Skip to content

Swallowed Star 1172

ตอนที่ 1172 : วิญญาณแห่งขุมทรัพย์ที่แท้จริงชั้นยอด

มันมีรอยขีด 3 รอยเป็นเส้นตรงยาวบนปีกแสง หลัวเฟิง งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เห็นได้ชัดว่าลำแสงใบมีดที่กระจายไปทั่วอวกาศนั่นน่ากลัวยิ่งกว่าการโจมตีจาก เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด เสียอีก!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคู่ปีกแสงนี้เป็นสมบัติแท้จริงชั้นยอด

โดยปกติแล้วใครๆ ก็ต่างรู้ว่าสมบัติแท้จริงชั้นยอด ไม่สามารถทำความเสียหายกับมันได้ ไม่แม้แต่ตอนที่มันอยู่ในพื้นที่ที่อันตรายที่สุด ยังไงซะทฤษฎีนี้ก็ยังลบล้างไม่ได้

“เสียหายงั้นเหรอ? มันเสียหายได้ยังไง?” หลัวเฟิงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น “รอยข่วน? มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน? คนกลุ่มไหนกันที่สามารถสร้างรอยข่วนบนนั้นได้? หรือว่ามันจะเกิดจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่แสนอันตรายในขอบเขตใจกลางของ 3 ผืนแผ่นดินที่อันตรายที่สุด?”

ความคิดต่างๆ นานา ถาโถมเข้ามาในหัวของ หลัวเฟิง สิ่งที่ทำให้เกิดรอยข่วนบนปีกแสงได้รวมกระทั่งคราบเลือดที่ติดมาด้วย มันต้องมีเบื้องหลังอะไรแน่นอน

แม้ว่าเขาจะตะลึงและสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ หลัวเฟิง ก็พยายามระงับสติอารมณ์ไว้ เพราะตั้งแต่เขาได้ก้าวเข้ามาในทะเลจักรวาลเขาก็ได้เข้าใจสิ่งต่างๆ อีกทั้งยังมีข้อมูลต่างๆ ที่เขาได้รับ ทำให้เข้าใจกับสิ่งที่สามารถทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ ทะเลจักรวาลมันลี้ลับเกินหยั่งถึง สิ่งมีชีวิตยิ่งใหญ่ที่จุติกลับมาเกิดใหม่สามารถดำรงชีวิตและทำได้เพียงสูงสุด 3 การจุติเท่านั้น ซึ่งไม่ได้อยู่ใน 2 จักรวาลศักดิ์สิทธิ์ จนถึงทุกวันนี้ ยังไม่มีใครที่สามารถสำรวจเกินกว่าขอบของทะเลจักรวาลแห่งนี้ได้

จักรวาลขนาดเล็กจำนวนมาก รวมไปถึงที่ถูกทำลายนับไม่ถ้วน มันมีข้อจำกัดในขนาดของมัน เว้นแต่ 2 จักรวาลศักดิ์สิทธิ์พวกมันมีขนาดใหญ่มากๆ ส่วนจักรวาลเล็กๆ พวกนั้นเป็นการสร้างของ เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด จากการหลงเหลืออยู่ของ 2 จักรวาลศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่ถูกทำลาย ระดับพลังของพวกมันอยู่ระดับไหนกันแน่?

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลที่จะสามารถตอบได้

“การทำให้ปีกแสงซึ่งเป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอด เกิดรอยขีดข่วนได้ ข้าเดาว่ามีเพียงแค่ 2 ผู้ที่หลงเหลืออยู่ที่เป็นผู้สร้างจักรวาลศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 จึงจะสามารถทำเช่นนี้ได้” – หลัวเฟิง สันนิษฐาน “แต่ก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันแม้แต่นิดเลย”

แน่นอนว่าเขาแค่คาดเดาไปเท่านั้น ทะเลจักรวาลนั้นเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับมากมาย เขามองไปที่ปีกแสงอันน่าพิศวงจากไกลๆ

“ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับมันแน่นอนแต่ข้าจะมัวแต่วิตกกังวลกับมันไม่ได้ สิ่งที่ข้าต้องทำตอนนี้คือไปเอาสมบัตินั่นซะ”

หลัวเฟิง คุกเข่าข้างหนึ่งของเขาและวางฝ่ามือทั้งสองลงบนพื้นเพื่อที่จะยืนหยัดกับคลื่นคลั่งของการกดดันทางจิตวิญญาณทำให้มันคำรามออกมา

“แพ้ไปซะ! ไอ้เวร แพ้ไป หรือจะให้ข้าฆ่าเจ้า! ถอยออกไป!”

