Skip to content

Swallowed Star 1132

ตอนที่ 1132 : โหลจู

หลัวเฟิง เพิ่งจะรู้ข้อมูลหลักเกี่ยวกับคนในตำนานก็ในวันนี้ แต่มันไม่ได้หยุดเขาจากการชื่นชมอาจารย์ ต้นกำเนิด

ในมุมมองของ หลัวเฟิง เขามีทาสที่เป็น เจ้าแห่งจักรวาล, สร้างจักรวาลเสมือน, อยู่จุดสูงสุดและยังทำสงครามกับจักรวาลกำเนิด…สุดท้ายแล้วก็โดนขังไว้ ทุกเหตุการณ์ล้วนแต่ทำให้เขากลายเป็นผู้นำของมนุษย์ที่น่าชื่นชมและน่าเคารพ ถ้าผู้นำแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นมาในจักรวาลอีกครั้ง…มันคงถือว่าเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์

“มีวิธีอื่นไหม?” หลัวเฟิง มองไปที่ เจ้าแห่งจักรวาล คนอื่นๆ

เจ้าแห่งจักรวาลความมืด เงียบไป

ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ถอนหายใจแล้วตอบออกมา “ไม่”

เสียงของ เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง ดังขึ้นมา “ผู้สร้างขวานยักษ์ เองก็คิดเรื่องนี้ แต่เขาไม่อาจหาวิธีได้เช่นกัน บริวารของอาจารย์ที่ซึ่งเป็นแก่นความรู้ของจักรวาลเสมือนเองก็ได้ถามเรื่องนี้กับเราว่าอาจารย์เองก็ไม่อาจจะหาวิธีได้”

หลัวเฟิง ถอนหายใจแล้วพยักหน้า ยังไงซะมันก็เป็นการคุมขังจากจักรวาลกำเนิด?

ใครกันที่สามารถช่วยได้?

******

เจ้าแห่งจักรวาล ทั้งหกรวมไปถึง หลัวเฟิง กลับมายังเกาะสายฟ้าตอนที่ได้รับข้อความจาก ผู้สร้างขวานยักษ์ ที่ซึ่งเชิญพวกเขาไปเข้าร่วมงานประชุมระดับสูงของเผ่ามนุษย์

“มีการประชุมระดับสูงอยู่สองแบบ” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “หนึ่งคืองานประชุมระดับสูงขนาดใหญ่ที่ซึ่งอัศวินอวกาศ, เจ้าแห่งจักรวาล ทุกคนจะมาเข้าร่วม งานขนาดใหญ่แบบนี้ปกติแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลดีต่ออัศวินอวกาศ เรื่องอื่นคงเป็นเรื่องน่ากังวลของเผ่า…ปกติแล้วจะมาพูดคุยเรื่องภายในและนั่นก็คืองานประชุมอีกแบบ”

“งานประชุมของขวานยักษ์?” หลัวเฟิง พยักหน้า

งานประชุมก่อนหน้านี้มีอัศวินอวกาศจำนวนมากเข้าร่วมโดยพวกเขาได้แค่ไปฟังข้อมูลจาก เจ้าแห่งจักรวาล การตัดสินใจนั้นตัดสินใจโดย เจ้าแห่งจักรวาล และ เจ้าแห่งจักรวาลระดับสูง

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมงานประชุมขวานยักษ์ ถึงเป็นที่ที่ตัดสินใจสำหรับเรื่องต่างๆ ของเผ่า

“สิทธิ์ของเจ้าเพิ่มขึ้นแล้ว เจ้าสามารถเคลื่อนย้ายไปยัง วังขวานยักษ์ทอง ได้แล้ว” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้น “งานประชุมนี้จะจัดขึ้นใน วังขวานยักษ์ทอง”

“โอ้” หลัวเฟิง ทำการตรวจสอบอีกครั้งและตระหนักได้ว่ามีสถานที่ที่เขาสามารถเดินทางไปได้นั้นเพิ่มขึ้น

“ไปกันเถอะ” ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล พูดขึ้น

ทันใดนั้นทั้งหกขององค์กรจักรวาลเสมือนก็ได้หายไปจากเกาะสายฟ้า

สำหรับองค์กรของพวกเขาแล้ว…ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล แน่นอนว่าเป็นคนสั่งการ

