี่ลี่กั๋วสั่นเทา หัวใจรู้สึกคันยิบๆ มันต้องการค้นหาป๋ายเว่ยตอนนี้เพื่อพูดคุยสื่อใจถึงใจ

ความคิดมันเต็มไปด้วยจินตนาการและรู้สึกกระสับกระส่าย อย่างไรก็ตามพอคิดว่าหวังหลินยังอยู่ใกล้ๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

‘ตอนที่ปู่ฉวี่ติดตามบรรพชนเผ่ามารยักษ์ บรรพชนดีต่อข้าเหลือเกิน เขามอบเม่ยจีให้ข้า ช่วงเวลานั้นเต็มไปด้วยสีสัน…โชคร้ายนักหลังจากกลับมาหาเจ้าอสูรร้ายนี่ ข้าถูกเก็บไว้ในกระเป๋าตลอดทั้งวัน ชีวิตดีดีของข้าห่างออกไปไกลแสนไกล’ พอคิดเรื่องนี้ ฉวี่ลี่กั๋วรู้สึกโกรธขึ้นมาในใจ

‘เมื่อระดับบ่มเพาะของข้าแข็งแกร่งขึ้นมาเพียงพอสักวันหนึ่ง ข้าต้องกลับมาหาอสูรร้ายตนนี้ อย่างมากข้าแค่สู้จนตาย…สู้…’ ขณะกำลังคิด มันเห็นเปลือกตาหวังหลินขยับทันทีจึงเผยรอยยิ้มประจบ

ทว่ารอไปอีกนาน ดวงตาหวังหลินก็ไม่เปิดขึ้น ฉวี่ลี่กั๋วสาปแช่งอยู่ในใจ ‘เขาไม่รู้วิธีสุขสมกับชีวิตจริงๆ หากข้ามีใครสักคนมอบกายถวายมาให้ ข้าคงกระโดดใส่ไปแล้ว คงไม่ต้องพูดถึงสาวน่ารักนั่นหรอก…’ ฉวี่ลี่กั๋วถอนหายใจ เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้ทรงพลังเพียงพอ คิดอยู่นานนจึงนั่งลงเริ่มทำความเข้าใจเจตนากระบี่โบราณที่สืบทอดมา

‘ปู่ฉวี่ต้องขยันหมั่นเพียร ไม่เช่นนั้นช่องว่างระหว่างข้ากับเจ้าปิศาจร้ายจะกว้างขึ้นไปอีก จากนั้นข้าก็ไม่สามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของมันและตกนรกไปตลอดกาล’

หลังจากฉวี่ลี่กั่วเริ่มฝึกฝน หวังหลินก็ลืมตา ดวงตาเปล่งประกายก่อนจะหลับตาและเมินเฉยฉวี่ลี่กั๋ว ทว่าหวังหลินคิดขึ้นในใจว่าจะหลอมเจ้าปิศาจตนนี้อีกครั้ง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็เป็นเวลาบ่าย ดวงอาทิตย์นอกตำหนักส่องสว่างขับไล่ความมืดให้หายไปหมด ท้องฟ้าสีครามสดใสทำให้จิตใจทุกผู้คนสงบสุข

หวังหลินลืมตาขึ้น ร่างกายขยับเคลื่อนไหว ประตูเปิดขึ้นมาด้วยตนเองและเดินออกไป ฉวี่ลี่กั๋วลุกขึ้นตาม สายตามองไปรอบๆระงับความตื่นเต้นในใจ

‘ข้ากำลังไปเจอความน่ารักนั่น!’

หวังหลินก้าวเท้าผ่านอากาศ มุ่งหน้าไปด้านล่างภูเขาม่วง ห่างออกไปไกลเขาเห็นร่างหลายคนเคลื่อนไหวอยู่ในภูเขาเจ็ดลูก เผยออกมาเป็นฉากของสำนักอันยิ่งใหญ่

ห่างออกไปไกลมีศิษย์ระดับต่ำของสำนักชะตาสวรรค์กำลังฝึกฝนวิชาของตนเองอย่างขมักเขม้น

พลังปราณหนาแน่นเต็มไปทั่วสำนักชะตาสวรรค์ ทว่านี่เป็นเวลาบ่าย ดังนั้นพลังปราณจึงมีธาตุอัคคีหยางและไม่เหมาะกับการฝึกฝน ไม่มีพลังปราณผันผวนสูงส่งเหมือนกับช่วงรุ่งอรุณหรือพลบค่ำ

