ตอนที่ 11
เข้าวัดรดน้ำมนต์
เช้าวันต่อมา นัทชัยขับรถเข้าไปจอดใต้ร่มต้นพิกุล
จินตนารีบเปิดประตูรถแล้วก้าวออกไปยืนมองไปรอบๆอย่างชอบใจ
บรรยากาศภายในวัดเงียบสงบร่มรื่น พอเห็นพระรูปหนึ่งกำลังกวาดใบไม้อยู่ หล่อนก็เดินเข้าไปหาทันที
“นมัสการค่ะหลวงพ่อ” หล่อนไหว้อย่างนอบน้อม
“เจริญพรสีกา” หลวงพ่อทักตอบ แล้วก็ถามว่า “มีธุระอะไรหรือสีกา”
นัทชัยกับลินจิราเดินตามไปสมทบแล้วไหว้พระพร้อมๆกัน
หลวงพ่อจึงบอกว่า “เจริญพร”
จินตนาหันไปมองสามีกับหลานสาวแว๊บนึงแล้วก็หันมาพูดกับหลวงพ่อว่า “ดิฉันอยากขอให้หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้พวกเราหน่อยค่ะ”
หล่อนมองหลวงพ่ออย่างอึดอัดใจ เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปขอให้พระท่านทำอะไรแบบนี้เลย
หลวงพ่อมองหน้าแล้วก็บอกว่า “ถ้างั้นก็เชิญที่ศาลาก่อน”
แล้วหลวงพ่อก็เดินนำทั้งหมดไปที่ศาลาหลังหนึ่ง มีชุดเก้าอี้รับแขกทำจากไม้สักวางเรียงราย
หลวงพ่อวางไม้กวาดพิงเสา แล้วเดินเข้าไปนั่งลง “เชิญนั่งซิโยม”
ทั้งสามคนจึงเข้าไปนั่งอย่างเรียบร้อย
นาคินทร์ตามไปนั่งเคียงข้างกับลินจิรา
หลวงพ่อก็ถามทันทีเมื่อทุกคนนั่งลงแล้ว “มีเรื่องอะไรหรือพวกโยมถึงอยากจะรดน้ำมนต์”
จินตนาทำหน้าลำบากใจ “คือว่า…เอ่อ…”
นัทชัยก็อ้ำๆอึ้งๆพูดไม่ออกเช่นกัน ส่วนลินจิราก็ทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง
หลวงพ่อยิ้มให้อย่างเมตตาแล้วบอกว่า “มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะโยม อาตมาฟังได้ทุกเรื่องนั้นแหละ จะเรื่องทางพุทธหรือเรื่องทางผีสิ่งลี้ลับ อาตมาก็ฟังได้ทั้งนั้นแหละโยม บางคนก็มาขอหวย บางคนก็มาขอพระ บางคนก็มาขอน้ำมนต์ บางคนก็ว่าถูกผีหลอกมา แล้วโยมล่ะมีเรื่องร้อนใจอะไรถึงต้องมาพึ่งพระล่ะ อาตมาจะได้ช่วยเหลือให้ถูกจุด”
“คือว่าหมู่นี้ไม่รู้เป็นยังไงค่ะหลวงพ่อ รู้สึกเหมือนมีคนคอยมองอยู่ตลอดเวลาค่ะ ไม่เฉพาะดิฉันนะคะหลวงพ่อ คุณนัทก็รู้สึกเหมือนกันค่ะ” จินตนาเหลือบมองสามีนิดนึง แล้วก็พูดต่อว่า “พวกเราจึงอยากขอให้หลวงพ่อช่วยรดน้ำมนต์ให้หน่อยค่ะ เผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้นค่ะ”
หลวงพ่อมองทั้งสามคนและหนึ่งตนอย่างเข้าใจ “ถ้ามันจะทำให้พวกโยมสบายใจอาตมาก็จะรดให้ รอเดี๋ยวนะ”
จากนั้นหลวงพ่อก็เดินไปที่โบสถ์ แล้วกลับมาพร้อมกับขันน้ำมนต์และมัดตอก
“เอ้า…พนมมือแล้วระลึกถึงพระพุทธพระธรรมกันนะโยม”
ทั้งสามคนพนมมือขึ้น นาคินทร์ก็พนมมือเช่นกัน
แล้วหลวงพ่อก็พรมน้ำมนต์ให้ “เอ้า…เสร็จ”
ทั้งสี่ลดมือลง หลวงพ่อก็บอกว่า “ไม่มีอะไรแล้วอาตมาก็ขอตัวไปกวาดใบไม้ต่อนะโยม ถ้าโยมจะเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ก็เชิญตามสบายนะโยม”