******

ภายในความมืดมิดไม่รู้จบนั้นมีแสงประกายจากดวงดาวส่องสว่างออกมาจากไกลๆ

วังเทพขนาดใหญ่ที่ดูเรียบง่ายลอยอยู่ในอากาศ ในมิติอันว่างเปล่าต่อหน้าวังเทพ…ซึ่งไม่ใหญ่หรือไม่ได้เล็ก…มันมีโต๊ะหินยาวอยู่โต๊ะหนึ่ง มันมีเก้าอี้หินเพียงตัวเดียวที่วางไว้ที่หัวโต๊ะส่วนข้างๆ โต๊ะนั้นเป็นเพียงม้านั่งหินซึ่งมีผู้คนรูปร่างดังหอคอยนั่งประจำอยู่

เจ้าแห่งจักรวาล ต่างก็พากันพูดคุยกันอยู่ พวกเขาได้ทำการแบ่งกลุ่มกันแล้วพูดคุยหยอกล้อกัน

“ฮ่า ฮ่า! กระจกร้าง ก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่เต็มใจที่จะส่งสิทธิ์ของโลกให้กับ หลัวเฟิง! สุดท้ายแล้ว ขวานยักษ์…เราบอกว่าวันที่ หลัวเฟิง ได้มานั่งที่นี่กับเราจะเป็นวันที่เราคืนสิทธิ์ของโลกให้กับเขา นั่นคงอีกไม่นานใช่ไหม? หลัวเฟิง ตอนนี้มีฐานะเทียบเท่าเราแล้ว”

“ก่อนหน้านี้เจ้าเองก็ค้านไม่ใช่รึไง?”

“ข้าไม่มีสายสัมพันธ์ครอบครัวให้กังวล มันก็ธรรมดาที่ข้าจะเป็นกลาง จริงๆ แล้วจากผลที่ออกมาบางทีเจ้าน่าจะทำตามคำขอของ หลัวเฟิง และยอมรับข้อแลกเปลี่ยนนั้น เพื่อแลกกับสิทธิ์อีกครึ่งหนึ่งของโลก! ตอนนี้? ตอนนี้ หลัวเฟิง มีสิทธิ์เทียบเท่ากับเรา ตามที่ ผู้สร้างขวานยักษ์บอกมา เราต้องส่งคืนสิทธิ์ทั้งหมดให้กับ หลัวเฟิง และข้อแลกเปลี่ยนนั้นก็หลุดลอยไปแล้ว”

“ฮึ่ม”

ฮัวะ! ฮัวะ! ฮัวะ!

หกร่างนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ผู้ที่แข็งแกร่ง จากองค์กรจักรวาลเสมือนพร้อมกับ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ที่เป็นผู้นำ

“ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล”

“ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ท่านมาแล้ว”

“ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล”

เจ้าแห่งจักรวาล ทุกคนต่างก็พากันทักทาย ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล

ในตอนที่เห็นเขา ยังไงซะภายในหมู่มนุษย์ คนที่มีฐานะสูงสุดก็ไม่อาจถูกตั้งคำถามได้!

ผู้สร้างขวานยักษ์ และอาจารย์ ต้นกำเนิด ที่ถูกขังไว้โดยจักรวาลกำเนิด!

นอกจากสองคนนี้ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล คือคนที่ปกป้องจักรวาลหลักและทำการดูแลเรื่องต่างๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่อง

ธรรมดาที่เขาจะได้รับความเคารพ

“ความมืด เจ้าเองก็มาด้วยรึ? มันยากนะที่จะเห็นเจ้าปรากฏตัว”

“ข้าไม่คิดว่า ความมืด จะมาด้วย ก่อนหน้านี้มีงานประชุมมากมายแต่เจ้าไม่เคยโผล่มาเลยสักครั้ง”

เจ้าแห่งจักรวาล พูดคุยทักทายพร้อมกับที่ทั้งหกได้เข้าประจำที่นั่งของตน ทั้งหกได้นั่งเป็นติดกันเป็นเส้นตรงโดยมี ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล นั่งอยู่ใกล้กับเจ้าภาพมากที่สุดโดยตามมาด้วย เจ้าแห่งจักรวาลหลงหยาง, เจ้าแห่งจักรวาลความมืด, เจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง, เจ้าแห่งจักรวาลไกล และสุดท้าย ผู้นำกลุ่มทางช้างเผือก

******

หลัวเฟิง นั่งลงไปและมองไปยัง เจ้าแห่งจักรวาล คนอื่นๆ เขาตอบกลับบทสนทนาของพวกนั้นด้วยท่าทีถ่อมตัว

“โชคดี! ข้าโชคดีที่ทำสำเร็จแบบนี้ได้เพราะข้ามีโอกาสได้ฝึกฝนเป็นเวลานานในสถานที่อย่าง วังแห่งการเวลา มันบังเอิญที่ข้าสร้างเทคนิคนั้นขึ้นมาได้ ฮ่า ฮ่า! พันธมิตรทั้งสามไล่ล่าเอาชีวิตข้า…ข้าจำเป็นต้องอำมหิตเพื่อเอาตัวรอด!”