หลัวเฟิง กัดฟันแน่นขณะกำลังควบคุม หอคอยดวงดาว แรงกดดันทางจิตวิญญาณเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมี 2 อย่าง ขั้นแรก หอคอยดวงดาว เดินทางผ่านมันรอดไม่ก็ตายหลังจากนั้นความเจ็บปวด ระหว่างการหลอมรวมกับหอคอยไข่มุก จะเจ็บปวดอย่างมหาศาล จนถึงตอนนี้ความเจ็บปวดค่อนข้างที่จะรุนแรงแต่มันก็ไม่เป็นอะไรมากถ้าเทียบกับอันแรก

45 กิโลเมตร…40 กิโลเมตร…การกดดันทางจิตวิญญาณแพร่ไปทั่วทิศทาง และยิ่งใกล้ปีกแสงเท่าไหร่ความรุนแรงก็จะมากเท่านั้น ความรุนแรงของมันไม่ได้เพิ่มขึ้นทีละนิด แต่มันเพิ่มอย่างรวดเร็ว

36 กิโลเมตร…34 กิโลเมตร…32 กิโลเมตร…30 กิโลเมตร…28กิโลเมตร…

“อ๊า!”

หลัวเฟิง สั่นไปทั่วทั้งตัว ตาของเขาแดงก่ำ และเส้นเลือดกำลังไหลเต้นผ่านหลอดเลือด สิ่งต่างๆ รอบๆ จักรวาลรอบตัวเขาสั่นราวกับกล้ามเนื้อ เส้นเลือด และกระดูกกำลังร้องโหยหวนอย่างกับชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน

หลัวเฟิง รู้สึกได้เลยว่ามันทนไม่ได้จนเขาต้องร้องไห้ออกมา เขากัดฟัน

ความเจ็บปวดนี้!

มันเป็นการดิ้นรนที่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!

“ข้าทนมันได้! นี่ยังไม่ถึงขีดจำกัด!” หลัวเฟิง กล่าวบอกกับตัวเองให้ทนต่อความเจ็บปวด

เขาเข้าใกล้มันขึ้นเรื่อยๆ 22 กิโลเมตร…20 กิโลเมตร…18 กิโลเมตร…

หลัวเฟิง กำลังเริ่มหมดสติ หน้ามืดเป็นพักๆ แรงกดดันทางจิตวิญญาณทำให้เขาเคลิ้มหลับ ถึงกระนั้นเขาก็ทำให้มันบรรเทาลงด้วยการร้องตะโกนออกมา “เวรเอ้ย! เจ้าคิดว่าจะหลบข้าพ้นงั้นเหรอ? ฮ่าๆ ไม่ใกล้เลยสักนิด! รีบออกไปซะ และข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

“หยุดนะ!” หลัวเฟิง กัดฟันของเขาและยังไม่สามารถหยุดเสียงนี้ได้

ณ จุดความห่างที่ 16 กิโลเมตร ในที่สุดเขาก็หยุด นี่เป็นระยะห่างขีดจำกัดระหว่างการอยู่หรือตาย แต่สิ่งที่ใกล้เข้ามานั้นอันตรายมากๆ

ปีกแสงยังคงปล่อยใบมีดออกมา ทำให้มันดูเปล่งประกายเป็นปีกแสงยักษ์

ที่ระยะ 16 กิโลเมตร จากปีกแสง หอคอยดวงดาว ก็หยุดลง

ในห้องควบคุม หลัวเฟิง นั่งไขว้ขากับตาที่ปิดลง ค่อยๆ ต่อสู้กับการกดดันทางจิตวิญญาณ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ บรรเทาปรับตัวทำให้แรงกดดันทางจิตวิญญาณค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ

หลังครึ่งปี หลัวเฟิง ลืมตาขึ้น

“ภายใต้การอดกลั้น กำลังใจของข้าสามารถที่จะก้าวผ่านมันไปได้ ทำให้ข้าแกร่งขึ้น”

หลัวเฟิง ยิ้ม จากนั้นเขามองไปที่ปีกแสง

“ข้าจะวางมือของข้าลงบนปีกคู่นั้น” หลัวเฟิง กล่าวด้วยความตั้งใจ

ทันใดนั้น รอยของพลังจิตวิญญาณก็พุ่งออกมาจาก หอคอยดวงดาว

ขณะที่ปีกแสงปล่อยใบมีดออกมาตรงข้างๆ ทั้งสองฝั่ง แต่ข้างหน้า และข้างหลังกลับไม่มีใบมีดปล่อยออกมาในระยะ 10,000 กิโลเมตาราง

ปีกแสงอันใหญ่ที่กระจายใบมีดไปทั่วอวกาศ ณ ตอนนี้ ในระยะ 10,000 กิโลเมตรกลับไม่มีแม้แต่ใบมีดเดียว

“พลังศรัทธา เข้าไปใกล้ขึ้นอีก!”

หลัวเฟิง บังคับพลังจิตวิญญาณของเขาไปที่ปีกแสง

“แพ้ไปซะ!” แรงกดดันทางจิตวิญญาณของปีก พุ่งไปที่พลังจิตวิญญาณของเขา

เพล้ง!

พลังจิตวิญญาณของเขา กระจายออกไป ทุกๆ ร่องรอยของพลังจิตวิญญาณ มีรอยประทับชีวิตของตัวมันเองเช่นเดียวกับพลังทางจิตวิญญาณทั่วไป ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว มันถูกทำลายไปได้อย่างง่ายดาย

“ดูเหมือนมันน่าจะไม่เข้าท่า หอคอยดวงดาว ใหญ่ขึ้นไปอีกยาวอีก!” หลัวเฟิง บังคับจากข้างใน

“ยาวอีก!”

“ยาวอีก!”

“ยาวอีก!”

หอคอยดวงดาว ยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว และจุดยอดของมันก็ใกล้กับปีกแสงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม พลังจิตวิญญาณจาก หอคอยดวงดาว ยังอยู่ภายใต้ผลกระทบจากแรงกดดันทางจิตวิญญาณ ถึงแม้มันจะใหญ่ขึ้นก็ตาม และตรงยอดปลายกลับไม่หลงเหลือพลังจิตวิญญาณเลย

“เกี่ยวมันไว้!”

โดยธรรมชาติแล้ว หอคอยดวงดาว ขอบของมันจะสามารถยึดกับปีกได้ ขณะที่ หอคอยดวงดาว เพิ่มขนาดอย่างรวดเร็ว ระยะใกล้ขึ้นกับปีกแสงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็สามารถเกาะกับปีกแสงได้

เป้ง!

ช่วงที่ยอดของ หอคอยดวงดาว สัมผัสกับปีกแสง ก็รับรู้ถึงความรู้สึกได้ราวกับมดเดินบนภูเขาอันทรงพลัง ปีกแสงไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย!

“ข้ากำลังเดินเข้าไปหามัน แต่มันก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย?”

หลัวเฟิง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น ครั้งแรกเขานำหอคอยดวงดาว เคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ แล้วเขาก็วิ่งเข้าไปหามันในทันที

ปั้ง!

ก๊อง!

ยอดของ หอคอยดวงดาว ดันเข้าไปในปีกแสง แต่มันก็ยังคงปล่อยใบมีดออกมา พยายามพุ่งใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไร้ประโยชน์

“บ้าเอ้ย นี่มัน…นี่…!”