แล้วหลวงพ่อก็หันไปมองนาคินทร์พร้อมกับส่งกระแสจิตบอกว่า “ส่วนโยม อาตมาขอคุยด้วยหน่อยนะ”
นาคินทร์ยกมือไหว้พร้อมกับส่งกระแสจิตตอบ ขอรับพระคุณเจ้า
ทั้งสามคนจึงกราบลาหลวงพ่อแล้วเดินไปไหว้พระในโบสถ์
พอทั้งสามคนเข้าไปในโบสถ์แล้ว หลวงพ่อก็หันมาพูดกับนาคินทร์ว่า “โยมตามเขามา ทำให้เขารู้สึกกลัวมันบาปนะโยม”
“ขอรับพระคุณเจ้า”
“รู้ว่าบาปก็หยุดเสียซิ เป็นนาคก็อยู่ส่วนนาค เป็นคนก็อยู่ส่วนคน โยมจะมาข้องแวะกับมนุษย์ให้เป็นบาปเป็นกรรมทำไมล่ะ ความอาฆาตพยาบาทเป็นบาปเป็นกรรมผูกพันไม่จบไม่สิ้น ตัดความอาฆาตพยาบาทลงเสียแล้วโยมจะหลุดพ้น อาตมาก็ชี้ทางให้โยมได้เท่านี้แหละ” หลวงพ่อยิ้มให้แล้วก็เดินไปหยิบไม้กวาดเดินจากไป
“สาธุ” นาคินทร์ลดมือลง แล้วก็เดินตามไปไหว้พระในโบสถ์
หลังจากไหว้พระแล้ว นัทชัยก็ขับรถหาบริษัทรับเหมาก่อสร้าง พอเจอก็รีบจอดรถหน้าบริษัทแล้วก็ชวนกันเข้าไปติดต่อดู
พนักงานสาวคนหนึ่งยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม “สวัสดีค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ”
“มาติดต่อเรื่องสร้างรีสอร์ทครับ” นัทชัยบอกแล้วก็เดินไปนั่งที่โซฟารับแขก
จินตนากับลินจิราก็ตามไปนั่งที่โซฟาอีกตัว
“ถ้างั้นรอซักครู่นะคะเดี๋ยวดิฉันจะเรียนหัวหน้าให้ค่ะ” แล้วพนักงานสาวก็เดินเข้าไปข้างใน
พนักงานอีกคนก็รีบยกน้ำมาเสิร์ฟ
ซักครู่พนักงานสาวคนแรกก็เดินกลับมาพร้อมกับสถาปนิกชายคนหนึ่ง
“สวัสดีครับ” สถาปนิกยกมือไหว้ทุกคนแล้วก็ถามว่า “มาติดต่อเรื่องสร้างรีสอร์ทหรือครับ เอ่อ…เคยมาติดต่อไว้หรือยังครับ”
“ยังเลยครับ” นัทชัยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เอ่อ…จะสร้างรีสอร์ทนี่คุณมีแบบหรือยังครับว่าจะสร้างแบบไหนยังไงสไตน์ไหนอะไรยังไงครับ” สถาปนิกนั่งลงตรงข้ามกับนัทชัย
“เรื่องแบบมีแล้วครับ ทางเราขาดแต่ผู้รับเหมาครับ ผมก็เลยมาถามบริษัทคุณก่อนว่าคิดจะเสนอราคาให้ผมได้เท่าไหร่ครับ” นัทชัยตอบแล้วก็หันไปทางหลานสาว “ลินจี้ขอเอกสารหน่อยลูก”
“นี่ค่ะคุณปู่” ลินจิรายื่นแฟ้มเอกสารส่งให้สถาปนิก
สถาปนิกมองหน้านัทชัยสลับกับลินจิราแล้วก็คิดในใจว่า อายุไม่เท่าไหร่เองได้เป็นปู่มีหลานโตขนาดนี้เลยเหรอ แล้วเขาก็รับแฟ้มไปเปิดดูคร่าวๆ
“ถ้างั้นเดี๋ยวผมขอเอาเอกสารไปให้หัวหน้าดูก่อนนะครับ”
“ครับ ได้ครับ เชิญเลยครับ” นัทชัยบอกด้วยรอยยิ้ม
สถาปนิกจึงเดินกลับเข้าไปด้านใน
ครู่ต่อมาสถาปนิกก็กลับมาพร้อมกับเจ้าของบริษัท
“สวัสดีครับ” เจ้าของบริษัทยกมือไหว้ทักทาย แล้วก็นั่งลงตรงข้ามกับนัทชัย
“สวัสดีครับ” นัทชัยทักตอบพร้อมกับรับไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เจ้าของบริษัทถือแฟ้มเอกสารของนัทชัยแล้วเปิดไปตรงหน้าแผนที่ทันที
