Skip to content

Swallowed Star 109

ตอนที่ 109 พี่น้อง

เพราะเขากำลังจะต้องออกจากบ้านไปอยู่ที่สำนักงานใหญ่สากลของสำนักขีดสุดในช่วงสิ้นเดือนนี้ หลัวเฟิงจึงใช้เวลาพักอยู่ที่บ้านกับครอบครัวทุกวัน ตั้งแต่ที่เขากลับไปบ้าน ถึงแม้ว่าพ่อแม่และน้องชายของเขาจะรู้สึกเป็นห่วง แต่พวกเขาก็ไม่อยากรั้งอนาคตที่ดีของหลัวเฟิงเอาไว้

วันที่ 12 มีนาคม หลัวเฟิงเข้าไปหาทีมค้อนอัคคีของเขา สิ่งแรกที่พวกเขาจัดการก็คือการขายชิ้นส่วนสัตว์ประหลาดที่พวกเขาหามาได้ก่อนหน้านี้ เพราะนี่เป็นครั้งสุดท้ายของทีมค้อนอัคคีที่ออกไปลุยด้วยกัน ฉะนั้น หลัวเฟิงจึงแนะนำให้ขายทั้งหมดแล้วแบ่งส่วนเท่าๆ กัน ซึ่งครั้งนี้ขายได้ราวๆ 800 ล้าน

โดยเทคนิคแล้ว หลัวเฟิงทำงานมากที่สุด ดังนั้น เขาจึงควรจะได้รับมากที่สุด ซึ่งน่าจะอยู่ราวๆ 300 ล้าน

แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้ว่าหลัวเฟิงกำลังจะอำลาทีมไป และยังเฉินกู่ เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงที่จะเกษียณตัวเองอีก ดังนั้น ทีมค้อนอัคคีจึงย่อมแยกย้ายกัน! หลัวเฟิงอยู่ในทีมมาเกือบปี ขณะที่พวกเฉินกู่อยู่ในทีมมานานกว่านั้นมาก

ความรู้สึกของทุกคนมันสับสนหลากหลาย

เกาเฟิงเห็นด้วยกับคำแนะนำของหลัวเฟิงที่จะแบ่งสันปันส่วนแบบเท่ากันหมด ถึงแม้ว่าหลัวเฟิงและเกาเฟิงควรจะได้มากที่สุด แต่พวกเขาก็เห็นดีกับสิ่งนี้เหมือนๆ กัน เฉินกู่ เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงไม่ได้กล่าวเช่นใด และทุกคนก็ได้อยู่ที่ราวๆ 100 ล้านกว่าๆ กันถ้วนหน้า

หลังจากนั้น ทีมค้อนอัคคีที่ไปดื่มร่วมกันจนกระทั่งถึงราวๆ ตี 3 ตี 4 แล้วพวกเขาก็นั่งรถไฟกลับบ้านกันในช่วงบ่ายของวันถัดมา

จากการสังสรรค์ครั้งนี้ก็เป็นการอำลาและแยกกันอย่างเป็นทางการของทีมค้อนอัคคี! เฉินกู่ เว่ยเถี่ยและเว่ยชิงเตรียมตัวที่จะวางมือ หลัวเฟิงมุ่งหน้าไปสู่สำนักงานใหญ่สากล และเกาเฟิงก็กำลังเตรียมแสวงหาทีมใหม่!

………………

วันที่ 21 มีนาคม ท้องฟ้าสดใสอากาศปลอดโปร่งดี…

ณ นครเจียงหนาน พื้นที่ของมหาวิทยาลัยในเขตหลักของเมืองมีขนาดกว้างใหญ่และสถาบันวิจัยถึง 8 แห่งก็อยู่ในตัวนครเจียงหนานนี้

ที่ด้านหน้าสถาบันแห่งหนึ่ง คำว่า โรงเรียนเตรียมทหารอันดับ 2 ของเจียงหนาน กำลังเฉิดฉายอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ในตอนนั้นเอง นักเรียนทั้งชายและหญิงต่างก็พากันเดินออกมาจากหน้าประตูนั้น บางทีก็มากันเป็นคู่ บางคนก็จับกลุ่มกันเดินออกมา

มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม เขากำลังยืนพิงอยู่ตรงประตูทางเข้าและกำลังมองดูนักเรียนที่กำลังทยอยกันเดินออกมา

“เฮ้…หลัวเฟิง!” เสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล

หลัวเฟิงหันไปมองตามเสียงและก็เห็นวัยรุ่นร่างบางคนหนึ่งกำลังวิ่งอยู่บนถนน วัยรุ่นคนนั้นคือเพื่อนซี้ของเขานั่นเอง เว่ยเหวิน คนที่เล่นหัวกับเขามาตั้งแต่เด็ก

“อาเหวิน” หลัวเฟิงยิ้มขณะที่กำลังวิ่งมา “ฉันอุตส่าห์ดักรอนายอยู่ตรงนี้ แล้วทำไมไปอยู่ตรงโน้นได้ล่ะ”

“ฉันเรียนวิชาวัฒนธรรมเสร็จตั้งแต่บ่ายแล้ว ฉันกลับไปที่หอพัก หอพักอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควรน่ะ” เว่ยเหวินอธิบาย

“โอ้ หอพักอยู่นอกโรงเรียนงั้นเหรอ? นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับคนที่ไม่เคยได้เข้ามหาวิทยาลัยมาก่อนเลยน่ะเนี่ย” หลัวเฟิงหัวเราะอย่างประหลาดใจ

“บ้าน่า…นายเป็นถึงนักสู้ อย่างมาเล่นมุกไปหน่อยเลย” เว่ยเหวินหัวเราะ และเขาก็ชกเบาๆ มาที่หน้าอกของหลัวเฟิง “นี่ก็เพิ่งจะเข้าฤดูใบไม้ผลิ มันก็เย็นๆ อยู่นะ แล้วนี่นายไม่หนาวรึไงถึงใส่แต่เสื้อเชิ้ต? ฮ่าๆๆ…ลืมไป นายมันสุดยอดนักสู้นี่นา!”

เว่ยเหวินสวมชุดแน่นหนากว่าหลัวเฟิงเยอะ

หลัวเฟิงมองไปรอบๆ “ไปหาที่นั่งกันดีกว่า”

“ฮ่าๆๆ ในที่สุดฉันก็เจอที่เด็ดๆ แล้ว ไป…เดี๋ยวพาไป ร้านไป๋เย่” เว่ยเหวินสำทับ

“ก็ได้ พาไปเลยเพื่อน ร้านไป๋เย่ที่ว่ามันอยู่ที่ไหน” หลัวเฟิงหัวเราะ เนื่องจากเขาใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในแดนเถื่อน เขาเองก็มักจะต้องระมัดระวังเสมอเมื่ออยู่กับเพื่อนนักสู้ที่ฐานเติมเสบียง แต่เมื่อเขาได้มาพบปะกับเว่ยเหวิน เขาเองกลับรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กสมัยที่เรียนในโรงเรียน

ร้านไป๋เย่ ร้านอาหารราคาทั่วๆ ไป พวกเขาทานอาหารหมดไปเพียงราวๆ 300-400 หยวน

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับนักเรียนที่ไม่มีรายได้ ราคานี้ถือว่าไม่ใช่น้อยทีเดียว แต่สำหรับนักสู้แล้วราคานี้ดูจะแสนธรรมดาเอามากๆ

“กี่ที่คะ?” พนักงานบริการกุลีกุจอ

“2 ที่” หลัวเฟิงมองไปรอบๆ “หาที่สงบๆ กันดีกว่า”

พนักงานบริการทำงานที่นี่อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และก็เคยเห็นลูกค้ามาทุกรูปแบบ แค่ชำเลืองตามองก็สามารถบอกได้ทันทีว่าหลัวเฟิงนั้นแตกต่างจากนักเรียนทั่วๆ ไปที่อยู่บริเวณนั้น สิ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกใจเต้น ดังนั้นเธอจึงก้มหัวต่ำและกล่าวขึ้น “มีห้องแบบส่วนตัวอยู่ด้านบน เชิญทางนี้เลยค่ะ”

