ตอนที่ 1095 : ค้นหาหอคอยดวงดาว
จักรวาลเสมือนในมิติที่เป็นของ ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์
ท่ามกลางความมมืดมิดได้มีแสงของดาวได้ปรากฏออกมาให้เห็นจากไกลๆ ที่ซึ่งวังที่ดูราบเรียบนั้นได้ลอยอยู่ใจกลางมิติอันมืดมิด มันมีม้านั่งหินที่หน้าวังนั้นที่ซึ่งมีหลายคนที่โผล่ออกมาทีละคนๆ
ในเวลาสั้นๆ ก็มีคนมากมายมาถึงรวมไปถึง ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์, ผู้นำเมืองปฐมนคร, และ เจ้าแห่งจักรวาล กระจกร้าง ที่ซึ่งต่างก็ไม่สามารถปกปิดสีหน้าช็อกของตัวเองได้
“ข้าเชื่อว่าทุกคนได้ยินมาแล้ว” ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ พูดขึ้นแล้วมองไปรอบๆ “หอคอยดวงดาวหายไป!”
“อืม”
“เราต่างก็ได้ยินมา”
“หอคอยดวงดาวหายไปได้ยังไง? มันอยู่อย่างมั่นคงในจักรวาลนั้นมาโดยตลอด แม้แต่เจ้าแห่งจักรวาลระดับสูงสุด ก็ไม่อาจเอามันไปได้ แล้วอยู่ๆ มันหายไปได้ยังไง?”
ข่าวอันน่าตกใจนี้เริ่มพูดถึงกันเรื่อยๆ แม้แต่พวกที่แข็งแกร่งก็ยังต้องช็อกและไม่อาจเชื่อได้ลง
“ดูนั่น” ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ ชี้ออกไปยังมิติ
หวืด!
ฉากหนึ่งได้เล่นขึ้นมาตรงหน้าพวกเขาบนท้องฟ้าอันมืดมิด หอคอยดวงดาวนั้นได้บีบ นักสู้ระดับอมตะ นับล้านออกมา หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยการหายไปของวังวนทั้งเก้า จากนั้นหอคอยก็ได้ลดขนาดลง ก่อนจะหายไปจากจุดนั้น
“ไม่ต้องเดาเลย” ผู้นำเมืองปฐมนคร กระซิบ “มันต้องมี สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งควบคุมหอคอยดวงดาวอยู่ นั่นทำให้พวกระดับอมตะ ถูกบีบออกมาภายในเวลาอันสั้น! สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง นี้ทำให้วังวนทั้งเก้าหายไป และหอคอยก็ได้ลดขนาดลงก่อนจะหายไป”
“แต่ใครกัน?”
“ใครกันที่มีพลังแบบนั้น?” เจ้าแห่งจักรวาล ที่ใส่เกราะทองพร้อมกับรอยสลักที่หว่างคิ้วได้พูดขึ้นมา “ตอนนั้นเผ่าหุ่นยนต์, แมลง, ปีศาจ และเรา…ต่างก็สู้เพื่อสมบัตินี้ ที่อยู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา เราต่างก็สู้และฆ่าราวกับคนบ้า แต่สุดท้ายทั้งสี่เผ่าชั้นสูงก็ไม่อาจทำอะไรกับหอคอยดวงดาวได้ แม้แต่ตอนที่ ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ เข้าไปด้วยตัวเอง เขาก็ไม่อาจจะเอาหอคอยดวงดาวมาได้”
“เจ้าพูด” บางคนพูดขึ้นมา “หากนับพลังโดยพื้นฐานแล้วใครกันที่จะเอามันไปได้?”