“เอ่อ…ที่ดินแปลงนี้ใช่ที่ดินแปลงเดียวกับที่อยู่ริมแม่น้ำกกที่มีเรือนศิลารึป่าวครับ” เขาถามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ใช่ครับ” นัทชัยพยักหน้ารับ
เจ้าของบริษัททำหน้าเครียดทันที แล้วบอกอย่างลำบากใจว่า “เอ่อ…ผมขอพูดตรงๆนะครับ คือว่าเราไม่กล้ารับสร้างรีสอร์ทให้คุณหรอกครับ”
แล้วเขาก็พูดต่อว่า “ถ้าเป็นที่ดินแปลงอื่นผมไม่เกี่ยงเลยครับ แต่ถ้าเป็นที่ดินแปลงนี้เอ่อ…ผมไม่กล้าเสี่ยงจริงๆครับ ที่แปลงนี้ใครๆเขาก็ว่ามันมีอาถรรพ์ครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับที่ไม่สามารถรับงานนี้ได้ ขอโทษจริงๆครับ”
นัทชัยกับจินตนาทำหน้าอึ้ง! ส่วนลินจิราก็ฟังเข้าใจแค่ว่าเจ้าของบริษัทปฏิเสธที่จะรับงาน
“เอ่อ…ขอโทษนะคะคือที่ตรงนี้มันมีอาถรรพ์อะไรยังไงเหรอคะ พอดีพวกเราเพิ่งจะซื้อที่แปลงนี้มาไม่นานนี่เองคะ” จินตนาถามพลางมองเจ้าของบริษัทด้วยแววตาขอร้อง
เจ้าของบริษัทมองตอบอย่างเห็นใจแล้วก็เล่าว่า “เอ่อ…คือว่าที่ตรงนี้นะครับ เขาว่ากันว่าถ้าใครครอบครองเอาไว้ก็จะล่มจมครับ ทำมาหากินไม่ขึ้น ทำอะไรก็เจ๊ง ทำอะไรก็ล้มเหลวครับ มีแต่เรื่องมีแต่ปัญหาตลอดครับ เลยไม่มีใครกล้าเข้าไปทำอะไรบนที่ดินแปลงนี้กันหรอกครับ เขากลัวเจออาถรรพ์กันครับ”
แล้วเจ้าของบริษัทก็แนะนำว่า “ผมว่าพวกคุณรีบขายที่แปลงนี้ไปซะดีกว่าครับ ไม่งั้นพวกคุณก็จะเจออาถรรพ์เรือนศิลาเหมือนกับเจ้าของคนก่อนนั่นแหละครับ”
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ออกจากบริษัทรับเหมาก่อสร้างด้วยความรู้สึกต่างกัน
นัทชัยกับจินตนาเครียดเรื่องอาถรรพ์เรือนศิลา
ส่วนลินจิราเครียดที่ถูกปฏิเสธงาน
พอเข้ามานั่งในรถ นัทชัยก็ถามว่า “จะเอาไงกันดีล่ะ”
“แล้วนี่เราจะทำยังไงล่ะคะคุณ จินชักจะห่วงลินจี้ซะแล้วซิคะ อยู่ๆก็ไปซื้อที่อาถรรพ์มาแบบนี้” จินตนาทั้งเครียดทั้งกังวลมากกว่าสามี
“ลินจี้ว่าเราลองไปติดต่อบริษัทอื่นก่อนดีมั้ยคะ บริษัทรับเหมามีตั้งเยอะตั้งแยะ มันต้องมีซักแห่งแหละค่ะที่รับก่อสร้างให้เรา” ลินจิราบอกอย่างมุ่งมั่น
นัทชัยก็คิดเหมือนหลานสาว “ถ้างั้นเราก็ลองไปติดต่อบริษัทอื่นดู มันต้องมีซักแห่งละนะที่รับงาน”
“แต่ว่า…” จินตนาจะแย้ง
นัทชัยก็รีบบอกว่า “ไม่เอาน่าคุณ มันอาจจะเป็นที่อาถรรพ์สำหรับคนอื่น แต่อาจจะถูกโฉลกกับลินจี้ก็ได้นะคุณจิน ผมว่าอย่าเพิ่งคิดมากดีกว่า เราลองหาผู้รับเหมาดูก่อน ก็ให้มันรู้ไปซิครับว่าติดต่อจนครบทุกบริษัทแล้วยังไม่ได้ก็ให้มันรู้กันไปเลยว่าที่แปลงนี้มันมีอาถรรพ์จริงๆ ลองดูก่อนนะครับคุณจิน ถ้าหาผู้รับเหมาไม่ได้จริงๆ ก็ค่อยว่ากันอีกทีนะครับ”
จินตนาพยักหน้ารับอย่างกังวลใจ “ค่ะ”
นัทชัยจึงขับรถออกจากบริษัทรับเหมาก่อสร้าง
