993. พิษ
หวังหลินกำหมัดขวา เดินไปข้างหน้าและโยนออกไป
เสียงปังดังกึกก้องสนั่นทั่วโลก ภาพมายาแขนเทพโบราณปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินราวกับกำปั้นนี้คือกำปั้นของเทพโบราณ!
ตูมม ตูมมม ตูมมม! เสียงดังสั่นสะเทือนปฐพีแทนที่เสียงทุกอย่างบนดาววิญญาณวารีและดังกึกก้องอยู่ในหูทุกคน
ดัชนีสะเทือนขุนเขาของซือถูหนานเข้าปะทะกับหมัดหวังหลิน คลื่นกระแทกทรงพลังแพร่กระจายออกมาทำให้เกิดคลื่นรุนแรงเหนือมหาสมุทร!
ซือถูหนานหัวเราะและถอยกลับมา แววตาชื่นชมและเผยรอยยิ้ม “หวังหลิน เราไม่เจอกันนาน แค่ไม่กี่ร้อยปี วันนี้เจ้ากลับทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ!”
หวังหลินถอยกลับมาและหัวเราะเช่นกัน “ดูเหมือนท่านต้องปิดด่านฝึกตนในระยะเวลาหลายร้อยปีเช่นนี้แน่!”
สองคนมองหน้ากันเองและยิ้มอย่างยินดี หวังหลินไม่ได้มีความสุขเช่นนี้มานานแล้ว การกลับมาพบเจอซือถูหนานทำให้เขาคิดถึงมิตรภาพอันยาวนานและทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่น
ซือถูหนานยังคงเหมือนเดิม เขาโอหังและมีเพื่อนสนิทน้อยคนมาก และถึงแม้จะมีก็สูญเสียการติดต่อไปนานแล้ว หวังหลินเป็นคนพิเศษเนื่องจากทั้งสองคนผ่านสถานการณ์เสียงเป็นเสี่ยงตายร่วมกันมา เมื่อมาเห็นระดับบ่มเพาะหวังหลินเพิ่มพูนขนาดนี้ เขายิ่งมีความสุขนัก
ทั้งสองคนเหาะเหินออกไปไกลภายใต้การเชิญชวนของหวังหลิน ทิ้งให้ทุกคนงุนงงกันเป็นแถว
โดยเฉพาะสามพี่น้องเฉินที่ยังตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ จนกระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ทั้งสามจึงยิ้มบิดเบี้ยว ทั้งหมดเป็นเซียนขั้นส่องสวรรค์และต่างฉลาดลึกลับ ตอนนี้พวกเขาตระหนักว่าตอนที่ซือถูหนานพูดว่าจะพาโจวเฉว่และหลิงเอ๋อไปให้น้องชาย เช่นนั้นมีโอกาสถึงแปดในสิบส่วนที่น้องชายเขาคือหวังหลิน
จ้าวสายลมหวนยิ้มอย่างเจ็บปวดและส่ายศีรษะ จากนั้นมองหญิงชุดเงินที่เดินออกมาจากวิชาของซือถูและรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ
ทั้งหมดกระจัดกระจายตัว ตอนนี้หวังหลินและซือถูหนานนั่งอยู่บนยอดเขาที่หวังหลินทำความเข้าใจแยกราตรี สายลมภูเขาพัดใส่เสื้อผ้าขณะที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดหลายร้อยปี
โต๊ะหยกขาวคั่นกลางระหว่างสองคนพร้อมกับขวดเหล้าและอีกอย่างที่ซือถูนำมา พวกเขาดื่มกินพลางร้องอุทาน “ข้าไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้นหลังจากเจ้ามาที่ดาวเทียนหยุน หากเจ้าติดตามข้ามาและสนุกกับการเป็นราชาคงดีเสียกว่า”
หวังหลินหยิบจอกเหล้าและดื่มกินก่อนจะส่ายศีรษะ “หากไม่มีเรื่องเกินคาดคิดระหว่างทางมาดาวเทียนหยุน ข้าคงไม่ได้มีระดับบ่มเพาะในปัจจุบัน”
ซือถูหนานเผยสีหน้าราวกับยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม จากนั้นวางจอกเหล้าลงและหัวเราะ “ข้าได้ยินเรื่องสงครามระหว่างฝ่ายทุกชั้นฟ้าและพันธมิตรเซียนบนดาวเฟิ่งหลวน และเรื่องชื่อเสียงของเทพสายฟ้าแห่งฝ่ายทุกชั้นฟ้า ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นเจ้า!”
