Skip to content

Swallowed Star 1030

ตอนที่ 1030 ทีเดียวกวาด

จักรพรรดิเพลิงได้เฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะนับร้อยปีแสงที่เขาควบคุม

ในขณะเดียวกัน หลัวเฟิงได้มองไปยังกลุ่มทรายที่หมุนวนขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบเขา มันมีความสูงนับร้อยล้านกิโลเมตร ทรายดูมีความหนาแน่น ทรายแต่ละเม็ดที่อ่อนแอได้มารวมกันจนแข็งพอที่ทำให้คอของหลัวเฟิงถูกรัด

“ร่างโมชาน” มือซ้ายของหลัวเฟิงจับเม็ดทรายไว้ เม็ดทรายหายออกไปในทันที

วังวนทรายที่ล้อมเข้าหาหลัวเฟิง และทำลายเขาจนเป็นชิ้นๆ จนตาย ร่างของหลัวเฟิงได้หายไปจนหมด

“มนุษย์ตายแล้ว สมบัติที่แท้จริงเป็นของข้า” อัศวินหม่าชางเปล่งเสียงออกมา

อัศวินหม่าชางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความหวังที่จะได้รับสมบัติที่แท้จริงที่ไม่สามารถจะหามาได้ง่ายๆ

“สมบัติที่แท้จริงของข้าอยู่ที่ไหน พวกมันอยู่ที่ไหน” อัศวินหม่าชางส่งเสียงรุนแรงออกมา

ไม่ว่าตรงไหนที่ทรายผ่านก็ไม่มีสมบัติแม้แต่ชิ้นเดียว

ผู้นำปีกมาร กับปราชญ์กบ ได้มองในระยะไกลที่มีร่างของเด็กหนุ่มชุดเกราะสีทองปรากฎ

“นั่นมันจักรพรรดิดาบสายน้ำ”

“เขาอยู่ตรงนั้น ช่วงเวลาที่ถูกทรายล้อมโจมตี วินาทีต่อมาเขาก็อยู่ห่างออกไป มันจะต้องเป็นการเทเลพอต แต่ในพื้นที่ผนึกกฎอวกาศไม่สามารถที่จะเทเลพอตได้”

อัศวินหม่าชางได้จ้องมองที่หลัวเฟิงด้วยความไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ตายและได้ตะโกนออกมาเสียงดัง “มนุษย์ตาย”

เม็ดทรายได้เริ่มหมุนตัวอย่างวุ่นวายเข้าหาหลัวเฟิง

หลัวเฟิงหายไปและปรากฎขึ้นมาในระยะหมื่นกิโลเมตร

หลัวเฟิงได้ผลุบๆ โผล่ๆ ในทุกระยะหมื่นกิโลเมตร

“มันต้องไม่ใช่การเทเลพอต มันต้องเป็นเทคนิคพรสวรรค์ของเขา” ปราชญ์กบขมวดคิ้ว

“มันต้องเป็นเทคนิคพรสวรรค์ทางกฎอวกาศที่เรียกว่า พื้นที่ เรากำลังมีปัญหาแล้ว”

ผู้นำปีกมารได้หันมองกลับไปยังอัศวินหม่าชางเพื่อเยาะเย้ย “เจ้ากบแก่ ในพวกเราสามคน อัศวินหม่าชางคงเป็นคนที่เสียใจที่สุด แม้สมบัติที่แท้จริงประเภทพื้นที่ของเขา ก็ทำอะไรไม่ได้ หลัวเฟิงคงสามารถหลบหนีจากใครก็ตามที่อยู่ต่ำกว่าระดับเจ้าแห่งจักรวาลด้วยเทคนิคพรสวรรค์ของเขา คงมีเพียงผู้ยิ่งใหญ่ไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเขาได้”

ปราชญ์กบพยักหน้า

พื้นที่เป็นเทคนิคผสมเข้ากับอวกาศด้วยการเปลี่ยนร่างอมตะ แต่สถานการณ์จะเปลี่ยนไปเมื่อฝ่ายตรงข้ามเป็นเจ้าแห่งจักรวาล

เจ้าแห่งจักรวาลจะมีความสามารถควบคุมกฎอวกาศและเวลาได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะเป็นการรวมตัวเข้ากับกฎอวกาศก็สามารถถูกดีดออกมาได้

“บ้า บ้า บ้าเอ้ย” อัศวินหม่าชางคำราม

การเฝ้าดูหลัวเฟิงหลบหนีไปด้วยเทคนิคของเขาโดยที่ทำอะไรกับมันไม่ได้ก็ทำให้อัศวินหม่าชางสูญเสีย

ผู้นำปีกมาร กับปราชญ์กบได้มองอัศวินหม่าชางที่คำรามด้วยความโกรธออกมาอย่างสนุกสนาน

“พวกเจ้าก็ไม่ได้มีอะไรสักอย่าง มีอะไรต้องดีใจด้วย” อัศวินหม่าชางเหมือนจะพ่นควันออกมา