หลังจากตะเวนขับรถมาทั้งวันแล้ว นัทชัยก็ขับรถกลับโรงแรม
พอเข้าห้องพัก สองสามีภรรยาก็แข่งกันนอนแผ่บนเตียง
“แล้วนี่เราจะทำยังไงดีล่ะคะคุณนัท ตะเวนหาผู้รับเหมาจนจะทั่วเชียงรายแล้วก็ยังไม่มีใครกล้ารับงานเลยซักคน” จินตนาหันไปมองสามี
“จนจะทั่วแต่ก็ยังไม่ทั่วนะครับคุณจิน พรุ่งนี้ลองใหม่” นัทชัยยิ้มให้ภรรยา แล้วก็พูดต่อว่า “ผมว่าคุณโทรไปจองสปาดีกว่า ผมขับรถทั้งวันปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้วละครับ”
“ค่ะคุณนัท” แล้วจินตนาก็ลุกไปโทรจองคอร์สนวดกับสปาของโรงแรม
ส่วนทางด้านลินจิราก็เสิร์จหารายชื่อบริษัทรับเหมาอย่างไม่ยอมแพ้
นาคินทร์เฝ้าดูสาวน้อยทำงานเพลิน
ฉับพลัน! จู่ๆก็มีลมพัดวูบเข้ามาในห้องจนแผ่นกระดาษบนโต๊ะปลิวกระจาย
“เอ๊ะ!” ลินจิราเงยหน้ามองอย่างฉงน “ลมอะไรเนี่ย พัดเข้ามาได้ไงอ่ะ ประตูก็ปิด หน้าต่างก็ไม่ได้เปิด เอ๊ะ…หรือว่าลมจากแอร์”
หล่อนหันไปมองทางช่องแอร์ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติจึงเลิกใส่ใจแล้วก้มหน้าเสิร์จหารายชื่อต่อ
เบื้องหน้านาคินทร์ ปรากฎร่างชายผู้หนึ่งขึ้น
“จ้าวนาคินทร์ จ้าวนาคินทร์จริงๆด้วย” เขาเข้าไปคุกเข่าจับมือนาคินทร์อย่างตื่นเต้นดีใจ
“นาคา!” นาคินทร์เรียกอย่างตกตะลึง!
แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยินดีปรีดา “ข้าดีใจนักที่ได้พบเจ้า นาคา”
“ท่านหลุดพ้นจากการจองจำแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน” นาคาซบหน้ากับมือเรียวขาว น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างปิติยินดี
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าหลุดพ้นจากการจองจำแล้ว” นาคินทร์ถามบริวารผู้ภักดี
นาคารีบซับน้ำตาแล้วเงยหน้ามองผู้เป็นนาย “ข้าไปที่เรือนศิลาไม่เห็นท่านอยู่ที่นั่นแล้ว ข้าจึงรู้ว่าท่านหลุดพ้นจากการจองจำแล้ว ข้าก็รีบตามหาท่านทันที เหตุใดท่านจึงมิกลับไปยังบาดาลล่ะขอรับ”
“ข้ามีความแค้นที่จะต้องชำระสะสางเสียก่อนน่ะซิ” ดวงตาแดงเจิดจ้าวาววาบด้วยเพลิงโทสะ ตวัดมองไปยังร่างน้อยบนเตียงที่ง่วนอยู่กับสมาร์ทโฟน
นาคาหลบตาวูบอย่างหวั่นเกรงบารมี แล้วลอบมองตามสายตาผู้เป็นนาย “นางเป็นใครหรือขอรับ”
“นางคือเชื้อสายของนางมนุษย์ที่จองจำข้าอย่างไรล่ะนาคา”
สายตาที่มองอย่างโกรธแค้น ทำให้ลินจิรารู้สึกเสียววาบจนขนลุกชัน “เอ๊ะ!…ทำไมจู่ๆก็ขนลุกแบบนี้ล่ะ”
“แล้วท่านจะทำเช่นไรกับนางหรือขอรับ” นาคาหันกลับมามองผู้เป็นนาย
“ข้าก็จะทำให้นางทุกข์ทรมานเหมือนเช่นที่ข้าเคยเป็นยังไงล่ะ!” นาคินทร์เข่นเขี้ยว ขบกรามแน่นจ้องมองคนถูกคาดโทษเขม็ง
แล้วเขาก็หันกลับไปมองบริวารผู้ภักดี “เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้ามีอะไรจะให้เจ้าทำ”
