Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 986

Cover Renegade Immortal 1

986. เริ่มเงื่อนไข

ดาวห้าดวงปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วหวังหลินอย่างรวดเร็ว มันคือหนึ่งในเหตุการณ์หายากไม่กี่ครั้งที่ดาวเทพโบราณจะปรากฏโดยไร้การควบคุมและเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว

หวังหลินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับมีพลังประหลาดสายหนึ่งปลุกขึ้นข้างใน ภายใต้ผลกระทบของพลังสายนี้ ความทรงจำตู่ซือกระพริบผ่านในใจ

หลิงเอ๋อจ้องมองหวังหลินตาไม่กระพริบ ชั่วขณะดาวเทพโบราณปรากฏระหว่างคิ้วหวังหลิน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความงุนงงราวกับก้อนเมฆผ่านไปอย่างรวดเร็วและดวงตาส่องประกาย ร่างกายสั่นเทาราวกับความทรงจำที่ซ่อนอยู่ภายในได้รับการปลดปล่อย

นางตกอยู่ในอาการเคลิ้ม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่ในความฝันพลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้านาง นางเคยคุกเข่าหนึ่งข้างบนแท่นพิธีและคนมากมายต่างก็ร่ายบทสวดล้อมรอบแท่น

ตอนที่คุกเข่าบนแท่นพิธี นางถือขวดล้ำค่าทำท่าทางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ปล่อยเสียงอ่อนนุ่มแต่ประหลาด!

“เซอ!”

ก้อนเมฆหมุนปั่นและร้องคำรามเหมือนคลื่นโกรธเกรี้ยว ก้อนเมฆแบ่งส่วนจนเผยท้องฟ้าสีครามและร่างใหญ่ยักษ์!

ระหว่างคิ้วของร่างนี้คือดาวห้าดวง แต่ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลังและกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของสายเลือดราชวงศ์

เขามีสีหน้าไม่แยแสสิ่งใดราวกับไม่มีอะไรในโลกให้สนใจ สายตาเย็นเฉียบตกลงมามองหลิงเอ๋อ

เทพโบราณตนนี้คือหวังหลิน!

ในความฝัน ใบหน้าหลิงเอ๋อเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ วินาทีที่หวังหลินปรากฏ นางจึงเอ่ยออกมา “ทาสรับใช้มู่หลิงแห่งเผ่าจันทราโบราณขอภาวนาให้เทพโบราณลงมามอบพลังอำนาจแก่เราต่อสู้กับเผ่าหอคอย!”

ขณะเดียวกันเหล่าชายหญิงนับไม่ถ้วนต่างก็เผยความเคารพนอบน้อม ทั้งหมดเริ่มสวดคาถาก่อเป็นพายุกวาดไปทั่วพื้นที่

สัญลักษณ์ดวงจันทราส่องสว่างระหว่างคิ้วและเริ่มส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ

“เผ่าจันทราโบราณได้เตรียมพลังดั้งเดิมเพียงพอให้แก่เทพโบราณ โปรดรับมันไว้” ในภาพลวงตา ขวดล้ำค่าในมือหลิงเอ๋อได้ลอยขึ้นไป วินาทีนั้นผู้คนทั้งหมดรอบแท่นพิธิก็เริ่มร่ายคาถา ดวงจันทร์ระหว่างคิ้วส่องสว่าง พลังดั้งเดิมจำนวนเหนือจินตนาการควบแน่นระหว่างคิ้วและพุ่งเข้าหาแท่นพิธี

พลังดั้งเดิมหลายเส้นสายเคลื่อนไหวดุจมังกรเข้าหาแท่นพิธีและรวมตัวเข้าหาขวดก่อตัวขึ้นจากฝ่ามือหลิงเอ๋อ

ยิ่งมีพลังดั้งเดิมรวมตัวกันระหว่างฝ่ามือหลิงเอ๋อมากเท่าไหร่ ขวดล้ำค่าก็ยิ่งเป็นรูปเป็นร่างมากเท่านั้น ขณะที่นางยกแขนขึ้น ขวดลอยขึ้นไปในอากาศและเปลี่ยนกลายเป็นพายุหมุนขนาดเท่ากำปั้นลอยเข้าหาเทพโบราณที่ดูเหมือนหวังหลิน

คราแรกพายุหมุนไม่ได้เร็วนัก แต่เมื่อมันลอยขึ้นไปก็ยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้น ก่อเกิดพลังดึงดูดออกมาจากภายใน ร่อนลงระหว่างคิ้วหวังหลินและหายวับไป

เทพโบราณที่ดูเหมือนหวังหลินยกนิ้วขวาขึ้นมาและชี้ลง พลังอำนาจอันแข็งแกร่งของเทพโบราณพุ่งเข้าไปบนหลิงเอ๋อที่อยู่บนแท่นพิธี จากนั้นพลังได้เปลี่ยนรูปร่างเข้าไปในร่างนาง แบ่งกลายเป็นเส้นสายนับพันเข้าสู่ร่างทุกคนรอบแท่นพิธี