มันเริ่มมีเสียงพูดคุยกันมากขึ้นพร้อมกับ เจ้าแห่งจักรวาล ของเผ่ามนุษย์ได้บอกความเห็นของตัวเองออกมา
ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ พยักหน้าแล้วพูดขึ้นมา “เราได้ข้อสรุปว่าพลังนั้นไม่อาจจะเอาหอคอยดวงดาวไปได้! ยังไงซะหลายปี นับไม่ถ้วนที่หอคอยดวงดาวได้ปรากฏขึ้นมา ไม่ใช่แค่สี่เผ่าชั้นสูงที่พยายามคว้ามันมาและล้มเหลว แม้แต่ขุมอำนาจยิ่งใหญ่ในจักรวาลอย่าง โรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล พันธมิตรอสูรอวกาศ พันธมิตรแดนเหนือ และขุมกำลังที่อ่อนแออื่นๆ ต่างก็ลองมาแล้วแต่ไม่มีผู้ใดเลยที่ทำสำเร็จ”
เจ้าแห่งจักรวาล ทุกคนต่างก็พยักหน้า
“รวมไปถึงตัวข้าเองด้วย” ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ พูดต่อ “ข้ากลัวว่า เจ้าแห่งจักรวาลระดับสูงสุด ทุกคนต่างก็ได้ลองแล้ว”
เขาส่ายหน้า “ทุกคนต่างก็ล้มเหลว! ด้วยพลังเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้ การเอาหอคอยดวงดาวมานั้นต้องมีโอกาสและโชคด้วย! ข้าเดาว่า สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งนั้นต้องมีโชค และสามารถเอาหอคอยดวงดาวไปได้ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งหลายคนได้ลองมันมานานแล้วแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ครั้งนี้คนที่เอาหอคอยดวงดาวไปได้นั้นต้องเป็น ผู้ที่เพิ่งจะแข็งแกร่ง”
“เพิ่งจะแข็งแกร่ง งั้นรึ?”
“ระดับอมตะ? อัศวินอวกาศ?” เจ้าแห่งจักรวาล ตะโกนขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องสนว่าเขาเป็นใคร ตราบใดที่เขาควบคุมหอคอยดวงดาวได้…เขาก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอ” ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ มองไปรอบๆ “ซ่อนตัวอยู่ภายในหอคอยดวงดาวงั้นรึ? แม้แต่ข้าก็ไม่อาจจะทำแบบนั้นได้”
คนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้าพร้อมกับสายตาที่แสดงความอิจฉาออกมา หอคอยดวงดาวคือ สมบัติที่แท้จริงชั้นยอด!
แม้แต่เผ่าชั้นสูงอย่างมนุษย์ก็ไม่อาจจะมี สมบัติที่แท้จริงชั้นยอด อย่างนี้!
สมบัติที่แท้จริงชั้นยอด ทุกชิ้นนั้นมีพลังที่เหลือเชื่อ…แล้วยังมีคุณสมบัติแปลกๆ
เจ้าแห่งจักรวาลระดับสูงสุด นั้นโหยหามัน แต่มันนั้นหายากอย่างมาก มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีมัน แต่มันยังมีอีกเยอะที่ยังไม่มีสมบัติที่แท้จริงชั้นยอด และ ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น!
“เราต้องจัดการเรื่องนี้!” ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ สั่งการออกมา “ใช้ทรัพยากรของ พันธมิตรหง และหาข้อมูลมา เราต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้…ว่าใครกันที่ได้หอคอยดวงดาวไป? ถ้าเขาอ่อนแอ งั้นเขาก็ไม่อาจจะซ่อนตัวอยู่ในหอคอยดวงดาวได้ตลอดไป เราต้องหาโอกาสในการแย่งหอคอยดวงดาวมาจากเขา หรือแม้แต่ตรวจสอบว่าเขาควบคุมมันได้ยังไงด้วย”
“ได้”
“ได้!”
เจ้าแห่งจักรวาล ทุกคนต่างก็รับคำสั่ง
ผู้ก่อตั้งขวานยักษ์ เน้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม “มนุษย์เรานั้นขาดสมบัติที่แท้จริงชั้นยอด เราต้องหาทางเอามันมาให้ได้”
******
ในจักรวาลที่เป็นของเผ่าหุ่นยนต์ ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาส่งไปทั่วทุกมุม
“ลูกหลานของข้า ไปดู! หาว่าใครที่เอาหอคอยดวงดาวไป! แม้ว่าเขาจะมี สมบัติที่แท้จริงชั้นยอด แต่เขาก็ไม่อาจจะซ่อนตัวอยู่ด้านในหอคอยดวงดาวได้ตลอด ถ้าเขาเป็นพวกอ่อนแอ แน่นอนว่าเราต้องมีโอกาสในการแย่งหอคอยดวงดาวมาจากเขาได้”
“ได้ บิดาเทพ”
“ได้ บิดาเทพ”
เจ้าแห่งจักรวาล ทุกคนของเผ่าหุ่นยนต์ต่างก็รับคำสั่ง
******
หวืด!
ในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่ตัวเต็มไปด้วยเกล็ดสีดำ ได้ปรากฏตัวขึ้นมา รอบๆ รัศมี 2-3 ปีแสงนั้น ได้เต็มไปด้วยเปลวไฟสีดำ และในเขตนี้ดวงดาวทุกระดับเหมือนกับสลายไปจากสายตา ร่างที่ดั่งหอคอยนี้คือสิ่งเดียวที่คงอยู่
“นานแค่ไหนแล้วที่ข้ากลับมาจากจักรวาลต้นกำเนิด” ร่างนั้นพูดขึ้น “ช่างเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยจริงๆ ที่นี่คือบ้านเกิดข้า ถ้าไม่ใช่เพราะหอคอยดวงดาว ข้าไม่อาจคิดได้ว่านานแค่ไหนกว่าข้าจะกลับมาที่นี่ได้จากมหาสมุทรจักรวาล ตอนนั้นข้าไม่อาจจะเอาหอคอยดวงดาวไปได้! แต่มันมีคนในจักรวาลต้นกำเนิดที่ทำมันสำเร็จ…ข้าต้องหาหอคอยดวงดาวและหาคนนั้นให้ได้ ข้าต้องหาว่าเขาควบคุมหอคอยดวงดาวได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะขาด สมบัติที่แท้จริงชั้นยอด ข้าจะพ่ายแพ้ให้กับเทพอสูรทอง จากพันธมิตรอสูรอวกาศรึเปล่า…?”
ร่างในเกล็ดสีดำ ค่อยๆ ขยับช้าๆ
หวืด!
จากนั้นมันก็ได้หายไปทันที
******
ขุมกำลังทั้งเก้าในจักรวาลต่างก็เริ่มลงมือ เพราะ สมบัติที่แท้จริงชั้นยอดนั้นดูยั่วยวน!
แม้แต่ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง ที่ซึ่งเป็นเจ้าแห่งจักรวาลระดับสูงสุด ซึ่งมักจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพังก็สนใจในเรื่องนี้ นี่ไม่ต้องนับ เจ้าแห่งจักรวาล ที่ซึ่งมีองค์กรบางองค์กรนั้นมี เจ้าแห่งจักรวาล แค่เพียงคนเดียว พวกนี้คือพวกที่ต้องการจะเป็นเจ้าของหอคอยดวงดาว
“หากข้าได้หอคอยดวงดาวมาได้ งั้นข้าก็ไม่ต้องกลัว เจ้าแห่งจักรวาลระดับสูง อีกต่อไป”
“ตอนนั้นเผ่าทาเมอร์ ของข้าก็จะมีความหวังที่จะเป็นเผ่าชั้นสูง”
ข่าวอันน่าตกใจที่ว่า หลัวเฟิง ได้ฆ่าอัศวินระดับสูงนั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลยหากเทียบกับข่าวหอคอยดวงดาวหายไป!
มันมากพอที่จะสั่นสะเทือนเผ่าพันธุ์ชั้นสูงได้
หอคอยดวงดาวคือของที่ล้ำค่าที่สุดในจักรวาล!