“โห ห้องส่วนตัว ฉันยังไม่เคยเข้าไปเลย ฉันแค่เคยมาที่นี่กับแฟนสองสามครั้งเอง และก็อยู่ที่ล็อบบี้ชั้นแรกเอง”

เว่ยเหวินกับหลัวเฟิงเดินขึ้นบันได

“แฟน? ไม่เห็นนายพูดถึงเลยตอนเจอกันเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา คบกันนานรึยัง?” หลัวเฟิงถามขึ้นขณะที่กำลังเดินเข้าไปในห้องพิเศษนั้น เขาสั่งอาหารมาสองสามอย่างและเบียร์อีกชุดหนึ่งกับพนักงานสาวคนนั้น เว่ยเหวินวางเมนูลงแล้วหัวเราะ “เมื่อตอนปีใหม่ฉันเองก็ยังไม่ได้คบกับเธอเลย เราตกลงคบกันตอนเปิดเรียนหลังปีใหม่น่ะ!”

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย” หลัวเฟิงหัวเราะ “ยังไม่ถึงปีเลยนี่นาที่นายเข้าเรียน นี่ไม่นานก็ได้แฟนซะแล้ว เยี่ยมไม่เบาเลย!”

“ฉันแค่โชคดีเพื่อน แฟนฉันมาจากมหาวิทยาลัยครูที่อยู่ใกล้ๆ กัน” เว่ยเหวินเปิดเบียร์ดังป๊อก “นายก็รู้นี่ว่าโรงเรียนฉันมีผู้ชายเยอะมาก ผู้หญิงมีน้อยจนน่าตกใจ อัตราส่วนไม่สมดุล”

“เพราะงั้น นายเลยไปหาแฟนที่โรงเรียนอื่นเหรอ?” หลัวเฟิงอดหัวเราะไม่ได้

“เอานี่ก่อน…” เว่ยเหวินยื่นขวดเบียร์ให้ หลัวเฟิงรับเบียร์มาแล้วกระดกไปสองอึก

“หลัวเฟิง การมีแฟนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย” เว่ยเหวินเริ่มร่ายหลังจากที่กระดกเบียร์ไปนิดหน่อย ผิวของเขาเริ่มแดงระเรื่อ เขาส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “ตอนนี้ทุกๆ คนต่างก็แข่งขันอวดแฟนสวยๆ กัน นี่แค่เรื่องเล็กๆ นะ! สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ…บรรยากาศ!”

“บรรยากาศ?” หลัวเฟิงถามอย่างสงสัย

“คืออย่างงี้…ถ้าฉันไม่พาแฟนของฉันไปทานอาหารในที่ดีๆ…แฟนของฉันอาจจะอารมณ์ดีอยู่ เธออาจจะไม่พูดอะไร แต่ว่า…เพื่อนของเธอน่ะสิ พวกหล่อนจะเริ่มเม้าเรื่องนั้นทันที” เว่ยเหวินส่ายศีรษะ “นายไม่รู้รอกว่าพวกสาวๆ เขาจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน! แฟนของหล่อนจะต้องเป็นคนมีฐานะ จะต้องเป็นหัวกะทิในสำนักฝึก จะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ พวกหล่อนจะเปรียบเทียบกันทุกๆ อย่างเลยล่ะ! เห็นแก่หน้าแฟนฉันน่ะนะ ก็เลยต้องพาเธอไปที่ดีๆ อยู่ตลอด”

เว่ยเหวินอดส่ายศีรษะไม่ได้

หลัวเฟิงอึ้งไป

เขาไม่เคยเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ดังนั้น หลัวเฟิงจึงไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนอยู่โรงเรียนมัธยม ก็มีสาวๆ ที่ทำอย่างนั้นอยู่เหมือนกัน

“นายก็รู้ว่าการไปทานข้าวข้างนอกนั้นมันค่อนข้างแพง และยังต้องคอยหาซื้อของขวัญให้เธอบ่อยๆ อีก แค่เดือนเดียวฉันก็ต้องจ่ายไปตั้ง 4,000 กว่าหยวนแล้ว” เว่ยเหวินกระดกเบียร์ที่เหลือจนหมด และตาของเขาก็เริ่มเป็นสีแดงเล็กน้อย “และบางทีฉันก็ต้องจ่ายค่าอาหารทั้งหมดที่พาเธอไปกินด้วย”

หลัวเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ทั้งแฟนทั้งฉันต่างก็เป็นคนธรรมดา แต่ค่าใช้จ่ายของพวกเราก็ค่อนข้างสูง! ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะเป็นครูฝึก แต่ฉันก็ไม่ได้เป็นสมาชิกระดับหัวกะทิ? ฉันเลยไม่ได้มีรายได้มากนัก” เว่ยเหวินส่ายศีรษะอีก “ฉันรู้ซึ้งแล้วล่ะตอนนี้ คนเราต่างก็ดิ้นรนเพื่อสิ่งเหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้นแหละ!”

หลัวเฟิงแอบถอนหายใจ

ครอบครัวของเว่ยเหวินดีกว่าครอบครัวของเขาเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อครั้งอดีตพอพวกเขาเข้ามัธยมต้นและปลาย เว่ยเหวินก็ต้องให้เงินเขายืมอยู่เรื่อย

“เพียงแค่เดือนเดียว ฉันถึงกับถังแตกเลย คงจะพูดได้แค่คำเดียว…สถานะ! สังคมนี้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ถ้าครอบครัวรวย ผู้คนก็จะซูฮกนายและสาวๆ ก็จะโผเข้ามาสู่อ้อมอกนายเอง! และคนที่แข็งแกร่งอย่าง นักสู้ ก็ยิ่งจะถูกยกย่องด้วย! บางคนก็จะพยายามผูกมิตรกับคนที่มีภูมิหลังดีๆ ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะมีโอกาสได้พึ่งพาอาศัยนั่นเอง! เงินตรา อำนาจ พลัง คนรวยมีฐานะ คนที่มีภูมิหลังจะมีอำนาจและฐานะ นักสู้ก็ย่อมมีฐานะ”

เว่ยเหวินเปิดเบียร์อีกขวดนึง “ดังนั้นโลกนี้จึงง่าย ผู้คนยกย่องคนมีฐานะและดูถูกคนจนๆ”

หลัวเฟิงพยักหน้า

เขาคิดอยู่เสมอว่าเว่ยเหวินเป็นคนฉลาด ถึงแม้ว่าคำพูดแบบนั้นมันจะดูห้วนไปหน่อย แต่ก็ดูจะเป็นคำพูดที่ตอกย้ำความจริงของสังคมได้ดี

“ถ้าคนรวยหมดเงิน ทุกอย่างก็จะหมดสิ้น ถ้าคนที่มียศต้องสิ้นยศ อำนาจของเขาก็จะสูญสิ้นไปด้วย ยศถาบรรดาศักดิ์และเงินทองนั้นเป็นของนอกกาย พลังในกายนายต่างหากที่เป็นของจริง ดังนั้น สรุปว่า…สิ่งที่ดีที่สุดก็คือความแข็งแกร่ง! นักสู้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องพิกลพิการ แต่ยังไงพวกเขาก็ยังมีพลังพอที่จะเป็นอาจารย์ในสำนักได้” เว่ยเหวินหัวเราะ “สิ่งนี้มันจะทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น ฉันจะต้องเป็นนักสู้ให้ได้! ฉันมีโอกาสที่จะกลายเป็น สมาชิกหัวกะทิของสำนัก ในปีนี้ หวังว่าฉันจะกลายเป็นนักสู้ตอนที่เรียนจบได้พอดี!”