“ผู้นำปีกมารกับข้าไม่ได้ตั้งความหวังไว้เท่าเจ้า ไม่ได้มองจักรพรรดิดาบสายน้ำ ด้วยความละโมบ แล้วพวกเราชื่อว่าเจ้าคงมีความหวังที่สุดในพวกเราสามคน”

“เราไม่จำเป็นต้องผิดหวังอะไร เจ้าเข้าใกล้สมบัติที่แท้จริง โดยไม่คิดว่าหลัวเฟิงจะมีไพ่ตายที่ซ่อนไว้งั้นเหรอ ความทรมานที่ได้เห็นสมบัติหลุดลอยไปจากมือเจ้าทำให้เราเห็นใจจริงๆ”

ผู้นำปีกมารหัวเราะออกมาอย่างหนัก ก่อนที่จะเรียกปราชญ์กบ “ไปเถอะ”

ปราชญ์กบแสดงรอยยิ้มและพยักหน้าให้กับผู้นำ ปีกมาร พวกเขาเร่งความเร็วจนเป็นเหมือนลำแสงและเข้าสู่จักรวาลมืด แล้วหายไปจากพื้นที่

“ไอ้บ้า ไอ้พวกเวร อ๊ากกก” ใบหน้าที่ดูดีของอัศวินหม่าชางบิดเบี้ยวจากความโกรธ

แม้ว่าอัศวินหม่าชางจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ทรงพลัง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่โกรธ มีไม่เยอะที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตระดับเขาจะต้องโกรธ การที่สมบัติที่แท้จริง 6 อย่าง มีทั้งประเภทวิญญาณและวังบินหลุดลอยไป ทำให้เขารู้สึกเกินทน

“ดาบสายน้ำ” อัศวินหม่าชางกัดฟันและปล่อยเสียงคำรามด้วยความโกรธออกมา หลังจากนั้นเขาก็เริ่มต้นเดินทางเข้าสู้จักรวาลมืด

———–

ที่วังหลักของเผ่าเทพเพลิง

อัศวินปาเฟิงไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว เพราะเขารู้ว่าจักรพรรดิเพลิงกำลังโกรธ

สายตาเย็นชาของจักรพรรดิเพลิงมองไปยังอวกาศ ภาพที่เขามองคือหลัวเฟิงที่กำลังใช้เทคนิคพรสวรรค์

“น้องสามที่น่ารัก ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป” จักรพรรดิเพลิงคิด

“จักรพรรดิเพลิง พวกเราควรทำอย่างไรในตอนนี้” อัศวินปาเฟิงพูดออกมาเพราะรู้สึกถึงความโกรธของจักรพรรดิเพลิงที่ลดลง

“เจ้ามีวิธีที่จะฆ่าเขาไหม” จักรพรรดิเพลิงถามขณะที่มองมายังอัศวินปาเฟิง

“การหลบหนีของเขา ข้าไม่มีทางที่จะหยุดเขาได้” อัศวินป่าเฟิงส่ายหัว

“เทคนิคพื้นที่นี้เป็นของรูปแบบชีวิตพิเศษบางอย่าง มันคือเทคนิคในการหลบหนีที่ยอดเยี่ยมของเผ่าโมชาน สิ่งมีชีวิตนี้ไม่มีเทคนิคต่อสู้ที่โดดเด่น ความสามารถในการเอาชีวิตรอดของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก”

“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้มีสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่จากเผ่าพันธุ์ต่างๆ กำลังเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง อาจจะมีผู้ยิ่งใหญ่ หรืออัศวินชั้นสูงที่มีความสามารถหยุดเขาได้”

อัศวินปาเฟิงตั้งใจฟัง จักรพรรดิเพลิงมีความต้องการที่จะฆ่าหลัวเฟิง ถ้าเขาต้องการที่จะฆ่าหลัวเฟิงจริงเขาสามารถทำมันได้ด้วยตัวเอง การฆ่าจักรพรรดิดาบสายน้ำ นี้สำหรับจักรพรรดิเพลิงเป็นเหมือนกับแค่ขยับนิ้ว แต่จนถึงตอนนี้เขากลับไม่เคลื่อนไหว หรือลงมือเลย…เรื่องนี้มันแปลก

———–

ดินแดนลับเทพเพลิง

หลัวเฟิงได้ใช้เทคนิคพรสววรค์พื้นที่ของเขามาในซักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะนำยานอวกาศของเขาออกมาเดินทางต่อ

“พี่รอง การที่เจ้าผนึกกฎอวกาศและซ่อนพิกัดในจักรวาลมืดก็เป็นตัวบ่งบอกถึงความตั้งใจของเจ้า” หลัวเฟิงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา

“ตอนนั้นข้าได้ให้ข้ารับใช้นำสมบัติที่แท้จริงจำนวนมากกลับไปยังดินแดนมนุษย์พร้อมกับอสูรเขาทอง เหลือไว้เพียงสามร่างที่อยู่ แม้จะล้มเหลวก็เสียพลังงานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

หลัวเฟิงรู้ดีกว่าจักรพรรดิเพลิงจะไม่ย้อมแพ้เรื่องเกราะพลัง เขานำความเสี่ยงของตัวเองกลับไปยังดินแดนของมนุษย์ ทำให้เขาเดินหน้าต่อไปโดยไม่ต้องกังวล