ในตอนที่พูดเขาได้ทำการสังเกตไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ยังไงซะทุกคนที่นี่ก็เป็นพวกระดับสูงของมนุษย์ ก่อนหน้านี้เขาได้แต่ดูข้อมูลของคนพวกนี้แต่ไม่เคยพบพวกนี้ตัวเป็นๆ

สำนักขวานยักษ์ นั้นมี ผู้สร้างขวานยักษ์ เป็นผู้นำ เป็นธรรมดาที่ เจ้าแห่งกฎทอง จะเป็นคนจัดการดูแลที่นั่นที่ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นอาจารย์ของพี่ชายข้าหง และผู้สร้างจารึกหิน

หลัวเฟิง มองไปที่ เจ้าแห่งกฎทอง ที่ซึ่งรูปร่างสูงใหญ่พร้อมกับผมยาวสีทอง เขามีคิ้วที่ยาวถึงแก้ม ดูไปแล้วเขาไม่ได้ต่างอะไรจาก ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหลเลย

พันธมิตรทหารรับจ้างแห่งจักรวาล มี เจ้าแห่งจักรวาลกระจกร้าง เป็นผู้นำ

หลัวเฟิง ตระหนักได้หลังจากที่มองไปที่อีกฝ่าย

เจ้าแห่งจักรวาลกระจกร้าง นั้นหน้าตาดูชั่วร้ายและร่างกายเต็มไปด้วยเกล็ดที่ซับซ้อน มันมีเขาที่หัว แค่เพียงมองแว๊บแรกเขาดูเหมือนสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ รังสีที่เขาแผ่ออกมานั้นร้ายกาจ

เจ้าแห่งจักรวาลกระจกร้าง เองก็มองมาที่ หลัวเฟิง

เจ้าแห่งจักรวาล ทุกคนที่นั่นต่างก็มองมาที่ หลัวเฟิง

จำนวนครั้งที่พวกเขามองมาที่ หลัวเฟิง นั้นถือว่ามากสุดหนึ่งในสามเลย

ธนาคารจักรวาลแรกเริ่มนั้น มี เจ้าแห่งจักรวาลชิดง เป็นผู้นำ

เจ้าแห่งจักรวาลชิดง ใส่เกราะสีเขียวพร้อมกับผ้าคลุมเขียว บนผ้าคลุมนั้นมีแผนภาพอันซับซ้อนก่อตัวเป็นสัตว์อสูรที่สวยงาม สัตว์อสูรนั้นไม่ได้เป็นสายพันธุ์ไหนใน 8 สายพันธุ์เทพอสูร

ธนาคารจักรวาลต้นกำเนิด มี เจ้าแห่งจักรวาลเปกง เป็นผู้นำ

หลัวเฟิง มองไปที่ เจ้าแห่งจักรวาลเปกง

จาก เจ้าแห่งจักรวาล สามคนที่มองมาที่ หลัวเฟิง เจ้าแห่งจักรวาลเปกง นั้นถือว่าเป็นอันดับแรก เขาหัวล้าน, ตัวใหญ่และมีหนวดหนา จากรังสีที่เขาแผ่ออกมานั้นต่างกับ เจ้าแห่งจักรวาล ที่อ่อนแอที่สุดอย่างมาก และ ธนาคารจักรวาลต้นกำเนิด ที่เขาดูแลก็มี เจ้าแห่งจักรวาล แค่เพียงคนเดียวซึ่งน้อยอย่างมาก แต่ตามข้อมูลที่ หลัวเฟิง เข้าถึงได้ พลังของ เจ้าแห่งจักรวาลเปกง นั้นถือว่าอยู่อันดับสูงในหมู่มนุษย์ แม้แต่ เจ้าแห่งกฎทอง ก็เทียบเขาไม่ได้ อันที่จริงเขาเทียบกับ ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล ได้ด้วยซ้ำ