หวังหลินยิ้ม “ข้าแค่โชคดี”
“แต่ว่าระดับบ่มเพาะเจ้าประหลาดเล็กน้อย เจ้าระดับขั้นส่องสวรรค์ชั้นกลางสูงสุดเท่านั้นแต่ข้าตื่นตระหนกกับความแข็งแกร่งของหมัดนั่น” แม้ซือถูหนานจะอยู่ขั้นชำระสวรรค์ชั้นต้นเท่านั้น แต่พรสวรรรค์ถือว่าดีเยี่ยม เขาเรียนรู้ด้วยความพยายามระหว่างการปิดด่านฝึกตนดังนั้นจึงมีระดับบ่มเพาะขั้นสูงสุด หากถูกบังคับให้จนมุม เขายังสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นชำระสวรรรค์กลางได้ถึงแม้จะสาหัสก็ตาม
การต่อสู้ระหว่างหวังหลินและซือถูหนานเป็นแค่การเทียบพลัง ทว่าซือถูหนานก็มองออกถึงพลังน่าตกตะลึงที่ซ่อนอยู่ภายในหวังหลินได้ ถึงซือถูหนานจะโอหังเขาก็ยังตกตะลึง
เด็กเมื่อตอนนั้นผ่านไปพันปี สูญเสียความไร้เดียงสาและกลายเป็นเซียนที่แท้จริง!
ขณะที่ซือถูตกอยู่ในความเคลิ้ม ราวกับเขาพึ่งเห็นเจ้าเด็กน้อยนั่นพึ่งหยิบลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า…จากนั้นเจ้าหนุ่มกระพริบวาบกลายเป็นหนุ่มน้อยในสำนักเหิงยั่วที่ไม่เข้าใจโลกของเซียนอันโหดร้าย
เด็กหนุ่มนั่นสูญเสียพ่อแม่และร่างกายไปก่อนจะถูกซือถูหนานช่วยเอาไว้ จากนั้นเขาก็เดินบนเส้นทางแห่งการเข่นฆ่าจนเกือบจะกลายเป็นอสูรไปแล้ว…
หนุ่มนั่นฟื้นตัวเองกลับมาได้หลังจากค้นพบเขตแดนของตนเอง จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มพูนชื่อเสียงขึ้นบนดาวซูซาคุ ท้ายที่สุดก็ถึงระดับสูงสุดพอจะปลุกเขา ซือถูหนาน
ซือถูหนานถอนหายใจพลางมองหวังหลิน อดคิดไม่ได้ถึงวันที่พวกเขาแยกทาง หนึ่งไปดาวเทียนหยุนเพื่อกลายเป็นศิษย์และอีกหนึ่งไปดาวเฟิ่งหลวนเพื่อหาความสุขให้ชีวิต
พริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปหลายร้อยปี และวันนี้ทั้งสองก็กลับมาพบกันอีกครั้ง นอกจากมิตรภาพที่ไม่เปลี่ยนไปแล้ว อย่างอื่นเปลี่ยนไปมาก
ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้!
ขณะที่หวังหลินมองซือถูหนาน ความทรงจำในอดีตแล่นผ่านเช่นเดียวกัน ความทรงจำพวกนี้หวังหลินจดจำไว้อย่างชัดเจน เขาไม่มีวันลืมว่าพูดอะไรไว้ใต้ท้องฟ้าคืนนั้น
“ข้าหวังหลินจะไม่มีวันโค้งให้ต่อสวรรค์หรือคำนับต่อภูติผีปิศาจตัวไหน ข้าโค้งให้ต่อครอบครัวของข้าและเคารพต่อซือถูเท่านั้น!”