กองกำลังสีม่วงมีสถานะต่ำที่สุดในเหล่ากองกำลังทั้งเจ็ด แม้แต่ศิษย์สายตรงทั้งเจ็ดคนก็ไม่มีครบสมบูรณ์ รวมกับหวังหลินแล้วก็มีเพียงห้าคนเท่านั้น

เป็นผลให้มีศิษย์ทั่วไปอยู่บนภูเขาม่วงน้อยลง ซึ่งทำให้ภูเขายักษ์ค่อนข้างเยือกเย็น ประชากรมีเบาบาง

ขณะที่เดินลงไปจากภูเขา หวังหลินไม่เห็นใครเลย ฉวี่ลี่กั๋วตามมาด้านหลัง แสงอาทิตย์สาดส่งมันแต่ไม่ส่งผลกระทบอันใด ตามจริงแล้วมันรู้สึกเจริญหูเจริญตาโดยเฉพาะพอคิดว่าจะเจอความน่ารักนั้นในอีกไม่นาน มันจึงรู้สึกคันยิกๆและเกลียดหวังหลินที่ช้าเกินไป

ฉวี่ลี่กั๋วคิดขึ้นพลางมองเงาของหวังหลิน ‘ปิศาจร้ายนี่บ่มเพาะมานานหลายปีแลละไม่สนุกสนานกับชีวิตเลย แม้แต่ปู่ฉวี่เองก็ต้องชื่นชมการเพิ่มระดับการบ่มเพาะ! เซียนขั้นแกนลมปราณตัวน้อยเมื่อตอนนั้นกลายเป็นผู้ทรงอำนาจ…’ เมื่อคิดเรื่องนี้ ฉวี่ลี่กั๋วรีบขับไล่ความคิดออกไปให้เร็ว ‘ข้ามิอาจเป็นเหมือนเขาได้ ในชีวิตจะหาความสุขอะไรได้กัน? ต้องบอกว่าระดับบ่มเพาะเจ้าอสูรร้ายนี่ถูกสร้างขึ้นจากอันตรายและการเข่นฆ่า ข้าฉวี่ลี่กั๋วไม่เหมาะกับเรื่องแบบนี้ ข้าเหมาะกับการกอดสาวงามมากกว่า’

‘หากข้าเป็นเหมือนเขา ข้าคงถูกทำลายในไม่นานหรือหลังจากนี้แน่นอน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าอสรูร้ายนี่จะเจอเรื่องแย่และถูกสังหาร…ไม่สิ ถ้าเขาถูกสังหาร ชะตาของข้าก็จะไม่ดีน่ะสิ บางทีความคิดข้าจะถูกลบไปด้วยเพื่อใช้เป็นวิญญาณกระบี่ธรรมดา’ ขณะฉวี่ลี่กั๋วกำลังคิดเรื่องราวหลายอย่าง หวังหลินก็มาถึงด้านล่างภูเขา

ด้านล่างมีตำหนักอยู่แห่งหนึ่ง ร่างสีม่วงกำลังยืนอยู่ข้างในตำหนัก ส่งความรู้สึกนุ่มนวลอรชรออกมาไกลๆ อย่างไรก็ตามร่างนั้นคล้ายหญิงสาวและเผยความอ่อนแรงอยู่เล็กๆ

สายลมอ่อนพัดออกมายกเรือนผมร่างสีม่วงนั้นขึ้น เขายกเรียวมือละเอียดดุจหยกขึ้นมา หันกลับมายิ้มให้หวังหลิน

หากคนไม่รู้รายละเอียด คงคิดว่าเขาสวยงามมากกว่าสตรีส่วนใหญ่อีก

ป๋ายเว่ยดวงตาส่องสว่างและยิ้มขึ้น “ศิษย์พี่หวังรักษาสัญญาจริงๆ”

ฉวี่ลี่กั๋วจ้องมองป๋ายเว่ยจากด้านหลัง หากไม่ใช่เพราะหวังหลินอยู่ที่นี่ มันคงกระโจนเข้าใส่ป๋ายเว่ยไปแล้ว