ตาของ หลัวเฟิง ขยายกว้าง ย้อนกลับไปเมื่อ หอคอยดวงดาว อยู่ในสงครามภายนอกขอบเขต มันเป็นสมบัติที่ไม่มีเจ้านาย ดังนั้นมันจึงไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวมันเอง และสิ่งมีชีวิตอื่นก็ไม่สามารถขยับมันได้เช่นกันเนื่องจากขนาดที่ใหญ่ของมัน

“ปีกแสงคู่นี้มันมีขนาดที่เล็ก” หลัวเฟิง กล่าว “ปีกมีขนาดเพียงแค่ 100 เมตรเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น หอคอยดวงดาว ขนาดใหญ่มากถึงหลายพันกิโลเมตรก็มิอาจทำให้มันขยับเขยื้อนได้เลยงั้นเหรอ?”

เป้ง! เป้ง! เป้ง!

หอคอยดวงดาว เหมือนกับค้อนโบราณเคาะระฆังใหญ่ มันพุ่งเข้าชนปีกแสงครั้งแล้วครั้งเล่า มันถอยออกมาแล้วพุ่งเร่งเข้าใส่เป็นพันๆ ครั้งด้วยความเร็วแสงอย่างต่อเนื่องไปที่ปีกแสง

“มันไม่ขยับเลยสักนิดจริงๆ?” หลัวเฟิง งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “ข้าต้องทำยังไง? ถ้าพลังจิตวิญญาณของข้าต้องการที่จะเข้าใกล้แต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ มันก็ไม่มีทางที่จะเอาปีกแสงมาได้เลย”

หลัวเฟิง สับสนอย่างมาก มันเป็นชิ้นของสมบัติแท้จริงชั้นยอด ที่ห่างออกไปเพียง 16 กิโลเมตรซึ่งปล่อยพลังออกมาอย่างไม่สิ้นสุด

เวลาผ่านไปทุกๆ วันพร้อมกับความคิดของ หลัวเฟิง ในการหาวิธี แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม หลัวเฟิง ก็ไม่ยอมแพ้ เพราะมันคือสมบัติแท้จริงชั้นยอด หลัวเฟิง ย้ำกับตัวเองถึงการต่อสู้แย่งชิง หอคอยดวงดาว ของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถครอบครองมันได้

ราวกับกะพริบตา ช่วงเวลาก็ผ่านไปแล้ว 9 วัน

“ไอ้เวร, ยอมแพ้ไปซะ! มันไม่มีทางที่เจ้าจะครอบครองมันได้หรอกยอมแพ้ซะ! อย่าฝืนชะตาเลย”

แรงกดดันทางจิตวิญญาณ ไม่เคยหยุด ไม่ให้มีแม้แต่ช่องว่าง แต่ หลัวเฟิง ชินกับผลการกดดันนั้นแล้ว

ทันใดนั้น…คลื่นก็แผ่ออกมาจากปีกแสงจู่ก็พุ่งเข้าไปใน หอคอยดวงดาว และเข้าไปในจิตของ หลัวเฟิง

“มนุษย์” เสียงลึกลับ กล่าว

หลัวเฟิง นั่งไขว้ ตามองขึ้น รู้สึกถึงแรงจิตที่ต่างจากอันแรก “เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าคือจิตวิญญาณของปีกสมบัติแท้จริง” เสียงปริศนากล่าว

หลัวเฟิง ถึงกับถอยออกเล็กน้อยด้วยความตะลึง มันเหมือนกับ หอคอยดวงดาว ที่มีจิตวิญญาณเป็นของตนเองเช่นกัน ถึงแม้ความฉลาดจะต่ำก็ตาม มันเหมือนกับเด็ก แต่สำหรับปีกคู่นี้ดูเหมือนมันจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่า

“ข้าไม่ได้คาดหวังกับสิ่งนี้” เสียงปริศนา กล่าว “ที่จริงแล้วข้ามีส่วนประกอบข้างนอกโลกนี้”