ด้วยการที่คนแสนล้านจากทุกองค์กร ต่างก็คาดหวังมัน พวกคนที่กังวลเรื่อง หลัวเฟิง นั้นนับนิ้วได้เลย แม้ว่าจะมีบ้างแต่ส่วนมากแล้วเป็นพวกดื้อดึงในเผ่าปีศาจ, หุ่นยนต์ และแมลงที่หวังกำจัด หลัวเฟิง พวกนั้นไม่มีทางที่จะลดการป้องกันตัวของเผ่าตัวเองลง
******
พื้นที่ลับของดินแดนบรรพบุรุษเทพ เกาะโบฮีเนียล
เรื่องการหายไปของหอคอยดวงดาวได้สร้างความวุ่นวายขึ้นมา หลัวเฟิงคิด ความตื่นเต้นเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว
หลัวเฟิง ได้ปรากฏตัวขึ้นใน เกาะโบฮีเนียล ในเขตที่พักที่เป็นของเขา นี่เป็นวันที่สามแล้วตั้งแต่ที่เขาเอาหอคอยดวงดาวมาและตั้งแต่นั้นเขาก็ติดตามข่าวทุกอย่างที่เกิดขึ้นผ่านทางจักรวาลเสมือน
ทุกที่ต่างก็วุ่นวาย!
เจ้าแห่งจักรวาล ของพันธมิตรหง และผู้แข็งแกร่ง ต่างก็ หาทางมายังสนามรบนอกดวงดาว เพื่อถกเถียงกันและนั่นแค่ในพันธมิตรหง มันยังมีขุมกำลังอื่นในจักรวาล…แต่จากข้อมูลที่เผยแพร่ในพันธมิตรหง มันเห็นได้ว่าทุกคนกำลังบ้าคลั่งกับข่าวนี้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม อาจารย์ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ถึงได้สั่งข้าอย่างเคร่งครัดว่าไม่ให้เปิดเผยเรื่องหอคอยดวงดาว หลัวเฟิง คิด เขาตกใจจริงๆ
หากข้าเปิดเผยตัวและโลกภายนอกรู้ว่าข้าสามารถควบคุมหอคอยดวงดาวได้…อาจารย์ท่านผู้ยิ่งใหญ่ เพียงลำพังแน่นอนว่าไม่อาจจะปกป้องข้าได้ โชคดีที่ข้าสามารถปกป้องตัวเองได้แล้ว ดังนั้นข้าจึงสามารถแยกตัวออกมาในจักรวาลอันวุ่นวายนี้ได้
เขาเดินไปข้างหน้าแล้วเปิดประตูบ้านก่อนจะบินเข้าไปยังทางวังที่อยู่ตรงหน้าลานที่ซึ่งเป็นพื้นที่หลักของเกาะโบฮีเนียล
“ดูนั่น นั่น หลัวเฟิง”
“นั่นคือมนุษย์ หลัวเฟิง”
“เขากลับมา เกาะโบฮีเนียล แล้ว มัน 200,000 ปี แล้วตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวครั้งที่แล้ว!”
“หลัวเฟิง นั้นมีพลังเทียบเท่าได้กับเจ้าจักรวาลระดับสูง ดังนั้นที่เขาไม่ค่อยมาที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิด”
มีผู้ฝึกฝนของเผ่าต่างๆ บนเกาะได้เริ่มพูดคุยกันเมื่อเห็นเขา
หลัวเฟิง ในอีกด้านที่บินมุ่งหน้าไปยังลาน เมื่อผ่านม่านน้ำมาแล้วเขาก็ได้มาถึงดินแดนแห่งการสืบทอด ชัดแล้วว่ามันมีโอกาสมากมายสำหรับการสืบทอด
******
สักพัก หลัวเฟิง ก็ได้บินกลับมายังที่พักของตนเอง ที่นั่น หลัวเฟิง ได้อยู่เพียงลำพังกว่า 5 วันก่อนที่เขาจะกลับไปยังดินแดนแห่งการสืบทอดของเขา เพื่อรับการสืบทอดของตัวเอง
ถอย!
สืบทอด!
ถอย!
สืบทอด!
เกือบทุกวัน หลัวเฟิง มักจะเข้าไปรับการสืบทอดของเขาวันละครั้ง นี่ทำให้ผู้ฝึกฝนอื่นๆ สนใจอย่างรวดเร็ว มีหลายคนเริ่มพูดคุยกันเรื่องนี้
“หลังจากการต่อสู้ทั้งหมดที่ หลัวเฟิง ได้ผ่านมา เขามีโอกาสในการรับการสืบทอดจำนวนมาก แต่ถึงแม้เขาจะมีโอกาสมากมายแต่มันไม่จำเป็นต้องทำให้มันไร้ค่าเช่นนี้รึ?”
