ตอนที่ 1123 พลังของเมฆโลหิต
“เจ้าต้องการให้ข้าหยุดเขา”
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวแสดงความไม่เต็มใจ เขาเป็นสมาชิกเผ่าพันธุ์มาร แต่เขาก็ไม่ได้เป็นมารแต่กำเนิด เขาคือผู้นำที่แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์
เจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิตนั้นเป็นบุคคลอันมีชื่อเสียง เขายังเคยฆ่าเจ้าแห่งจักรวาลถึงสองคน เขาต้องเป็นอันดับต้นๆ ของเจ้าแห่งจักรวาลแน่นอน
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวนั้นไม่ได้อ่อนแอ แต่เขายังเทียบไม่ได้กับเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิต
“แค่ตรึงเขาไว้ นอกจากนี้เจ้ายังมีร่างกายอื่น”
“ข้ามีร่างกายอื่น แต่เพื่อนเก่าคนนี้ไม่ได้แสดงตัวมาสามล้านยุค ไม่มีทางที่ข้าจะเดาได้ว่าร่างข้าจะไม่ถูกทำลาย สมบัติของข้าคงตกอยู่ในมือเขา”
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวไม่เต็มใจที่จะเสี่ยง เขาเป็นผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ เผ่าพันธุ์ย่อมขึ้นอยู่กับเขา
“แม้ว่าร่างของเจ้าจะถูกทำลาย เมื่อผู้นำวังเมฆโลหิตถูกฆ่า สมบัติทั้งหมดของเจ้าจะถูกส่งคืน”
“หากเขารอดชีวิต แม้ว่าเจ้าจะเสียอะไรไปก็ตาม พันธมิตรจะยืนดีคืนให้เจ้าครึ่งหนึ่ง”
“เจ้าคือเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวอันโด่งดัง เจ้าจะไม่อาจป้องกันจากผู้นำวังเมฆโลหิตได้เลยรึ” บรรพบุรุษมารฝันกล่าว
“ตกลง แต่บรรพบุรุษมาร ท่านให้สัญญากับข้าแล้วนะ”
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวหยุดลังเล
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงตามเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิต
หลัวเฟิงนั้นอยู่ห่างไม่ไกลจากเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว เขาอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่สิบล้านกิโลเมตร
“ผู้นำวังเมฆโลหิตหยุดก่อน” เสียงดังเข้ามาในหูของเขา
หลัวเฟิงส่งเสียงหัวเราะและยังเดินหน้าต่อไป
“เจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิต ข้าคือเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว ข้าต้องการพูดคุยกับเจ้า”
ชัดเจนแล้วว่าเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวไม่ต้องการสู้กับหลัวเฟิง แต่ผู้มีอำนาจต่างก็เกลียดชังเขา หากเขาสามารถหยุดไว้ได้ เขาก็ยังได้รับผลงาน ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่ต้องการจะสู้ หากเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิตถูกฆ่าตาย สมบัติก็จะถูกแจกจ่ายให้กับเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว เขาก็จะได้รับส่วนแบ่ง
“เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว เจ้าคิดว่าข้าโง่อย่างเจ้ารึ”
“เจ้า…” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวเดือดจนพูดไม่ออก เขาถอนหายใจออกมาแล้วคิดว่า “ไม่น่าแปลกใจที่เจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิตนั้นมีศัตรูทั่วจักรวาล การแลกเปลี่ยนคำพูดสั้นๆ กลับเรียกข้าว่าโง่ มันไม่ใช่การดูถูกเจ้าแห่งจักรวาลอย่างข้าหรือไง”
ถ้ามันเป็นคำพูดจากสิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่อื่นๆ เขาคงคำรามออกมาด้วยความโกรธและเตรียมพร้อมที่จะสู้ แต่เมื่อมันมาจากเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิต ความโกรธของเขาก็สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำวังเมฆโลหิตเป็นคนอำมหิตโดยธรรมชาติ เขาจึงทำให้เกิดความไม่พอใจต่อกลุ่มอำนาจต่างๆ ของจักรวาล
หนึ่งบินนำ หน้าส่วนอีกหนึ่งตาม ขณะที่เขาตามก็ได้รายงานไปยังสองบรรพบุรุษมาร ให้พวกเขาได้รับข้อมูลล่าสุด
“ผู้นำวังเมฆโลหิตหนีเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ข้าตามเขาไม่ทัน ข้าอาจจะตามเขาได้อีกไม่นานนัก”
หลังจากบินกันมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลัวเฟิงก็ได้บินเข้าไปยังวังวนหนึ่ง
“เขาเข้าไปยังวังวนที่นำไปยังดาวต้นกำเนิดหมายเลข 06231” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวรายงาน
ข่าวที่มาถึงบรรพบุรุษมารได้ถูกกระจายออกไปยังสิ่งมีชีวิตต่างๆ เพียงครู่เดียวก็ทำให้รู้จุดหมายของผู้นำวังเมฆโลหิต
“เจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาว เรากำลังจะไปถึงตำแหน่งของเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิตที่ดาวหมายเลข 03129”
6 เจ้าแห่งจักรวาลจากพันธมิตรแดนเหนือกำลังบินไปด้วยกันที่ดาวต้นกำเนิด ผู้นำของพวกเขาคือเจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาว พวกเขาดำเนินการด้วยกัน 12 คน แต่อีก 6 คนนั้นกำลังเดินทางอยู่ในดาวต้นกำเนิดต่างๆ ก่อนที่จะมารวมตัวกัน
“หยุด” เจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาวสั่ง
ทั้งห้าร่างมองมาที่เจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาวในทันที
“ผู้นำวังเมฆโลหิตออกจากดาวหมายเลข 03129 แล้ว เขาได้ผ่านอุโมงค์วังวนไปยังดาวหมายเลข 06231” เจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาวกล่าว
“เราจะทำยังไง”
“นี่จะสร้างความยุ่งยาก”
“พิกัดที่นำไปยังดาวหมายเลข 06231 ที่เร็วที่สุดคืออะไร” เจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาวกล่าว
“หากหันกลับไปยังดาวต้นกำเนิดอีก 8 ดวงดาว น่าจะใช้เวลาสั้นที่สุดในการเดินทาง” หนึ่งในเจ้าแห่งจักรวาลกล่าว
“งั้นทำตามนั้น” เจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาวกล่าว
6 เจ้าแห่งจักรวาลได้ทำการเปลี่ยนเส้นทางบิน
ข่าวถูกแพร่สะพัดไป มันได้สร้างความไม่พอใจกับกลุ่มอำนาจต่างๆ มีการตามล่าเพื่อฆ่าเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิตบนดาวต้นกำเนิด
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวที่ผ่านวังวนและเข้าสู่ดาวต้นกำเนิดอีกดวง เขาไม่อาจควบคุมกาลอวกาศและเวลาได้
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวได้มองรอบๆ อย่างประหลาดใจ เขาเห็นหมอกสีดำรอบตัวในระยะ 60 ล้านกิโลเมตร ในหมอกนั้นมีวังอยู่ และที่หน้าวังมีร่างๆ หนึ่งยืนอยู่ มันปกคลุมด้วยหมอกจนเห็นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“วังเมฆโลหิต” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวที่รู้ถึงตัวตนของสมบัติก็เอ่ยชื่อของมันออกมา
วังเมฆโลหิตเป็นสมบัติแท้จริงชั้นสูง แม้กับสิ่งมีชีวิตสูงสุดยังยากที่จะสร้างความเสียหายให้มัน มันสามารถปล่อยหมอกได้ไกลถึงพันล้านกิโลเมตร การใช้วังเมฆโลหิตก็จะเลี่ยงความตายได้
“เจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิตไม่หนีงั้นรึ” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวรู้สึกอับอายลึกๆ
“ฮ่า ฮ่า ทำไมเจ้าต้องกลัว เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว”
หมอกที่กระจายตัวได้ห้อมล้อมเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว
“มันนานแล้วที่ข้าไม่ได้ต่อสู้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าสู้กับข้า”
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวคำรามออกมาด้วยความโกรธ
“ฮ่า ฮ่า อย่างที่คาดไว้ เจ้าไม่มีความกล้าเลย งั้นข้าจะไปจากที่นี่” เสียงถูกส่งมายังเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวมองยังผู้นำวังเมฆโลหิตที่กำลังบินจากไป เขาได้ส่งเสียงดังออกมา “เมฆโลหิต ถ้าเจ้าต้องการจะรีบหนี ก็ถือว่าเจ้าทำถูกแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า”
ผู้นำวังเมฆโลหิตได้เก็บวังเมฆโลหิตและถือกระสวยยาวแทน จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าใส่
“ข้าจะให้เจ้าได้รู้ถึงพลังของข้า” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวกล่าว
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวจับค้อนขนาดใหญ่สองหัว เก้าหนวดบนหัวของเขาลุกไหม้รุนแรงขึ้นพร้อมกับคำราม
หลัวเฟิงพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงพร้อมกระสวยยาวในมือ ด้วยระยะห่าง 60 ล้านกิโลเมตร ทั้งสองได้พุ่งเข้าหากันในทิศทางตรงกันข้ามและเผชิญหน้ากันในเวลาอันสั้น
“ได้เวลาตายแล้ว เมฆโลหิต” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวคำราม
คลื่นจากค้อนได้ส่งเสียงดังรุนแรงออกมา เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวสำเร็จความเข้าใจในเส้นทางเทพอสูรไฟและอวกาศ การโจมตีของค้อนเขาสร้างรอยแตกขึ้นในอวกาศ