มนุษย์นั้นแข็งแกร่ง หลัวเฟิง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา มันมี เจ้าแห่งจักรวาล ที่อยู่ในระดับสูง มันถึงกับมีระดับสูงสุด นี่ถือว่าแข็งแกร่งอย่างมากในจักรวาล

นี่คือสิ่งที่ หลัวเฟิง เข้าใจ พลังของ เจ้าแห่งจักรวาล นั้นแบ่งเป็น ‘ระดับต้น’, ‘ทั่วไป’, ‘ระดับสูงสุด’ และชั้นยอด

ระดับต้นนั้นหมายถึงพวกที่เพิ่งขึ้นมาเป็น เจ้าแห่งจักรวาล ด้วยยีนชีวิต 100 เท่าที่ซึ่งยังไม่ได้สร้างเทคนิคที่ร้ายกาจของ เจ้าแห่งจักรวาลขึ้นมา เจ้าแห่งจักรวาล กลุ่มนี้ยากที่จะปรากฏตัวออกมา พวกเขามักจะแยกตัวเองเพื่อทำการฝึกฝนพลังของตน

ขั้นทั่วไปนี้หมายถึงพวกที่มีทรัพยากรระดับหนึ่งที่จะได้ยีนชีวิตที่ขึ้นมาถึงระดับที่ยากที่จะพัฒนาต่อได้อีก…ยกตัวอย่างเช่น 1,000 เท่า อีกอย่างแล้วพวกเขาก็ได้สร้างเทคนิคของ เจ้าแห่งจักรวาล ขึ้นมาและได้สมบัติที่แท้จริงที่ค่อนข้างโดดเด่น

ระดับสูงสุด นั้นคือ เจ้าแห่งจักรวาล ที่ครอบครองสมบัติที่แท้จริงที่แข็งแกร่งอย่างมาก หรือสร้างเทคนิคทรงพลังหรือมียีนที่อาจจะถึงระดับ 10,000 เท่า!

หากมีหนึ่งในของพวกนี้ งั้นการมีอีกอย่างเพิ่มขึ้นมาก็คงเป็นเรื่องของเวลา จุดนี้จะถือว่า เจ้าแห่งจักรวาล นั้นอยู่ในระดับสูงสุด

ชั้นยอด หมายถึง เจ้าแห่งจักรวาล อย่างเจ้าแห่งจักรวาลสายธารดวงดาว, ผู้นำเมืองแห่งความโกลาหล และ เจ้าแห่งจักรวาลความมืด ในด้านของยีนชีวิต, สมบัติที่แท้จริง และเทคนิคแล้วพวกนี้ต้องเป็นของระดับสูง ถึงจะถือว่าเป็นชั้นยอด!

ห้าองค์กรของมนุษย์ จากที่ข้าเห็นแล้วองค์กรจักรวาลเสมือนมีการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งที่สุดโดยเฉพาะศิษย์ทั้งสามของอาจารย์ ต้นกำเนิด ซึ่งคืออาจารย์ข้า, เจ้าแห่งจักรวาลความมืด และ เจ้าแห่งจักรวาลภูเขาน้ำแข็ง ทุกคนต่างก็อยู่ระดับชั้นยอด

หลัวเฟิง แอบถอนหายใจเมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งของศิษย์อาจารย์ ต้นกำเนิด สี่องค์กรอื่นๆ นั้นแทบเทียบไม่ได้เลยในด้านคุณภาพ แม้แต่ผู้สร้างขวานยักษ์ ก็ยังเคยได้รับคำแนะนำ จากอาจารย์ ต้นกำเนิด

ในตอนที่ หลัวเฟิง กำลังประเมินพลังของเหล่ามนุษย์และถอนหายกับการที่ตัวเองอยู่อันดับท้ายสุดนั้น ผู้สร้างขวานยักษ์ ก็ได้ปรากฏตัว

ฮัวะ!