“หากไม่รู้สึกว่าเป็นการฝึกฝน การรับการสืบทอดทั้งหมดนี้คงเปล่าประโยชน์”
“ช่างไร้ค่าจริงๆ”
แต่ หลัวเฟิง นั้นไม่ได้สนใจเรื่องที่คนอื่นพูด เขาได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเองเท่านั้น
ข้าได้เข้าใจการศึกษาภาพของรูปปั้นลับและเข้าใจมันโดยการเปรียบเทียบ ทุกครั้งที่เข้ารับการสืบทอด ข้าสามารถเข้าใจเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางสัตว์อสูรเทพอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการฝึกฝนของข้าจะเป็นเช่นไร?
หากไม่มีความสามารถในการเข้าใจ การสืบทอดสัตว์อสูรเทพคงไร้ความหมายแต่ หลัวเฟิง นั้นสามารถที่จะรู้สึกและเข้าใจข้อมูลได้จำนวนมาก เพราะเขาได้อยู่กับการศึกษาภาพรูปปั้นแกะสลักมานาน ดังนั้นทุกครั้งที่เขาได้รับการสืบทอด เขาจึงสามารถที่จะก้าวหน้าขึ้นได้ ยังไงซะในด้านระดับ หลัวเฟิง ก็ได้สร้างเทคนิคที่เทียบเท่าได้กับเทคนิคระดับสูงของเจ้าแห่งจักรวาล ด้วยหัวใจของสัตว์อสูรเทพ เขามีความเข้าใจในระดับสูง ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่การรับรู้ในเส้นทางสัตว์อสูรเทพจึงง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก
ทุก 5 วันเขาจะเข้ารับการสืบทอด เมื่อเขาอยู่ในการสืบทอดรอบที่สาม หลัวเฟิง ก็เข้าใจขั้นสี่ของเส้นทางสัตว์อสูรเทพอย่างเต็มที่ มันเหมือนกับนักศึกษามหาลัยที่ทำการบ้านเด็กประถม
มันยังมีการสืบทอดที่เป็นวิธีในการเพิ่มความเร็วในการทำความเข้าใจ แต่เขานั้นถือว่าช้ากว่าเดิมมาก เมื่ออยู่ในขั้นที่ห้าของเส้นทางสัตว์อสูรเทพ
******
เผ่าแมลง, ปีศาจและหุ่นยนต์ต่างก็พากันขบคิดเพื่อหาวิธี
“เร็วเข้า! รายงานไปที่เผ่า! หลัวเฟิง อยู่ที่นี่ใน เกาะโบฮีเนียล!”
“เจ้าหลัวเฟิง น่ารำคาญนั่น….เขาแอบซ่อนใน เกาะโบฮีเนียล”
“หากเจ้าต้องการฆ่า หลัวเฟิง เจ้าต้องหา เจ้าแห่งจักรวาล มาช่วยแต่ในตอนที่ เจ้าแห่งจักรวาล ของเราปรากฏตัวขึ้นมาที่ เกาะโบฮีเนียล…พวกเขาก็จะถูกกำจัดทันทีโดย สมบัติแม่น้ำห้าสีนั้น สำหรับเราแล้วเราไม่อาจจะมีสิทธิ์ในการเข้าไปที่เกาะเลย”
“หากเราปลอมตัวเข้าไปในเขตมนุษย์ เราก็ยังมีโอกาส! แต่ดูจากพลังของโรงเรียนเทพอสูรบรรพกาล ซึ่งแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก หาก หลัวเฟิง ตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ในเกาะโบฮีเนียล เราก็ไม่อาจจะทำอะไรได้”
******
หลัวเฟิง ยังคงอยู่บนเกาะโบฮีเนียล เพื่อทำการฝึกฝนต่อไป
“ร่างสัตว์อสูรเขาทองได้ผ่านการเดินทางสองเดือนในหมู่ดวงดาวแล้ว ในที่สุดมันก็ไปถึงจุดหมาย ที่อยู่ของกระดาษเหล็กดำชิ้นที่ห้า”
หลัวเฟิง ได้เผยรอยยิ้มออกมา