“เจ้าไม่ได้คาดหวังที่จะ…?” หลัวเฟิง ตะลึง

“ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเข้าร่วมกับเจ้านายข้าในสงครามที่ๆ เขาถูกกำจัดทิ้งไป” เสียงปริศนา อธิบาย “ปีกของเขาได้รับความเสียหายและจิตวิญญาณของปีกก็ถูกทำลายไปพร้อมกัน ข้าเป็นจิตวิญญาณที่เกิดใหม่ ดังนั้นข้าจึงจดจำสงครามครั้งก่อนได้เพียงน้อยนิด ข้าจำได้ว่าข้าพัดหนีไปจากศัตรูของเรา ส่วนที่เหลือนั้นลืมไปหมดแล้ว ตั้งแต่เกิดขึ้นมา ข้าก็มาอยู่นี่ ข้าคิดว่าข้าเป็นสิ่งหลงเหลือเพียงลำพัง แต่มันดูเหมือนจะมีคู่ของปีกอีกอันหนึ่ง แม้ว่าข้าจะเป็นตัวหลักแต่อีกอันหนึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของข้าเช่นเดียวกัน”

หลัวเฟิง รู้สึกตกใจเงียบๆ การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่งั้นเหรอ?

ปีกที่ได้รับความเสียหายกับจิตวิญญาณที่ถูกทำลายไป…?

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ้านายคนเก่าของเจ้าถูกกำจัด?” หลัวเฟิง อดไม่ได้ที่จะถาม

“ข้าเป็นของที่ไม่มีเจ้านาย เพราะเจ้านายข้าถูกกำจัดไปแล้ว” จิตวิญญาณปีกได้ กล่าว “มนุษย์เอ๋ย ข้าโดนกักขังอยู่ที่นี่มานับปีไม่ถ้วน ข้าต้องการที่จะออกไป แต่…ข้าทำไมได้ ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

“ช่วยเหลือ?” หลัวเฟิง ถาม “ข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไร?”

“มันมีรอยเลือด 4 จุดบนปีกของข้า” จิตวิญญาณปีกเริ่มบอก “ข้างในเลือดนั้น จะมีพลังและแรงกดดันทางจิตวิญญาณที่น่ากลัว เป็นเวลาเนิ่นนานแล้วที่ข้าพยายามจะทำลายมัน ข้าทำได้แค่ขจัดมันไป 1 ส่วน มี 3 ส่วนที่ยังคงเหลือ ถ้าสามารถลบล้างมันได้ ข้าก็จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของข้าออกมาได้ เจ้าเห็นแผลบนปีกนั่นไหม?”

“ข้าเห็น” หลัวเฟิง ตอบ

“ข้าได้รับบาดเจ็บ การขจัดรอยเลือดออกมันยาก ข้าต้องการสมบัติแท้จริงบางอย่างเพื่อจะกลืนมันลงไปทำให้ข้าฟื้นฟูตัวเองใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า ถ้าเจ้าสามารถหาสมบัติแท้จริงให้ข้าได้เพียงพอต่อการฟื้นฟู ข้าก็จะเต็มใจที่จะนับเจ้าเป็นผู้ครอบครองของข้า แต่จำไว้ให้ขึ้นใจเลยว่าข้ามีข้อเรียกร้องที่เข้มงวดเมื่อกลายไปเป็นสมบัติของใคร”

“หนึ่ง เจ้าต้องมียีนชีวิตที่สมบูรณ์ สอง จิตใจของเจ้าต้องแข็งแกร่งเพียงพอ ถ้าเจ้าเป็นนักสู้อมตะ จิตใจเจ้าก็เปรียบเหมือนอัศวินอวกาศ ถ้าเจ้าเป็นอัศวินอวกาศ จิตใจของเจ้าก็จะเปรียบเหมือนเจ้าแห่งจักรวาล ถ้าเจ้าเป็นเจ้าแห่งจักรวาล จิตใจเจ้าเป็นเปรียบเหมือน เจ้าแห่งจักรวาลชั้นยอด ช่างน่าเศร้า ข้าเห็นจิตใจของเจ้าอยู่ในระดับแค่เจ้าแห่งจักรวาล เท่านั้น เจ้ายังจำเป็นต้องพัฒนาและเพิ่มระดับอีกไกล”

การฟังเสียงของจิตวิญญาณปีก ทำให้ หลัวเฟิง สงบลงแต่ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมา

มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง เขาเริ่มตระหนัก หลัวเฟิงรู้ว่า มันกำลังโกหกเขา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version