“ขอรับ” นาคาพร้อมรอฟังคำบัญชา
นาคินทร์สั่งความกับบริวาร น้ำเสียงดุดัน
นาคาก้มหน้าฟังขานรับเป็นระยะๆ พอผู้เป็นนายสั่งความเสร็จ เขาก็หายตัวไป
พอนาคาไปแล้ว นาคินทร์ก็หันกลับไปมองลินจิราต่อ
“เอ…วันนี้มันเป็นยังไงนะ จู่ๆก็ขนลุกแบบนี้” มือเรียวสวยลูบแขนตัวเองไปมา นึกแปลกใจที่รู้สึกขนลุกไม่หยุดไม่หย่อน
ทั้งๆที่หล่อนก็เริ่มชินกับความรู้สึกเหมือนมีใครคอยมองตลอดเวลาแล้วเชียว แต่วันนี้กลับรู้สึกต่างออกไป เหมือนมีใครมองด้วยสายตาโกรธเกลียดชิงชังจนรู้สึกเสียวๆหวาดๆยังไงก็ไม่รู้
ความรู้สึกนี้รบกวนจิตใจจนไม่มีแก่ใจจะเสิร์จหาข้อมูลต่อ หล่อนจึงวางสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะแล้วลุกไปถอดเสื้อผ้าเตรียมจะอาบน้ำ หล่อนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกแล้วถอดเสื้อวางไว้ข้างกระเป๋าเสื้อผ้า
ความรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ ไม่ได้หายไปเหมือนเช่นทุกครั้ง ทำให้หล่อนหวั่นกลัวลึกๆในจิตใจ
นาคินทร์จ้องมองดูหล่อนถอดเสื้อออก ไม่ยอมลุกออกไปจากห้องเหมือนเช่นเคย ความโกรธแค้นเข้าครอบงำทำให้เขาลืมความละอายใจไป หรือว่าเป็นเพราะภาพความฝันที่ตรึงตาตรึงใจ ทำให้เขาอยากเห็นเรือนร่างสาวน้อยเปลือยเปล่าก็ไม่อาจตอบได้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่
ลินจิรารูดซิปกระโปรงแล้วถอดออก เรือนร่างบางระหงเหลือเพียงบรากับบิกินี่สีดำปกปิดเรือนกาย ครู่ต่อมาเรือนร่างสาวน้อยก็ไร้อาภรณ์ปกปิด
นาคินทร์จ้องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าอย่างตื่นตะลึง “อาห์…เจ้าลิน…”
ภาพตรงหน้างดงามยิ่งกว่าในความฝัน จนอารมณ์โกรธแค้นมลายหายไปสิ้น
เสียงสมาร์ทโฟนดังว่ามีข้อความเข้า ลินจิราจึงเดินไปดู หล่อนยืนอ่านข้อความในสมาร์ทโฟนห่างจากนาคินทร์แค่เอื้อม
พออ่านจบหล่อนก็หัวเราะขำ แล้วก็พิมพ์ข้อความตอบกลับไป
ดวงตาแดงเจิดจ้าจับจ้องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าไม่วางตา มือเรียวขาวกำเท้าแขนโซฟาแน่นข่มใจมิให้ยื่นมือไปลูบไล้ผิวเนียนขาวที่ยืนล่อตาล่อใจอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเอาซะเลย มันน่านักเชียว!
สายตาของนาคินทร์ ทำให้ลินจิรารู้สึกหนาวๆร้อนๆวูบวาบประหนึ่งว่าหล่อนกำลังยืนเปลือยกายต่อหน้าคนนับร้อยนับพันอย่างนั้นแหละ
พอส่งข้อความเสร็จ หล่อนก็รีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
“ฮึ่ม!…เจ้าลินนะเจ้าลิน!” นาคินทร์นั่งหลับตาข่มอารมณ์ร้อนรุ่มที่พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างยากเย็น แล้วร่างสูงสง่าก็หายไปเพื่อสงบสติอารมณ์ข่มใจมิให้เผลอตัวกระทำผิดศีลธรรม