ซือถูหนานช่วยเขามากเกินไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะซือถูหวังหลินคงตายในแคว้นจ้าวและไม่มีวันประสบความสำเร็จที่มีวันนี้
หากไม่ใช่เพราะซือถู เขาคงก้าวผ่านขั้นแรก รวบรวมลมปราณ พื้นฐานลมปราณ แกนลมปราณและวิญญาณแรกกำเนิดได้ยากยิ่ง! ไม่มีพื้นฐานเขาก็ยากที่จะประสบระดับบ่มเพาะปัจจุบัน
หากไม่ใช่เพราะดัชนีแห่งความตาย ดัชนีมารและดัชนีนรกของซือถู พร้อมกับวิธีการใช้วิชาและสมบัติ คงยากยิ่งที่หวังหลินจะมีที่หยั่งเท้าบนดาวเทียนหยุน
หากไม่ใช่เพราะซือถู หวังหลินคงถูกเจ้าเศษมารโจมตีในดินแดนวิญญาณปิศาจและตายไปโดยไม่มีดัชนีนรก…
ยังมีเรื่องลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าด้วย! หากซือถูหนานมีความโลภ คงไม่ปล่อยหวังหลินเก็บสมบัติลึกลับนี้เอาไว้ หากซือถูเอามันไปจากหวังหลิน หวังหลินก็คงตาย เพราะเช่นนั้นซือถูจึงยิ้มและพูดออกมาคำเดียว
“ข้ามอบมันให้เจ้า!”
ความทรงจำครั้งอดีตกลับผ่านมา ทั้งสองคนเงียบสงัดอยู่บนยอดเขา
สายลมหวนพักผ่านไปแต่ไม่สามารถพัดอารมณ์ที่พวกเขารู้สึกให้กระจายออกไปได้ อารมณ์เหล่านี้ทรงพลังยิ่งขึ้นจนเหมือนหมอกควันที่ห่อหุ้มจิตใจไว้ตลอดกาล แสดงถึงมิตรภาพตลอดไป
สายลมภูเขาพัดผ่าน สองจอกเหล้าชนดื่ม ผ่านความเงียบไปทั้งสองจึงหัวเราะ สหายที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรมาก เพียงแค่จอกเหล้าและเสียงหัวเราะก็ทำให้พวกเขาโยนความเศร้าทั้งหมดทิ้งไปเหลือไว้แต่เพียงความสุข
บุรุษอาจไม่มีคนรักได้ แต่ไม่อาจไร้สหายที่แท้จริงได้
ซือถูหนานไม่ได้ถามเรื่องระดับบ่มเพาะแปลกประหลาดของหวังหลินมากนัก เขาขัดจังหวะคำพูดของหวังหลินพร้อมกับดื่มเหล้าและยิ้มแย้ม “มีอะไรพูดระหว่างเราสองพี่น้องอีกเล่า? ตอนที่ข้าเสียเปรียบบนดาวเฟิ่งหลวน ข้าคิดถึงเจ้าคนแรก หลังจากนั้นเจ้าและข้าจะเข่นฆ่าไปตามทางกลับดาวเฟิ่งหลวนแน่นอน!”
หวังหลินยิ้มและพยักหน้าไม่ถามอะไรเพิ่ม เขาพูดคุยกับซือถู ดื่มกินจนกลางดึก จันทราส่องสว่างโอบรัดท้องฟ้า ส่องประกายเจิดจ้า แม้จะหนาวเย็นมันก็เงียบสงัดยิ่ง การพูดเรื่องชีวิตกับสหายทำให้ความคิดหวังหลินเกิดความรู้สึกสงบสุข
เขาไม่ได้รู้สึกอบอุ่นเช่นนี้มานานแล้ว ความอบอุ่นแบบนี้ปรากฏขึ้นมาเองยามที่อยู่กับสหายเก่าแก่ ราวกับเขากลับไปที่ดาวซูซาคุ จุดที่โชคชะตาของเขาและซือถูหนานมาเจอกัน
“เจ้ามีชื่อเสียงยิ่งในดาราจักรทุกชั้นฟ้า และข้าต้องบอกว่าเจ้าสนุกอยู่ที่นั่น แต่กลับข้านั้นเดิมทีก็มีความสุขอยู่บนดาวเฟิ่งหลวนแต่เกิดอุบัติเหตุบังเอิญมองแม่สาวบัดซบพวกนั้น ข้าไม่ได้ทำเรื่องใหญ่อันใด ข่าไม่ได้สนใจนัก ไม่ได้มองมากกว่าเดิม ไม่ได้สลักภาพพวกนั้นไว้ในหยกหรอก” ซือถูหนานร้องทุกข์พลางดื่มเหล้าไปอึกใหญ่