ช่วงเวลาที่เขาถูกโจมตีจากอัศวินหม่าชาง ร่างมนุษย์ของเขาได้ถูกทำลาย ร่างเผ่าโมชานที่อยู่ในแหวนโลกก็ได้ทำการหลบหนีออกมาพร้อมกับแหวนโลก ร่างมหาสมุทรที่อยู่ในแหวนโลกก็ทำการฟื้นฟูร่างมนุษย์โลกคืนมา

“ครั้งนี้เป็นการเผยสิ่งที่ซ่อนไว้สำหรับหลบหนีที่ดีที่สุดออกไป อาจารย์ผู้นำเมืองกล่าวว่าเทคนิคนี้มีเพียงเจ้าแห่งจักรวาลที่จัดการได้ ทำให้โอกาสหลบหนีของข้าเกือบจะ 100% เกราะพลังต้องเป็นของข้า”

หลัวเฟิงมองออกไปในอวกาศด้วยความคิดที่ว่าจักรพรรดิเพลิงกำลังคอยสังเกตเขาอยู่

“อะไรที่เป็นของข้าก็ต้องเป็นของข้า ไม่ว่าจะพยามเก็บมันมากแค่ไหนก็เก็บมันไว้ไม่ได้” หลัวเฟิงเผยยิ้ม

———-

จำนวนการมาถึงของผู้ยิ่งใหญ่และอัศวินชั้นสูงได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก พวกเขาได้แห่กันมายังดินแดนของเผ่าเทพเพลิง

หลัวเฟิงยังคงลึกเข้าไปในพื้นที่ผนึกกฎอวกาศ ทำให้จักรพรรดิเพลิงย่อพื้นที่ผนึกกฎอวกาศลงไปอีก 100 ปีแสงเพื่อให้สิ่งมีชีวิตอื่นได้ติดตามหลัวเฟิงได้ง่ายขึ้น

“พี่รอง ช่างไร้ยางอายอะไรแบบนี้” หลัวเฟิงคิด

หลัวเฟิงในเวลานี้ไม่แสดงความลังเล เขาเริ่มเคลื่อนย้ายเข้าไปยังพื้นที่ผนึกกฎอวกาศโดยตรงด้วยการเทเลพอต

ด้วยเทคนิคพรสวรรค์ของหลัวเฟิง สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่เข้ามาหาได้ยอมแพ้ เพราะหลัวเฟิงได้เข้าลึกไปในพื้นที่ผนึกกฎอวกาศ สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่มาที่หลังก็ไม่มีโอกาสแม้จะได้พบกับเขา

————

“พวกขยะ”

จักรพรรดิเพลิงที่มองภาพตรงหน้า ได้แสดงความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ออกมา ทำให้วังทั้งหมดดูเหมือนกับกำลังถูกเผา

อัศวินปาเฟิงที่อยู่ข้างก็รู้สึกกลัว เขาไม่เข้าใจว่าจักรพรรดิเพลิงถึงได้โกรธแบบนี้ เมื่อรู้ว่าหลัวเฟิงไม่ถูกฆ่า

จักรพรรดิเพลิงได้กวาดตามองมาที่อัศวินปาเฟิง “ออกไป”

“ครับ” อัศวินปาเฟิงตอบกลับอย่างสุภาพ เขาก้าวเข้าไปในแสงสีแดงและหายไป

“ขยะ ขยะ เจ้าพวกขยะ” จักรพรรดิเพลิงเขารู้สึกว่าไม่เคยโกรธแบบนี้มานานแล้ว

การซุ่มโจมตีหลัวเฟิงล้มเหลว มันย่อมหมายความว่าเกราะจะถูกหลัวเฟิงเอาไป

“น้องสามจะต้องสละเวลา เขายังต้องบินต่อเนื่องอีกร้อยปี”

“ดวงดาวต้นกำเนิดกำลังจะเปิด บางทีอาจจะหาสมบัติที่แท้จริงเทียบกับเกราะพลังได้” จักพรรดิเพลิงคิด

เขารู้ว่าโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นมันต่ำมาก จักรพรรดิเพลิงได้สัมผัสกับดวงดาวต้นกำเนิดมาหลายครั้ง ได้รับสมบัติที่แท้จริงมาจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่นั้นธรรมดา สมบัติที่แท้จริงระดับสูงนั้นมีไม่มาก สำหรับชั้นยอดยิ่งน้อยลงไปอีก

แผนสำรองของเขาคือการฆ่าและต่อสู้เพื่อแลกกับสมบัติที่แท้ชั้นยอด

ชุดเกราะดำ ทั้งมันก็ยังเทียบกับเกราะพลังนี้ไม่ได้

จักรพรรดิเพลิงที่นั่งบนบัลลังก์ได้มองออกไปในอวกาศ จากนั้นเขาได้ปิดตาแล้วเฝ้ารอคอยการมาของดวงดาวต้นกำเนิด หลัวเฟิงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา แต่เป็นอาจารย์ท่านผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้เขาไม่สามารถลงมือทำอะไรได้มากไปกว่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version