ขณะนี้หลิงเอ๋อรู้สึกวิงเวียน จากนั้นก็ฟุบตัวลงและสลบไป

ภาพมายาหายไป ท้องฟ้ายังคงเป็นท้องฟ้าของดาววิญญาณวารี ยอดเขายังห่อหุ้มอยู่ภายในก้อนเมฆ บางครั้งก็ได้ยินเสียงคลื่น

ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน สิ่งเดียที่เปลี่ยนไปคือหลิงเอ๋อสลบเหมือนตกอยู่ในภาพมายา

หวังหลินอยู่ห่างออกไปไม่ไกล สายตาเต็มไปด้วยความสับสน

‘ข้าทาสแห่งเทพ…’ หวังหลินมองท้องฟ้าไกลและขบคิดเงียบๆ ความจริงแล้วตอนที่หวังหลินเห็นหลิงเอ๋อทำสัญลักษณ์มือรูปขวดสมบัติล้ำค่า ราวกับมีบางอย่างตื่นขึ้นมาจากมรดกที่หวังหลินได้รับจากตู่ซือ มันเหมือนความทรงจำที่ไม่ควรมีอยู่พลันเปิดขึ้นเบื้องหน้าหวังหลิน

ช่วงยุคโบราณ นอกจากการทำลายดวงดาวเพื่อได้รับพลังดั้งเดิมแล้ว เหล่าเทพโบราณก็ยังได้มาอีกวิธีหนึ่งนั่นคือได้มาจากผู้คน และจึงเป็นการถือกำเนิดตัวตนของข้าทาสแห่งเทพขึ้น

‘บนโลกนี้มีวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ทาสแห่งเทพทุกคนได้ถูกเทพโบราณประทับตราเป็นการส่วนตัว จำนวนพลังที่ทาสแห่งเทพจะได้รับก็แตกต่างกันขึ้นอยู่กับพลังเทพโบราณตนนั้นๆ!’

‘อย่างไรเสียตราประทับบนหลิงเอ๋อนั้นแข็งแกร่งเกินไป แม้จะผ่านการเกิดใหม่มาหลายรอบ ตราประทับก็ยังอยู่ในวิญญาณนาง…หากไม่มีตราประทับ นางคงไม่สามารถจำอดีตเมื่อหลายหมื่นปีก่อนได้…’

หวังหลินสัมผัสจุดระหว่างคิ้ว หลิงเอ๋อไม่ใช่คนเดียวที่เห็นภาพมายานั้น หวังหลินก็เห็นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะตอนที่วังวนพลังดั้งเดิมที่เหล่าผู้คนเสนอมาให้เข้าไปสู่เทพโบราณ หวังหลินรู้สึกถึงความร้อนระหว่างคิ้วราวกับพลังหายเข้าไปข้างใน

อย่างไรก็ตามพลังนี้อ่อนแอยิ่ง มันมีแค่หนึ่งสายเท่านั้นแต่ก็เหนียวแน่น หลังจากเข้าไปในร่างเขามันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังเทพโบราณ

อักขระเพิ่มเติมปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วหลิงเอ๋อ อักขระนี้กระพริบวาบและดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับหัวใจหวังหลิน

คงต้องบอกว่าทุกครั้งที่หัวใจหวังหลินเต้น อักขระก็จะกระพริบตามไปด้วย

หากวันใดวันหนึ่งหัวใจหวังหลินหยุดเต้น อักขระก็จะแตกสลายและนำชีวิตนางไปด้วย

‘หากวิญญาณแตกสลาย เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะถูกทำลายและไม่มีโอกาสไปเกิดใหม่ หากเทพโบราณตาย ทาสรับใช้ก็จะติดตามไปด้วย! มีสิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมหลิงเอ๋อสามารถคงอยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ได้ต่อไป!’ หวังหลินขบคิด ดวงตาส่องสว่าง

‘นั่นคือเทพโบราณที่ประทับตราไว้ยังไม่ตาย!’

‘ข้าแค่บังเอิญก้าวเข้าไปและแทนที่เจ้าของเดิม อักขระข้าจึงแทนที่อักขระคนก่อนหน้า มีอีกเรื่องที่พอจะอธิบายได้นั่นคือแม้เทพโบราณคนก่อนจะไม่ได้ตาย เขาก็สูญเสียพลังทั้งหมดและอ่อนแอกว่าข้า’ หวังหลินถอนหายใจ

ตอนนี้จึงเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงปรารถนาดีต่อหลิงเอ๋อ ตอนแรกเขาคิดว่าเพราะนางมีรากวิญญาณวารีซึ่งทำให้เขาระลึกถึงอดีตและรู้สึกเศร้ากับเรื่องที่เกิดขึ้น

แต่หวังหลินเข้าใจแล้วว่ามันไม่ใช่กรณีนั้น แต่เป็นเพราะนางมีร่องรอยของอักขระทาสแห่งเทพจากการเกิดใหม่มานับครั้งไม่ถ้วน