หัวที่ยังไม่โกนและหน้าตาที่ดูป่าเถื่อนได้ปรากฏตัวขึ้นที่นั่งเจ้าภาพ

ทันใดนั้น เจ้าแห่งจักรวาล ต่างก็เงียบและแสดงสีหน้าเคารพออกมา มีแค่ หลัวเฟิง ที่ถึงจะแสดงสีหน้าเคารพแต่ก็ไม่อาจจะปกปิดความแปลกใจที่รู้สึกได้ ยักษ์ที่ดูป่าเถื่อนนี้ได้มองมาที่ หลัวเฟิง ก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้าให้

“หลัวเฟิง!” เขาพูดขึ้น “นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ากับข้าพบกัน”

“ผู้สร้างขวานยักษ์” หลัวเฟิง ตอบกลับด้วยความเคารพและมองไปที่อีกฝ่าย

ยิ่งเขามองอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ เขายิ่งได้เห็นถึงการความคล้ายระหว่างผู้สร้างขวานยักษ์ กับเพื่อนเขาในอดีต โหลจู

โหลจู อาจจะห่างไกลจาก ผู้สร้างขวานยักษ์ แต่เขามีบุคลิกและความคลุมเครือที่คล้ายกัน ทั้งสองมีบุคลิกแบบวีรบุรุษ แม้ว่าหน้าตากับตำแหน่งจะต่างกันก็ตาเมตร…

ความคลุมเครือระหว่างความต่างของตะวันออกและตก นั่นคือสิ่งที่ ผู้สร้างขวานยักษ์ และ โหลจู ต่างกัน แต่ทั้งสองมีท่าทีที่คล้ายกัน ในเรื่องหน้าตาแล้ว หลัวเฟิง รู้สึกถึงความรู้สึกที่แปลกใหม่ขึ้นมา…ความรู้สึกที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน!

ตอนที่ โหลจู ปรากฏตัวครั้งแรกในปฐมนครแห่งความโกลาหล เขาไม่ได้โดดเด่นเลยแม้แต่นิด หลัวเฟิง คิด ตอนนั้นเราเป็นเพียงเพื่อนที่แจ้งเกิดจากการแข่งขัน…อัศวินอวกาศมากมายไม่ได้สนใจเรา เหมือนกับข้าตอนนี้…ข้าจะหาเวลาที่ไหนไปดูแลพวกเด็กๆ ได้? ตอนนั้นแม้แต่โบแลน ก็ไม่ถูกรับเป็นศิษย์ของอัศวินอวกาศ ในทางกลับกัน โหลจู เป็นคนแรกที่ถูกรับเป็นศิษย์โดย เจ้าแห่งจักรวาล

ตอนที่ โหลจู ถูกรับเป็นศิษย์ของ เจ้าแห่งจักรวาล ผู้เข้าร่วมการแข่งขันหลายคนอิจฉาและยากที่จะยอมรับความจริงได้ ตอนนั้น หลัวเฟิง เองก็กัดฟันแน่นและสัญญากับตัวเอง แม้ว่า โหลจู จะมีเจ้าแห่งจักรวาลเป็นอาจารย์แต่เขาจะต้องก้าวข้าม โหลจู ไปให้ได้…

หลังจากนั้นตอนที่เขาแสดงผลลัพธ์ที่โดดเด่นออกมาได้ มันยังมีคนอื่นอย่าง ผู้นำวังทลายสวรรค์ ที่พนันว่า หลัวเฟิง คงเทียบกับ โหลจู ไม่ได้

“ทำไมพวกเขาถึงได้ชื่นชอบ โหลจู?” หลัวเฟิง พึมพำในใจ “ดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่เขาจะมาจากองค์กรของ ผู้สร้างขวานยักษ์ ใครกันคือพวกที่มาจากองค์กรของผู้สร้างขวานยักษ์?”

ข้อมูลของอัศวินอวกาศจำนวนมากได้ไหลเข้ามาในหัว หลัวเฟิง พร้อมกับอดีตที่เขานึกย้อนไป แต่อัศวินอวกาศส่วนมากนั้นสวมเกราะและรองเท้า มีไม่กี่คนที่เหมือนกับ โหลจู ที่ซึ่งทำตัวเหมือนคนป่า…

“มี 4-5 คนที่ดูเหมือนจะมีบุคลิกแบบนั้น”

หลัวเฟิง พยายามคิดเพื่อให้เขาแยกแยะบางอย่างให้ออก เขามั่นใจเล็กน้อย ยังไงซะเขาก็ใช้เวลาน้อยกว่าผู้อื่นในการกลายเป็น ผู้ที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงมีเพื่อนดีๆ ไม่กี่คนอย่าง อัศวินกวงโจว อัศวินอวกาศที่เหลือนั้นเพียงแค่รู้จักเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version