“นั่นเป็นทั้งหมดที่ข้าทำไป พวกนางก็ยังปล่อยคำสั่งสังหารมาไล่ล่าข้าทั้งวันทั้งคืน บังคับให้ข้าต้องซ่อนตัวและไม่สามารถเป็นราคาอย่างสงบสุขได้…สุดท้ายข้าก็ถูกบังคับให้ผิดด่านฝึกตนอยู่หลายครั้ง หลายร้อยปีที่ผ่านมาข้าเหมือนหนูวิ่งจากดาวหนึ่งไปอีกดาวหนึ่ง ทั้งดาวเต็มไปด้วยปราณและดาวรกร้างไร้พลังปราณ ข้าไปมาหมด”
ซือถูหนาสโกรธขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นจึงหยิบขวดเหล้าขึ้นมาดื่มหลายยก จากนั้นวางลงและกล่าวด้วยความเกลียด “หลังข้าออกมาจากปิดด่านฝึกตน ข้าฆ่าล้างบางระหง่างทางไปดาวเฟิงหลวนแต่มีพวกมันมากเกินไป และพวกนั้นก็มีตัวช่วยอีกทำให้ข้าพ่ายแพ้ครั้งใหญ่!” เมื่อซือถูเล่ามาถึงตรงนี้ ใบหน้าก็แดงระเรื่ออย่างไม่คาดคิด
หวังหลินเดาเรื่องได้คร่าวๆก่อนจะสายตาหรี่แคบและขมวดคิ้ว เขาคว้าแขนขวาซือถูและกระจายสัมผัสวิญญาณออกมาอย่างละเอียด จากนั้นสักพักก็ประหลาด
ซือถูหนานยิ้มบิดเบี้ยว ดื่มไปหนึ่งจอกก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “เจ้าเห็นมัน?”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยพลางแววตากระพริบเย็นเยียบพร้อมจิตสังหาร เขาพยักหน้า “พิษแบบไหนกันถึงทรงพลังจนแม้ท่านมีระดับบ่มเพาะเช่นนี้ไม่สามารถขับออกไปได้?”
ซือถูหนาสวางจอกเหล้าลง “ข้าไม่รู้ว่าแม่นางบัดซบพวกนั้นไปได้พิษนี้มาจากไหน ข้าตรวจสอบบันทึกจำนวนมากจนรู้ว่าพิษนี้ชื่อสวรรค์ชั้นเจ็ด สามวันแห่งสวรรค์จากนั้นสามวันแก่งนรก! บัดซบในช่วงเวลานั้นข้าอยากตายให้รู้แล้วรู้รอเ!”
“พิษนี้ถือเป็นความโหดร้ายของแดนสวรรค์ ก่อนแดนสวรรค์ล่มสลาย มันคือพิษที่ถูกเหล่าเทพนับไม่ถ้วนหล่อหลอมมาร้อยปี พิษไม่มีผลต่อคนธรรมดาแต่มีเป้าหมายเป็นเทพ! หลังจากเข้าสู่ร่างกายมันมิอาจขับออกมาได้เพราะผสานเข้ากับวิญญาณดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์”
“ผลกระทบหลักของพิษสวรรค์ชั้นเจ็ดคือสามวันแห่งสวรรค์และสามวันแห่งนรก สามวันแรกจะตกอยู่ในสภาวะมายา สูญเสียพลังความคิดทั้งหมด จากนั้นอีกสามวันอยู่กับความตาย พอวันที่เจ็ด วิญญาณดั้งเดิมจะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์!
“แม้จะใช้เวลาเจ็ดวันกว่าจะตาย แต่ตอนที่โดนพิษ จะสูญเสียระดับบ่มเพาะทั้งหมด…”
“เช่นนั้นท่าน…” หวังหลินมองซือถูหนาน เห็นชัดว่าเขาไม่สูญเสียระดับบ่มเพาะ
คงเหลือตอนพิเศษ 1 ตอน