‘ข้าคิดว่าข้าเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับเทพโบราณตู่ซือ แต่มันดูเหมือนบางความทรงจำยังถูกผนึก…เป็นไปได้ว่าเพราะข้าพลาดผลึกความทรงจำที่ได้มาจากการสืบทอดภูมิปัญญา…หากข้าได้รับผลึกชิ้นสุดท้าย การสืบทอดภูมิปัญญาก็จะสมบูรณ์แบบ’

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พระอาทิตย์ตกดินโดยไม่รู้ตัว แสงหายไปและพื้นโลกถูกห่อหุ้มด้วยความมืดอีกครั้ง หวังหลินค่อยๆจมดิ่งลึกในสภาวะประหลาดอีกครา

ในสภาวะนี้เขาเงียบสงบอย่างที่สุดและโยนความกังวลทั้งหมดทิ้งไป สิ่งเดียวในความคิดคือพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก

มีบางอย่างสะท้อนอยู่เบื้องหน้าเขาตลอด แต่หวังหลินไม่ได้สัมผัสมันทั้งยังไม่รู้ว่าสภาวะที่เขาอยู่ข้างในนี้คืออะไรหรือเขากำลังค้นหาสิ่งใด

อย่างไรก็ดี ด้วยระดับบ่มเพาะหนึ่งพันปี สัมผัสวิญญาณอันแข็งแกร่ง เขาจึงมีความรู้สึกว่าสถาวะปัจจุบันนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง

หากเขาสามารถคว้ามันและทำความเข้าใจได้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมหาศาล

หวังหลินไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ตรงชายขอบหนึ่งสามมหาขอบเขตจากยุคโบราณ ขอบเขตฉี!

ขอบเขตฉีไม่ได้ทรงพลังเหมือนขอบเขตจวี่หรือลึกลับเหมือนขอบเขตเต๋า ทว่าตั้งแต่เริ่มต้น มันคือขอบเขตหมายเลขหนึ่งในโลกแห่งเซียน

ไม่มีใครรู้ว่าขอบเขตฉีมาจากไหนหรือเข้าไปได้อย่างไร ตลอดระยะประวัติศาสตร์แห่งการฝึกเซียน แม้กระทั่งในยุคโบราณเองจำนวนคนที่เข้าสู่ขอบเขตฉีถือได้ว่าต่ำมาก แม้จะไม่ได้ต่ำเท่าขอบเขตจวี่ มันก็ยังถือว่าไม่มากนัก

อย่างไรก็ตามเรื่องน่าประหลาดก็คือ แม้แต่คนที่เข้าสู่ขอบเขตฉีก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเข้าไปได้อย่างไร อีกทั้งพวกเขาคงอยู่ในขอบเขตฉีเป็นช่วงเวลาสั้นมากก่อนที่มันจะหายไป

ทั่วโลกเล่าลือกันว่าขอบเขตฉวี่ เต๋า ฉีคือการเปลี่ยนแปลงในพลังปราณ เมื่อท่านเข้าสู่ขอบเขตนั้นก็จะอยู่ที่นั่นตลอดไป มีหลายอย่างสนับสนุนทฤษฎีนี้แต่นอกจากบันทึกขอบเขตจวี่ไม่กี่อย่าง มีไม่กี่คนที่รู้ว่ามันคือความจริง ส่วนใหญ่จะเกิดความสับสนไปด้วย

พวกเขารู้กันว่าขอบเขตยิ่งใหญ่ทั้งสามถูกแบ่งออกเป็นพลังปราณและสัมผัสวิญญาณ

ตัวอย่างก็เช่น เดิมทีขอบเขตจวี่ที่แสดงในหวังหลินคือพลังปราณก่อนที่มันจะเปลี่ยนกลายเป็นสัมผัสวิญญาณ

ในขณะเดียวกันเหล่าเซียนที่ศึกษาสามขอบเขตมานานต่างก็เชื่อกันว่าขอบเขตเต๋าและฉีก็ถูกแบ่งออกระหว่างพลังปราณและสัมผัสวิญญาณด้วย

พลังปราณจวี่ สัมผัสวิญญาณจวี่!

พลังปราณเต๋า สัมผัสวิญญาณเต๋า!

พลังปราณฉี สัมผัสวิญญาณฉี!

เทียบกันแล้วขอบเขตพลังปราณได้รับมาง่ายกว่า ส่วนขอบเขตสัมผัสวิญญาณนั้นไร้ตัวตนเกินไป ในยุคโบราณคนที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตฉีได้ส่วนใหญ่จึงผ่านพลังปราณ ในตอนนั้นพลังปราณในร่างกายแต่ละคนผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ช่วงเวลาอยู่ในขอบเขตฉีสั้นเกินไป ผลลัพธ์จึงไม่ได้มากนัก

เรื่องราวบันทึกขอบเขตฉีเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดถูกทิ้งเอาไว้จากเซียนนามว่าลิ่วเหวิน!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version