หลัวเฟิงถือหอคอยดวงดาวที่ถูกเปลี่ยนรูปร่างกระสวยยาว 1,800 กิโลเมตร
“ได้เวลาถูทำลายแล้ว” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงจ้องไปยังคู่ต่อสู้ที่อยู่ห่างจากเขา เขาเผาผลาญพลังงานอมตะเข้าไปในกระสวยยาวต่อเนื่อง หลัวเฟิงได้เข้าใจการแกะสลักระดับแรกของกระสวย และเริ่มใกล้เข้าใจระดับที่สองอย่างสมบูรณ์ เขาจึงใช้พลังในระดับสองเต็มที่ไม่ได้ ทำให้เขาจะต้องใช้พลังงานอมตะในระดับแรกมากขึ้น
หลัวเฟิงใช้กระสวยยาวกับเทคนิคสูงสุดของเจ้าแห่งจักรวาลที่เขาคิดขึ้นใหม่ มันเพิ่งถูกใช้ในการต่อสู้นี้ครั้งแรก
“ถูกขยี้ไปซะ” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวกล่าว
ค้อนที่ทรงพลังฟาดลงมาเหมือนกับท้องฟ้าแตกออกถล่มลงมาสู่พื้นดิน กระสวยสีแดงเลือดส่งแสงระยิบระยับ ความเร็วของมันน่ากลัวอย่างมาก ค้อนของเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวไม่มีทางที่จะสกัดกั้นมันได้ กระสวยสีแดงได้เจาะเข้าไปยังที่หน้าอกของเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวกัดฟันใช้ค้อนทุบลงไปยังร่างของเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิต
ทั้งสองแยกตัวไปในทิศทางตรงกันข้าม
“ทำไมเขาเร็วขนาดนี้ มันเร็วจนข้าป้องกันการโจมตีไม่ทัน” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวคิด
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวคิดว่ามีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับเจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิต มันได้ผ่านมานานกว่า 3 ล้านยุค เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้สมบัติใหม่ เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว จึงไม่ทันได้เตรียมตัวเมื่อพบกับความเร็วเช่นนี้
เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวตกตะลึงที่เขาสูญเสียพลังงานในร่างกายอมตะไป 1% จากการโจมตีอีกฝ่าย ด้วยร่างกายขนาดใหญ่ของเขาทำให้เขาติดอยู่ในอันดับสูงของเจ้าแห่งจักรวาล
“เขาไม่มีทางโจมตีร่างอมตะของข้าโดยตรงได้อีกแล้ว” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวคิด
ทั้งสองแลกเปลี่ยนการโจมตีกัน กระสวยยาวของหลัวเฟิงได้แทงเข้าไปที่ร่างของเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว และค้อนก็กระแทกใส่หลัวเฟิง
“เกราะพลังช่างน่าเหลือเชื่อ มันสามารถลดผลกระทบลงได้ 1 ส่วน 10,000 ทำให้ค้อนที่ฟาดมาดูเหมือนจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายอมตะ ทำให้สามารถฟื้นฟูกลับมาในเวลาไม่นาน” หลัวเฟิงคิด
หลัวเฟิงมองที่กระสวยยาวในมือ มันมีพลังทำลายยิ่งกว่าการต่อสู้กับเจ้าแห่งจักรวาลแบมฟ์ ก่อนหน้านี้ด้วยพลังในระดับแรก
หลัวเฟิงได้เตรียมตัวมาสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ เกราะพลังมีพลังป้องกันดีกว่าเกราะสัตว์เทพ เขาจึงใช้มันพร้อมกับกระสวยยาวในครั้งนี้
“เจ้าแห่งจักรวาลวังเมฆโลหิต การแลกเปลี่ยนกันในครั้งนี้ข้าขอนับถือ” เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวกล่าว
“ฮ่า ฮ่า ใครก็สามารถพูดมันได้” หลัวเฟิงกล่าว
หลัวเฟิงและเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวทำการแลกเปลี่ยนการโจมตีกันต่อเนื่อง เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวใส่ความพยายามลงไปในการโจมตีของหลัวเฟิง ค้อนแรกของเขานั้นทำไม่ได้ แต่ค้อนที่สองของเขานั้นทำได้แต่ยังไม่ดีพอ
“หอคอยดวงดาวช่างทรงพลัง แค่พลังส่วนหนึ่งของมัน สามารถที่จะกดดันเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว”
หลัวเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลของหอคอยดวงดาว ทุกการแทงนั้นเร็วจนน่ากลัว และในทุกครั้งส่งให้เจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิวกระเด็นห่างออกไป ทำให้หลัวเฟิงรู้สึกพึงพอใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
การปะทะกันทั้ง 35 ครั้งของหลัวเฟิงกับเจ้าแห่งจักรวาลไฟหวิว เขาได้เปิดใช้งานการแกะสลักระดับที่สองโดยที่เขาไม่รู้ตัว หลัวเฟิงนั้นค่อนข้างประสบความสำเร็จในการแกะสลักภาพ