เว่ยเหวินยกขวดเบียร์ขึ้น “มา ชน”

หลัวเฟิงหายกังวลไปเมื่อเห็นเว่ยเหวินเริ่มมีกำลังใจขึ้น

“ชน!” หลัวเฟิงยกขวดเบียร์ขึ้นชน

ทั้งสองสหายรักกินดื่มและสนทนากันอย่างเพลิดเพลิน หลังดื่มเสร็จพวกเขาก็สั่งน้ำชามาดื่มต่อและคุยกันจนถึงเวลา 4 โมงเย็น หลังจากนั้นหลัวเฟิงก็พาเว่ยเหวินกลับไปส่งที่หอพัก

ที่ด้านนอกหอพัก

“ตรงไปตามถนนนี้ อีกสองไฟแดงนายก็จะเห็นมหาวิทยาลัยเจียงหนาน” เว่ยเหวินชี้ไปข้างหน้า

“โอเค” หลัวเฟิงกล่าวขณะที่หยิบมือถือออกมา

“จะโทรหาสวีซินเหรอ?” เว่ยเหวินแซว

ทันใดนั้น…เว่ยเหวินก็รู้สึกว่ามือถือของเขาสั่นขึ้นแล้วเขาก็หยิบมันขึ้นมาดู เขาถอนหายใจ “แฟนฉันคงจะโทรมาชวนไปดินเนอร์แน่เลย เฮ้อ…ฉันต้องจ่ายอีกแล้วเหรอเนี่ย”

เขาเปิดมือถือดูและเขาก็ได้เห็นข้อความสั้นๆ ‘บัตรเลขที่ 0306 ของคุณได้รับเงินจำนวน 6,000,000 หยวน เมื่อเวลา 16.51 น. วันที่ 21… ยอดเงินคงเหลือในบัญชีของคุณคือ 6,002,100 หยวน’

“6…6…6 ล้าน?” เว่ยเหวินตาเบิกกว้าง

นี่มันเป็นตัวเลขที่มหาศาลสำหรับเขา

“ใครโอนเงินให้เราเนี่ย?” เว่ยเหวินคิดออกอยู่คนเดียว หลัวเฟิงแน่ๆ! ในบรรดาเพื่อนและญาติพี่น้อง มีแต่หลัวเฟิงเท่านั้นที่สามารถควักเงินขนาดนี้ได้โดยที่ยังทำหน้าตาเฉยๆ ได้

“หลัวเฟิง นายเหรอเนี่ย…” เว่ยเหวินเงยหน้ามองหลัวเฟิง

หลัวเฟิงตบที่ไหล่ของเว่ยเหวิน “อาเหวิน ในเมื่ออยากจะเป็นนักสู้ ตั้งใจให้สุดนะ อย่าเสียเวลามัวรับงานสอนอยู่ ให้คิดซะว่าเงินนี่เป็นของขวัญจากเพื่อนรักที่มอบให้ด้วยความหวังดี ไปหาแฟนนายเถอะเพื่อ คอยดูซิว่าเพื่อนของแฟนนายจะว่ายังไง ผู้ชายจะต้องยืดอกได้เมื่ออยู่ต่อหน้าแฟนและเพื่อนของเธอ”

เว่ยเหวินอดจะตาแดงก่ำขึ้นมาไม่ได้

“ล้อเล่นรึไงเนี่ย? นายกำลังจะร้องไห้เหรอ?” หลัวเฟิงตาเบิกกว้าง ราวกับว่าเขาได้เห็นอะไรที่มันแปลกสุดๆ

“ร้องกับผีน่ะสิ ไอ้นี่” เว่ยเหวินอดหัวเราะตัวเองไม่ได้

เงินจำนวนนี้ไม่ได้กระทบอะไรกับหลัวเฟิงเลย เขาได้เงินมากกว่า 10 ล้านเสียอีกจากการฆ่าสัตว์ประหลาดระดับบัญชาการขั้นกลางแค่ตัวเดียว

“เอาล่ะๆ ฉันไปมหาวิทยาลัยเจียงหนานก่อนนะ” หลัวเฟิงโบกมือและออกเดินมุ่งหน้าไปทางมหาวิทยาลัยเจียงหนาน

เว่ยเหวินมองดูข้อความบนมือถือของเขาและยังคงทึ่งอยู่กับเงิน 6 ล้าน เขารู้สึกเหมือนกับฝันไป ก่อนหน้านี้ เขากระวนกระวายอยู่ในใจที่จะต้องไปพบหน้ากับแฟนของเขา แล้วใครจะไปรู้ล่ะว่าจู่ๆ เขาจะได้รับเงินมากขนาดนี้ภายในพริบตาเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version