“นี่คือ?” สายตาของป๋ายเว่ยหันไปมองฉวี่ลี่กั๋ว ร่างฉวี่ลี่กั๋วเต็มไปด้วยหมอกดำ วินาทีนั้นหมอกสีดำก็แคบลงเผยรูปลักษณ์ตอนที่เป็นเซียน ดวงตาเผยแสงชั่วร้ายแต่สีหน้าเขร่งขรึม ขณะที่มันกำลังพูดขึ้นมา มันได้ยินเสียงเหมือนคนขวัญอ่อนจึงต้องเผยท่าทางประจบสอพลอ

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ป๋ายเว่ยตกตะลึง

“นี่คือวิญญาณสมบัติของข้า น้องป๋าย ตลาดที่เจ้าพูดถึงอยู่ที่ใด? โปรดนำทางข้าไปด้วย” หวังหลินไม่แนะนำตัวอะไรนัก

แม้ฉวี่ลี่กั่วจะคันหัวใจยิบๆ เมื่อมีหวังหลินอยู่ที่นี่มันก็ไม่กล้าเผยตัวตนมากไปนัก ทำได้แต่มองป๋ายเว่ยเท่านั้นและสาปแช่งในใจ ‘หวังหลินอสูรร้าย เขาไม่ได้จะมากินข้าเสียเองหรอกและเขาจะไม่ปล่อยให้ปู่ฉวี่กินเสียด้วย ไม่มีความยุติธรรม ไม่ยุติธรรม!’

ป๋ายเว่ยเลิกคิ้ว “ศิษย์พี่หวัง!”

หวังหลินอักอ่วนทันที หายากมากที่เขาจะเป็นเช่นนี้และป๋ายเว่ยก็ทำไปแล้วสองครั้ง

ฉวี่ลี่กั๋วดวงตาส่องสว่างขึ้นมาและจ้องป๋ายเว่ย คิดขึ้นกับตัวเอง ‘สวรรค์ส่องประกายมาให้ข้าแล้ว ฉวี่ลี่กั๋วพบความรักในชีวิต ข้าทนยืนไม่ไหวแล้ว!’ หมอกควันสีดำปรากฏรอบฉวี่ลี่กั๋ว เปลี่ยนเป็นปากขนาดใหญ่คล้ายกำลังจะกลืนกินป๋ายเว่ย

หวังหลินโยนความคิดในหัวออกไปทุกอย่าง เขาเห็นแต่เพียงรอยยิ้มของป๋ายเว่ยเท่านั้น พลางพุ่งออกไป ดวงตาเป็นประกายแสงเยือกเย็น ฝ่ามือแทงเข้าไปในสายหมอก ตรงเข้าไปคว้าวิญญาณของฉวี่ลี่กั๋ว

ฉวี่ลี่กั๋วหันไปรอบๆและเมื่อหวังหลินคว้ามันจึงเผยแต่เพียงสีหน้าดุร้าย จากนั้นมันก็เผยท่าทีเยินยอและเอ่ยคำพูดรัวๆ “นายท่าน นายท่าน ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว”

หวังหลินคว้าฉวี่ลี่กั๋วและเอ่ยขึ้นมา “ป๋าย…น้องป๋าย โปรดนำทางเถอะ”

ป๋ายเว่ยพอจะเห็นเบาะแสบางอย่างได้และมองฉวี่ลี่กั๋วด้วยความสนใจใคร่รู้ สายตานั้นทำให้ฉวี่ลี่กั๋วตื่นเต้น

ป๋ายเว่ยยิ้มพลางตบกระเป๋านำกระบี่เหินเล่มนึงออกมา เขายืนอยู่บนกระบี่และเหินออกไปไกล หวังหลินก้าวเท้าและติดตามแสงกระบี่ไปด้วย

‘แม้ก่อนหน้านี้ป๋ายเว่ยจะคล้ายสตรีแต่มันไม่ได้มากขนาดนี้ ร่างกายเขาตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายหยินและแม้แต่นิสัยก็ยังเปลี่ยนไปมากมาย!’ หวังหลินรู้สึกได้ว่ามีคนหนึ่งลอบติดตามมา เขารู้ว่านั่นเป็นจ้าวซินหมิงโดยไม่ต้องหันไปมอง!

1. เม่ยจีคือวิญญาณเขตแดนที่หวังหลินใช้สู้กับหลิวเมย

คงเหลือตอนพิเศษ 9 ตอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version